Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

สืบเนื่องจากวันนี้ได้ไปเยี่ยมชม Aprint
ได้พบท่านผู้ใหญ่อาวุโส ท่านหนึ่ง
ซึ่งท่านได้แนะนำให้อ่าน รหัสลับดาวินชี
เรื่องแปล Davince Code ของ Dan Brown
ก็เลยนำมาเล่าต่อให้เพื่อนๆ ไปหาอ่านดูนะครับ
รับประกันความเยี่ยมจากการเป็นหนังสือ Best Seller
ซึ่งยังติดอันดับหนึ่งในแนวหนังสือต่างประเทศ
ที่ Asia Book จนถึงวันนี้ด้วยนะครับ

8)

Da Vinci Code ครับ

อ่านแล้วครับ โม้ดี แต่สนุกครับ
ปริศนาก็ไม่ยากเท่าไหร่ พอเดาได้สัก 3 ใน 4
ส่วนเนื้อเรื่องก็ผูกได้ค่อนข้างดี เดาไม่ยาก ทำให้สนุก

ที่ชอบที่สุดคือการดำเนินเรื่องครับ กระชับ ต่อเนื่องไม่ขาดตอน

เทียบกับ Rule of Four (ไม่แน่ใจว่ามีการแปลเป็นไทยหรือยัง)
สนุกว่าครับ (เดาง่ายกว่า ปริศนาตีความง่ายกว่า) แต่ Rule of Four
ภาษาจะออกแนววรรณกรรมเล็กๆ มีการเล่าเรื่องแบบ flash black
โดยใช้ tense ที่ต่างกัน ทำให้อ่านลื่นดี

ปริศนาใน Rule of Four 5 ข้อ ผมเดาปริศนาไม่ได้เลยสักข้อ :lol:

ตอนนี้ download Angel and Demon มาแล้ว (ภาคก่อน Da Vinci Code)
แต่ยังไม่ได้อ่านครับ

download ทีไหนครับ

ผมไปขุดมาจากที่นี่ครับ http://sfclub.pantipmember.com/

พี่ sirivajj, กลับมาก็เชียร์ หนังสือเพิ่ม กำไรให้บริษัท เลยนะครับ อย่างนี้สงสัยจะติดใจกิจการ เอหรือว่าอย่างอื่นด้วย

อิ อิ ไม่ได้เชียร์ครับ

จริง จริง แล้ว หนังสือที่ว่า เขาดีต่างหาก
สัปดาห์ล่าสุด ที่ Asia Book ก็ยังติดอันดับหนึ่งนะครับ

(แต่อันดับของไทย จากที่ SE-ED, นายอินทร์, B2S ล้วน ตกอันดับไปนานแล้ว)

ปล. แอบลุ้นเล็กๆ คงไม่ผิดกติกานะครับ

ผมว่าน่ารักดีออก..
ไม่ได้หมายถึงหนังสือหรืออะไรนะครับ
แต่หมายถึงการเชียร์กิจการของบริษัทตัวเอง (ไม่ใช่เชียร์หุ้น ไม่เกี่ยวกัน)
โดยเป็นการเชียร์แบบออกนอกหน้า และเปิดเผย ว่ามีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ แล้วก็มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ดีๆ มาให้พิจารณาเลือกซื้อหากัน (คิดว่าคงไม่กลายเป็นที่ขายของหรอกครับ คนละเรื่องกัน ) จะได้รู้ว่ามีอะไรดี หรือไม่ดีบ้าง....

พูดถึงหนังสือที่กล่าวถึง ผมเห็นอยู่นานแล้ว แต่ไม่ได้สนใจจะหยิบมาอ่าน ถ้ามีโอกาสได้เห็นอีก จะต้องลองหยิบมาดูสักหน่อยครับ :lol:

อ่านแล้วเหมือนกันครับ Da Vinci Code

มีทั้งคนชอบ และก็คนไม่ชอบครับ บางคนว่าเอาว่าเนื้อหาบิดเบือนค่อนข้างมากก็มี แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ผมอ่านแล้วก็มันส์ดีครับ วางแทบไม่ลงเหมือนกัน

เฮีย CK, angel and demon ผมอ่านไปได้ครึ่งๆ กลางๆ นะ ผมว่าค่อนข้างช้ากว่า Da Vinci Code และก็ไม่ค่อยเร้าใจมากนัก เลยยังอ่านไม่จบซักที :lol:

ที่กะจะไปหามาต่อ ก็ digital fortress น่ะครับ กะอ่านให้ครบของนายคนนี้ทั้ง 3 เล่มเลย

ผมว่าตอนหลังของเรื่องหักมุมแปลกๆ ทำให้เรื่องจบแบบงงๆ

ผมชอบ angle and demon มากกว่า Da Vinvi Code ครับ ผมว่าตอนจบของ angle and demon มันดูสะใจ ครับ

แนะนําอ่านทุกเรื่องของ Micheal chricton ครับ โดยเฉพาะ The lost world (ไม่เหมือนในหนังนะครับ หนังทําออกมาได้แย่มากมากครับ),Disclosure and airflame ครับ
Angel and demon อ่านแล้วตอนจบมันเว่อร์ไปนะครับ รู้สึกไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่ ก็เลยทําให้ยังไม่อยากอ่าน Da vinci code ครับ ใครเคยอ่านทั้ง 2 เล่มช่วยเปรียบเทียบให้ฟังได้มั้ยครับ

