สรุปความรู้งาน Meeting VI ภาคใต้ 5 Mar 23
โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 08, 2023 11:52 pm
เนื่องด้วยมีโอกาสร่วมงาน มีตติ้งวีไอภาคใต้ ไตรมาส 4/2565 ที่ผ่านมา จึงอยากจะสรุปความรู้ที่ได้จากงานครั้งนี้บางส่วนเผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนนักลงทุนท่านอื่นๆที่ไม่ได้มาร่วมงานนี้ครับ
วิทยากร 1.พี่โจ ลูกอีสาน 2.พี่ตี้
1.จงใช้วิธีการลงทุนที่ถูก อาจจะเดินช้านิดนึงแต่ถึงจุดหมายแน่นอน และคุณจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง
2.เวลาลงทุน อย่าไปกังวลกับภาวะเศรษฐกิจจนเกินไป แต่เราควรจะต้องหาหุ้นที่ดี แข่งขันได้ดี มีความสามารถในการทำกำไรได้เยอะ และซื้อในราคาที่ดีด้วย (ให้ซื้อของดี ในราคาที่ไม่แพง)
ของคุณภาพเท่ากัน ปัจจัยที่จะตัดสินใจ คือราคา ให้ซื้อในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป โดยพื้นฐานคือใช้ P/E ในการเปรียบเทียบ
3.ข้อนี้เป็นข้อที่ผมคิดขึ้นมาจากการฟังพี่โจ,พี่ตี้และพี่ที่เก่งๆหลายๆท่าน “ทำไมพี่ที่ลงทุนเก่งๆแล้ว บางคนถึงอาจจะไม่ต้องทำ
Financial Projection เช่น Forecast งบ/กำไรอย่างละเอียดเวลาลงทุน” คือคุณต้องฝึกตัวเองจนเข้าใจอย่างละเอียดแทบจะทุกด้าน ทั้ง Business Model, เข้าใจงบการเงิน, รู้กำไรของบริษัทในระดับปกติ, สามารถ Valuation ได้ในระดับนึง จนกระทั่งเวลาที่มีข่าวหรือข้อมูลต่างๆเข้ามา พี่เขาสามารถประมาณการได้คร่าวๆว่าจะส่งผลต่อกำไรของบริษัทได้ในระดับไหน และราคาของบริษัทนั้นๆ/ธุรกิจนั้นๆ ควรจะมี P/E ในระดับไหน พอราคาหุ้นลงมาถึงจุดที่มองว่าถึงระดับที่มี Margin of Safety เพียงพอ ก็สามารถตัดสินใจในการลงทุนได้ทันที” ซึ่งถ้าเรายังไม่เก่งถึงระดับนั้น การทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองสามารถ Forecast งบ/กำไร ได้ละเอียดประมาณนึงน่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสมกว่าหรือปลอดภัยกว่า จนกว่าเราจะมีความสามารถในระดับนั้น
4.ในการลงทุน จะมีวิธีการบริหารจิตใจได้อย่างไร
เราเองต้องฝึกให้มีแก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเพราะจะช่วยให้เรามีหลักยึด เพราะตลาดหุ้นนั้นมีทั้งความโลภและความกลัวอยู่ตลอด, เวลาหุ้นราคาลงสิ่งที่ลงคือมาจากแรงซื้อแรงขาย แต่ถ้าเราซื้อหุ้นโดยยึดหลักมาจากมูลค่าหุ้น จะทำให้เราไม่ไขว้เขวหรือหวาดกลัว จนกระทั่งทำให้ขายหุ้นตอนที่ราคาหุ้นลงมา
5.เราสามารถหาประโยชน์จากความผันผวนของตลาด เวลาหุ้นราคาขึ้นและลง โดยการ Switching หุ้นที่ % Upside ต่ำกว่าไปหาหุ้นที่ % Upside สูงกว่า หรือขายหุ้นที่แข็งแกร่งที่ราคาลงน้อยไปซื้อหุ้น Growth แต่ต้องดูไส้ในให้ดีว่า Growth จริงหรือเปล่าเพราะไม่ Growth จริง ราคาหุ้นอาจจะลงไปได้เยอะ รวมไปถึงกรณีขายหุ้นแข็งแกร่งไปซื้อหุ้น Turnaround ก็เช่นเดียวกัน
