หน้า 1 จากทั้งหมด 1

Bootcamp for Growing Mindset Investor : [Zoom B] สรุปโดย Seminar Knowledge by Amorn page

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 26, 2023 8:04 pm
โดย amornkowa
Bootcamp for Growing Mindset Investor : [Zoom B]
สรุปโดย Seminar Knowledge by Amorn page
..............................................................................

สรุปกิจกรรมการพูดคุยกลยุทธ์การลงทุน ช่วงQ&A

.......................................

Q1: ตลาดเป็นขาลง หุ้นหลายตัวตกต่อเนื่อง ปกติเวลาหุ้นลงก็ซื้อเพิ่ม
แต่ถ้าลงต่อ มีกลยุทธ์ในการเข้าซื้อหรือสับเปลี่ยนหุ้นอย่างไร?
...
A : พี่หมอ ตอบว่า ถ้าเจอหุ้นลงพร้อมๆกัน จะคิดถึงหุ้นที่อยากจะถือระยะยาว
หุ้นที่ถือ ถ้าลงมาพอๆกัน ดูที่upside เน้นตัวที่มีupsideมาก จะswitchหุ้นตัวที่อยากถือหุ้น(upsideน้อย)
มาถือตัวที่upsideเยอะ
หลักการพิจารณาว่าหุ้นดีไม่ดี ดูเพียง 2 ข้อ คือ
1. คุณภาพกิจการต้องดี เลือกตัวที่คุณภาพดีกว่า เพราะ เวลาที่หุ้นกลับมา ตัวที่คุณภาพดีกว่าจะมากลับมาก่อน
2. ราคา หุ้นตกไม่เท่ากัน หุ้นที่ตกเยอะ มองupsideในอนาคต ถ้ามาก ก็น่าสนใจที่จะswitchจากตัวอื่นมา

คุณภาพของกิจการ
เราต้องเข้าใจเรื่องBusiness Model ถ้าให้มองแค่factorเดียว ก็ดูที่ “อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)” มอง ROE ที่สูงๆ หรือ สูงขึ้นเรื่อยๆจะดี
....................................

Q2: เวลาลงลึกในหุ้น ลงdetailอะไรบ้าง และ ถ้าเวลาทำscuttlebutt อย่างไร ถ้าเราไม่อยู่ที่นั่น หรือ กรณีเครื่องสำอาง จะรู้เทรนได้อย่างไร
A2: น้องจิม วิตามินหุ้น ตอบว่า ส่วนตัวชอบหุ้นที่ติดตามง่าย หาหุ้นที่มั่นใจ ถามคนที่อยู่ในอุตสาหกรรม
(เดี๋ยวจะสรุป ที่คุณจิมพูดในงานสังสรรค์Thaivi Q2มาให้ คุณจิมพูดไว้ดีมากเลย)
ดูจากสื่อsocial ถ้าหาข้อมูลทางตรงไม่ได้ ก็ทำอ้อมๆ
ธุรกิจที่ไม่สามารถ scuttlebutt ได้ อาจยากในการลงทุน หรือ จะไปมองภาพทางmacroแทน
หาปัจจัยที่เกี่ยวข้อง key driver มีอะไรบ้าง และ scopeลงมา
ถ้าเรารู้กว้างเกินไป อาจไม่เหมาะที่จะลงทุน ไปหาตัวอื่นที่มั่นใจจะดีกว่า
แต่ต้องหาจนสุดความสามารถก่อนนะ ดูจากsocial media , ตัวเลขจากแหล่งข้อมูล ส่งออก
ถ้าดูจนมั่นใจ ก็ลงทุนได้

