Investment outlook 2023 by วิน พรหมแพทย์
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 28, 2023 10:01 am
สัมมนา Investment Outlook 2023 โดย คุณ วิน พรหมแพทย์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าHigh Network
ธนาคารกรุงศรีอยุทธยา จำกัด มหาชน
Review 2022
ตราสารหนี้และหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ซึ่งจะเกิดไม่บ่อย
ล่าสุดเคยเกิดเมื่อ20ปีก่อน
แต่ถึงจะอยู่ในช่วงBear Market , S&P500 ยังมีMini Rally หลายครั้งให้ซื้อและขาย
ทำให้ทำกำไรได้ในระหว่างปี
จากเหตุการณ์ในอดีต เช่น ปี2008 (Hamberger Crisis) ,2018(FEDขึ้นดอกเบี้ย),2022
มาจากการขึ้นดอกเบี้ยของFED ปีที่เกิดเหตุ สินทรัพย์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง
และปีถัดมาก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้แต่รอบล่าสุด ปีนี้ก็เริ่มปรับตัวขึ้นแล้ว
สรุปบทเรียนจากวิกฤต
1.Angels can fall from heaven นางฟ้าตกสวรรค์
ต้องระวังว่าอะไรที่ดีเกินไป อาจไม่ยั่งยืน เช่น กองทุนARK ปี2020 ปรับตัวขึ้นเกือบเท่าตัว
แต่พอปีต่อมาก็ปรับลงแรง ตอนนี้ยังกลับมาไม่ถึงจุดเดิมเลย แต่ถ้าถือกองจีน CSI300
ถือ3ปี ราคากลับมาที่เดิมแล้ว
2.Avoid Taking too much Risk
Jesse L.Livermore แนะนำให้จำกัดวงเงินลงทุนในส่วนที่เสี่ยงสูง
เงินของเราต้องดูแลให้ดี อย่าเสี่ยงมากเกินไป
เวลาพอร์ตติดลบ50% เราต้องทำผลตอบแทน100%ถึงจะกลับมาที่ทุน
3.Stay Diversified ต้องกระจายความเสี่ยง
ตัวอย่างหุ้นตลาดเกิดใหม่ บางปีอยู่อันดับท้ายสุดในเรื่องผลตอบแทน เช่นปี2008,2011,2018,2021
บางปีอยู่อันดับแรก เช่นปี2009,2017, ซึ่งผันผวนมาก ถ้านับย้อนหลัง15ปี สูงเป็นอันดับสามเลย
แต่ถ้ามีการจัดport asset allocation ผลตอบแทนจะอยู่ระดับกลาง ผันผวนน้อย ย้อนหลัง15ปี
อยู่อันดับ4 แต่ความผันผวนน้อยมาก
4. In Extreme Fear,We Buy ตลาดหุ้นจะสะท้อนเศรษฐกิจ
โอกาศการลงทุนที่ดีที่สุดคือ วันที่ตลาดเต็มไปด้วยความกลัว และ คนส่วนใหญ่พร้อมใจกันเทขายหุ้น
5.Private Asset for Peace of Mind
สินทรัพย์ทางเลือกกลุ่ม Private เป็นทางเลือกที่ดีในยามที่ตลาดหุ้นผันผวน ปีที่แล้วได้ผลตอบแทนเป็นบวก
Macroeconomic Outlook: Global Economy
ทางกรุงศรีคาดเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มโตช้ากว่าที่คาดไว้ และความเสี่ยงที่จะเกิดRecession สูงขึ้น
ในUS,EU มีการปรับตัวเลขGDPลดลงในปีนี้
ส่วนเศรษฐกิจไทยปีนี้ มีการปรับPrivate consumption expenditureสูงขึ้น
และตัวเลขนักท่องเที่ยวปรับเพิ่มเป็น 25-28ล้านคน จากการเปิดประเทศของจีน