6.หลักการ 4 ข้อสำหรับแก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
1.)ลงทุนในหุ้นเหมือนลงทุนในธุรกิจ
2.)ลงทุนในธุรกิจต้องรู้จักการประเมินมูลค่าหุ้นเพื่อหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ ว่าถูกหรือแพง
3.)เลือกซื้อหุ้นหรือกิจการที่ราคาหุ้นมี Margin of safety เท่านั้น
4.)เราต้องรู้จักนายตลาด และประกาศอิสรภาพ โดยแยกจากกระแสอารมณ์จากนายตลาด มีความมั่นคงทางอารมณ์
7.ซื้อหุ้นดี/มีอนาคต/ซื้อในราคาที่ถูก 1.)คุณต้องรู้จักบริษัท/คุณภาพของบริษัท 2.)ซื้อหุ้นที่ราคาที่เหมาะสม 3.)ซื้อแลัวต้องถือในระยะเวลานึง (Time Frame แล้วแต่เช่นมอง 3 ปีเป็นอย่างน้อย) ซึ่งเราจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีตั้งแต่แรก จะทำให้เราทนถือในช่วงเวลาที่ยาวนานพอ จนหุ้นไปถึงมูลค่าที่แท้จริงได้
การที่เราทนถือไม่ได้นั้น อาจจะมาจาก 1.)การที่เราไม่เข้าใจบริษัทจริงๆตั้งแต่แรก หรือ 2.)ซื้อหุ้นที่วัฏจักรยาวนานเกินไป
เวลาลงทุนอาจจะไม่ใช่แค่เรารู้กำไรเพียงแค่ 2-3 ไตรมาส แต่ควรจะต้องเข้าใจ Intrinsic Value เพื่อให้สามารถทนถือให้ได้ในระยะเวลาที่นานพอเช่น 3-5 ปี
8.บางทีเราต้องทำย้อนแย้งกับคนส่วนใหญ่ในตลาด เพื่อจะสามารถซื้อหุ้นที่มี Margin Of Safety ได้
ซึ่งโอกาสไม่ได้มาบ่อยๆ เช่นตอน Covid-19 ตลาดหลักทรัพย์ลงไปเหลือ 900-1000 จุด หรือ เช่นตอนหม่อมอุ๋ย กับ มาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทยถูกนำออกมาใช้งานเพื่อสกัดการเก็งกำไรในค่าเงินบาทที่กำลังแข็งค่า จนทำให้ตลาดหุ้นไทยร่วงไปราวๆ 100 จุดในวันที่ประกาศใช้มาตรการดังกล่าว
ซึ่งไม่ใช่ว่าเราจะสวนหรือทำตรงข้ามซะทุกเรื่อง แต่เราต้องสวนกระแสด้วยความรู้จริงๆ
9.ความสามารถของเราในวันนี้ คือผลผลิตจากอดีตที่ผ่านมา , วงการหุ้นไม่ได้จำเป็นต้องมี IQ เยอะ แต่สิ่งสำคัญคือต้องมี EQ (ความฉลาดทางอารมณ์) คนที่คิดแต่จะตามแห่คนอื่นจะลงทุนในแนวนี้ยาก
10.VI อยู่ได้เพราะตลาดไม่มีประสิทธิภาพ
เวลาที่หุ้นแพงเกินไป สามารถ Short หุ้น (สำหรับมือใหม่ที่ประสบการณ์ไม่มากพอ โปรดระมัดระวัง)
เวลาหุ้นถูกเกินไป ให้ซื้อ (Long) หุ้น
11.ถ้าอยากได้ผลตอบแทนที่ดี เราก็ควรมีเวลาและให้เวลากับการอ่านเพื่อหาข้อมูลการลงทุน เพื่อผลลัพธ์จะได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามควร Balance ชีวิตด้านอื่นๆนอกจากการลงทุนด้วย เช่นออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของตัวเองเป็นต้น
12.ถ้าบริษัทที่เราถือหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนในทางแย่ลงอย่างมีนัยยะ (ไม่ใช่แค่ Noise) เราควรพิจารณาที่จะขายหุ้นบริษัทแม้จะอาจจะขาดทุน เพราะถ้าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนจริง ราคาหุ้นอาจจะลงไปได้ลึกมาก
