นายห้างเทียม โชควัฒนา ....
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 23, 2003 4:02 pm
เห็นว่าน่าอ่านครับ เลยเอามาฝาก....
คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
นายห้างเทียม โชควัฒนา
จากคำสบประมาทและการดูถูก
ทำให้ชีวิตพลิกผันสู่ความสำเร็จได้
โดย ....พรเทพ สิงห์ธวัช : 15/8/46
จากตำนานกับการเล่าขานเรื่องราวของผู้ที่ยิ่งใหญ่ อัจฉริยะ บุคคลเรืองนาม หรือผู้ที่มีความสำเร็จในชีวิตหลายต่อหลายท่านที่ถูกถ่ายทอดเรื่องราว ทั้งหลายทั้งมวล ซึ่งต่างก็ผ่านวิกฤต ผ่านเรื่องราวของความทุกข์ระทม ภาวะแร้นแค้น ภาวะกดดัน แทบกระอักเลือด ภาวะแห่งความเจ็บปวดทั้งกายและใจอย่างแสนสาหัส ด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา แต่มันก็ไม่เคยที่จะทำให้หัวใจที่ทรนงหยุดความคิดที่จะทำการใหญ่ในภารกิจแห่งการสร้างฝันให้เป็นจริงได้ ความอดทนและความพยายามเท่านั้นที่จะพิสูจน์คน ปัญหามีไว้ให้แก้อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟัน ความเจ็บปวดและความทุกข์ยากมีไว้ให้ทดสอบจิตใจของผู้กล้า ที่จะสร้างวีระกรรมแห่งความสำเร็จในตนกับความฝันในใจที่แรงกล้า
ตำนานเจ้าสัวยุคเสื่อผืนหมอนใบจากทะเลจีนอันไกลโพ้น สิ่งที่เป็นแบบอย่างแห่งการต่อสู้ แบบอย่างแห่งความอดทน แบบอย่างแห่งความมุ่งมั่น, มุมานะ และการสร้างตนจนประสบผลสำเร็จ หลักการดำรงค์ตนและปรัชญาการดำเนินชีวิต ล้วนเป็นคำสอน เป็นบทเรียนที่เกิดจากการกระทำ เกิดจากประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าแก่ผู้คนมากมายนัก และนายห้างเทียม โชควัฒนา ก็เป็นผู้สร้างตำนานแห่งความยิ่งใหญ่ สร้างคัมภีร์แห่งชีวิต และสร้างคัมภีร์ทางธุรกิจให้เป็นมรดกแก่ผู้คนรุ่นหลังได้ยึดถือเป็นแบบอย่าง แนวความคิดและแบบอย่างของนายห้างฯ เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีรากแก้วที่หยั่งลึกและแข็งแรง มีรากแขนงที่ชอนไชให้เป็นองค์ประกอบของรากแก้ว มีใบที่ให้ร่มเงา มีกิ่งก้านสาขาที่แผ่กว้างออกไป มีดอกผลพร้อมที่จะให้เก็บเกี่ยวได้ชั่วลูกชั่วหลานท่านเป็นคุณูปการทางความคิด และแบบอย่างที่มีคุณค่าแก่การนำไปเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ บริษัทสหพัฒนพิบูลย์ บริษัทสหกรุ๊ป และบริษัทในเครือกว่า 200 บริษัทฯ มีพนักงานมากกว่า 20,000 กว่าคน มียอดขายในทางธุรกิจปีหนึ่ง 80,000 กว่าล้านบาท สินค้าอุปโภคบริโภคที่ติดตลาดอีกร้อยแปดพันเก้า ตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดง ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ซักผ้าก็ต้องใช้เปา จะสีฟันก็ต้องใช้ไลออน จะทาแป้งก็ต้องโคโดโม่ สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา และชีวิตประจำซึ่งเป็นปัจจัยหลักหรือปัจจัยเสริมในชีวิตได้ง่ายขึ้น ท่านทำได้อย่างไร
