✨ ถาม-ตอบ กับ อาจารย์นิเวศน์ เหมวชิรวรากร @งานสังสรรค์ VI ครั้งที่ 1
โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 13, 2023 11:39 am
สังสรรค์ Thai VI ครั้งที่ 1 ปี 2566 by Seminar Knowledge page
ช่วงถาม-ตอบ กับ อาจารย์นิเวศน์ เหมวชิรวรากร โดย น้องทีน่า และ คุณบอล
1. ออมเงินอย่างไรในระยะเวลา 20-30 ปีข้างหน้าให้ประสบความสำเร็จ
อาจารย์บอกว่ายาก ปัจจุบันไม่เหมือนเดิมแล้ว มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารเยอะ ไม่เหมือนสมัยอาจารย์เริ่มลงทุน
สมัยนั้นยังไม่มีเรื่อง Financial Freedom อาจารย์เป็นคนออกมาพูดเอง และประสบความสำเร็จ มีอิสรภาพทางการเงินตอนอายุ 40 กว่า
ดังนั้นคนสมัยนี้ได้เปรียบ รู้วิธีการทำแล้ว เรารู้เรื่องอดีตเยอะว่า success อย่างไร ตอนนี้อาจารย์อยากรู้เรื่องทำอย่างไรให้อายุยืน
แต่อาจารย์แนะนำว่าถ้าอยากรวยแบบผมให้ไปลงทุนในเวียดนาม ตอนนี้ยังเอาเงินไปลงเพิ่มอยู่ เป็นสิ่งที่เรียนรู้ว่าเป็นจริง เราต้องดูทุกมิติว่าเป็นอย่างไร
ความคิดของเรา มนุษย์มียีน แตกต่างที่รายได้
ตลาดหุ้นไทย ทำแบบดั้งเดิมไม่ได้ ไม่มีหุ้นที่ได้มาง่ายๆ แล้วถือนานๆ แบบที่อาจารย์ถือ CPALL แล้วมีแต่หุ้น Corner
ส่วนตลาดหุ้นเวียดนามมีหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นแบบดั้งเดิม มีความเป็นเอกลักษณ์ มีความพิเศษ ประเทศพึ่งเลิกสงครามไม่กี่สิบปี ศักยภาพพร้อม แต่ปรับนโยบายให้เหมาะสมเท่านั้น
ยกเว้นประเทศบางประเทศที่ไม่เจริญ เช่นแอฟริกา หรือ โซมาเลีย ประเทศที่มีการปกครอง ปรับเล็กน้อย ก็ใช้ได้แล้ว
ส่วนเมืองไทย มีลูกน้อยลง และประชากรแก่ตัวเยอะ โครงสร้างอนุรักษ์นิยมมาก เมืองไทยมีความเสี่ยงเรื่อง Middle income tap , GDP โต 2-3% ก็ดีใจแล้ว
ทั้งความคิดและคนแก่ตัวลงทุกปี เด็กเกิดใหม่ห้าแสนคนแต่จากไปล้านคน
ดังนั้นเศรษฐกิจจะดีต่อเมื่อรายได้ประชากรเพิ่มขึ้น ถ้ารายได้ประชากรลดลง จากแรงงานลดลง ก็จะทำให้เศรษฐกิจหดตัวได้
ดังนั้นต้องเพิ่มรายได้ ทำงานเท่าเดิม แต่ประสิทธิภาพในการทำงาน การผลิตเพิ่มขึ้น
สมัยทำงานใหม่ๆ เงินเดือนเพิ่ม 5-7% ทุกปี ตัดเงินเฟ้อออกแล้ว สมัยเด็กๆ ไปค่าย 4 ปี เห็นต่างจังหวัดเริ่มพัฒนา เด็กต่างจังหวัดร้องเพลงอย่างสนุกสนาน
พอกลับมากรุงเทพ คนต่างจังหวัดก็เริ่มย้ายเข้าเมืองมาหางานทำกันเยอะ รายได้ก็มากเมื่อเทียบกับการทำนา
