หน้า 1 จากทั้งหมด 1

**

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 03, 2004 7:39 pm
โดย LOSO
**

**

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 03, 2004 8:04 pm
โดย นักดูดาว
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

โดนใจครับท่าน LOSO

ทำไมตอน SET 300 กว่าๆ ไม่มีใครคุยเรื่อง LTF

พอ SET 600 กว่า เพิ่งจะมาเรียกให้ลงทุนระยะยาว

ไม่น่าจะคุ้มครับ



ผมสังเกตุอีกว่าแต่ละกองทุนจะเน้นหุ้นที่มีปันผล

ถ้าจะลงทุนในหุ้นเพื่อปันผลอย่างที่ว่าแล้ว หุ้นปันผลระดับ 6-7% ต่อเนื่อง

จะต้องโดนซื้อไปมากกว่านี้ครับ ไม่ใช่ไปซื้อพวกหุ้น mkt cap.ใหญ่ๆ

ที่ปันผลได้แค่ 2-3%

$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$

**

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 03, 2004 10:09 pm
โดย mrdew
ผมว่ามันก็เป็นทางเลือกอ่ะนะ ถ้าเราคิดว่าดี เราก็เลือก ถ้าเราคิดว่าไม่ดี เราก็ไม่เลือก จุดประสงค์หลักและจุดเด่นของ LTF ก็น่าจะมีเรื่องลดหย่อนภาษีอย่างเดียว เห็นแต่ละ บลจ. จะชูตรงนี้เป็นพิเศษ

อย่าลืมว่าคนเล่นหุ้นมีไม่กี่แสนบัญชี(ประมาณ 350,000 บัญชี) ในขณะที่คนไทยมีตั้ง 60 กว่าล้านคน ยังมีคนอีกมากที่ไม่รู้เรื่องการลงทุน ถ้าผมเป็นการศึกษาไม่สูง ทำงานโรงงาน ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุน ได้ยินว่า ผลตอบแทนมากกว่าฝากเงิน ประหยัดภาษีได้ มีมืออาชีพดูแลให้ ผมก็คงหูผึ่งเหมือนกัน :D

**

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 04, 2004 9:18 am
โดย NDD
ถ้าได้ลดหย่อนภาษี 30% ไมสนเหรอ ผมว่า แม้ผลตอบแทนกองทุน 0% ได้ลดหย่อนภาษีก็คุ้มแล้ว มันแล้วแต่ว่าใครซื้อ มีฐานภาษีเท่าไร มีความรู้การลงทุนแค่ไหน มากกว่า

**

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 04, 2004 10:46 am
โดย pa_chit
ผมว่า ถ้ามองผิวเผินมันก็เหมือนเราได้ผลตอบแทนจากการประหยัดภาษีเป็นจำนวนมากอยู่หรอก เพราะว่าถ้าเราเสียภาษีที่ 10% ขึ้นไป ผลตอบแทนคงมากกว่าดอกเบี้ยขณะนี้

แต่ที่ผมมาลองคิดดู ไอ้เงินที่เราใส่เข้าไปปีไหนก็ลดหย่อนได้เฉพาะปีนั้น ถ้าปีอื่นๆ ผมไม่ซื้อกองทุน ผมก็ไม่ได้ลดหย่อน มันก็เท่ากับว่าผลตอบแทนจากการลดหย่อนภาษีแทนที่มันจะต้องหารด้วยหนึ่งปี มันต้องหารด้วยห้าปีอย่างน้อย ใช่มั๊ยครับ??? (เพราะถ้าเราฝากแบงก์เราต้องได้ดอกเบี้ยทุกปี)

ดังนั้นถ้าหากปีนี้คุณได้ผลตอบแทน 10% คิดแบบง่ายๆ เอา 10% มาหาร 5 ก็จะเท่ากับ 2% เอง

ผมจึงคิดว่าผลตอบแทนที่น้อยที่สุด(ไม่รวมกำไรขาดทุนจากกองทุน) ที่เรามีโอกาสจะได้รับ คงจะไม่คุ้มแน่ๆ ถ้าคุณเสียภาษีที่ฐานต่ำๆ

ถ้าคุณได้กำไรจากกองทุนก็ดีไป ถ้าขาดทุนล่ะ

แถมที่น่าเสียดายก็คือ สมมติหากปีที่ 3 NAV สูงมากๆ ไม่ขาย แต่พอมาถึงปีที่5 มันเกิดลงต่ำกว่าตอนคุณซื้อล่ะ :twisted: เซ็งเลย เพราะขายในปีที่ 3 ก็ไม่ได้ ขายโดนปรับอาน

ไม่รู้ผมคิดมากไปรึเปล่า คิดยังไงๆ ก็ไม่คุ้ม แต่ผมชอบได้ยินผู้จัดการกองทุนพูดบ่อยๆ ถ้าคุณเสียภาษีที่ 10 % ก็คุ้มแล้ว เพราะคุณได้ return ทันทีที่ซื้อ 10 % ผมก็เคลิ้มอยู่ตั้งนาน มาคิดมาคิดไปผมต้องเสียโอกาสเงินต้นของผมในปีที่เหลือที่ผมไม่ได้รับลดหย่อนด้วยนี่หว่า แล้วไอ้ผมมันก็ฐานภาษีนิดเดียวเอง จะขาดทุนซะเปล่าๆ

**

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 04, 2004 11:18 am
โดย Pornthep
บางบลจ.เขาเรียกว่า เป็นการลงทุนแบบมีแต้มต่อครับ

ที่บอก 5 ปี ก็เป็น 5 ปีปฏิทิน หมายถึง ถ้าลงทุนปลายปี 47 ต้นปี 51 ก็สามารถไถ่ถอนได้แล้วถ้าต้องการ นับเวลาจริงๆก็ไม่ถึง 5ปีหรอกครับ แค่ 3ปีกว่าๆเท่านั้น ผมว่ายิ่งเสียภาษีที่ฐานสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนใจ

สำหรับผู้ที่บอกว่าไม่มีเวลาและไม่มีความรู้ก็ไม่ควรลงทุนเลยครับ ฝาแบงก์อย่างเดียว แต่เงินก็มีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อนะครับ

ถ้ามีเวลาและความรู้น้อยและมีเงินเย็นถ้าคิดจะซื้อกองทุนทั่วไป ซื้อ LTF ก็น่าจะดีกว่า

ไม่มีการลงทุนในโลกนี้ที่ดีพร้อมทุกอย่างหรอกครับ ผลตอบแทนดี ไม่เสี่ยง

การที่เราไมมีความรู้ นั่นแหละครับเสี่ยง

**

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 04, 2004 8:39 pm
โดย gone
สำหรับคนที่ฐานภาษีสูง ๆ ผมว่าคุ้มแน่นอนครับ
อ่านจากความคิดเห็นของคุณ pa_chit
ที่ว่าถ้าปีที่สามหุ้นเกิดขึ้นมาก ๆ ก็ขายไม่ได้
ผมว่าคุณคงไม่เหมาะกับ LTF ครับ
ทั้งฐานภาษีที่ 10% ก็ยิ่งไม่ดึงดูด ซื้อก็ซื้อได้นิดเดียว

ส่วนกองทุนจะบริหารเก่งหรือไม่นั้น
ผมว่าส่วนลดสามสิบ % ในการซื้อหุ้นเนี่ย
ต่อให้บริหารไม่ค่อยเก่งผมก็ยอมครับ

เพิ่มเติมสำหรับคนที่จะซื้อ อย่าซื้อเกิน 15% ของรายได้นะครับ
เพราะส่วนที่เกิน เวลาขาย(แม้จะเกินห้าปี) ต้องเสีย capital gain tax ด้วย

**

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 04, 2004 10:14 pm
โดย Stock Broker
ผมว่าวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนหน่วยลงทุน หุ้นมันคงลงกันวินาศสันตโร (ดันกำหนดให้ไถ่ถอนได้ปีละแค่ไม่กี่ครั้ง) เพราะใครๆ ก็แย่งกันไถ่ถอน เมื่อมีข่าวว่าคนจะแห่ไปไถ่ถอน คนที่เหลือก็จะตามไปไถ่ถอนด้วยคน (เหมือนสมัยที่มีข่าวว่าแบงค์หลายแห่งจะถูกปิด คนเลยแห่ไปถอนเงินกันใหญ่จนแบงค์เลยเกือบเจ๊งจริงๆ )

**

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 04, 2004 10:18 pm
โดย Stock Broker
อีกหน่อยก็จะมีปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดหุ้น เรียกว่า "LTF Redemption Effect" ซึ่งนักลงทุนในตลาดหุ้นจะชิงขายหุ้นทิ้งก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนหน่วยเพราะคาดการณ์ว่าเมื่อถึงวันนั้นๆ ผู้ถือหน่วยจะแห่ไปไถ่ถอน (เพราะได้โอกาสปลดโซ่ตรวนที่ถูกล่ามไว้ 3 ปีกว่าๆ ออกซะที) ซึ่งแน่นอนว่ากองทุนก็จะต้องขายหุ้นออกมาเพื่อนำเงินไปชำระคืน

อย่างน้อย ผมขายหุ้นทิ้งในตลาดเอง ยังไงก็ขายได้ก่อนผู้ถือหน่วยอยู่ดี เพราะผมไม่มีวันครบกำหนด 5555

**

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 05, 2004 8:34 am
โดย MO101
อย่างน้อย ผมขายหุ้นทิ้งในตลาดเอง ยังไงก็ขายได้ก่อนผู้ถือหน่วยอยู่ดี เพราะผมไม่มีวันครบกำหนด 5555
ผมก็คิดเช่นเดียวกับคุณ FE ครับ
ใครจะลงทุนก็เทียบเอาครับ
ระหว่างมีสิทธิในการควบคุมหุ้น
กับ ถูกจองจำ 3 ปีแต่มีส่วนลด
------------------------------------------------------
มีสาวๆ ไม่สวยมาชอบเรา ดีกว่าไม่มีคนมาชอบเลย :D

**

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 05, 2004 9:54 am
โดย Pornthep
ผมเข้าใจว่า LTF redemption effect คงมีผลไม่มากครับเพราะว่า แต่ละกองไม่ได้กำหนดให้ไถ่ถอนได้ในช่วงเวลาเดียวกัน

**

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 05, 2004 11:15 am
โดย นักดูดาว
หลังจากอ่านมาหลายความเห็น
ในฐานะที่ลงทุนในตลาดด้วยตัวเอง
ผมดีใจมากที่มีกองทุนมาซื้อของผมครับ
ฮ่าๆๆ