เกร็ดชีวิตของท่านเริ่มจากร้านขายของชำ ซึ่งเป็นร้านของพ่อชื่อ เปียวฮะ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าร้านโชห่วย โดยมีอา (น้องพ่อ) เป็นหลงจู้มีอำนาจการบริหาร และการจัดการเบ็ดเสร็จ นายห้างเทียมท่านทำทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่อายุ 13-14 ขวบ แบกของไปส่งลูกค้า, ซื้อกาแฟ บุหรี่ให้แขก รินน้ำชาต้อนรับแขก และงานจิปาถะภายในร้าน ขนของ แบกน้ำตาล แบกข้าวสารได้เป็นกระสอบ ต้องทำงานหนักเหมือนกุลี เหงื่อโทรมกายทั้งวัน ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ปีหนึ่งๆ จะหยุดตรุษจีน 3 วัน ค่าแรงที่ได้เป็นเงินเดือนสมัยนั้นตั้งแต่ 6 บาท, 12 บาท, 18 บาท ก็แบกกระสอบข้าวสารที่หนัก 100 กิโลกรัมได้ จะได้ขึ้นเงินเดือนเป็น 22 บาท นายห้างฯ ท่านก็ทำได้ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับความแตกต่างจากลูกอาที่อยู่สุขสบายที่ไม่ต้องทำงานหนัก ได้มีโอกาสเรียนสูงๆ ท่านรู้สึกคับแค้นใจในชีวิต ทำให้ท่านทำงานหนักเพื่อที่จะเอาชนะ ศึกษาและเรียนรู้จากการทำงานทุกอย่างในกระบวนการค้าของหลงจู้ เรียนรู้ศึกษาวิธีการซื้อมาขายไปอย่างไร ได้กำไรจากตรงไหน ปูฐานด้วยการทำงานอย่างหนักทุกอย่าง ท่านได้วิธีการทำงานจากหลงจู้ (อา) อุปนิสัยโอบอ้อมอารีและอดทนได้จากแม่ การซื่อสัตย์และการรักษาเครดิตได้จากพ่อ 3 องค์ประกอบอันยิ่งใหญ่กับบุคลิกในการทำงานอย่างหนักของท่าน ทำให้ท่านเริ่มสะสมความไม่ธรรมดามากขึ้น ต่อมาพ่อของนายห้างเทียม ได้ยกเปียวฮะให้อาที่เป็นหลงจู้ ส่วนพ่อของนายห้างก็มาเปิดร้านใหม่ภายใต้ชื่อ เฮียวฮะ ยังขายน้ำตาลและนมเหมือนเดิม จากนั้นก็เปลี่ยนมาขายของเบ็ดเตล็ดมากขึ้น กิจการเจริญเติบโตโดยลำดับ บวกกับความคิดริเริ่ม เป็นคนช่างสังเกต, ชอบคิด และพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นายห้างฯ ได้ทำการค้าขายกับทางเซียงไฮ้, ฮ่องกง โดยการขายสินค้าเบ็ดเตล็ด เสื้อผ้า ยารักษาโรคและเครื่องกระป๋อง
ในปี พ.ศ.2495 ได้กำเนิดบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด บนรากฐานจาก เฮียบ เซ่ง เฮง โดยมีคุณดำหริ คารกานนท์ เป็นหลงจู้หนุ่มที่เก่ง นายห้างเทียม ได้ทำให้วงการตลาดย่านสำเพ็งตกตะลึง นับเป็นก้าวใหม่ ย่างก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นสากลมากขึ้น กิจการได้เจริญและมีความสำเร็จอย่างรวดเร็ว การกล้าคิด กล้าทำ เลือกทำได้ตรงจุด และดำเนินการตามแผน การลองผิดลองถูก การสังเกต การค้นหา การทดลองปฏิบัติ การไขว่คว้าเมื่อมีโอกาส ใช้ความอดทนอุตสาหวิริยะแก้ไขอุปสรรคนานัปการ เพื่อการพิสูจน์แนวคิดและวิธีการต่างๆ ในงาน
ปรัชญา / แนวความคิดในชีวิตของการทำงานที่เป็น หลักคิด ของนายห้างเทียม โชควัฒนา เช่น :
คนจะไม่พัฒนา ถ้าสามารถโยนความคิดให้กับผู้อื่น
หมั่นให้เวลาในการทบทวนตนเองว่า ทำอะไรถูกบ้างผิดบ้าง
รักตน รักครอบครัว และรักองค์กร
การทำงานก็มีผิดพลาดบ้าง การทำมากก็ผิดมาก ทำน้อยก็ผิดน้อย ไม่ทำไม่ผิด
การทำงานให้มองฟ้า (ทะเยอทะยาน) การเป็นอยู่ให้มองดิน (เป็นคนเรียบง่าย)
จงยินดีที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าจะเป็นผู้รับ
คนเราถ้าผูกติดกับความคิดเก่าๆ และไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เมื่อเวลาผ่านไปจะกลายเป็นผู้แพ้