Q3: ลักษณะหุ้นที่น่าสนใจ ระหว่าง “หุ้นราคาถูก , upsideเยอะ แต่ไม่มั่นใจว่าจะกลับมาโตได้” กับ “หุ้นพื้นฐานดี แข็ง
แกร่ง เติบโตระดับนึง แต่ราคาแพง” จะเลือกลงทุนตัวไหนดี?
...
A3: ดูที่upside, return ต่อปี และ จำนวนปีที่ราคาจะกลับมาที่เดิม
หุ้นถูกมาก ซื้อที่discount เช่น 1$ ซื้อในราคา 0.5$ ถ้ากลับไปใน5ปี ที่1$ แสดงว่าตอนซื้อ market cap 50%
ถ้ากลับไปที่เดิมในห้าปี ก็ได้1เด้ง ถามว่า เราได้15%ต่อปี เราพอใจไหม
แต่ถ้าไม่มีโอกาสจะกลับมาในห้าปี หุ้นนี้ก็ไม่น่าสนใจ
ถ้า 3ปี กลับมาที่เดิมได้ จะได้ 26%ต่อปี ในเงื่อนไขที่ซื้อในราคา50%
แต่กลับมานานกว่า 5 ปี ก็ไม่น่าสนใจ
อีกกรณี ถ้ามันแพง จะทำprojection 3-5 ปี กำไรเป็นเท่าไหร่ PEจะเป็นเท่าไหร่
3ปี กำไรเท่าไหร่ หรือ 5ปีจะทำกำไรเท่าไหร่
มาร์คเสริมว่า นักลงทุนที่มีประสบการณ์ จะมอง3-5ปี ว่าreturnจะเป็นเท่าไหร่
แต่บางที ตลาดให้ราคาผิดได้นานถึง3ปี ราคาผิดได้อีกนาน ดังนั้น การถือหุ้นต้องอาศัยความอดทน
.......................................

Q4 : การลงทุนในหุ้นขนาดเล็กและกลาง ต้องมีcriteriaอย่างไร ทำอย่างไรเราจึงจะมองเห็นการเติบโตที่เกิดขึ้นในอนาคตก่อนคนอื่น?
...
A4 : หมอเคให้หลักการพิจารณาบริษัท
1.ทีมผู้บริหารมีความน่าเชื่อถือไหม? เวลาที่ทำผิดพลาด ออกมายอมรับความจริงหรือเปล่า
ถ้าผู้บริหารเฉไฉ เราก็ไม่สนใจ
2.ความแข็งแกร่งของธุรกิจ โมเดลที่จะไปยังที่ต่างๆ ,margin,ความสามารถในการควบคุมsupply chain
เราไม่สามารถมองเห็นคนแรกๆ แต่เห็นราคาหุ้นลงมาเยอะพอสมควร แล้วดูoppday เริ่มกลับมาดีขึ้น
อันนี้เป็นจุดที่เข้า เนื่องจากไม่ถนัดเทคนิค เลยให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือมากกว่า


.......................................

Q5 : การบริหารพอร์ต พอเกิดวิกฤต ส่วนใหญ่จะholdหรือ switchตัวหุ้น
โควิดที่ผ่านมา มีนักลงทุนท่านนึงใช้อนุพันธ์มาhedge port มีมุมมองอย่างไร?
...
A5 : พี่หมอตอบข้อนี้ว่า น่าสนใจ เกือบใช้หนนึงก่อนหน้า แต่ยังไม่ได้ใช้ การทำ short tflex
น่าสนใจ ดีกว่าการขายหุ้นตัวเอง ซึ่งทำให้หุ้นตก แต่มีข้อเสีย ถ้าเหตุการณ์ไม่เกิด ก็จะเสียเงิน
ต้องใช้ในช่วงสั้นๆ และ ลองด้วยจำนวนน้อยๆก่อน limit lost ต่อไปถ้ามีประสบการณ์ ก็จะใช้ได้ดีขึ้น
.......................................

Q6 : เป็นพนักงานประจำ ไม่ได้เป็นนักลงทุนเต็มเวลา ไม่ค่อยมีเวลาหาข้อมูล ข้อมูลที่หาได้ก็เป็นข้อมูลทั่วๆไป ไม่ใช่เชิงลึก ไม่สามารถไปcompany visit , AGM จะทำอย่างไรดี? มีความจำเป็นแค่ไหน?
...
A6 : น้องต้อมมาตอบคำถามนี้ว่า หาข้อมูลยากหลายตัว การไปcompany visit , AGM ก็ได้ข้อมูลประมาณนึง
ปกติการไปCVไม่ค่อยเจอพูดเรื่องที่ไม่ดี ต้องcross checkให้ดี ข้อมูลซ่อนอยู่หลายๆที่
ข้อมูล 60-70% มาจากข้างนอกมากกว่า ดูคู่แข่งทำกันอย่างไร ดูstrategy ผู้บริหารเป็นอย่างไร
พี่หมอเสริม ถึงแม้นักลงทุนทำงานประจำอยู่ ได้ข้อมูลอาจน้อยกว่า นักลงทุนFull time แต่ที่สำคัญคือ
เรื่องความคิด ตั้งคำถาม และ หาคำตอบ นั้นสำคัญกว่ามาก
.......................................