13.ตัวอย่าง Criteria การซื้อหุ้น 1.)ซื้อหุ้นราคาไม่แพง มี Margin Of Safety P/E ไม่สูง เว้นแต่กรณีเป็นหุ้น Growth อาจจะพิจารณาให้ได้P/E สูงประมาณนึงเช่นไม่เกิน 30 เท่า 2.)รายได้ที่อาจจะเป็น Recurring Income (รายได้ที่เข้ามาต่อเนื่องเป็นรายเดือนหรือรายปี ซึ่งค่อนข้างมั่นคงและแน่นอน) 3.)ซื้อตอนที่ราคาหุ้นลงหนัก
14. จะ Valuation หุ้นด้วย P/E อย่างไร
โดยปกติ P/E จะใช้ในการสะท้อนคุณภาพบริษัท ดี 1.)มีการเติบโตของกำไรที่สูง (กรณีเติบโตสูง P/E สูง กรณีเติบโตต่ำ P/E ต่ำ) ,มีความสามารถในการแข่งขันที่สูง ผู้บริหารที่เก่ง อยู่ในอุตสาหกรรมขาขึ้น 2.)มี Model ของรายได้ เป็นแบบรายได้ Recurring Income จะทำให้ P/E สูง
3.)ระดับ D/E Ratio ไม่สูงจนเกินไป 4.)มี Business Model ที่ดี
15.ข้อควรระวังการ Valuation โดยใช้ P/E
1.)สามารถใช้ได้กับหุ้นทั่วไป ที่ไม่ใช่หุ้นวัฏจักร และไม่ใช่กรณีหุ้นฟื้นตัว ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราเผลอไปซื้อหุ้นวัฏจักรที่ P/E 2-3 เท่า เนื่องจากเป็นกำไรที่ Peak เป็นพิเศษและอาจจะใช้เวลาเป็น 10ๆ ปี กว่าที่กำไรจะกลับไปตรงจุดนั้นเราอาจจะขาดทุนอย่างหนักจากการลงทุนได้
2.)P/E ห้ามดูย้อนหลัง ต้องดูอนาคตอย่างเดียวเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นหุ้นโรงไฟฟ้าบางบริษัทจะมีรายได้ที่เป็นสัญญา Adder ในช่วงเวลานึง ซึ่งถ้าหมดจากช่วงสัญญาดังกล่าวรายได้/กำไร จะลดลงไปอย่างมีนัยยะเป็นต้น
16.Valuation มี Range ในการประเมินอย่างไร
Answer.ไม่จำเป็นต้อง Valuation แบบ Exactly (ถูกแบบแม่นยำ) เช่น P/E 15 เท่า ถ้า 13 เท่าก็ถือว่า Acceptable (ยอมรับได้) ซึ่งเวลา Valuation นั้น เวลาเปลี่ยน พื้นฐานก็เปลี่ยน ให้เราลื่นไหลไปตามปัจจัยพื้นฐาน (Dynamic ไปตามกาลเวลา) โดยเราอาจจะประเมินเป็นกรอบล่าง กรอบบน จะทำให้เห็นว่าเมื่อราคาหุ้นลงมาถึง Zone นี้สามารถทยอยซื้อได้เลย
17.วิธีการอย่างนึง คือถ้าหุ้นขึ้นให้ทยอยขายออกไป (ต่อให้หุ้นลง เราก็ยังได้ขายไปส่วนนึง)
ซึ่งราคาหุ้นเอง นั้นมีหลายปัจจัยรวมทั้งอารมณ์ของตลาด เพราะฉะนั้นค่อยๆทยอยขาย อาจจะทำให้ Maximize กำไรได้มากขึ้น
ในกรณีหุ้นลง ก็ค่อยๆทยอยซื้อ
18.วงการหุ้น ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันพอรอดยาก มีฉลามเยอะเต็มไปหมด
เล่นเฉพาะในเกมส์ที่เราได้เปรียบเท่านั้น
19.หุ้นใหม่ช่วงนี้ราคาหุ้นมี Premium ค่อนข้างสูง อาจจะลองไปหาซื้อหุ้นเก่าๆที่มีอยู่ ซึ่งอาจจะมุมที่ไม่ดีบ้างแต่ลองพยายามไปหาตัวที่มี Catalyst (ตัวเร่ง) ก็เป็นอีก Idea การลงทุนนึง
20.วิธีการหาความรู้สำหรับมือใหม่
Ans. ใช้เวลาในการอ่านข่าวเช่นหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ,อ่าน 56-1 และรายงานประจำปี เพื่อให้รู้จัก Business Model อ่านข่าวใน Set.or.th เก็บเป็นข้อมูล , web Thaivi รวมถึง comment หุ้นรายตัว , รายการต่างๆทาง Internet เช่นรายการของ K.เนาว์
