Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

PL สรุปผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน
บมจ. ภัทรลิสซิ่ง

ตรวจสอบ
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท)

งวด 1 ปี

ปี 2547 2546

กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 199,031 155,021
กำไร(ขาดทุน)สุทธิต่อหุ้น(บาท) 6.63 5.17



หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบงบการเงิน
จากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์

"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงินฉบับเต็ม
ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว"

นายเกริกชัย ศิริภักดี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ภัทร ลีสซิ่ง (PL) เปิดเผยว่า
ตามที่บริษัทฯ ได้ปรากฎผลการดำเนินงานของงบกำไรขาดทุน สำหรับปีบัญชีสิ้นสุด
วันที่ 30 กันยายน 2547 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 199.03 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับ
กำไรสุทธิสำหรับ ปี 2546 ปรากฎว่ามีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเท่ากับ 44.01 ล้านบาทหรือ
ร้อยละ 28.39 ซึ่งมากกว่าร้อยละ20 นั้นบริษัทฯขอชี้แจงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลง
ดังกล่าวดังนี้
1.บริษัทมีรายได้หลักจากสัญญาเช่าดำเนินงานเป็นจำนวน 1,288.75 ล้าน
บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 287.08 ล้านบาทหรือร้อยละ 28.66 เนื่องจากการขยายตัว
ของสินทรัพย์ให้เช่าเพิ่มขึ้น โดยที่บริษัทมีสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิ ทั้งสิ้นในปี 2547
เป็นจำนวนเงิน 3,659.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 เป็นจำนวนเงิน 641.97 ล้าน
บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 21.27 นอกจากนี้ในปี 2547 บริษัท มีกำไรจากการขาย
ทรัพย์สิน 92.29 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2546 เป็นจำนวนเงิน 34.91 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 60.83 จากการที่บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทำให้ บริษัทมี รายได้
รวมทั้งสิ้น 1,412.52 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2546 เป็นจำนวนเงิน 325.84 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.98
2.ต้นทุนและค่าใช้จ่ายบริษัทมีค่าเสื่อมราคาจากสินทรัพย์ให้เช่าเป็นต้นทุน
หลักโดยที่ บริษัทมีต้นทุนและ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 263.30 ล้านบาท ซึ่ง
การเพิ่มขึ้นนั้นเป็นในทางเดียวกันกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นดังนั้นในปี 2547 นี้ บริษัทมีกำไร
สุทธิ 199.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 เป็นจำนวนเงิน 44.01 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 28.39 ซึ่งจากการขยายตัวของ อุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่องและจากการที่
ลูกค้าให้ความไว้วางใจในการบริการของบริษัทด้วยดีตลอดมา ทำให้บริษัทสามารถ
รักษาฐานลูกค้าเดิมและสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ ส่งผลให้ ผลประกอบการของปี
2547 ดีขึ้น

ได้เวลาเชียร์ขายอีกแล้วเหรอครับ เอ หรือคราวนี้ขายจริง

หรือว่าจะถึงขาลงแล้วครับ กำไรต่อหุ้น q4 เหลือไม่ถึงบาท
เรื่องหุ้นน้ำมันกับหุ้นยานยนต์นี่ตรงข้ามกันจริงๆครับ

นักดูดาว เขียน:หรือว่าจะถึงขาลงแล้วครับ กำไรต่อหุ้น q4 เหลือไม่ถึงบาท
เรื่องหุ้นน้ำมันกับหุ้นยานยนต์นี่ตรงข้ามกันจริงๆครับ

ขาลงไปหน่อยแล้วครับ 19-11-04 15:16 ราคา 51.00

นี่มันเลียนแบบ METCO กับ SE-ED เลยนะ :lol:

ยังไม่ได้เห็นงบนะครับ
แต่ดูทางเทคนิคฐานเดิมที่ย่ำมาแน่นคงจะรับอยู่

ถ้าไม่อยู่จะกับไปฐานเก่าเมื่อปี 2002

ฐานเก่ที่ปี 2002 เท่าไรครับ

ba_2l เขียน:ฐานเดิมที่คุณนักดูดาวใช้ ไม่ทราบว่าหมายถึง200สัปดาห์เหมือนคราวที่แล้วหรือเปล่าครับ :lol:

คราวนี้น่าจะเป็น 50 ครับ

ขอสารภาพว่า ผมหน้าแตกไปเรียบร้อยสำหรับสัญญาณ Golden Cross ครับ

ครับ ฐานที่ตัวเลข 50 ก็เท่าๆกับฐาน 50 สัปดาห์และอีกหลายๆเส้นครับ
วันนี้แท่งเทียนทะมึนเชียวครับ แสดงว่าผิดหวังกับผลประกอบการณ์มาก
ปีนี้ไม่ใช่ปีที่ดีของกลุ่มล่ำซำเลยนะ