Q7 : เราจะพัฒนาหลักการคิด หรือ logicในการลงทุนอย่างไรดี?
...
A7 : น้องเอิง ตอบว่า วิธีการหนึ่งซึ่งได้ผลดีมากคือ เรียนรู้จากกรณีศึกษาในอดีต (Case Study) ลองศึกษาหุ้นที่ในอดีตราคาพุ่งขึ้นมาหลายเท่าตัว หารูปแบบของมันให้พบ ช่วงเวลาต่างๆที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง หุ้นขึ้นเพราะอะไร บริษัทมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง กิจการในช่วงเวลานั้นๆเป็นอย่างไร? หรือบางตัวหุ้นขึ้น ทำไมเราไม่ซื้อ
ต้องจดบันทึกเสมอ จดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหุ้นตัวนั้น รวมถึงการประเมินมูลค่า จดไปเรื่อยๆ
สมมติว่า หุ้นตัวนี้ขึ้นเยอะ ถ้าไม่มีในwatch list ก็ไปปรับปรุงwatch list
ถ้ามีในwatch list ก็หาเหตุผลว่าตอนนั้นทำไมไม่ซื้อ
พี่หมอเสริม เวลาอยากเก่งเร็ว ก็อ่านcase study เยอะๆ ถ้าเราผ่านได้จริงๆ เราก็มีประสบการณ์มากขึ้น
.......................................

Q8: ถามพี่หมอ ว่า เราจะเลือกติดตามบางบริษัท ซึ่งต้องใช้เวลาอยู่กับบริษัทเยอะ เราจะติดตามหุ้นเติบโตได้ถูกตัวอย่างไร?
A8: ถ้าดูจากบทวิจัยหุ้นในต่างประเทศ ค่าเฉลี่ยแค่3%ที่เป็นหุ้นโตเร็ว ถ้าในไทย SET น่าจะไม่เกิน 2% หรือ 10กว่าตัว
วิธีที่หาหุ้นgrowth
Brandที่เก่งกว่าคู่แข่ง มีeconomy of scale หุ้นเหล่านี้ต้องอยู่ในwatch list ของเรา
Scale ค่อนข้างชัวร์ Scale Up ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพลาด หรือ ถ้าธุรกิจมึการผูกขาดทางธุรกิจ (Monopoly)
หากคุณพบบริษัทใดที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ชนะคู่แข่งแบบทิ้งห่างอันดับที่สองมหาศาล ต้องเอาเข้าwatch list
แต่บางครั้งฺBrand ก็ผันผวนได้ ถ้าใหญ่แล้ว ก็ดูที่market size ประกอบ เช่น โตได้3เท่าเทียบกับตอนนี้

...
Q9: การดูผู้บริหารที่ดี มีมุมมองไหนที่จะrecheckได้ครับ?
A9: น้องจิม บอกว่า
1. อันดับแรก ดูย้อนหลังว่าที่พูดตอนนี้ กับเมื่อ3ปีที่แล้ว มีความต่อเนื่องขนาดไหน
2. อยากรู้จัก ผู้บริหาร ก็search ชื่อผู้บริหาร ว่ามีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง ครอบครัวเคยมีเรื่องราวไหม
3. ผู้บริหารพูดเกินความเป็นจริง หรือ พูดต่ำกว่าความเป็นจริง
4. ผู้บริหารเข้าใจธุรกิจหรือไม่ แก้ปัญหาที่ผ่านมาได้ถูกจุดไหม
พี่หมอ บอกว่า ผู้บริหารต้องเก่งทั้งสองเรื่อง คือ operation , capital allocation
ส่วนใหญ่จะเก่งเรื่องoperationอย่างเดียว แต่ถ้าเก่งเรื่อง การซื้อกิจการเข้ามาในราคาไม่แพง มีซื้อหุ้นคืนในช่วงหุ้นตก
อันนี้ถือว่า เก่งทั้งสองด้าน
..............................................................................

สุดท้ายขอขอบคุณทีมงาน ‘หุ้นหมีบอก’ และ ‘หาหุ้นใส่หัว’ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขอขอบคุณ ‘นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี’ ที่มาให้ความคิดเห็นและตอบปัญหาครับ