ส่วนเรื่องเงินเฟ้อ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง และ ความเสี่ยงเรื่อง เศรษฐกิจถดถอยในUSสูงขึ้น
กรุงศรีมองว่าน่าจะเป็น Soft Landing
PIMCO มองการลงทุนตราสารหนี้วันนี้ อัตราผลตอบแทนตั้งต้นสูงกว่าปี2022 ประมาณ2เท่า
แนะนำให้เพิ่มน้ำหนัก โดยมีจุดน่าสนใจคือ 10Y US treasury Yield 3.5%-4% เพราะ
ซื้อราคาถูก และ มีโอกาสที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ส่วนตลาดหุ้น S&P500 จุดเข้าน่าจะอยู่ที่3,600-3,700 จุด
ทอง ปรับตัวขึ้นเร็วจาก 1700 ไปที่ 1900 ดังนั้น ใครถืออยู่ ถือต่อ
แต่ถ้าจะเข้า ให้ชะลอไว้ก่อน ส่วนตลาดหุ้นไทยมองจังหวะซื้อที่ 1,580-1,640 จุด
REITs ช่วงนี้น่าสนใจ Yield Global Reits 4.5% และมีโอกาสได้ผลตอบแทน 10.7%
จากสถิติ ในช่วงเงินเฟ้อสูงและเริ่มปรับลง
ส่วนค่าเงิน ปีที่แล้วระหว่างปี เราอ่อนเกือบสุดในเอเซีย แต่ปลายปีกลับแข็งค่าเกือบสุดในเอเซีย
ดังนั้นซื้อกองทุนเลือกที่Hedgeค่าเงินดีกว่า
Flagship Fund: ที่กรุงศรีแนะนำ
KS-CSINCOM,KFCORE,KFGBRAND,KFESG,K-change
การจัดพอร์ต
Core Port ถือยาว ไม่ต่ำกว่า 80% ส่วนสินทรัพย์ ขึ้นกับความเสี่ยงของแต่ละคน
Satellite Port ไม่เกิน 20% ลงทุนใน จีนและเวียดนาม
ลงในsector fund : Healthcare , Cyber
Thematic : KFGG,KFCLIMA
Alternative : KFOil,KFHGOLD,Crypto assets
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าHigh Network
ธนาคารกรุงศรีอยุทธยา จำกัด มหาชน
Review 2022
ตราสารหนี้และหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ซึ่งจะเกิดไม่บ่อย
ล่าสุดเคยเกิดเมื่อ20ปีก่อน
แต่ถึงจะอยู่ในช่วงBear Market , S&P500 ยังมีMini Rally หลายครั้งให้ซื้อและขาย
ทำให้ทำกำไรได้ในระหว่างปี
จากเหตุการณ์ในอดีต เช่น ปี2008 (Hamberger Crisis) ,2018(FEDขึ้นดอกเบี้ย),2022
มาจากการขึ้นดอกเบี้ยของFED ปีที่เกิดเหตุ สินทรัพย์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง
และปีถัดมาก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้แต่รอบล่าสุด ปีนี้ก็เริ่มปรับตัวขึ้นแล้ว
สรุปบทเรียนจากวิกฤต
1.Angels can fall from heaven นางฟ้าตกสวรรค์
ต้องระวังว่าอะไรที่ดีเกินไป อาจไม่ยั่งยืน เช่น กองทุนARK ปี2020 ปรับตัวขึ้นเกือบเท่าตัว
แต่พอปีต่อมาก็ปรับลงแรง ตอนนี้ยังกลับมาไม่ถึงจุดเดิมเลย แต่ถ้าถือกองจีน CSI300
ถือ3ปี ราคากลับมาที่เดิมแล้ว
2.Avoid Taking too much Risk
Jesse L.Livermore แนะนำให้จำกัดวงเงินลงทุนในส่วนที่เสี่ยงสูง
เงินของเราต้องดูแลให้ดี อย่าเสี่ยงมากเกินไป