อีกวิธีการนึงคือค่อยๆลงทุนโดยลองฝึกซื้อหุ้นที่ไม่ค่อยผันผวนและมีปันผลดี เพื่อให้ได้ดอกผล ซึ่งเราก็ได้ฝึกอ่าน 56-1 และค่อยๆขยายฐานความรู้หุ้นจากกลุ่มนั้นๆไปกลุ่มอื่นๆ ในขณะที่ได้กินปันผลในระดับนึงในช่วงแรกๆ
ผมขออนุญาตเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ตามที่ผมเข้าใจครับ รวมไปถึงอาจจะอธิบายเพิ่มเติมในบางจุดเพื่อให้เพื่อนๆท่านอื่นๆเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้นครับ ซึ่งลำดับของเนื้อหาอาจจะไม่ตรงกับที่ทางวิทยากรได้พูด ในกรณีที่อาจจะไม่ตรงกับเนื้อหาที่วิทยากรต้องการสื่อสาร ผมขอความกรุณาเพื่อนๆท่านอื่นที่ไปฟังในวันดังกล่าวหรือท่านวิทยากรช่วยแนะนำเพิ่มเติมหรือแก้ไขให้ด้วยครับ
ขอขอบคุณวิทยากรทุกๆท่าน (พี่โจ ลูกอีสาน, พี่ตี้) ที่กรุณาให้ความรู้คำแนะนำในด้านการลงทุนแก่ผมและนักลงทุนท่านอื่นๆเป็นอย่างสูงครับ
ขอขอบคุณพี่ๆทีมงานที่จัดงานมีตติ้งวีไอภาคใต้ ทุกท่านครับ
ขอขอบคุณพี่อมรที่ช่วย share ความรู้หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลให้ฟัง
และขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านครับที่ช่วยแนะนำความรู้ในด้านการลงทุนให้ผมอยู่เสมอๆ
ยินดีที่ได้เจอและรู้จักพี่ๆนักลงทุนท่านอื่นๆด้วยครับ ทั้งที่มาจากในจังหวัดสงขลาและรวมถึงพี่ท่านอื่นๆ ที่มาจากพะเยา, บุรีรัมย์, กรุงเทพและชลบุรีเป็นต้นครับ
ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ
earthcu/ 8 Mar 23
(2 Years Promise)
วิทยากร 1.พี่โจ ลูกอีสาน 2.พี่ตี้
1.จงใช้วิธีการลงทุนที่ถูก อาจจะเดินช้านิดนึงแต่ถึงจุดหมายแน่นอน และคุณจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง
2.เวลาลงทุน อย่าไปกังวลกับภาวะเศรษฐกิจจนเกินไป แต่เราควรจะต้องหาหุ้นที่ดี แข่งขันได้ดี มีความสามารถในการทำกำไรได้เยอะ และซื้อในราคาที่ดีด้วย (ให้ซื้อของดี ในราคาที่ไม่แพง)
ของคุณภาพเท่ากัน ปัจจัยที่จะตัดสินใจ คือราคา ให้ซื้อในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป โดยพื้นฐานคือใช้ P/E ในการเปรียบเทียบ
3.ข้อนี้เป็นข้อที่ผมคิดขึ้นมาจากการฟังพี่โจ,พี่ตี้และพี่ที่เก่งๆหลายๆท่าน “ทำไมพี่ที่ลงทุนเก่งๆแล้ว บางคนถึงอาจจะไม่ต้องทำ
Financial Projection เช่น Forecast งบ/กำไรอย่างละเอียดเวลาลงทุน” คือคุณต้องฝึกตัวเองจนเข้าใจอย่างละเอียดแทบจะทุกด้าน ทั้ง Business Model, เข้าใจงบการเงิน, รู้กำไรของบริษัทในระดับปกติ, สามารถ Valuation ได้ในระดับนึง จนกระทั่งเวลาที่มีข่าวหรือข้อมูลต่างๆเข้ามา พี่เขาสามารถประมาณการได้คร่าวๆว่าจะส่งผลต่อกำไรของบริษัทได้ในระดับไหน และราคาของบริษัทนั้นๆ/ธุรกิจนั้นๆ ควรจะมี P/E ในระดับไหน พอราคาหุ้นลงมาถึงจุดที่มองว่าถึงระดับที่มี Margin of Safety เพียงพอ ก็สามารถตัดสินใจในการลงทุนได้ทันที” ซึ่งถ้าเรายังไม่เก่งถึงระดับนั้น การทำการบ้านอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองสามารถ Forecast งบ/กำไร ได้ละเอียดประมาณนึงน่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสมกว่าหรือปลอดภัยกว่า จนกว่าเราจะมีความสามารถในระดับนั้น
