การอภิปราย “ปัญหาเศรษฐกิจที่รอรัฐบาลใหม่”
ผู้ดำเนินการอภิปรายคือ ม.ร.ว.ปริดียาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช.
วิทยากร ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ
แขกรับเชิญที่ร่วมพูดคุย
ดร.ดอน นาครทรรพ , ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล , คุณหญิงทองทิพย์ รัตนะรัต
การอภิปรายเริ่มต้นด้วยการเรียนเชิญวิทยากรทั้งสองท่านให้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดย ดร.ณรงค์ชัย ได้เปรียบเทียบเศรษฐกิจของไทยตั้งแต่ที่ คสช.ได้ยึดอำนาจเมื่อปี ๒๕๕๗ กับปัจจุบันนี้ว่า ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คือ
1. ดอกเบี้ยของสหรัฐตอนนั้นแค่1% แต่ตอนนี้5%กว่า ส่วนดอกเบี้ยนโยบายของไทยตอนนี้ 1.75% น่าจะขยับเป็น2%ปลายเดือนนี้
2.ราคาน้ำมันตอนนั้น ปฏิวัติ ราคาเกิน100$ พอหลังช่วงปฏิวัติ เจอวิกฤตพลังงานตอนน้ำมันลงไปต่ำกว่า 30$
เข้าไปแก้ปัญหาน้ำมัน จากติดลบ20,000ลบ จนตัวเลขกลับมาเป็นบวก ต้นปีนี้ราคาน้ำมัน 100$ จนถึงตอนนี้ราคากลับลงมาอยู่แถว 80$ จากสงครามรัสเซีย ยูเครน
3.ปี2013 นักท่องเที่ยวเข้าประเทศกว่า 20ล้านคน ปีต่อมา 20กว่าล้านคน จนถึงปี2019 เกือบ40 ล้านคน
ตอนนี้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา 15ล้านคนแล้ว
4.ดุลบัญชีเดินสะพัดตอนนั้นติดลบนิดหน่อย จนถึงบวก และกลับมาติดลบในช่วงโควิด และปีนี้ก็น่าจะเป็นบวก
ที่ต่างคือเงินเฟ้อ เมื่อก่อนแทบจะไม่มีเงินเฟ้อ ตอนนี้สูงมาก ส่งผลเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่ก็ไม่มาก เพียงแต่ว่าจะไม่ลดลง
5. ส่วนเศรษฐกิจโดยภาพรวมก็กำลังเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ส่วนในตลาดโลกก็คือดอกเบี้ยที่สูงขึ้น สงครามรัสเซียกับยูเครน แต่ไทยก็ยังยึดนโยบายที่ไม่เข้าข้างฝ่ายใด และปัญหาของไทยอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ย่อมจะทำให้การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ล่าช้าไปด้วย หรือยิ่งจะทำให้ปัญหาพอกพูนมากขึ้น
ส่วน ดร.ศุภวุฒิ มองปัญหาในภาพรวมว่า
1.มาตราการคลัง หนี้สาธารณะต่อGDP ตอนนี้ 61.2% โดยปรับเพดานไปที่70% แต่อีก10ปีก็ต้องปรับลงมาที่60%
รัฐบาลไม่ค่อยมีเงิน พลังงานก็ช่วยไม่ได้มาก
2.เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 226พันล้านเหรียญ$ และมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ 2.33ล้านล้านบาท
3.capital market 18.90 ล้านล้านบาทและตลาดพันธบัตร 16.09ล้านล้านบาทประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล
11ล้านล้านบาท ต้องใช้เงินที่เป็นCirculationมากขึ้น
Digital Economy โดยบังคับ ไม่ต้องรอให้จัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จ ทำได้ทันที
1.กระตุ้นการใช้จ่ายที่สร้างตัวคูณ และสร้างรายได้ให้รัฐสูง โดยไม่ต้องคอยรัฐบาลเลย
2.อำนวยความสะดวกด้านการลงทุนให้กับเอกชน โดยการใช้ระบบIT
3.เร่งรัดการบริหารการเดินทางของนักท่องเที่ยวด้วยระบบIT
4.ส่งเสริมการส่งออกทุกวิถีทาง
5.บริหารโครงการลงทุนของรัฐให้เสร็จใช้งานได้เร็วขึ้น ตอนนี้ยังมีค้างไม่เสร็จเช่น ทางด่วนโคราช และ รถไฟสายสีส้ม
เรายังมีปัญหาเรื่องแรงงานที่ลดลง ส่งผลต่อจีดีพี และการพัฒนาประเทศ ที่รวมถึงปัญหาทางการศึกษาที่เรายังล้าหลัง และแข่งขันได้น้อยกับคู่แข่งรอบ ๆ บ้าน ปัญหาของ Start up และ SME ที่ยังไม่ก้าวออกไปในระดับนานาชาติ แล้วได้วกมาพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ด้วยสโลแกนที่ว่า “ต้องก้าวไกลให้ไทยก้าวหน้า” พร้อมกับแสดงความเห็นว่า เห็นด้วยกับนโยบาย ๒๓ ข้อของพรรคก้าวไกล ที่จะแก้ไขในเรื่องเศรษฐกิจ เพียงแต่อาจจะมีปัญหาเรื่องการหาเงินมาใช้ทำ