การอิจฉาผู้อื่นที่มีความเพียรพยายามมากกว่าเรา เป็นเรื่องของคนสิ้นคิด สิ่งที่ควรทำคือ เพียรพยายามใช้สติปัญญาต่อสู้เต็มกำลัง แล้วเราจะเป็นผู้ชนะ
การผลักน้ำออกจากตัว (ยิ่งให้ยิ่งได้)
นี่เป็นส่วนหนึ่งเพียงน้อยนิดที่เก็บเกี่ยว เรียบเรียงจากข้อคิด หลักคิด ในชีวิตและการทำงานของท่านที่ทรงคุณค่ายิ่ง
ณ วันนี้ แม้นายห้างท่านจะจากไป แต่แนวความคิด ปรัชญาการทำงานและวิธีการดำเนินชีวิตยังคงเป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นหลัง ท่านเป็นคุณูปการแก่สังคมและโลก ท่านยังเคยพูดอยู่เสมอว่า ปริญญาในสถาบันคือความรู้ทางวิทยาการก็สามารถเรียนจบ แต่ปริญญาชีวิต เรียนมิรู้จบเรียนรู้จากการทำงานต้องหมั่นศึกษา ค้นคว้า และทำทุกวัน พัฒนาทุกวัน เพื่อการพัฒนาตนให้ดี ถึงแม้นายห้างฯ ท่านไม่ได้จบปริญญาดีกรี แต่ในประสบการณ์ของท่าน ถ้าเขียนตำราคงได้อีกหลายเล่ม ถ้าจะมอบปริญญาจากชีวิต ท่านคงได้หลายสาขาวิชา อย่างเช่นสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งได้มอบตำแหน่ง ดอกเตอร์ให้แก่ท่าน ดร.เทียม โชควัฒนา และท่านก็ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง ท่านบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่สังคมมากมายมหาศาล จากคำสบประมาทของหลงจู้ (ผู้เป็นอา) กับภาวะกดดันกับการดูถูก และการทำงานอย่างหนัก ใครจะคาดเดาได้ว่าตำแหน่งประธานบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด และบริษัทในเครือกว่า 200 แห่ง ยอดรวมรายได้ต่อปีมากกว่า 80,000 ล้านบาท จะยิ่งใหญ่ปานนั้น ท่านเป็นมรดกทางความคิดของผู้คน ท่านเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาครับ
คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
นายห้างเทียม โชควัฒนา
จากคำสบประมาทและการดูถูก
ทำให้ชีวิตพลิกผันสู่ความสำเร็จได้
โดย ....พรเทพ สิงห์ธวัช : 15/8/46
จากตำนานกับการเล่าขานเรื่องราวของผู้ที่ยิ่งใหญ่ อัจฉริยะ บุคคลเรืองนาม หรือผู้ที่มีความสำเร็จในชีวิตหลายต่อหลายท่านที่ถูกถ่ายทอดเรื่องราว ทั้งหลายทั้งมวล ซึ่งต่างก็ผ่านวิกฤต ผ่านเรื่องราวของความทุกข์ระทม ภาวะแร้นแค้น ภาวะกดดัน แทบกระอักเลือด ภาวะแห่งความเจ็บปวดทั้งกายและใจอย่างแสนสาหัส ด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา แต่มันก็ไม่เคยที่จะทำให้หัวใจที่ทรนงหยุดความคิดที่จะทำการใหญ่ในภารกิจแห่งการสร้างฝันให้เป็นจริงได้ ความอดทนและความพยายามเท่านั้นที่จะพิสูจน์คน ปัญหามีไว้ให้แก้อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟัน ความเจ็บปวดและความทุกข์ยากมีไว้ให้ทดสอบจิตใจของผู้กล้า ที่จะสร้างวีระกรรมแห่งความสำเร็จในตนกับความฝันในใจที่แรงกล้า