4.ในการลงทุน จะมีวิธีการบริหารจิตใจได้อย่างไร
เราเองต้องฝึกให้มีแก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่าเพราะจะช่วยให้เรามีหลักยึด เพราะตลาดหุ้นนั้นมีทั้งความโลภและความกลัวอยู่ตลอด, เวลาหุ้นราคาลงสิ่งที่ลงคือมาจากแรงซื้อแรงขาย แต่ถ้าเราซื้อหุ้นโดยยึดหลักมาจากมูลค่าหุ้น จะทำให้เราไม่ไขว้เขวหรือหวาดกลัว จนกระทั่งทำให้ขายหุ้นตอนที่ราคาหุ้นลงมา
5.เราสามารถหาประโยชน์จากความผันผวนของตลาด เวลาหุ้นราคาขึ้นและลง โดยการ Switching หุ้นที่ % Upside ต่ำกว่าไปหาหุ้นที่ % Upside สูงกว่า หรือขายหุ้นที่แข็งแกร่งที่ราคาลงน้อยไปซื้อหุ้น Growth แต่ต้องดูไส้ในให้ดีว่า Growth จริงหรือเปล่าเพราะไม่ Growth จริง ราคาหุ้นอาจจะลงไปได้เยอะ รวมไปถึงกรณีขายหุ้นแข็งแกร่งไปซื้อหุ้น Turnaround ก็เช่นเดียวกัน
6.หลักการ 4 ข้อสำหรับแก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
1.)ลงทุนในหุ้นเหมือนลงทุนในธุรกิจ
2.)ลงทุนในธุรกิจต้องรู้จักการประเมินมูลค่าหุ้นเพื่อหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ ว่าถูกหรือแพง
3.)เลือกซื้อหุ้นหรือกิจการที่ราคาหุ้นมี Margin of safety เท่านั้น
4.)เราต้องรู้จักนายตลาด และประกาศอิสรภาพ โดยแยกจากกระแสอารมณ์จากนายตลาด มีความมั่นคงทางอารมณ์
7.ซื้อหุ้นดี/มีอนาคต/ซื้อในราคาที่ถูก 1.)คุณต้องรู้จักบริษัท/คุณภาพของบริษัท 2.)ซื้อหุ้นที่ราคาที่เหมาะสม 3.)ซื้อแลัวต้องถือในระยะเวลานึง (Time Frame แล้วแต่เช่นมอง 3 ปีเป็นอย่างน้อย) ซึ่งเราจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีตั้งแต่แรก จะทำให้เราทนถือในช่วงเวลาที่ยาวนานพอ จนหุ้นไปถึงมูลค่าที่แท้จริงได้
การที่เราทนถือไม่ได้นั้น อาจจะมาจาก 1.)การที่เราไม่เข้าใจบริษัทจริงๆตั้งแต่แรก หรือ 2.)ซื้อหุ้นที่วัฏจักรยาวนานเกินไป
เวลาลงทุนอาจจะไม่ใช่แค่เรารู้กำไรเพียงแค่ 2-3 ไตรมาส แต่ควรจะต้องเข้าใจ Intrinsic Value เพื่อให้สามารถทนถือให้ได้ในระยะเวลาที่นานพอเช่น 3-5 ปี
8.บางทีเราต้องทำย้อนแย้งกับคนส่วนใหญ่ในตลาด เพื่อจะสามารถซื้อหุ้นที่มี Margin Of Safety ได้
ซึ่งโอกาสไม่ได้มาบ่อยๆ เช่นตอน Covid-19 ตลาดหลักทรัพย์ลงไปเหลือ 900-1000 จุด หรือ เช่นตอนหม่อมอุ๋ย กับ มาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทยถูกนำออกมาใช้งานเพื่อสกัดการเก็งกำไรในค่าเงินบาทที่กำลังแข็งค่า จนทำให้ตลาดหุ้นไทยร่วงไปราวๆ 100 จุดในวันที่ประกาศใช้มาตรการดังกล่าว