เงินที่ต้องใช้จ่าย 650,000 ลบ นั้น ไปใช้กับคนแก่มากกว่าเด็ก4เท่า
โดยข้างซ้ายของรูปภาพ เป็นแหล่งรายได้ เน้นเก็บภาษีคนรวยซะเป็นส่วนใหญ่ ถ้าต้องการฟื้นเศรษฐกิจ เวลาเก็บภาษีจากกำไร มีผลต่อการลงทุน ภาษีของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ , capital gain tax , Wealth Tax กระทบต่อการลงทุน เป็น
Trade off
ดอกเบี้ยสหรัฐ อาจจะขึ้นอีกครั้ง ทำให้ต้นทุนแพงขึ้น ถ้าUSเร่งขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไป
ส่วนภาคธนาคารขนาดใหญ่ ตอนนี้หยุดการปล่อยกู้แล้ว
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า เราจะฟื้นยากขึ้น
ในรอบสอง เรื่องโครงสร้าง
ดร.ณรงค์ชัยได้พูดถึงวิธีแก้ปัญหา ว่า ประเทศไทยยังโชคดีไม่มีปัญหาเรื่องเงินสำรอง เพียงแต่ว่าจะต้องทำให้มีการนำออกมาใช้และหมุนเงินให้เร็วยิ่งขึ้น ให้ได้หลาย ๆ รอบ เศรษฐกิจก็จะวิ่งต่อไปได้ และก็เห็นด้วยเช่นกันกับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยรัฐสวัสดิการ
สำหรับ ดร.ศุภวุฒิ บอกว่า 8การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
1.แรงงานไทยในปี2050 หายไป 11 ล้านคน ต้องหาแรงงานต่างด้าวมาชดเชย
2.62%ของผู้ผลิตในUS,EU มีการเริ่มย้ายฐานการผลิตกลับประเทศหรือไปประเทศใกล้เคียงแล้ว
3.ยอดขายรถEV ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.9ล้านคัน ขณะที่รถICE ลดลง2.9ล้านคัน
เรื่องภาคอุตสาหกรรมไทย เราเป็นดีทรอยซ์เอเชีย เราผลิตรถ ICE ซึ่งต่างจากรถไฟฟ้า เหลือตัวถังกับเบาะ
PCB ต้องแข่งกับทุน เซมิคอนดักเตอร์เป็นเรื่องใหญ่ เราต้องอยู่ในsupply chain
4.บริษัทใหญ่5%ในไทยทำรายได้ถึ 85%ของรายได้บริษัททั้งหมด ความเหลื่อมล้ำทางด้านธุรกิจ อยากให้sme เป็น unicorn
5.ไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยขั้นสุดยอด ในอีกไม่ถึง10ปีข้างหน้า คนอายุเกิน65ปีมีสัดส่วนเกิน20%ของประชากร
6.คะแนนPISA ของไทยปี2018 ลำดับ66จาก78ประเทศ ต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาค
7.ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยกำลังจะหมด ไทยต้องนำเข้าพลังงานเพิ่มขึ้นอีก3%GDP
8.ไทยติดอันดับ3 จาก 48 ประเทศ ที่จะถูกกระทบจากClimate change มากที่สุด
เด็กไทยอายุ15ปี อ่านหนังสือ แต่ใช้งานไม่ได้ ปฏิรูปการศึกษา upskill
การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู การ Reskill และ Upskill และอยากให้ให้ความสำคัญกับการยกระดับ Start up กับ SME
ในตอนท้ายได้เปิดเวทีให้ผู้มาฟังอภิปรายได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และสอบถามปัญหาต่าง ๆ กับวิทยากร โดยในรายละเอียดได้มีผู้สื่อข่าวทั้งโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ และสื่อมวลชนในด้านเศรษฐกิจ ได้มาร่วมตั้งคำถามและแสดงความเห็นต่าง ๆ อย่างมากมาย ทั้งนี้ ม.ร.ว.ปริดียาธรได้เสนอว่า ยินดีที่จะให้สื่อมวลชนและผู้สนใจใช้สถาบันคึกฤทธิ์ เป็นสถานที่จัดการอภิปรายและกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะให้ความรู้แก่สาธารณชนในหลาย ๆ แขนง ซึ่งจะได้ประกาศแจ้งข่าวสารต่าง ๆ ในเรื่องนี้ให้กับผู้สนใจเป็นระยะ พร้อมทั้งได้มอบของที่ระะลึกแก่วิทยากรทั้งสองท่าน และกล่าวขอบคุณ