Strategic asset allocation & Tactical asset allocation ในช่วงตลาดผันผวนทำอย่างไร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
Strategic asset allocation & Tactical asset allocation ในช่วงตลาดผันผวนทำอย่างไร
โพสต์ที่ 1
โดย
คุณ วิน พรหมแพทย์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าHigh Network
ธนาคารกรุงศรีอยุทธยา จำกัด มหาชน
คุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์
ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ กรุงศรี
คุณวิน กล่าวถึง Pain Point ของคนทำงาน ว่าไม่มีเวลาในการจัดพอร์ต เลือกสินทรัพย์ด้วยตัวเอง
ดังนั้นทางกลุ่มกรุงศรี มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน มาทำงานด้วยกัน เรียกว่า One Krungsri Investment view
มาทำงานและประชุมเดือนละครั้ง เอาviewมาแชร์กัน ทำเป็นรายงานส่งให้ลูกค้ารายสัปดาห์จนถึงรายไตรมาส
และมารายงานกันตอนเช้า ทีมเรียกง่ายๆว่า Avenger ประกอบไปด้วย
ธนาคารกรุงศรี : Krungsri Research เป็นหัวหน้าทีม
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ เชี่ยวชาญเรื่องเกี่ยวกับค่าเงิน คอยให้มุมมองค่าเงิน เวลาต่างชาติเข้าออก
Krungsri Investment Intelligence office(IIO) เชี่ยวชาญตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะตราสารหนี้ต่างประเทศ
+ KSAM(บลจ กรุงศรี โดย คุณศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน) เป็นผู้พิจารณาในการลงทุน
+KSS(บล กรุงศรี คุณอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวิเคราะห์หลักทรัพย์) ซึ่งจะเชี่ยวชาญ
ในตลาดตราสารทุน
โดยร่วมมือกับBlackRock ซึ่งเป็นสถาบันลงทุนที่ใหญ่สุดในต่างประเทศมาให้คำแนะนำด้วย
โครงสร้างการลงทุนที่ผสานจุดแข็งของกลุ่มกรุงศรี โดย
ที่ปรึกษาการลงทุน ของ กรุงศรีกรุ๊ป จะให้คำแนะนำและมุมมองการจัดพอร์ตการลงทุน
ให้กับผู้จัดการกองทุน บลจ กรุงศรี ซึ่งจะเป็นผู้บริหารกองทุน KF The one
ประกอบไปด้วย KF1MILD ความเสี่ยงต่ำ
KF1MEAN ความเสี่ยงปานกลาง
KF1MAX ความเสี่ยงสูง
โดยการกระจายการลงทุนในกองทุน/สินทรัพย์ต่างๆ
คำแนะนำจากOne Krungsri Investment Team(Avenger Team) เป็นเรื่องสัดส่วนในการลงทุนโดย
การจัดพอร์ต Strategic Asset Allocation(SAA) ซึ่งมีระยะเวลาลงทุน5-7ปี นั้นหลังจากออกแบบพอร์ต
มาแล้วตามก็จะมีการทบทวนกันปีละครั้ง เป็นการจัดพอร์ตตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของลูกค้า
โดยพอร์ตที่เสี่ยงน้อย(Conservative) ก็จะมีสินทรัพย์เสี่ยงน้อย
เช่น Equity,Alternative แต่มีตราสารหนี้ในสัดส่วนที่เยอะเช่นMoney market 20%,Fixed Income 50%
ส่วนพอร์ตที่เสี่ยงมาก(Aggressive) จะมีสินทรัพย์เสี่ยงเยอะ เช่น หุ้น 73% ,สินทรัพย์ทางเลือก 7%
แต่มีสินทรัพย์เสี่ยงน้อย ตราสารหนี้รวมแค่ 20%
Tactical Asset Allocation(TAA) เป็นการปรับกลยุทธ์ระยะสั้นถึงกลาง
เป็นการปรับสัดส่วนที่เราตั้งไว้ตามStrategic Asset Allocationให้ต่างจากเดิมเล็กน้อย
(ตามหลักการแล้ว วัตถุประสงค์ในการทำTAA คือ
1.ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
2.ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายใหญ่