เวลาพอร์ตติดลบ50% เราต้องทำผลตอบแทน100%ถึงจะกลับมาที่ทุน
3.Stay Diversified ต้องกระจายความเสี่ยง
ตัวอย่างหุ้นตลาดเกิดใหม่ บางปีอยู่อันดับท้ายสุดในเรื่องผลตอบแทน เช่นปี2008,2011,2018,2021
บางปีอยู่อันดับแรก เช่นปี2009,2017, ซึ่งผันผวนมาก ถ้านับย้อนหลัง15ปี สูงเป็นอันดับสามเลย
แต่ถ้ามีการจัดport asset allocation ผลตอบแทนจะอยู่ระดับกลาง ผันผวนน้อย ย้อนหลัง15ปี
อยู่อันดับ4 แต่ความผันผวนน้อยมาก
4. In Extreme Fear,We Buy ตลาดหุ้นจะสะท้อนเศรษฐกิจ
โอกาศการลงทุนที่ดีที่สุดคือ วันที่ตลาดเต็มไปด้วยความกลัว และ คนส่วนใหญ่พร้อมใจกันเทขายหุ้น
5.Private Asset for Peace of Mind
สินทรัพย์ทางเลือกกลุ่ม Private เป็นทางเลือกที่ดีในยามที่ตลาดหุ้นผันผวน ปีที่แล้วได้ผลตอบแทนเป็นบวก
Macroeconomic Outlook: Global Economy
ทางกรุงศรีคาดเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มโตช้ากว่าที่คาดไว้ และความเสี่ยงที่จะเกิดRecession สูงขึ้น
ในUS,EU มีการปรับตัวเลขGDPลดลงในปีนี้
ส่วนเศรษฐกิจไทยปีนี้ มีการปรับPrivate consumption expenditureสูงขึ้น
และตัวเลขนักท่องเที่ยวปรับเพิ่มเป็น 25-28ล้านคน จากการเปิดประเทศของจีน
ส่วนเรื่องเงินเฟ้อ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง และ ความเสี่ยงเรื่อง เศรษฐกิจถดถอยในUSสูงขึ้น
กรุงศรีมองว่าน่าจะเป็น Soft Landing
PIMCO มองการลงทุนตราสารหนี้วันนี้ อัตราผลตอบแทนตั้งต้นสูงกว่าปี2022 ประมาณ2เท่า
แนะนำให้เพิ่มน้ำหนัก โดยมีจุดน่าสนใจคือ 10Y US treasury Yield 3.5%-4% เพราะ
ซื้อราคาถูก และ มีโอกาสที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ส่วนตลาดหุ้น S&P500 จุดเข้าน่าจะอยู่ที่3,600-3,700 จุด
ทอง ปรับตัวขึ้นเร็วจาก 1700 ไปที่ 1900 ดังนั้น ใครถืออยู่ ถือต่อ
แต่ถ้าจะเข้า ให้ชะลอไว้ก่อน ส่วนตลาดหุ้นไทยมองจังหวะซื้อที่ 1,580-1,640 จุด
REITs ช่วงนี้น่าสนใจ Yield Global Reits 4.5% และมีโอกาสได้ผลตอบแทน 10.7%
จากสถิติ ในช่วงเงินเฟ้อสูงและเริ่มปรับลง
ส่วนค่าเงิน ปีที่แล้วระหว่างปี เราอ่อนเกือบสุดในเอเซีย แต่ปลายปีกลับแข็งค่าเกือบสุดในเอเซีย
ดังนั้นซื้อกองทุนเลือกที่Hedgeค่าเงินดีกว่า
Flagship Fund: ที่กรุงศรีแนะนำ
KS-CSINCOM,KFCORE,KFGBRAND,KFESG,K-change
การจัดพอร์ต
Core Port ถือยาว ไม่ต่ำกว่า 80% ส่วนสินทรัพย์ ขึ้นกับความเสี่ยงของแต่ละคน
Satellite Port ไม่เกิน 20% ลงทุนใน จีนและเวียดนาม
ลงในsector fund : Healthcare , Cyber
Thematic : KFGG,KFCLIMA
Alternative : KFOil,KFHGOLD,Crypto assets