จนตอนนี้ไม่มีแรงงานก็เลยเอาแรงงานต่างชาติเข้ามาแทน แรงงานขั้นพื้นฐาน ขึ้นค่าจ้างตามแรงงานขั้นต่ำ ซึ่งระยะยาวไม่เพิ่มประสิทธิภาพ แต่เงินเดือนเพิ่มขึ้นจะมีปัญหา
บางคนไปเมกา ลงทุนหุ้น แต่จะหาหุ้น 10 เด้งเจอยาก เพราะคนอื่นๆ ก็รู้จัก ส่วนหุ้นขนาดเล็กก็ศึกษายาก
หุ้นแพงควรหลีกเลี่ยง จากตัวอย่าง Warren Buffett ไม่ซื้อหุ้นPEเกิน30เท่า แม้แต่หุ้น apple ตอนซื้อ PE ต่ำกว่า 20 เท่า
ที่มาของคำว่า Value เบนจามิน เกรแฮม ถูกเรียกว่า Value investor เพราะซื้อหุ้นราคาถูก ซึ่งที่เมกา ของถูก = value
เช่น สินค้า ราคาต่อหน่วยถูก = Value Pack
แต่ต่อมา Buffett หลังจากลงทุนหุ้น Value พักนึง หลังจากนั้นก็เป็นหุ้นคุณภาพดีแทน
หุ้นบ้านเราทำไม PE 100 เท่า นักวิเคราะห์ไม่เคยพูดว่าหุ้นแพงไป แต่บอกว่าเคยอยู่ 80 เท่า
ตอนนี้ก็เหมาะสมแล้ว (คือใช้ PE ในอดีตมาเป็น reference เพื่อชี้ว่าราคาตอนนี้ไม่แพง)เราต้องแก้เรื่องนี้ได้ก็จบ โดยแก้ที่Mindset ของเรา
หุ้นที่ขึ้น บางบริษัทก็ขึ้นด้วย Story ซึ่งถ้าเราไม่ศึกษาอย่างละเอียดก็อาจไม่รู้ว่าขาดบางอย่าง ถ้าเขาไม่พูดก็ไม่รู้หรอก ธุรกิจสู้กันอย่างไร
เช่น Story ดีทุกอย่าง แต่ไม่สามารถกันคนอื่นไม่ให้เข้ามาแข่งขันได้ พอ3ปีคู่แข่งเข้ามาเต็ม
คนที่เป็น First Mover จะเหนื่อยเมื่อคู่แข่งเข้ามาเยอะ แล้วราคาจาก 10เด้ง เหลือ 5เด้ง คิดว่าแย่ชั่วคราว ถ้าคิดแบบนี้อันตราย
ถ้าบริษัทไม่มีความสามารถหรือความได้เปรียบอย่างยั่งยืน จะป้องกันคู่แข่งเข้ามาได้อย่างไรเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเวลาวิเคราะห์หุ้น
หรือ ช่วงที่เกิด Covid พอตอนนี้เลิก ธุรกิจยังอยู่ดีไหม ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงจากเดิม ไม่มีความยั่งยืนควรหลีกเลี่ยง
หรือ หุ้นที่โตเร็วอยู่ในอุตสาหกรรมที่ดี แต่ PE 100 เท่า ต้องระวัง corner แตก
2. Bank run กังวลไหม
ช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์บูมหนักๆ หุ้นขึ้นไปบ้างดังนั้นก็มีโอกาสคืนกลับไป แต่จะแรงแค่ไหน (หมายถึงหุ้นเมกา)
แต่เนื่องจากเม็ดเงินในระบบยังเยอะ คงไม่ขยายวงกว้างออกไป
เศรษฐศาสตร์สมัยก่อน เงินเฟ้อ เมื่อมีการพิมพ์ธนบัตรเยอะ ซึ่งตอนนั้นต้องมีทองคำมาหนุนหลังด้วย เปรียบกับธนบัตร
เหมือนใบรับฝากทอง (ต่อมายกเลิกทองคำมาหนุนธนบัตรไปในปี1974)
ตอนนี้กลายเป็นเอา Token มาขาย รวยเละ เขียนโปรแกรมแล้วก็ทำเงินเป็นหมื่นล้าน
สรุปแล้วงานลากยาวพอสมควร คิดว่า Bank ที่ล้มอยู่อันดับ 18-20 ของเมกา เป็น Bank ทำ Token มากเลยเจ๊ง
ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ เล่นเก็งกำไร
ตอนเลแมนเมื่อปี 2008 เคยทำแบบนี้แต่ใหญ่มาก แล้วเจ๊งก็ลามไปอุตสาหกรรมอื่น
ตอนนั้นคนไม่ตระหนัก เกิดความต่อเนื่อง เกิดวิกฤต Subprime ขึ้น คราวนี้ไม่น่าจะต่อเนื่อง
3. Megatrendในไทยมีอะไรบ้างในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
ตอบยาก อาจารย์เห็นแค่สุขภาพอย่างเดียว
4. ถ้ามีเงิน10ล้านจะลงทุนอย่างไร
แนะนำไปลงตลาดหุ้นเวียดนาม คนที่นั่นตั้งหน้าทำงาน คอนโดแพงกว่าไทยหลายเท่า
ตอนอาจารย์ลงเงิน 10 ล้านบาท ช่วงต้มยำกุ้ง assume ว่าถ้าทุกอย่างไม่ฟื้นแต่หุ้นที่ถือจะไม่เจ๊งไปกับธุรกิจ
ดูว่า ได้ปันผลปีละ 1 ล้านบาท ไม่ได้คาดหวังเรื่อง capital gain
ไม่เหมือนสมัยนี้ที่มีคนมาวิเคราะห์ สมัยนั้น ทำงานกับตัวเอง
ที่เวียดนาม เน้นหุ้นเติบโตมากกว่าหุ้นปันผล แต่หุ้นเติบโตที่เวียดนามเช่นบริษัทน้ำมันก็ปันผล 10% ซึ่งดูสูง
เพราะ Bank จ่ายดอกเบี้ย 12% ดังนั้นบริษัทจะจ่ายต่ำกว่ามากๆ ไม่ได้
มองว่าระยะยาว Bank ก็จะลดดอกเบี้ยเหมือนกับไทยในอดีต และคนที่อยู่ในเกษตรกรรมก็ย้ายเข้ามาทำงานในเมืองกัน
ส่วนเรื่องศาสนา ก็นับถือคล้ายกัน มองเวียดนามเหมือนไทยตอนช่วง subprime เพราะเศรษฐกิจไทยตอนนี้ยังดี
เหมือนกับเวียดนามตอนนี้ ไม่เหมือนตอนต้มยำกุ้ง และ คนรวยชอบซื้อ supercar ไปกินข้าวที่โรงแรม
5. อาจารย์ยังดูงบการเงินไหม มีอะไรที่ต้องระวังในการดูงบการเงิน
จะดู summary ของตลาดหลักทรัพย์ อุตสาหกรรมบางอย่าง งบการเงินมีความหมายมาก
แต่ถ้าเป็นธุรกิจเงินสด ไม่ต้องดูงบ ลงทุนระยะยาว มองหาผู้ชนะ ดูว่าอยู่ใน Megatrend ราคาสมเหตุผล และซื้อทิ้งไว้
เมืองไทย เมื่อก่อน megatrend เช่น Retail , Hospital , Hotel
ที่เวียดนาม ให้ดูโรงพยาบาล เงินเดือนคนทำงานขึ้นปีละ 10% โรงพยาบาลเอกชนก็ต้องมา
เพราะคนมีเงิน ก็เลือกไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแทน โรงพยาบาลรัฐ ดังนั้น โรงพยาบาลจะขยายอีกสิบเท่า เป็นไปได้ กำไรก็ดี
6. ความเสี่ยงจากระบอบสังคมนิยม ซึ่งคิดไม่เหมือนบ้านเรา และเรื่องความโปร่งใสดจะทำให้
ตลาดหุ้นรับผลประโยชน์ไม่เต็มที่ใช่ไหม
เทียบกับจีน ไทยตอนแรกก็มีปัญหาเยอะ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา
เวียดนามสร้างรถไฟฟ้าแบบ BTS บ้านเรา สิบปีแล้วยังไม่เสร็จ เทียบกับสนามบินบ้านเราใช้เวลา 30 ปี