3.เพิ่มผลตอบแทนให้ดีขึ้นกว่าการอยู่เฉยๆ
4.ให้ใจ ที่โลภและกลัว ได้ผ่อนคลายบ้าง)
Avenger Team จะมีการreview ทุกเดือน จะพิจารณาว่าชอบตลาดไหน
และจะแนะนำให้ปรับสัดส่วนในแต่ละสินทรัพย์เช่น Money Market,Fix Income,Equity,Alternative
ตัวอย่างในสไลด์ เช่น หลังจากประชุมร่วมกัน ก็มีคำแนะนำออกมาว่า พอร์ต Moderate ความเสี่ยงปานกลาง
Money Market ลดน้ำหนักจาก 10% เหลือ 8%
Fixed Income : Local น้ำหนัก 30%เท่าเดิม
แต่ Global Fixed Income เพิ่มน้ำหนักจาก 10% เป็น 11%
Equity : Local ให้เพิ่มน้ำหนัก จาก 25% เป็น 26% แต่คงน้ำหนักหุ้นโลกที่ 20%
ส่วนสินทรัพย์ทางเลือกให้น้ำหนัก 5%เท่าเดิม
จะเห็นได้ว่า สัดส่วนที่กำหนดตั้งแต่แรก ของSAA มีการปรับสัดส่วนในแต่ละสินทรัพย์
ให้ต่างไปจากเดิม แต่ไม่มากนัก เพื่อตอบรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
พอผ่านไปอีกเดือน ก็มาประเมินใหม่
เรามีกองทุนที่คัดสรรมาจาก10บลจ ประมาณ 300 กองทุน โดยมี2stepในการคัดเลือก
Step1 Screening
-Morning star Rating 3+up กองทุนที่คัดออกมาจะมีสามดาวขึ้นไป
-Morning star sustainability rating 3+up ดูเพิ่มเติมในเรื่องความยั่งยืนและรักษ์โลก
Step2
- Fund Performance ดูคุณภาพในอดีต 1ปี,3ปี,5ปี
- Fee ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ
- Risk/Reward ดูเรื่องผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยง
- Sharpe Ratio, Max DD,Tracking error etc
กองทุนในกลุ่มพิจารณาลงทุน เหลือ 50+กองทุน อยู่ใน Investment Universe
คณะกรรมการคัดเลือกกองทุนในกลุ่มพิจารณาลงทุนในแต่ละเดือน (SAA) โดยดูจาก
ปัจจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เช่นผลตอบแทน ความผันผวน กลยุทธ์การลงทุน ทีมการลงทุน
คณะกรรมการคัดเลือกกองทุนที่ผ่านเกณฑ์ เพื่อเลือก จนเหลือกองทุนให้พิจารณาประมาณ 10-15ลงทุน
ที่ให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนให้มากที่สุด
(จากหัวข้อนี้ แอบกังวลว่าจะมีสับเปลี่ยนกองทุนบ่อยก็อาจเสียค่าธรรมเนียมการขายเยอะ
ได้สอบถามคุณวิน หลังจบงาน พบว่า กองที่เลือกมา ส่วนใหญ่จะoffer frontend feeต่ำกว่าปกติ
และถ้ากองมีขนาดใหญ่พอ อาจไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ลง)
กรอบและกลยุทธ์การลงทุน
-สินทรัพย์ ตราสารตลาดเงิน , ตราสารหนี้ ,หุ้น และ สินทรัพย์ทางเลือก
-การลงทุนในต่างประเทศ สัดส่วนไม่เกิน 79%ของกองทุน
-ภูมิภาคที่ลงทุน ทั่วโลกขึ้นกับมุมมองและดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
-ปรับพอร์ตรายเดือน
การลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน
1.เพื่อรักษาสภาพคล่องในกองทุน โดยไปลงในกองทุนตลาดเงิน
2.เพิ่มเสถียรภาพ โอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ
3.เพื่อการสร้างผลตอบแทนและศักยภาพการเติบโต ด้วยการลงทุนในกองหุ้นในและต่างประเทศ
4.เพื่อกระจายความเสี่ยง เพิ่มทางเลือกการลงทุน ในกองสินทรัพย์ทางเลือกเช่น Reits,Gold
Macroeconomic Outlook: Global Economy
ทางกรุงศรีคาดเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มโตช้ากว่าที่คาดไว้ และความเสี่ยงที่จะเกิดRecession สูงขึ้น
ในUS,EU มีการปรับตัวเลขGDPลดลงในปีนี้
