หน้า 1 จากทั้งหมด 1
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 2:24 pm
โดย คัดท้าย
ถ้าถามผม ผมเชื่อว่าการลงทุนนั้นตัดไม่ขาดจากโชค จึงมีการเทคนิคและวิธีการมากมายเกี่ยวกับบริหารความเสี่ยงในการลงทุน
ถ้าถามว่าโชคไม่เกี่ยวกับผลการลงทุนของลุงบัฟเลยเหรอ ก็คงตอบไม่ได้เต็มปากหรอกครับ
สำหรับผมคิดว่า ความเสี่ยง แปลผกผันกับความรู้และความรอบคอบ ยิ่งรู้มากขึ้น ความเสี่ยงก็จะน้อยลง นอกจากนี้ความโลภก็มีผล ผมชอบที่เฮียคลายเครียดเคยสอนไว้ว่า
"อย่าโลภ เกินกว่าความรู้" ผมเคยโลภเกินกว่าความรู้มาหลายรอบเหมือนกัน ก็เลยรู้ว่า เวลาเราโลภกว่าความรู้ แล้วมันจะเป็นอย่างไร
แต่เท่าที่ผมศึกษาลุงบัฟมา ผมพอสรุปได้ว่า
1. ข้อมูลลุงบัฟ แกปึ๊กมาก แทบจะพูดได้เต็มปากเลยว่า Insider ของจริง
2. แกโลภพอๆกับที่แกรู้
3. แกรอบคอบกว่าคนทั่วไปมากครับ แกไม่ใช่คนชอบเสี่ยง
ทำได้ 3 ข้อนี้ ผมว่าลดความเสี่ยงไปเยอะ โชคไม่ต้องเริดมาก ก็น่าจะ ok ครับ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 2:44 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
ผมว่าอย่าไปสนใจเลยว่าโชคช่วย หรือว่าเก่งจริง
ขอให้เอาคำแนะนำของวอเรน ไปลองใช้ดู ถ้าไม่ดีก็เลิกใช้ เพราะอาจจะไม่เหมาะกับตัวเราก็ได้
เมื่อวานดูรายการเจาะใจ มีอาจารย์ท่านนึง จบโท แล้วไปสร้างวัด ทำมา 20 ปี ไม่ขอรับเงิน แม้แต่บาทเดียว นานๆเดินลงเขาที จากการสัมภาษณ์เห็นว่าเคยซื้อแปรงสีฟันอันละ 2 บาท นานๆพอลงมาอีกที ถามคนขาย คนขายบอก 35 บาท
วัดที่สร้างขึ้นมาสวยมาก คนงานทั้งหมดไม่เคยทำมาก่อน
คำถาม รู้ได้อย่างไรว่าอาจารย์ท่านนี้สร้างวัดด้วยตัวเอง หรือโชคช่วย ผมว่าไม่น่าถาม เพราะใครๆก็รู้อยู่แล้ว ว่าอาจารย์ท่านนี้เป็นคนสร้าง
คำถามต่อมา เราจะทำอย่างอาจารย์ท่านนี้ได้หรือไม่ สำหรับผมแล้ว ผมทำไม่ได้
สำหรับหลักการของวอเรน ตั้งหลายข้อ ผมก็ยังทำไม่ได้
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 2:54 pm
โดย harry
มีบอกนี่ครับว่าผิดพลาด การซื้อหุ้นเบิร์กไชร์ ปู่แกก็บอกว่า ถือเป็นข้อผิดพลาดอย่างหนึ่ง
ผมว่าหลักการของปู่ เอามาใช้เมืองไทยได้แบบตรงๆไม่ได้ แม้แต่ ดร.นิเวศน์ยังบอกเลยว่า หาบริษัทที่ยอดเยี่ยมเหมือนอเมริกาไม่ได้
การเข้าใจธุรกิจนั้นๆ คือตัวทำให้เราเลือกกิจการที่ดีได้
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 3:08 pm
โดย ปุย
เราทำตามอย่าง บัฟเพต ไม่ได้ เพราะ บัฟเฟต ไม่ได้ทำตามอย่างใคร
แล้วทักษิน ล่ะครับ เก่ง หรือ เฮง
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 3:33 pm
โดย pa_chit
ยอมรับครับว่าโชคมีส่วนอย่างมากในการลงทุน เราตอบไม่ได้หรอกครับว่ารู้หรือไม่รู้ว่าโชคช่วย
แต่สิ่งสำคัญก็คือแนวทางที่เรายึดมั่นไว้ ถ้าเรามีแนวทางที่เหมาะสมกับเรา
แน่นอนครับว่าโชคจะต้องตามมา
เหมือนกับวอเร็น เค้ายึดถือแนวทางของเค้ามาตลอด ไม่ว่าจะต้องเจอสถานการณ์ใดก็ตาม
เพราะฉะนั้นโชคจึงเข้าข้างเค้าตลอดระยะเวลาเป็นสิบๆๆๆ ปีที่ผ่านมา
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 3:43 pm
โดย ForrestGump