ตำนานเจ้าสัวยุคเสื่อผืนหมอนใบจากทะเลจีนอันไกลโพ้น สิ่งที่เป็นแบบอย่างแห่งการต่อสู้ แบบอย่างแห่งความอดทน แบบอย่างแห่งความมุ่งมั่น, มุมานะ และการสร้างตนจนประสบผลสำเร็จ หลักการดำรงค์ตนและปรัชญาการดำเนินชีวิต ล้วนเป็นคำสอน เป็นบทเรียนที่เกิดจากการกระทำ เกิดจากประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าแก่ผู้คนมากมายนัก และนายห้างเทียม โชควัฒนา ก็เป็นผู้สร้างตำนานแห่งความยิ่งใหญ่ สร้างคัมภีร์แห่งชีวิต และสร้างคัมภีร์ทางธุรกิจให้เป็นมรดกแก่ผู้คนรุ่นหลังได้ยึดถือเป็นแบบอย่าง แนวความคิดและแบบอย่างของนายห้างฯ เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีรากแก้วที่หยั่งลึกและแข็งแรง มีรากแขนงที่ชอนไชให้เป็นองค์ประกอบของรากแก้ว มีใบที่ให้ร่มเงา มีกิ่งก้านสาขาที่แผ่กว้างออกไป มีดอกผลพร้อมที่จะให้เก็บเกี่ยวได้ชั่วลูกชั่วหลานท่านเป็นคุณูปการทางความคิด และแบบอย่างที่มีคุณค่าแก่การนำไปเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติ บริษัทสหพัฒนพิบูลย์ บริษัทสหกรุ๊ป และบริษัทในเครือกว่า 200 บริษัทฯ มีพนักงานมากกว่า 20,000 กว่าคน มียอดขายในทางธุรกิจปีหนึ่ง 80,000 กว่าล้านบาท สินค้าอุปโภคบริโภคที่ติดตลาดอีกร้อยแปดพันเก้า ตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดง ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ซักผ้าก็ต้องใช้เปา จะสีฟันก็ต้องใช้ไลออน จะทาแป้งก็ต้องโคโดโม่ สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา และชีวิตประจำซึ่งเป็นปัจจัยหลักหรือปัจจัยเสริมในชีวิตได้ง่ายขึ้น ท่านทำได้อย่างไร
เกร็ดชีวิตของท่านเริ่มจากร้านขายของชำ ซึ่งเป็นร้านของพ่อชื่อ เปียวฮะ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าร้านโชห่วย โดยมีอา (น้องพ่อ) เป็นหลงจู้มีอำนาจการบริหาร และการจัดการเบ็ดเสร็จ นายห้างเทียมท่านทำทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่อายุ 13-14 ขวบ แบกของไปส่งลูกค้า, ซื้อกาแฟ บุหรี่ให้แขก รินน้ำชาต้อนรับแขก และงานจิปาถะภายในร้าน ขนของ แบกน้ำตาล แบกข้าวสารได้เป็นกระสอบ ต้องทำงานหนักเหมือนกุลี เหงื่อโทรมกายทั้งวัน ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ปีหนึ่งๆ จะหยุดตรุษจีน 3 วัน ค่าแรงที่ได้เป็นเงินเดือนสมัยนั้นตั้งแต่ 6 บาท, 12 บาท, 18 บาท ก็แบกกระสอบข้าวสารที่หนัก 100 กิโลกรัมได้ จะได้ขึ้นเงินเดือนเป็น 22 บาท นายห้างฯ ท่านก็ทำได้ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับความแตกต่างจากลูกอาที่อยู่สุขสบายที่ไม่ต้องทำงานหนัก ได้มีโอกาสเรียนสูงๆ ท่านรู้สึกคับแค้นใจในชีวิต ทำให้ท่านทำงานหนักเพื่อที่จะเอาชนะ ศึกษาและเรียนรู้จากการทำงานทุกอย่างในกระบวนการค้าของหลงจู้ เรียนรู้ศึกษาวิธีการซื้อมาขายไปอย่างไร ได้กำไรจากตรงไหน ปูฐานด้วยการทำงานอย่างหนักทุกอย่าง ท่านได้วิธีการทำงานจากหลงจู้ (อา) อุปนิสัยโอบอ้อมอารีและอดทนได้จากแม่ การซื่อสัตย์และการรักษาเครดิตได้จากพ่อ 3 องค์ประกอบอันยิ่งใหญ่กับบุคลิกในการทำงานอย่างหนักของท่าน ทำให้ท่านเริ่มสะสมความไม่ธรรมดามากขึ้น ต่อมาพ่อของนายห้างเทียม ได้ยกเปียวฮะให้อาที่เป็นหลงจู้ ส่วนพ่อของนายห้างก็มาเปิดร้านใหม่ภายใต้ชื่อ เฮียวฮะ ยังขายน้ำตาลและนมเหมือนเดิม จากนั้นก็เปลี่ยนมาขายของเบ็ดเตล็ดมากขึ้น กิจการเจริญเติบโตโดยลำดับ บวกกับความคิดริเริ่ม เป็นคนช่างสังเกต, ชอบคิด และพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นายห้างฯ ได้ทำการค้าขายกับทางเซียงไฮ้, ฮ่องกง โดยการขายสินค้าเบ็ดเตล็ด เสื้อผ้า ยารักษาโรคและเครื่องกระป๋อง