ส่วนเศรษฐกิจไทยปีนี้ มีการปรับPrivate consumption expenditureสูงขึ้น
และตัวเลขนักท่องเที่ยวปรับเพิ่มเป็น 25-28ล้านคน จากการเปิดประเทศของจีน
ตัวเลขการส่งออกลดลง 0.5% จากเศรษฐกิจถดถอยในUS,EU
ส่วนเรื่องเงินเฟ้อ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง และ ความเสี่ยงเรื่อง เศรษฐกิจถดถอยในUSสูงขึ้น
กรุงศรีมองว่าน่าจะเป็น Soft Landing
BlackRock มองการลงทุนตราสารหนี้โลกวันนี้ อัตราผลตอบแทนตั้งต้นสูงกว่าปี2022 ประมาณ2เท่า
แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักตราสารหนี้โลก โดยมีจุดน่าสนใจคือ 10Y US treasury Yield 3.5%-4% เพราะ
ซื้อราคาถูก และ มีโอกาสที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
Investment Outlook : Global Equity
หุ้นโลกย้อนไป25ปี มีจังหวะหมี กระทิงหลายรอบ
ส่วนตลาดหุ้น S&P500 ปีที่แล้ว ดัชนีต้นปี 4100จุดลงเหลือ 3,800จุด
PE ปรับลดจาก 21เท่าเหลือ 17เท่า
ปีนี้มองว่า ครึ่งปีแรก ตลาดSide way กังวลเศรษฐกิจถดถอย ยิ่งเศรษฐกิจแย่ กำไรบริษัทจดทะเบียน
จะแย่ตามไป เชื่อว่ามีจังหวะทำกำไรได้บ้าง
Buy on Dip และขายออกทำกำไรเมื่อราคาวิ่งกลับมา พอFEDขึ้นดอกเบี้ยในQ2สุดทาง
ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น
ส่วนครึ่งปีหลัง เพิ่มน้ำหนักของหุ้น แต่อาจไม่แน่ มาเร็วกว่าที่คาด ดังนั้นทีมงานจะคุยไปเรื่อยๆ
และ สื่อไปทางKSAMว่าควรทำอย่างไร
แนะนำจุดที่น่าเข้า S&P500 น่าจะอยู่ที่3,600-3,700 จุด
Investment Outlook: Gold
ทอง ปรับตัวขึ้นเร็วจาก 1700 ไปที่ 1900 ดังนั้น ใครถืออยู่ ถือต่อ
แต่ถ้าจะเข้า ให้ชะลอไว้ก่อน รอแถว 1730-1800 $
Investment Outlook : Thai Equity
ส่วนตลาดหุ้นไทย มีreopening , ท่องเที่ยวมา ฝรั่งซื้อเฉพาะเดือนมค เท่ากับปี2565ทั้งปี
เปิด 1,700 จุด ขึ้นมาแรงไปหน่อย ให้ถือไปก่อน หาจังหวะเพิ่มตอนดัชนีย่อ
มองจังหวะเพิ่มน้ำหนักที่ 1,580-1,640 จุด
Investment Outlook: FX
ปีที่แล้วเงินบาทสวิงมากๆ จาก 33 ไป 38บาท ซึ่งแข็งค่าเกือบสุดในภูมิภาค
แต่พอเข้าQ4 เงินบาทแข็งเร็วมาก เป็น 34 บาทเกือบTop
One Krungsri Investment View: Tactical Allocation for 1H2023
1.Money Market : Slightly OW
2.Local Fixed Income : Neutral
3.Global Fixed Income: Slightly OW
4.Local Equity : Slightly OW
5.Global Equity : Neutral
6.Alternative : Neutral
กองทุนที่IPO มีสามกอง แบ่งตามความเสี่ยง
1.KF1MILD สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ (Return 2-4%,Risk 3-4%)
Port ตราสารหนี้ 60-85%, หุ้น 15-35%, สินทรัพย์ทางเลือก 0-10%
2.KF1MEAN สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง(Return 4-6%,Risk 5-7%)
Port ตราสารหนี้ 35-65%, หุ้น 30-60%, สินทรัพย์ทางเลือก 0-10%
3.KF1MAX สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง(Return 7-9%,Risk 9-12%)
Port ตราสารหนี้ 15-40%, หุ้น 50-80%, สินทรัพย์ทางเลือก 0-10%
ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน แต่ละแบบตั้งแต่ 0.535%-1.3375%
ส่วนFront end Fee ช่วงIPO 0.25% เอง ถ้าใครสนใจ ก็เข้าตอนipoได้ครับ
ถ้าลงทุนหลังจากนั้นจะเสีย 0.5%