ที่เวียดนาม บริษัททำเขื่อน จ้างบริษัทจีนมาทำ ก็ไม่เสร็จซะที ประเทศที่กำลังพัฒนา ต้องอดทน มองข้ามตรงนี้ไป
7. Technologyเปลี่ยนแปลงเร็ว จะส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างไร
เวียดนามมีหุ้น Old economy : Mobile World ซึ่งเป็น Megatrend
โรงพยาบาลก็เป็น Megatrend มีไปตั้งอยู่หน้านิคมอุตสาหกรรมซัมซุงซึ่งมีพนักงานแสนคน
หุ้น Hitechnology ก็มีมากกว่าในบ้านเรา ที่เวียดนาม ก็ใช้ application ติดต่อสื่อสารไม่เหมือนคนไทยใช้ Line
ส่วน Animation บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เมกาก็จ้างเวียดนามเขียนให้ เพราะจีนค่าแรงแพงกว่า อินเดียก็กังวลเรื่องคุณภาพ
ตอนนี้บริษัท Technology ก็เปิดมหาวิทยาลัยรับคนมาเรียนเทคโนโลยี 40,000 คน ใหญ่กว่าจุฬา
8. เวียดนามมี Black Swan ไหม ถ้าดัชนีลงมา 500 จะทำอย่างไร
ลงในหุ้น super stock 5-6 ตัวคล้ายไทยสมัยก่อน ซึ่งตอนนี้ราคาpremium 7%
รายได้มหาศาล กำไรก็มหาศาล PE 10 เท่า เป็นบริษัท Tech ขนาดใหญ่
ระบบเทรด เมื่อก่อนไทยทำให้ ต่อมารองรับคนมาเทรดเยอะไม่ไหว บริษัทนี้ก็เขียนระบบให้
(สรุปว่าลงทุนหุ้น superstock ก็ไม่น่ากลัวถ้าเจอวิกฤตเหมือนอาจารย์ซื้อหุ้นไทยช่วงต้มยำกุ้ง)
9. แนะนำหนังสือด้านการลงทุน
1. The Selfish Gene
2. Home Sapiens
3. 500 ล้านปีของความรัก เล่ม1,2
4. หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอเมริการ
10. ลงทุนอย่างไรไม่ให้ภรรยารู้ว่ารวย
คำถามเด็ดปิดท้าย ช่วงแรกที่ลงทุน ก็ให้ภรรยามาถือหุ้นทั้งหมด แต่ภรรยาไม่เคยเห็น เพราะเขามีหัวศิลปิน ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องลงทุน
ส่วนลูกก็ไม่รู้จนเรียนจบจุฬาค่อยทราบ
มูลค่าการลงทุน จะบอกต่ำกว่าความจริง 20% เผื่อตลาดปรับฐาน ภรรยาจะได้ไม่รู้ว่าลดลง
ที่บ้านไม่มีใครสนใจเรื่องลงทุน ตอนช่วง subprim ที่ใช้มาร์จิ้น จึงเริ่มใช้ชื่อตัวเองถือหุ้น
....อาจารย์ทิ้งท้ายไว้ว่า....
ความสุขของผม คือ ครอบครัวปรองดองกัน ได้มีโอกาสเล่นกับหลานก็ถือเป็นความสุขแล้ว (เห็นไหมว่า ความสุขมันเรียบง่ายขนาดนี้จริงๆ)ความมั่นคง ชัดเจน ก็ช่วยได้เยอะ พอมีเงินเยอะ ก็รู้สึก save มีความปลอดภัย มีเงิน ก็มีความสุขเหมือนกับการใช้เงิน (แต่ไม่ได้ใช้เงิน)
-------------------------------
สุดท้ายขอขอบคุณ อาจารย์นิเวศน์ที่มาตอบคำถามให้กับสมาชิก Thaivi
และขอบคุณน้องทีน่า คุณบอล ที่เลือกคำถามดีๆ มาถามครับ