ซึ่งไม่ใช่ว่าเราจะสวนหรือทำตรงข้ามซะทุกเรื่อง แต่เราต้องสวนกระแสด้วยความรู้จริงๆ
9.ความสามารถของเราในวันนี้ คือผลผลิตจากอดีตที่ผ่านมา , วงการหุ้นไม่ได้จำเป็นต้องมี IQ เยอะ แต่สิ่งสำคัญคือต้องมี EQ (ความฉลาดทางอารมณ์) คนที่คิดแต่จะตามแห่คนอื่นจะลงทุนในแนวนี้ยาก
10.VI อยู่ได้เพราะตลาดไม่มีประสิทธิภาพ
เวลาที่หุ้นแพงเกินไป สามารถ Short หุ้น (สำหรับมือใหม่ที่ประสบการณ์ไม่มากพอ โปรดระมัดระวัง)
เวลาหุ้นถูกเกินไป ให้ซื้อ (Long) หุ้น
11.ถ้าอยากได้ผลตอบแทนที่ดี เราก็ควรมีเวลาและให้เวลากับการอ่านเพื่อหาข้อมูลการลงทุน เพื่อผลลัพธ์จะได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามควร Balance ชีวิตด้านอื่นๆนอกจากการลงทุนด้วย เช่นออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของตัวเองเป็นต้น
12.ถ้าบริษัทที่เราถือหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนในทางแย่ลงอย่างมีนัยยะ (ไม่ใช่แค่ Noise) เราควรพิจารณาที่จะขายหุ้นบริษัทแม้จะอาจจะขาดทุน เพราะถ้าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนจริง ราคาหุ้นอาจจะลงไปได้ลึกมาก
13.ตัวอย่าง Criteria การซื้อหุ้น 1.)ซื้อหุ้นราคาไม่แพง มี Margin Of Safety P/E ไม่สูง เว้นแต่กรณีเป็นหุ้น Growth อาจจะพิจารณาให้ได้P/E สูงประมาณนึงเช่นไม่เกิน 30 เท่า 2.)รายได้ที่อาจจะเป็น Recurring Income (รายได้ที่เข้ามาต่อเนื่องเป็นรายเดือนหรือรายปี ซึ่งค่อนข้างมั่นคงและแน่นอน) 3.)ซื้อตอนที่ราคาหุ้นลงหนัก
14. จะ Valuation หุ้นด้วย P/E อย่างไร
โดยปกติ P/E จะใช้ในการสะท้อนคุณภาพบริษัท ดี 1.)มีการเติบโตของกำไรที่สูง (กรณีเติบโตสูง P/E สูง กรณีเติบโตต่ำ P/E ต่ำ) ,มีความสามารถในการแข่งขันที่สูง ผู้บริหารที่เก่ง อยู่ในอุตสาหกรรมขาขึ้น 2.)มี Model ของรายได้ เป็นแบบรายได้ Recurring Income จะทำให้ P/E สูง
3.)ระดับ D/E Ratio ไม่สูงจนเกินไป 4.)มี Business Model ที่ดี
15.ข้อควรระวังการ Valuation โดยใช้ P/E
1.)สามารถใช้ได้กับหุ้นทั่วไป ที่ไม่ใช่หุ้นวัฏจักร และไม่ใช่กรณีหุ้นฟื้นตัว ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราเผลอไปซื้อหุ้นวัฏจักรที่ P/E 2-3 เท่า เนื่องจากเป็นกำไรที่ Peak เป็นพิเศษและอาจจะใช้เวลาเป็น 10ๆ ปี กว่าที่กำไรจะกลับไปตรงจุดนั้นเราอาจจะขาดทุนอย่างหนักจากการลงทุนได้
2.)P/E ห้ามดูย้อนหลัง ต้องดูอนาคตอย่างเดียวเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นหุ้นโรงไฟฟ้าบางบริษัทจะมีรายได้ที่เป็นสัญญา Adder ในช่วงเวลานึง ซึ่งถ้าหมดจากช่วงสัญญาดังกล่าวรายได้/กำไร จะลดลงไปอย่างมีนัยยะเป็นต้น
16.Valuation มี Range ในการประเมินอย่างไร