ผมคิดว่า Mr.Buffett เค้ามีโชคดีมากๆ เลยครับ เพราะเค้าเคยบอกว่า "เค้าโชคดีมากๆ ที่เกิดมาถูกที่ถูกเวลา ที่ทำให้ความสามารถที่มีอยู่ของเค้า ทำเงินได้ขนาดนี้ ถ้าเค้าเกิดเมื่อล้านปีก่อน ก็คงเป็นอาหารไดโนเสาร์ก็เท่านั้น ถ้าเค้าเกิดในประเทศที่ไม่มีตลาดหุ้น เค้าก็คงเป็นคนธรรมดา คนหนึ่ง" นั่นคือเรื่องโชคดีที่เค้าเกิดมา ณ เวลาและสถานที่นั้น
ส่วนเรื่องการลงทุน ผมคิดว่าเป็นเรื่องการลงทุนโดยส่วนตัวผมคิดว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวของบัฟเฟตต์เกือบทั้งหมด
1. ระยะเวลายาวนานกว่าสามสิบปี กับ ผลตอบแทนทบต้นขนาดนั้น กับ จำนวนเงินมหาศาลขนาดนั้น เรื่องโชค หรือ ฟลุค เป็นไปได้ยาก
2. หลักการ ปรัชญาการลงทุนของบัฟเฟตต์ คนอื่นสามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลก และมีคนประสบความสำเร็จมาก ถ้าหลักการเป็นหลักการ คงไม่ใช่เรื่องฟลุก
ใจจริงกระทู้นี้อยากให้ คุณWEB คุณวิบูลย์ คุณมน คุณครรชิต ฯลฯ และแฟนพันธ์แท้บัฟเฟตต์ท่านอื่นตอบด้วยนะครับ เพราะ เค้าอ่านเกี่ยวกับบัฟเฟตต์มาเยอะ
ขอบคุณครับ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 3:52 pm
โดย ForrestGump
Jeng เขียน:โค้ด: เลือกทั้งหมด
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
ผมว่าอย่าไปสนใจเลยว่าโชคช่วย หรือว่าเก่งจริง
ขอให้เอาคำแนะนำของวอเรน ไปลองใช้ดู ถ้าไม่ดีก็เลิกใช้ เพราะอาจจะไม่เหมาะกับตัวเราก็ได้
เมื่อวานดูรายการเจาะใจ มีอาจารย์ท่านนึง จบโท แล้วไปสร้างวัด ทำมา 20 ปี ไม่ขอรับเงิน แม้แต่บาทเดียว นานๆเดินลงเขาที จากการสัมภาษณ์เห็นว่าเคยซื้อแปรงสีฟันอันละ 2 บาท นานๆพอลงมาอีกที ถามคนขาย คนขายบอก 35 บาท
วัดที่สร้างขึ้นมาสวยมาก คนงานทั้งหมดไม่เคยทำมาก่อน
คำถาม รู้ได้อย่างไรว่าอาจารย์ท่านนี้สร้างวัดด้วยตัวเอง หรือโชคช่วย ผมว่าไม่น่าถาม เพราะใครๆก็รู้อยู่แล้ว ว่าอาจารย์ท่านนี้เป็นคนสร้าง
คำถามต่อมา เราจะทำอย่างอาจารย์ท่านนี้ได้หรือไม่ สำหรับผมแล้ว ผมทำไม่ได้
สำหรับหลักการของวอเรน ตั้งหลายข้อ ผมก็ยังทำไม่ได้
เห็นด้วยกับพี่เจ๋งอย่างยิ่งครับ พยายามเข้าใจ เรียนรู้กับ "ความจริงที่เป็นประโยชน์" จะดีกว่า
แต่ผมคิดว่า เจ้าของกระทู้คงเคลือบแคลงว่า หลักการVI ใช้ได้จริงหรือไม่ หรือแค่โชคช่วย จึงทำให้เจ้าของกระทู้สงสัยในตัวของ Warren Buffett ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ VI ไปด้วย
สำหรับคุณ TheDoc ผมคิดว่าคงต้องใช้เวลาและการอ่านมากๆ ที่จะพิสูจน์หลักการและBuffettว่าของจริง หรือ แค่"ทำเหมือน" เพื่อเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่สำหรับผมแล้ว ผมผ่านจุดนั้นมานานแล้วครับ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 4:09 pm
โดย THiNK
เป็นคำถามที่ดีที่ต้องขอให้ปรมาจารย์ทั้งหลายช่วยชี้แนะ
แต่ขอขยายในส่วนของคำถามเพิ่มนิดหน่อย ...
หลักการของบัพเฟทนั่นอย่างหนึ่ง ซึ่งเราสามารถหาอ่านได้ทั่วไป
ลองอ่านกระทู้ตะแกรงร่อนของคุณธันวาถามให้คุณวิบูลย์ตอบ
ก็ได้หลักการและความรู้มากมาย
หากแต่สุดท้าย ถ้าเราจะถามว่าเราเป็นอย่างบัฟเฟท ได้หรือไม่?
นั่นต้องการคนมีประสพการณ์ที่จะมาช่วยตอบ (คุณคัดท้าย ตอบไปบ้างแล้ว)
บัฟเฟทมีอะไรที่เราไม่มี
บัฟเฟททำอะไรที่เราไม่ได้ทำ
โดยสรุป เราคงจะต้อง ศึกษาคนเพิ่มอีกมิติหนึ่ง
นอกเหนือไปจากศึกษาผลงาน
ซึ่งน่าจะทำให้เรารู้ว่า เราทำได้เหมือนหรือไม่อย่างไร
เพราะวิธีที่เหมือนกันใช่ว่าจะได้รับผลที่เหมือนกัน
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 4:29 pm
โดย yoyo
ก็ความไม่แน่นอนนี่แหละครับ ที่ทำให้ buffet ให้ความสำคัญกับ Margin of safety มากเป็นพิเศษ
ส่วนเรื่องที่บัฟเฟ่ต์พลาดอยากอ่านต้องไปดู the warren buffet way first edition
เท่าที่จำได้ก็เกี่ยวกับการซื้อหุ้นการบิน
buffet บอกว่าสิ่งดีอย่างเดียวที่ได้จากการซื้อหุ้นการบินก็คือ
ทำให้รู้ว่าธุรกิจการบินไม่เคยเป็นธุรกิจที่ดีเลย
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 6:10 pm
โดย ronny
buffett ไม่น่าฟลุคครับ เพราะทำผลตอบแทนได้สูงเป็นเวลานาน
การลงทุนหลายครั้งพิสูจน์ได้เช่น
-ซื้อ American Express หรือ Wells Fargo ตอนมีปัญหาร้ายแรง แต่แกยังมองเห็นคุณค่า เพราะคิดว่าปัญหาเกิดขึ้นชั่วคราว แก้ไขได้ สุดท่ายราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ทำให้ได้ผลตอบแทนมหาศาล
-ไม่ซื้อหุ้นเทคโนโลยีตอนที่บูม ตามคนอื่น
ข้อผิดพลาดของ buffett ที่พูดถึงบ่อยๆ คือ การซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ของ Us-air
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 6:54 pm
โดย ch_army
ผมว่าเก่ง บวก เฮง ครับ เก่งที่รู้จริง ในธุรกิจ เข้าใจการลงทุน เป้นอย่างดี ใจเย็นมากๆ
เฮง ที่เกิดมาได้อาจารย์ดี พื้นฐานครอบครัวดี มีโอกาสหลายๆอย่าง
แต่ความสำเร็จของ บัฟเฟต เนี่ยมาจาการมองอนาคต ธุรกิจนะครับ ดังนั้นความผิดพลาดของเค้า ควรวัดที่การมองธุรกิจ ผิดไหม มากกว่า ลงทุนแล้วได้กำไรเ่ท่าไร
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 8:27 pm
โดย adi
ไม่รู้ครับ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 8:47 pm
โดย Minesweeper
เห็นด้วยกับคุณคัดท้ายครับ
บัฟเฟต์ มีทั้ง inside และ insight ทำให้ไม่ต้องเสี่ยงมาก คำว่าโชคถึงแม้จะมีบ้าง แต่คงไม่จำเป็นเท่าไรสำหรับแกครับ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 9:19 pm
โดย house
ผมไม่คิดว่า บัฟเฟตโชคดี แต่เป็นผลจากฝีมือ และข้อมูลที่เฉียบขาดหาตัวจับยาก
หลังจาก บัฟเฟต ซื้อเวลฟาโก้ ราคาหุ้นก็ตกลงไปอีก เกือบ 50 % แต่เขายังมั่นใจ และถือต่อ มาจนบริษัทเริ่มทำกำไร คำถามคือ ผลตอบแทนในขณะที่ซื้อนั้น ถือว่าดีหรือไม่ เป็น ผมเผลอๆ ขายทิ้งไปแล้ว แต่ปู่แก ถือต่อ แก "มั่นใจ" ว่ามันจะฟื้น
บัฟเฟตเคยประกาศว่าหากเขาไม่ใช่อันดับต้นๆของโลกในธุรกิจไหนเขาจะไม่ลงทุนในธุรกิจนั้น และ นั่น ทำให้เขารอดพ้น หุ้นกลุ่ม ดอทเน็ต ไปได้ อย่างสวยงาม
ในความเป็นจริง VI ไม่ใช่แค่บัฟเฟต
เบน เกรแฮม เป็น VI
ปีเตอร์ ลินท์ ก็เป็น VI
ฟิลิป ฟิชเชอร์ ,จอร์น เนฟ,วอลเตอร์ สลอส ก็เป็น VI
ถึงแม้ บัฟเฟต จะฟลุ้ค แต่จากจำนวนผู้ที่ประสบความสำเร็จ มันยืนยันว่า หลักการ VI นั้นใช้ได้จริง
พี่ๆ หลายคนในเว็ปนี้ เกษียณตัวเองได้ ตั้งแต่ยังไม่ 50
ดร นิเวศน์ มีทรัพย์สิน หลายร้อยล้าน
นั่นเป็นตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จที่อยู่ใกล้ตัว
ผมก็ยังเป็นมือใหม่ ลงทุนมาได้ไม่ถึงปี
เคยกังวลว่าธุรกิจนี้ดีจริงหรือ เราวิเคราะห์ถูกรึเปล่า
สิ่งที่ผมทำคือ ถามคนในอุตสาหกรรมนั้น คุณพ่อ คุณอา ใครก็ได้ที่รู้จัก และอยู่ในอุตสาหกรรมนั้น
เขาบอกคุณไม่ได้หรอก ว่าคุณซื้อหุ้นแล้วจะกำไร หรือขาดทุน
แต่เขาให้รายละเอียดพื้นฐานอุตสาหกรรม อัตราเติบโต คู่แข่ง ความเสี่ยง ชนิดที่ถ้าคุณมีข้อมูลไว้ ป้อนคำถาม คนเหล่านี้ก็ตอบคุณได้ทั้งวัน
ถาม หลายๆคน เอาข้อมูลเปรียบเทียบกัน คุณจะได้ข้อมูลในเชิงคุณภาพ
เชิงปริมาณ ก็ดูเอาจากงบการเงิน
สงสัยก็โพสต์ถามเอา ในนี้แหละ แล้วคุณค่อยตัดสินใจว่า จะซื้อที่ราคาไหน
การตัดสินใจผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ ซื้อไปแล้ว 3 เดือน 6 เดือน กำไร บริษัทตก ก็ต้องมาดูว่าเพราะอะไร ทำไมไม่เป็นอย่างที่คิด
ถ้าผิด ก็ต้องขายทิ้ง
ถ้าถูก ก็ถือต่อไป
ทำแรกๆมันก็ผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ(ผมเคยไปเที่ยวดอย รอบนึง
) ใช้เป็นบทเรียน หลังๆก็จะพลาดน้อยลง
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 9:41 pm
โดย chatchai
การลงทุนก็เหมือนการทำธุรกิจครับ โอกาสเจ๊งย่อมมีแน่นอนครับ
ถึงแม้คุณจะลงทุนแบบ VI เพียงแต่ผมว่าโอกาสเจ๊งน้อยกว่าแนวทางการลงทุนอื่น (อย่างน้อยก็สำหรับผมละครับ)
เพราะการลงทุนแนว VI นั้นคุณต้องมีความรู้รอบตัวจริงๆครับ และแน่นอนว่าถ้าคุณมีความรู้จำกัด ถึงแม้จะลงทุนแนว VI ก็ตาม คุณก็มีสิทธิที่จะเจ๊งได้แน่นอน (รวมทั้งผมด้วย)
ส่วน Buffett นั้นซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้รอบด้าน และสามารถที่จะเลือกลงทุนในด้านที่เขามีความรู้ ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก
แต่ก็ไม่แน่เสมอไปที่เขาจะประสบความสำเร็จได้ตลอดไปครับ
การที่เราเลือกลงทุนแล้ว ไม่แน่ใจว่าวิเคราะห์ถูกหรือไม่นั้น ผมว่าก็คงขึ้นอยู่กับว่าเรามีความรู้ในบริษัท ในอุตสาหกรรม ในสภาพเศรษฐกิจ มากน้อยแค่ไหนครับ ถ้าเราไม่รู้ เราก็อาจหลงทางได้ครับ
ส่วนเรื่องการวัดผลตอบแทนจากราคาตลาดนั้น ผมคงไม่เห็นด้วยเท่าไรที่จะเป็นตัววัดอะไรได้ ก็ในเมื่อราคาตลาดไม่ใช่ราคาตามปัจจัยพื้นฐานนี่ครับ จริงไหม
ถ้าคุณซื้อ N-PARK แล้วราคาขึ้น ก็คงไม่ใช่ว่า N-PARK เป็นบริษัทที่ดีหรอกครับ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 10:02 pm
โดย ลูกอิสาน
หากเราศึกษาทำการบ้านมาอย่างดี สิ่งที่เหลือก็คือการ
รอคอยครับ
รอซื้อที่ราคาที่ดี ..รอให้ผลประกอบการออกมา
ให้เวลาสักพัก หากผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่เราคาด
แสดงว่าเราผิดแล้วครับ แต่หากผลการดำเนินงานดีตามคาด แต่ราคาหุ้นไม่ขยับก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่ไม่ช้าไม่นานราคาหุ้นจะต้องสะท้อนผลประกอบการเสมอ
ผู้รู้กล่าวว่า
...เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจที่ดี แต่เป็นเสมือนคำสาบแช่งสำหรับธุรกิจที่ไม่ได้ดีอย่างแท้จริง
และสำหรับผม
....การลงทุนคืออาหารที่อร่อยที่สุดเมื่อ(รอให้)เย็นดีแล้ว
หลายปีก่อนผมเคยซื้อ VNG ในตอนที่แทบไม่มีใครรู้จัก หลายวันไม่มีการซื้อและขาย แต่ผมเห็นว่าผลประกอบการดีมาก ถืออยู่เกือบปีกว่าราคาจะเพิ่มขึ้น แต่เวลาเพิ่มเหมือนระเบิด เพราะขึ้นติด top gainer สามวันติด บางวันก็ ceiling...
แต่หุ้นดีในอดีตหรือหุ้นที่ดีวันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่การันตีว่าในอนาคตจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปตามปัจจัยหลากหลายที่เราควบคุมไม่ได้ ดังนั้นการติดตามผลงาน ข่าวสาร ภาวะอุตสาหกรรม และการกระจายความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ควรทำครับ....
Luck never come again and again....
โชคจะมาซ้ำๆกันได้อย่างไรครับ... บางครั้งเราเรียกโอกาสที่เข้ามาว่าโชค แต่หากไม่มีความสามารถจะคว้าโอกาสนั้นไว้ได้อย่างไรกัน...สำหรับคนที่เข้าใจธุรกิจอย่างดีเลิศอย่างวอร์เรน ปีเตอร์ลินซ์ หรือ ฟิชเชอร์ น่าจะเรียกว่า
Mr.Insight มากกว่าครับ ส่วนการได้รับข้อมูลลึกๆก่อนคนอื่นๆหรือที่เรียกว่า insider คงเป็นข้อได้เปรียบของนักลงทุนรายใหญ่ หรือสถาบันแน่นอนครับ แต่ที่จริงก็มีนักลงทุนเหล่านี้มากมาย แต่ทำไมวอร์เรนกลับโดดเด่นกว่าคนอื่น...
แน่นอนว่าโครงสร้างทางธุรกิจหลายอย่างระหว่างสหรัฐและประเทศไทยแตกต่างกันหลายด้าน การนำความรู้มาใช้ก็ต้องประยุกต์บ้าง แต่หลักการยังคงอยู่ ธุรกิจดีๆในตลาดก็มีพอที่จะทำให้คนที่มองเห็น เข้าใจ >>...ร่ำรวยได้ อยู่ที่ว่าจะมองเห็นหรือเปล่า
บางครั้งผู้คนทำเรื่องที่ดูง่ายๆ ให้เป็นเรื่องยากไปทำไมกัน..
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 10:47 pm
โดย ForrestGump
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 21, 2005 11:14 pm
โดย Dech
Jeng เขียน:โค้ด: เลือกทั้งหมด
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
ผมว่าอย่าไปสนใจเลยว่าโชคช่วย หรือว่าเก่งจริง
ขอให้เอาคำแนะนำของวอเรน ไปลองใช้ดู ถ้าไม่ดีก็เลิกใช้ เพราะอาจจะไม่เหมาะกับตัวเราก็ได้
เมื่อวานดูรายการเจาะใจ มีอาจารย์ท่านนึง จบโท แล้วไปสร้างวัด ทำมา 20 ปี ไม่ขอรับเงิน แม้แต่บาทเดียว นานๆเดินลงเขาที จากการสัมภาษณ์เห็นว่าเคยซื้อแปรงสีฟันอันละ 2 บาท นานๆพอลงมาอีกที ถามคนขาย คนขายบอก 35 บาท
วัดที่สร้างขึ้นมาสวยมาก คนงานทั้งหมดไม่เคยทำมาก่อน
คำถาม รู้ได้อย่างไรว่าอาจารย์ท่านนี้สร้างวัดด้วยตัวเอง หรือโชคช่วย ผมว่าไม่น่าถาม เพราะใครๆก็รู้อยู่แล้ว ว่าอาจารย์ท่านนี้เป็นคนสร้าง
คำถามต่อมา เราจะทำอย่างอาจารย์ท่านนี้ได้หรือไม่ สำหรับผมแล้ว ผมทำไม่ได้
สำหรับหลักการของวอเรน ตั้งหลายข้อ ผมก็ยังทำไม่ได้
ถูกต้องทั้งหมดคร้าบ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 22, 2005 2:49 am
โดย infinity
ผมว่าการที่เค้าประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้
ก็ต้องเก่งอยู่แล้วไม่มากก็น้อย
อาจจะมีโชคดีบ้างนิดหน่อย
เหมือนฟุตบอลโลกอ่ะครับ ถ้าไม่เก่งจริงๆก็ไม่มีทางได้แชมป์โลกแน่ๆ
แต่ทีมที่เก่งที่สุดก็ไม่จำเป็นต้องได้แชมป์นะครับ ต้องอาศัยดวงด้วย
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 22, 2005 10:41 pm
โดย วัวแดง
ผมว่าเราเป็นบัฟเฟต ไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่ บัฟเฟต
แต่ผมว่าเราโชคช่วยที่มี บัฟเฟต ทำให้เรามีแนวทางอีกแนวทางหนึ่งในการลงทุน
เราโชคดีมากๆ ที่มีแนวทาง vi หลายคนให้เรียนรู้ อยู่ที่ว่าเราจะเรียนรู้ได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้าบัฟเฟต มาลงทุนในไทยอาจไม่เจอหุ้นที่ชอบเลยก็ได้
ดังนั้นการที่เราจะลงทุน ควรนำมาประยุกต์ใช้ ไม่ใช่เชื่อและทำเหมือนกันทุกอย่าง
ดังนั้นเราควรหาแนวทางของเราเอง โดยใช้ข้อดีของนักลงทุนชั้นนำของโลกแต่ละคน มาดัดแปลง เป็นแนวทางของเราเอง สักวันเราอาจติดในรายชื่อนักลงทุนชั้นนำของโลกคนต่อไปก็ได้ ใครจะรู้
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 23, 2005 12:22 pm
โดย Viewtiful Investor
สมาชิกคนไหนเชี่ยวชาญการดูหมอ รบกวนเอาวันเดือนปีเกิด, เวลาตกฝาก, โหวงเฮ้ง, ฯลฯ ของปู่ BF ไปคำนวณที่ซิครับว่า ดวงสุดยอดจริงๆหรือเปล่า
เผื่อสมาชิกคนอื่นจะได้ขอคำปรึกษาเรื่องดวงของตัวเองบ้าง :lol:
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 23, 2005 6:37 pm
โดย harry
สมาชิกคนไหนเชี่ยวชาญการดูหมอ รบกวนเอาวันเดือนปีเกิด, เวลาตกฝาก, โหวงเฮ้ง, ฯลฯ ของปู่ BF ไปคำนวณที่ซิครับว่า ดวงสุดยอดจริงๆหรือเปล่า
หาได้ที่ไหนล่ะครับ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 24, 2005 4:06 am
โดย bigshow
แล้วเรื่อง ดูลายมือ พี่ๆเชื่อกันหรือเปล่า อยากถามคนที่มีหุ้นเกิน 10 ล้าน มีเส้นวาสนาหรือเปล่า เผอิญผมมี
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 24, 2005 8:15 am
โดย Tongue
จะไม่รวยได้ไงไหวครับ
ภาษาธรรมเขาว่า
อยากมีทรัพย์ ต้องสร้างตัวตนแห่งทรัพย์ เพราะมันเป็นที่มาของทรัพย์
แล้วดูปู่แกสิครับ
ขยันขันแข็ง
มีสมาธิแน่วแน่ ตรงดิ่งสู่เป้าหมาย
ได้ตังค์มาก็ไม่ค่อยใช้ เรียกว่า ประหยัดสุดยอด
หาความรู้ ตลอดเวลา
มีไหวพริบ ฉลาดหลักแหลม
ซื่อสัตย์ อดทน
มีกำลังใจมั่นคง ไม่ย่อท้อ
ไม่รอ ฟ้า ดิน
ยังไง ก็ต้อง รวย
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 24, 2005 10:41 am
โดย harry
bigshow เขียน:แล้วเรื่อง ดูลายมือ พี่ๆเชื่อกันหรือเปล่า อยากถามคนที่มีหุ้นเกิน 10 ล้าน มีเส้นวาสนาหรือเปล่า เผอิญผมมี
อีก 3 เดือนมาดูกันครับ ผมลงเรียนดูลายมือกับสมาคมโหรแล้ว เรียนจบจะดูให้ครับ แต่เส้นวาสนา หมายถึงความมั่นคงในชีวิตนะครับ เรื่องความรวย หรือบุญวาสนาจริงๆ ดูที่เส้นข้อมือครับ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 24, 2005 11:14 am
โดย S&K Fund
สำหรับ ปู่บัฟ ท่านโชคดีที่ได้เกิดที่อเมริกา ถ้าเป็นประเทศอื่นๆ ผมว่าคงไม่รวยอย่างนี้
ในส่วนของแนวทางการลงทุน ผมสามารถอาศัยเป็นแนวทางในการเริ่มต้นลงทุนในหุ้น
แต่ผมคิดว่า พี่ๆในเวป ก็คงไม่นำมาทั้งหมดใช้ในการลงทุน ในความคิดผม บางที
ตลาดหุ้นบ้านเรายังไม่สามารถใช้แนว vi ได้ทั้งหมด
สิ่งหนึ่งที่ผมเืชื่อ คือ แนวทางนี้ อย่างน้อยก็เป็นการลดความเสี่ยงแล้วส่วนหนึ่ง
ส่วนที่จะถูกหรือไม่นั้น คงต้องอยู่ที่การวิเคราะห์ข้อมูล และ้การตัดสินใจซื่้อ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
แต่ผมอยากขอคำแนะนำนะ ว่า ถ้าเกิดว่าหุ้นที่เราถือมีราคาสูงขึ้นไป แต่ว่าเป็นราคาที่่
ขึ้นไปเพียงชั่วคราว ( คือมีประสพการณ์นะครับ ) เราควรที่จะปล่อยหุ้นออกมาก่อน
ดีหรือไม่ เพื่อเป็นการทำกำไรให้กับพอร์ต วิธีนี้ถือว่าเป็นแนวทางของ VI หรือไม่ครับ
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 24, 2005 11:38 am
โดย Tongue
สำหรับ วิธีการ ของ ปู่แก ผม ขอ แสดง ความเห็น เช่นนี้ ครับ
การประเมิณ มูลค่า บริษัท ง่ายๆ ครับ มี 2 วิธี
แต่ต้องประเมิณทั้ง 2 อย่าง ร่วมกันนะครับ
1. มูลค่า สินทรัพย์สุทธิ
เหมือน มีคน เอา แบงค์ 100 มาขาย 50 บาท แหละครับ
กำไร ไปเรียบร้อย
ตั้งแต่ตอนนี้เลย
2. ศักยภาพการทำกำไร
ถ้า แบงค์ 100 นั่น มันมี อดีต
ที่พอจะเชื่อได้ ว่ามันจะ ออกลูก ออกหลานอย่างที่มันทำมา ต่อไปในอนาคต
ในอัตราที่น่าสนก็ ลุยโลด ได้ เลย
ความผิดพลาด อาจจะมีได้ แต่ถ้า
1. คุณมี
margin of safety ที่มากพอ มันจะช่วยคุณมาก
2.ถ้าเกิดความผิดพลาด แล้วคุณ ยอมรับมันทันที มันก็จะไม่ลุกลาม ใหญ่โต
3. ในระยะยาวแล้ว
Power of annuity อันเป็นอาวุธหลัก สำคัญ เหนือ timing และ technique ใดๆ ของ ปู่ จะช่วยแก้ไขสิ่งผิดพลาดเหล่านั้นได้เอง
หากความเห็นผิดพลาด โปรดอภัยให้ด้วยนะ ปู่
Re: รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 25, 2005 3:40 pm
โดย VIB007
TheDoc. เขียน:ผมศึกษาการลงทุนแบบVI มาไม่นาน ประสบการณ์ยังน้อยอยู่ อาจไม่เข้าใจในศาสตร์และศิลป์ทางด้านนี้มากนัก ตอนนี้เกิดความสงสัยขึ้นมาอยากให้พี่ๆที่มีประสบการณ์ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ
คำถามคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราคิดถูก
เวลาเท่านั้นที่จะตอบได้ว่าเราคิดถูกหรือเปล่า
TheDoc. เขียน:สมมติว่า เราทำการศึกษาหาข้อมูลของบริษัทหนึ่งมาอย่างละเอียด เรียกว่าทำการบ้านมาดี ว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน ซึ่งอาจจะมีคุณสมบัติครบทั้ง 10 ข้อตามลักษณะที่วอร์เรน บัฟเฟตกล่าวไว้ในหนังสือ The New Buffetology เราจึงทำการซื้อหุ้นของบริษัทนั้นในจังหวะราคาที่เหมาะสม และเราก็ถือหุ้นนั้นไว้ โดยมีความคาดหมายว่าบริษัทนั้นๆจะสามารถทำให้ผลกำไรเติบโตไปได้เรื่อยๆ แล้วเราจะได้ผลตอบแทนที่ดี
แต่ในการทำธุรกิจแล้วมีปัจจัยหลายอย่างที่มาเกี่ยวข้องในการที่จะทำให้บริษัทสามารถทำผลกำไรเติบโตได้หรือไม่ได้ ผู้บริหารดี แบร์นดี สินค้าดี แต่คนไม่ซื้อเพราะไม่มีตังค์ซื้อ บริษัทก็ไม่สามารถเติบโตได้ เพราะฉะนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเลือกบริษัทนั้นถูกต้องแล้ว
โรงเรียนสอนให้เราต้องทำถูกต้องถึงจะได้รางวัล
แต่ในโลกของความเป็นจริง
ไม่มีอะไรถูกต้องสมบูรณ์แบบ
อย่าไปกังวลมากว่าจะเลือกบริษัทผิด
เพราะผิดเป็นครู
ถ้ากลัวที่จะทำผิด เราก็จะไม่กล้าทำอะไรเลย
TheDoc. เขียน:ที่อ่านหนังสือมาก็ดี ที่อ่านจากกระทู้มาก็ดี ส่วนใหญ่ถ้าณ.ปัจจุบันเราได้ผลตอบแทนที่ดี ก็จะบอกว่าที่เราคิด ที่เราเลือกลงทุนกับบริษัทนี้น่ะ ถูกต้องแล้ว (แต่สิ่งที่เป็นอยู่ณ.ปัจจุบันก็ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าในอนาคตบริษัทนั้นจะดี) ในทางกลับกัน ถ้าณ.ปัจจุบันเราได้ผลตอบแทนที่ไม่ดี เราก็คงจะสงสัยว่าเราคิดถูกแล้วจริงเหรอ (แต่เราก็ยังคาดหวังว่าอนาคตบริษัทนั้นจะดีตามที่เราคิด แล้วอนาคตจะเป็นอย่างที่เราคิดจริงหรือเปล่า หรือสรุปว่าเราคิดผิดไปเลยดี)
ความคิดอาจจะไม่ใช่ความจริง
สิ่งที่เราคิดอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
เราเรียนรู้จากประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน
TheDoc. เขียน:อย่างวอร์เรน บัฟเฟต เขาศึกษาวิเคราะห์บริษัทมาดีแล้วซื้อหุ้นของบริษัทนั้น แต่มันก็อาจจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นนอกเหนือจากที่เขาคาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจจะทำให้เขาได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดีได้ ซึ่งอาจจะมีโอกาสเกิดเหตุการณ์นั้นน้อยมาก แต่ก็เป็นโชคดีว่าเหตุการณ์นั้นไม่เกิดขึ้น
จึงอยากถามพี่ๆทั้งหลายว่า พี่ๆรู้ได้อย่างไรว่าคิดถูกแล้ว รู้ได้อย่างไรว่าบริษัทจะดีอย่างที่เราคิดหรือเปล่า
ความรู้จะนำมาซึ่งความมั่นใจ ไม่มีความรู้ก็ไร้ซึ่งความมั่นใจในสิ่งที่ตนคิด
TheDoc. เขียน:และอยากรู้ว่าวอร์เรน บัฟเฟตเคยลงทุนแบบVIแล้วผิดพลาดบ้างหรือเปล่า(ในหนังสือจะยกตัวอย่างแต่กรณีที่สำเร็จ แต่ไม่เคยอ่านเจอกรณีที่ผิดพลาด) ซึ่งผมคิดว่าเรียนรู้จากความผิดพลาดควบคู่ไปกับการเรียนรู้จากความสำเร็จน่าจะดีกว่าการเรียนรู้จากความสำเร็จอย่างเดียวนะครับ
บัฟเฟตทำผิดพลาดมาแล้วมากมาย
แต่สิ่งสำคัญก็คือ เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น
ถ้าอยากรู้ว่าบัฟเฟตทำผิดพลาดอะไรบ้าง
ให้ไปอ่านจดหมายจากท่านประธานของบริษัทเบริคไชน์
ดาวโหลดได้ในเวปไซค์ของเบริคไชน์
ไม่มีนักลงทุนคนไหนไม่เคยทำผิดพลาด
เพราะคนที่ไม่เคยพลาดก็คือคนที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย
สิ่งสำคัญก็คือ คุณกล้าที่จะพลาดและเรียนรู้จากมันหรือเปล่าต่างหาก
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2005 11:23 am
โดย WEB
Fred Smith ผู้ก่อตั้ง FedEx ให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือ Great Minds of Business ว่า ทั้งโชคและจังหวะเวลามีบทบาทในความสำเร็จของเขามาก ถ้าเขาเริ่มทำธุรกิจเร็วกว่านี้ 5 ปี บริษัทก็คงไปไม่รอด ถ้าเขาทำช้ากว่านี้ 5 ปี คู่แข่งก็คงจะเยอะไปหมด
Kemmons Wilson ผู้ก่อตั้ง Holiday Inns ก็ตั้งชื่อหนังสืออัตชีวประวัติของเขาว่า Half LucK and Half Brains
Warren Buffett ก็บอกว่าเขาเกิดถูกประเทศถูกเวลา และเขาก็เคยเขียนไว้ว่า ความสำเร็จทางการลงทุนจะมากน้อยแค่ไหนจะขึ้นอยู่กับว่า ในช่วงที่คุณเป็นนักลงทุน ตลาดมีพฤติกรรมที่โง่เขลามากน้อยเพียงใด (ซึ่งเราควบคุมไม่ได้)
ผมว่าโชคดีมีส่วนทำให้เราประสบความสำเร็จ แต่ความสำเร็จที่ยั่งยืนจะไม่สามารถเกิดจากโชคเพียงอย่างเดียวได้ บางคนเคยกล่าวไว้ว่า โชคดีคือการพบกันระหว่างโอกาสและความพร้อม หากเราศึกษาชีวิตของ Bill Gates เราจะพบว่า พ่อแม่ของเขามีฐานะจึงสามารถส่งเขาไปเรียนในโรงเรียนเพียงไม่กี่แห่งที่มีคอมพิวเตอร์ใช้ มันเป็นโชคดีของเขา แต่ถ้าเขาไม่ทุ่มเทศึกษามันล่ะ ในตอนที่ Paul Allen ซึ่งร่วมก่อตั้ง Microsoft เอานิตยสาร Popular Electronics ที่มีเรื่องปกเกี่ยวกับมินิคอมพิวเตอร์เครื่องแรกไปให้ Bill Gates ดู มันเป็นโอกาสแต่ถ้าพวกเขาไม่มีความพร้อม มันก็จะไม่มีความหมายอะไร
ผมว่าเวลา Warren Buffett ซื้อหุ้นที่เขาวิเคราะห์เป็นอย่างดีแล้ว เขาไม่ได้คิดหรอกครับว่ามันจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นกับบริษัทเลย เพียงแต่เขาเชื่อว่า บริษัทที่เขาลงทุนนั้นมีความแข็งแกร่งและความได้เปรียบเชิงแข่งขันที่ดีพอที่จะสามารถผ่านพ้นปัญหาและเติบโตต่อไปได้ เขาเคยเล่าว่า ถ้าคุณซื้อหุ้น Coke ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ แล้วถือมาจนป่านนี้คุณจะได้กำไรมหาศาล แม้ว่ามันจะเกิดภาวะน้ำตาลแพง, ภาวะเงินเฟ้อ, ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง, ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ, สงครามโลกสองครั้ง, สงครามเวียดนาม, สงครามอ่าว และอื่น ๆ อีกมากมายหลายอย่าง
ผมว่านักลงทุนตัวจริง ไม่ได้คิดหรอกครับว่า หุ้นขึ้น พวกเขาถูก หุ้นลง พวกเขาผิด นักลงทุนชั้นเซียนพวกนี้เป็นคนที่มีเหตุมีผลมีวินัยสูงมาก พวกเขารู้ดีครับว่า ราคาหุ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องจิตวิทยาและปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ผมว่าถ้าพวกเขาซื้อหุ้นมา แล้วบริษัทมีผลการดำเนินงานที่แย่ลงอย่างถาวร แต่ราคาหุ้นขึ้นเขาจะไม่คิดว่าเขาถูกหรอกครับ แต่เขาจะคิดว่าโชคดีและรีบขายหุ้นออกไปมากกว่า
การคิดถึงเรื่องโชคมันอาจจะก่อผลเสียได้ หากเราคิดเลยเถิดไปถึงขั้นที่ว่า เราคงทำไม่ได้อย่างเขาหรอก เพราะเราโชคไม่ดีเหมือนเขา พยายามไปก็เท่านั้น ผมว่ามันเป็นความคิดที่อันตรายเพราะมันจะทำให้เรานั่งเฉย ๆ ไม่ทำอะไรโดยไม่รู้สึกผิด
รู้ได้อย่างไรว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ได้ร่ำรวยเพราะโชคช่วย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2005 11:25 am
โดย WEB
คนหนึ่งที่ผมเห็นว่าโชคเป็นส่วนใหญ่ของความรวยของเขาก็คือ Paul Allen ครับ เขากับ Bill Gates ร่วมกันตั้งบริษัท Microsoft ขึ้นมาในปี 1975 พอถึงปี 1983 ตอนอายุได้ 29 เขาก็พบว่าเขาเป็นมะเร็งแล้วเขาก็เลิกทำงานที่ Microsoft ตอนนั้นยอดขายของ Microsoft ยังอยู่ที่เพียง $ 50 ล้านเท่านั้นเอง เขาลาออกจาก Microsoft แต่ยังถือหุ้น 28 เปอร์เซ็นต์ของ Microsoft อยู่ พอ Microsoft เข้าตลาดในปี 1986 และบริษัทเติบโตขึ้น ราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้น เขาก็กลายเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาทำงานใน Microsoft แค่ 8 ปีเท่านั้น แถมตอนหลังเอาเงินไปลงทุนอะไรก็ไม่ค่อยจะสำเร็จเท่าไร หลาย ๆ คนก็เลยบอกว่าเขารวยเพราะโชคมากกว่า หนังสือประวัติของเขายังตั้งชื่อว่า The Accidental Zillionaire เลยครับ จบก่อนนะครับ เมื่อยมือมากครับ