ฐานเก่าที่ปี 2002 ดูจะโหดร้ายไปหน่อย แต่ก็ไม่แน่ครับ

ถือมาเป็นปีกว่าจะเห็น 55 บาท วันนี้วันเดียว เหลือเท่าทุนเลย ที่ npark ขึ้นได้ขึ้นดี

อ้า... ค่าเล่าเรียนอีกหนึ่งบทที่แพงเอาเรื่อง

ผมคาดหวังผลประกอบการเยอะกว่านี้เยอะเลยครับ พอมาร์ SMS มาบอกตอนแรกแค่คิดว่าราคาคงไม่วิ่งอย่างที่คิด แต่ผิดคาดมาก ๆ
นี่ขนาดยังไม่ประกาศปันผลยังดิ่งลงยังกับ METCO
ก็รอลุ้นปันผลล่ะครับ

ตอนนี้เข้าใจแล้ว ว่าทำไมมันถึงมีคนคอยพยุงราคาปิดก่อนหน้านี้ตั้งหลายวัน
จะได้จำไว้ว่านี่สัญญาณอันตราย

เฮอ.... ทำตัวเป็น VS จริง ๆ แฮะ

กรณีนี้ต่างจาก METCO ครับ

ผลการดำเนินงานของ METCO จัดว่าดี เป็น record high ได้เลยครับ
แต่ประกาศปันผลน้อยกว่าปีก่อนๆ (เทียบเป็น %) ประกอบกับราคาวิ่ง
ไปดักข่าวก่อนหน้า ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรลงมาที่จุดที่มันควรจะเป็น
คือ 310 บาท

ถ้าราคา METCO ยังเตาะแตะแถวๆ ต่ำกว่า 300 ก็จะวิ่งขึ้นมาที่ 310
เหมือนกัน คือที่ yield 5%

EPS ห่างจากที่ได้ประมาณการไว้เกือบ 1 บาท ครับ คุณ Dr.T
ผมคงต้องกลับมาประเมินกันใหม่ สำหรับผลประกอบการ Q1/2548 ตอนนี้ก็คงต้องรอปันผลแล้วละครับ

ผมก็ประมาณการ EPS ไว้ที่ 7.6 เหมือนกันครับ

ผมว่า ถ้าดูเฉพาะปีนี้ ยังน่าสนใจนะครับ

pe = 50/6.63 = 7.54
อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น = (6.63-5.17)*100/5.17 = 28.24%

แต่คงต้องดูงบการเงินในรายละเอียด อีกด้วยว่าทำไมไตรมาสสุดท้ายกำไรลดลงมาก และแนวโน้มจะลดลงอีกหรือเปล่า

ผมยังถืออยู่เล็กน้อยครับ

สงสัยมีการปรับตัวเลขในไตรมาส 4 เห็นตกไปมากทีเดียว.........ถ้ากำไรแถว 42 ล้านเหมือนไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ราคา คงระเบิด ทำ new high ไปแล้วซิ.......นี่ตกมา คงมาตั้งหลัก แถว ต่ำกว่า 50 เล็กน้อย อีกรอบเป็นแน่ รอประกาศปันผล แล้ว ค่อย คิดว่า จะ ทำอย่างไรก็ได้มังครับ..........แล้วจะเดาปันผลกันเท่าไหร่ดี ผมว่า สัก 3.25 บาท ถึงไหมครับ แต่ที่แน่ ๆ ก็คงได้ 3 บาท เป็นอย่างต่ำ

กำไรจากการขายสินทรัพย์ลดลงมากครับ 2 q แรก กำไร เกือบ 60 ล้าน q3กำไร 19.33 ล้าน q4 กำไร 3.5 ล้าน แสดงว่ารถมือสองขายยากขึ้น กำไรน้อยลงเพราะภาษีรถที่ลดลง อาจเป็นเพราะซื้อมาด้วยราคาภาษีเดิมแต่ตอนขายต้องอิงราคากับภาษีรถใหม่ แต่ต่อไป ก็จะเป็นราคาเดียวกัน แต่มีค่าใช้จ่ายใหการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น กว่างวดก่อนเกือบ 10 ล้าน เป็นค่าอะไร จะเป็นค่าการออกหุ้นกู้หรือเปล่าช่วยกันดูหน่อยครับ

เห็นคุณ Invisible hand มาเตือนไม่นึกว่าผลของการขายรถจะตกฮวบขนาดนี้ครับ

ถ้าเป็นเรื่องรถเก่าขายถูกลง กว่าจะกลับเข้าที่ก็น่าจะนานพอดูนะครับ เพราะรถที่ซื้อมาในต้นทุนเดิมผมว่ายังเหลืออีกเยอะมาก กว่าจะ turn รถเก่าที่ตอนนี้ยังไม่หมดสัญญาออกจนหมดก็นาน