ในปี พ.ศ.2495 ได้กำเนิดบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด บนรากฐานจาก เฮียบ เซ่ง เฮง โดยมีคุณดำหริ คารกานนท์ เป็นหลงจู้หนุ่มที่เก่ง นายห้างเทียม ได้ทำให้วงการตลาดย่านสำเพ็งตกตะลึง นับเป็นก้าวใหม่ ย่างก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นสากลมากขึ้น กิจการได้เจริญและมีความสำเร็จอย่างรวดเร็ว การกล้าคิด กล้าทำ เลือกทำได้ตรงจุด และดำเนินการตามแผน การลองผิดลองถูก การสังเกต การค้นหา การทดลองปฏิบัติ การไขว่คว้าเมื่อมีโอกาส ใช้ความอดทนอุตสาหวิริยะแก้ไขอุปสรรคนานัปการ เพื่อการพิสูจน์แนวคิดและวิธีการต่างๆ ในงาน
ปรัชญา / แนวความคิดในชีวิตของการทำงานที่เป็น หลักคิด ของนายห้างเทียม โชควัฒนา เช่น :
คนจะไม่พัฒนา ถ้าสามารถโยนความคิดให้กับผู้อื่น
หมั่นให้เวลาในการทบทวนตนเองว่า ทำอะไรถูกบ้างผิดบ้าง
รักตน รักครอบครัว และรักองค์กร
การทำงานก็มีผิดพลาดบ้าง การทำมากก็ผิดมาก ทำน้อยก็ผิดน้อย ไม่ทำไม่ผิด
การทำงานให้มองฟ้า (ทะเยอทะยาน) การเป็นอยู่ให้มองดิน (เป็นคนเรียบง่าย)
จงยินดีที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าจะเป็นผู้รับ
คนเราถ้าผูกติดกับความคิดเก่าๆ และไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เมื่อเวลาผ่านไปจะกลายเป็นผู้แพ้
การอิจฉาผู้อื่นที่มีความเพียรพยายามมากกว่าเรา เป็นเรื่องของคนสิ้นคิด สิ่งที่ควรทำคือ เพียรพยายามใช้สติปัญญาต่อสู้เต็มกำลัง แล้วเราจะเป็นผู้ชนะ
การผลักน้ำออกจากตัว (ยิ่งให้ยิ่งได้)
นี่เป็นส่วนหนึ่งเพียงน้อยนิดที่เก็บเกี่ยว เรียบเรียงจากข้อคิด หลักคิด ในชีวิตและการทำงานของท่านที่ทรงคุณค่ายิ่ง
ณ วันนี้ แม้นายห้างท่านจะจากไป แต่แนวความคิด ปรัชญาการทำงานและวิธีการดำเนินชีวิตยังคงเป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นหลัง ท่านเป็นคุณูปการแก่สังคมและโลก ท่านยังเคยพูดอยู่เสมอว่า ปริญญาในสถาบันคือความรู้ทางวิทยาการก็สามารถเรียนจบ แต่ปริญญาชีวิต เรียนมิรู้จบเรียนรู้จากการทำงานต้องหมั่นศึกษา ค้นคว้า และทำทุกวัน พัฒนาทุกวัน เพื่อการพัฒนาตนให้ดี ถึงแม้นายห้างฯ ท่านไม่ได้จบปริญญาดีกรี แต่ในประสบการณ์ของท่าน ถ้าเขียนตำราคงได้อีกหลายเล่ม ถ้าจะมอบปริญญาจากชีวิต ท่านคงได้หลายสาขาวิชา อย่างเช่นสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งได้มอบตำแหน่ง ดอกเตอร์ให้แก่ท่าน ดร.เทียม โชควัฒนา และท่านก็ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง ท่านบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่สังคมมากมายมหาศาล จากคำสบประมาทของหลงจู้ (ผู้เป็นอา) กับภาวะกดดันกับการดูถูก และการทำงานอย่างหนัก ใครจะคาดเดาได้ว่าตำแหน่งประธานบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด และบริษัทในเครือกว่า 200 แห่ง ยอดรวมรายได้ต่อปีมากกว่า 80,000 ล้านบาท จะยิ่งใหญ่ปานนั้น ท่านเป็นมรดกทางความคิดของผู้คน ท่านเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาครับ