เราจะรู้ได้ยังไงว่าควรให้ PEที่เหมาะสมเท่าไหร่ดี
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 22, 2022 1:13 pm
เราจะรู้ได้ยังไงว่าควรให้ PEที่เหมาะสมเท่าไหร่ดี
อะไรที่ส่งผลต่อ PEของหุ้น
1. การเติบโตของหุ้น
- %การเติบโตหุ้นไหนเติบโตมาก Pe ก็จะสูงตาม
- บริษัทไหนที่มีความสามารถในการเติบโตในระยะยาว (ทบต้นไปเรื่อยๆ)
เช่นกลุ่ม ค้าปลีก โรงพยาบาล ประกันชีวิต
2.ภาพใหญ่ ของTrend พฤติกรรมผู้บริโภค และสัสส่วนการใช้จ่าต่อ GDP
ทุกๆเหตุการณที่เกิดขึ้นในภาพใหญ๋จะมีผู้ที่ได้และเสียประโยชน์เสมอ
3. การเติบโตและส่วนแบ่งทางการตลาดมี 2 แบบที่น่าลงทุน
4. PE จะสูงขึ้นอยู่กับคุณภาพของEPS
1.ความสมพาเสมอ
- กำไรตลอดไม่ใช่บางไตรมาส กำไรบ้างขาดทุนบ้าง
สิ่งนี้มันสะท้อนให้เห็น การบริหารและการกระจายความเสี่ยงของบริษัท
2.ปัจจัยที่ส่งผลกับธุรกิจ
ตัวอย่าง กลุ่มโรงแรม ถ้าการเมืองไม่สงบ มีสึนา มีโรคระบาด
ถ้าโรมแรมไม่ได้มีการกระจายความเสียงไปยังธุรกิจอื่นด้วยก็เรียกมีความเสี่ยงที่ธุรกิจอาจจะขาดทุนหรือกำไรลดลงจากอัตราเข้าพักที่ตํ่าลง
กลุ่มโรงแรมที่มีการทำ QSR(Quick service restaurant) จะได้ PEที่สูงกว่า
3.EPS ที่มีคุณภาพควจะใหล้เคียงกับ CFO per share
ปัจจัยที่มีผลต่อ CFO (งบกระแสเงินสด จากกิจกรรมดำเนินงาน)
ค่าเสื่อมราคา
- สินทรัพย์ถาวรจะมีการคิดค่าเสื่อมราคาเป็นเงินสดอยู่ในกระแสเงินสดจากการดำเนินการ
- บริษัทที่ตัดค่าเสื่อมเร็วเวลาดูmargin ในงบกำรขาดทุนน้อยกว่าบริษัทที่คิดค่าเสื่อมนานกว่า
ถ้ากำไรใกล้เคียงกันบริษัทที่คิดค่าเสื่อมเร็วจะมี Cashflow มากกว่า
การขายเงินสด/เงินเชื่อ
ขายของเก็บเงินสด = สภาพคล่องสูง
เงินเชื่อ = ต้องมีทุนผลิตเพิ่มกว่าจะได้เงิน
- เสียงไม่ได้เงิน(หนี้เสีย)
เครดิตจากเจ้าหนี้การค้า
บริษัทเอาของมาขายก่อนแล้วค่อยจ่ายเงิน
-ดูว่าบริษัทได้เครดิตกี่วัน/ให้เครดิตลูกหนี้กี่วัน
Ex. กลุ่มค้าปลีกได้รับเครดิตพวกนี้กระแสเงินสดมาก PE เลยสูงกว่า
การใช้เงินลงทุน
ถ้าใช้เงินลงทุนสูง = การจ่ายปันผลน้อย
ถ้าหนี้สูงด้วย = ความเสี่ยงที่จะเพิ่มทุน
(การเพิ่มทุนทำให้EPSลดลงแม้กำไรเท่าเดิม)
อะไรที่ส่งผลต่อ PEของหุ้น
1. การเติบโตของหุ้น
- %การเติบโตหุ้นไหนเติบโตมาก Pe ก็จะสูงตาม
- บริษัทไหนที่มีความสามารถในการเติบโตในระยะยาว (ทบต้นไปเรื่อยๆ)
เช่นกลุ่ม ค้าปลีก โรงพยาบาล ประกันชีวิต
2.ภาพใหญ่ ของTrend พฤติกรรมผู้บริโภค และสัสส่วนการใช้จ่าต่อ GDP
ทุกๆเหตุการณที่เกิดขึ้นในภาพใหญ๋จะมีผู้ที่ได้และเสียประโยชน์เสมอ
3. การเติบโตและส่วนแบ่งทางการตลาดมี 2 แบบที่น่าลงทุน
4. PE จะสูงขึ้นอยู่กับคุณภาพของEPS
1.ความสมพาเสมอ
- กำไรตลอดไม่ใช่บางไตรมาส กำไรบ้างขาดทุนบ้าง
สิ่งนี้มันสะท้อนให้เห็น การบริหารและการกระจายความเสี่ยงของบริษัท
2.ปัจจัยที่ส่งผลกับธุรกิจ
ตัวอย่าง กลุ่มโรงแรม ถ้าการเมืองไม่สงบ มีสึนา มีโรคระบาด
ถ้าโรมแรมไม่ได้มีการกระจายความเสียงไปยังธุรกิจอื่นด้วยก็เรียกมีความเสี่ยงที่ธุรกิจอาจจะขาดทุนหรือกำไรลดลงจากอัตราเข้าพักที่ตํ่าลง
กลุ่มโรงแรมที่มีการทำ QSR(Quick service restaurant) จะได้ PEที่สูงกว่า
3.EPS ที่มีคุณภาพควจะใหล้เคียงกับ CFO per share
ปัจจัยที่มีผลต่อ CFO (งบกระแสเงินสด จากกิจกรรมดำเนินงาน)
ค่าเสื่อมราคา
- สินทรัพย์ถาวรจะมีการคิดค่าเสื่อมราคาเป็นเงินสดอยู่ในกระแสเงินสดจากการดำเนินการ
- บริษัทที่ตัดค่าเสื่อมเร็วเวลาดูmargin ในงบกำรขาดทุนน้อยกว่าบริษัทที่คิดค่าเสื่อมนานกว่า
ถ้ากำไรใกล้เคียงกันบริษัทที่คิดค่าเสื่อมเร็วจะมี Cashflow มากกว่า
การขายเงินสด/เงินเชื่อ
ขายของเก็บเงินสด = สภาพคล่องสูง
เงินเชื่อ = ต้องมีทุนผลิตเพิ่มกว่าจะได้เงิน
- เสียงไม่ได้เงิน(หนี้เสีย)
เครดิตจากเจ้าหนี้การค้า
บริษัทเอาของมาขายก่อนแล้วค่อยจ่ายเงิน
-ดูว่าบริษัทได้เครดิตกี่วัน/ให้เครดิตลูกหนี้กี่วัน
Ex. กลุ่มค้าปลีกได้รับเครดิตพวกนี้กระแสเงินสดมาก PE เลยสูงกว่า
การใช้เงินลงทุน
ถ้าใช้เงินลงทุนสูง = การจ่ายปันผลน้อย
ถ้าหนี้สูงด้วย = ความเสี่ยงที่จะเพิ่มทุน
(การเพิ่มทุนทำให้EPSลดลงแม้กำไรเท่าเดิม)