หากจุดนี้เป็นจุดที่พื้นฐานเปลี่ยนจริงๆ สูตร P/E หรือ PEG คงไม่ค่อยเหมาะมั้งครับ หากไตรมาสถัดๆไปทำกำไรได้ลดลงเหลืออย่างเก่งไตรมาสละบาท ผมว่าราคาคงปรับลงไปมากครับ ผมเคยประสบกับหุ้นอื่นที่ดู P/E ทั้งปียังดี แต่รายไตรมาสไม่ดี หากไม่ใช่หุ้นที่รายได้แปรตามฤดูกาล อย่างพวกโรงแรม ..ผมว่าแนวโน้มเริ่มเปลี่ยนแล้วล่ะ

รถเก่าเหลือเยอะ - รถใหม่ราคาถูกลง พอจะชดเชยกันได้บ้างมั้ยครับ
หมายความว่ากำไรน้อยลง แต่ต้นทุนก็จะน้อยลงด้วยในงวดต่อๆไป

ผมคิดเล่นๆนะครับ.... ถ้ารู้ว่ารถจะราคาถูกลง ผมคงรอที่จะซื้อรถใหม่แทนที่จะรีบซื้อตอนราคาสูง เลยต้องทนใช้รถเก่าไปก่อนอีกระยะหนึ่ง จึงเป็นสาเหตุให้การขายรถในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนน้อยไปหน่อย เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า

หรือในช่วงแรกๆเค้าเร่งระบายรถเก่าออกก่อนที่จะสายเกินไปเพราะรู้ว่าราคาจะตก ทำให้ช่วงต้นๆปีมามีจำนวนรถถูกนำออกมาขายมากหน่อย แต่ก็ต้องเก็บรถหมุนเวียนไว้ใช้งานด้วย กำไรจากการขายรถเลยทยอยลดลงเรื่อยๆ

มีใครเช็คจำนวนรถที่นำออกมาขายในแต่ละช่วงได้บ้างครับ...เผื่อเอามาศึกษากันครับ

ดีนะที่มี margin of safety อ๋อย
เกือบเท่าทุนเรยนะเนี่ย

เท่าที่ดูงบคร่าวๆ

กำไรจากการขายสินทรัพย์ลดลงมาก อย่างที่ว่ากัน แต่รายได้รวมยังเท่าๆกับไตรมาสที่สามอยู่ เพราะมีรายได้ อื่นๆ มากกว่าไตรมาสที่สาม

แต่ที่ทำให้กำไรลดลงมาก คงเป็นจาก ต้นทุนโดยตรงที่สูงขึ้นกว่าไตรมาสที่สาม ประมาณ 10 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขึ้นอีก ประมาณ10ล้านเช่นกัน รวมแล้วประมาณ20ล้าน ถ้าคิดเป็นต่อหุ้น = 20/30 =0.67 บาทต่อหุ้น ก็จะเท่าๆกับกำไรที่ลดลงจากไตรมาสสาม

ถ้าดูแนวโน้มว่ารถมือสองราคาตกต่ำเป็นสาเหตุ น่าจะยังเป็นสภาพนี้อยู่อีกระยะหนึ่ง นานพอควรนะครับ

อย่างนี้นับว่า พี่แอ๊ว(PL) เข้าสู่ช่วงถดถอยของวัฏจักรธุรกิจหรอยังครับ (ถ้าใช่ก็เตรียมเงินสะสมไว้ดีก่า ฮิฮิ ขอช้อนตอนต่ำสุดๆ)

PL เค้าขายรถมือสองออกไปให้กับที่ไหนครับ ให้เต๊นท์รถมาประมูล หรืออย่างไรครับ สภาพดีขนาดไหนครับ เผื่อจะไปซื้อบ้าง

เห็นพูดเรื่องรถเก่ารถใหม่กันมาก
ว่าจะมีผลต่อกำไรของpl

กำไรของเค้าปีนี้1400+ล้าน
เป็นกำไรจากการขายรถมือ2 96ล้าน
กำไรจากการขายรถ=96/1400=6.5%

กำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้น
ของลูกค้ารายใหม่+การบริหารเงิน(ดอกเบี้ยกู้+ดอกเบี้ยปล่อย)
ผมว่าจุดนี้ป็นจุดที่ต้องจับตามองมากกว่า

ลองพิจารณาดูให้ถี่ถ้วนนะแฟนๆ PL แยกให้ออกระหว่างแก่น กับ กระพี้

แก่นหรือกระพี้
ชั่วคราวหรือถาวร




กลับรายการค่าเผื่อขาดทุนจากมูลค่าที่ลดลงของสินทรัพย์เพื่อให้เช่า ใครทราบบ้างใหมครับว่ารายการนี้จะลงใน รายได้อื่น หรือ ค่าเช่ารับจากสัญญาเช่าดำเนินงาน มีผลต่อ NAV ของธุรกิจด้านการเงินหลายๆ

จุดสำคัญที่อยากให้ดูคือ Trend of Gross Profit and Cost of Debt

หวังดีจริงๆครับ