Answer.ไม่จำเป็นต้อง Valuation แบบ Exactly (ถูกแบบแม่นยำ) เช่น P/E 15 เท่า ถ้า 13 เท่าก็ถือว่า Acceptable (ยอมรับได้) ซึ่งเวลา Valuation นั้น เวลาเปลี่ยน พื้นฐานก็เปลี่ยน ให้เราลื่นไหลไปตามปัจจัยพื้นฐาน (Dynamic ไปตามกาลเวลา) โดยเราอาจจะประเมินเป็นกรอบล่าง กรอบบน จะทำให้เห็นว่าเมื่อราคาหุ้นลงมาถึง Zone นี้สามารถทยอยซื้อได้เลย
17.วิธีการอย่างนึง คือถ้าหุ้นขึ้นให้ทยอยขายออกไป (ต่อให้หุ้นลง เราก็ยังได้ขายไปส่วนนึง)
ซึ่งราคาหุ้นเอง นั้นมีหลายปัจจัยรวมทั้งอารมณ์ของตลาด เพราะฉะนั้นค่อยๆทยอยขาย อาจจะทำให้ Maximize กำไรได้มากขึ้น
ในกรณีหุ้นลง ก็ค่อยๆทยอยซื้อ
18.วงการหุ้น ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันพอรอดยาก มีฉลามเยอะเต็มไปหมด
เล่นเฉพาะในเกมส์ที่เราได้เปรียบเท่านั้น
19.หุ้นใหม่ช่วงนี้ราคาหุ้นมี Premium ค่อนข้างสูง อาจจะลองไปหาซื้อหุ้นเก่าๆที่มีอยู่ ซึ่งอาจจะมุมที่ไม่ดีบ้างแต่ลองพยายามไปหาตัวที่มี Catalyst (ตัวเร่ง) ก็เป็นอีก Idea การลงทุนนึง
20.วิธีการหาความรู้สำหรับมือใหม่
Ans. ใช้เวลาในการอ่านข่าวเช่นหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ,อ่าน 56-1 และรายงานประจำปี เพื่อให้รู้จัก Business Model อ่านข่าวใน Set.or.th เก็บเป็นข้อมูล , web Thaivi รวมถึง comment หุ้นรายตัว , รายการต่างๆทาง Internet เช่นรายการของ K.เนาว์
อีกวิธีการนึงคือค่อยๆลงทุนโดยลองฝึกซื้อหุ้นที่ไม่ค่อยผันผวนและมีปันผลดี เพื่อให้ได้ดอกผล ซึ่งเราก็ได้ฝึกอ่าน 56-1 และค่อยๆขยายฐานความรู้หุ้นจากกลุ่มนั้นๆไปกลุ่มอื่นๆ ในขณะที่ได้กินปันผลในระดับนึงในช่วงแรกๆ
ผมขออนุญาตเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ตามที่ผมเข้าใจครับ รวมไปถึงอาจจะอธิบายเพิ่มเติมในบางจุดเพื่อให้เพื่อนๆท่านอื่นๆเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้นครับ ซึ่งลำดับของเนื้อหาอาจจะไม่ตรงกับที่ทางวิทยากรได้พูด ในกรณีที่อาจจะไม่ตรงกับเนื้อหาที่วิทยากรต้องการสื่อสาร ผมขอความกรุณาเพื่อนๆท่านอื่นที่ไปฟังในวันดังกล่าวหรือท่านวิทยากรช่วยแนะนำเพิ่มเติมหรือแก้ไขให้ด้วยครับ
ขอขอบคุณวิทยากรทุกๆท่าน (พี่โจ ลูกอีสาน, พี่ตี้) ที่กรุณาให้ความรู้คำแนะนำในด้านการลงทุนแก่ผมและนักลงทุนท่านอื่นๆเป็นอย่างสูงครับ
ขอขอบคุณพี่ๆทีมงานที่จัดงานมีตติ้งวีไอภาคใต้ ทุกท่านครับ
ขอขอบคุณพี่อมรที่ช่วย share ความรู้หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลให้ฟัง
และขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านครับที่ช่วยแนะนำความรู้ในด้านการลงทุนให้ผมอยู่เสมอๆ
ยินดีที่ได้เจอและรู้จักพี่ๆนักลงทุนท่านอื่นๆด้วยครับ ทั้งที่มาจากในจังหวัดสงขลาและรวมถึงพี่ท่านอื่นๆ ที่มาจากพะเยา, บุรีรัมย์, กรุงเทพและชลบุรีเป็นต้นครับ
ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ
earthcu/ 8 Mar 23
(2 Years Promise)