ไครชตั้นหลังๆ เขียนสู้เรื่องแรกๆ ไม่ได้ครับคุณไช ผมอ่าน Congo เป็นเล่มแรก
แล้วข้ามมา Jurassic Park เลย หลังจากนั้นค่อยกลับไปเก็บเรื่องอื่นๆ
นี่ได้ข่าวว่า Timeline เอามาขึ้นจอเงินแล้ว

ส่วนเรื่อง Prey ก่อนหน้านี้ผมว่ามันออกแนว "หนังฮอลลีวูด" ไปหน่อย

ส่วนเรื่องของ Dan Brown คุณ Shaihalud ไม่ต้องหาเหตุผลมากครับ
ก็มันโม้สบัดตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ผมคิดว่าจุดเด่นของเขาคือการดำเนินเรื่อง
ที่ต่อเนื่องฉับไวครับ

ส่วนนักเขียนรุ่นใหม่ที่ผมชอบมากหลังจาก Clarke คือ Orson Scott Card
ครับ ตั้งแต่เริ่มหยิบ Ender's Game มาอ่านครั้งแรก ผมไปเหมาเกือบทุกเรื่องที่
เขาเขียนมาอ่านหมดเลย มี Treasure Box ที่อ่านไม่จบ และ Alvin Journeyman
และ Red Prophet ที่ขี้เกียจอ่าน

พูดถึง Dune หลังจากอ่าน 3 เล่มแรกจบตามคำแนะนำคุณ Shaihulud ก็ต่อด้วย
God Emperor ครับ อ่านไปได้ 30% ก็ขี้เกียจอ่านต่อแล้ว แต่รู้สึกว่าภาคนี้จะ
เปลี่ยนแนวการดำเนินเรื่องไปมากพอควร สนุกไปอีกแบบครับ แต่กลัวอ่านไป
ถึงเล่มสุดท้ายแล้วอารมณ์ค้าง เพราะข่าวว่าเล่มสุดท้ายจริงๆ ยังไม่ได้เขียน ตา
แฟรงก์ก็เดธไปซะก่อน

เท่าที่เข้าไปอ่านใน sfclub ที่พันทิบ รู้สึกเรื่องแปลของอาซิมอฟกำลังเป็นที่ต้องการ
นะครับ คุณ sirivajj ลองติดต่อให้ aprint แปลและวางขายใหม่สิครับ เอาทุกเล่มเลย
โดยเฉพาะ Foundation Series, Robot Series, Empire Series, God Themselves,
Nemesis

Scifi ตอนนี้ชอบอ่านของ Neil Gaiman ครับ เป็น Dark fantasy สําหรับผู้ใหญ่ครับ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง แนะนํา stardust and neverwhere ครับ

คุณ CK ตอนนี้ชุดของอาซิมอฟ กลุ่ม ออบิท แปลอยู่ครับ หาซื้อได้ที่ se-ed ทุกสาขา(เชียร์มั่ง) ว่าแล้วยังหงุดหงิดอยู่ว่าราคาฟื้นจากหลุมเร็วไปหน่อย ผมอยากได้เพิ่มแถวๆ 5 บาท (ขนาดถืออยู่เยอะสุดในพอร์ตนะเนี่ย คุยกะเพื่อนมันหาว่าบ้าไปแล้ว แช่งหุ้นตัวเองลง ) :lol:

ขอบคุณครับ ตอนนี้กำลังชอบ fantasy พอดี จะไปหาของ Neil Gaiman มาอ่านครับ

ไปติดนิยายของ George R.R. Martin ครับ :lol: รอ A Feast of Crows มาเกือบสองปี
แล้ว ยังเขียนไม่เสร็จสักที เมื่อเช้าเข้าไปเช็คที่เว็บไซต์ ก็ยังเขียนไม่เสร็จครับ เข้าใจ
ว่าเหลืออีกสองสามบท

แต่ก็คุ้มรอครับ ผมว่าเนื้อเรื่องดำเนินเร็วกว่าชุด Wheel of Time ของ Robert Jordan
เยอะเลยครับ เล่ม 8 ขึ้นมาอ่านแล้วหลับไปหลายรอบ

ผมก็เป็นโรคเดียวกันครับ แช่งให้หุ้นที่ตัวเองถืออยู่ลบเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี :lol:
ขนาดตอนนี้บางตัวที่ไล่เก็บ lot หลังๆ ขาดทุน (ทางบัญชี) ไปหลายหมื่นแล้ว

เป็น Dark fairytale (Alice in wonderland for adult)นะครับ จะเป็นคนละแนวกับ wheel of time นะครับ
Feast of crows(hardcover) ออกแล้วนะครับ ส่วนผมซื้อ A game of thrones
มายังไม่ว่างอ่านเลยครับ กลัวติดใจต้องอ่านเล่ม 2 3 4 ต่อครับ แล้วของเก่าก็ไม่ยอมยุบซะที่ ฮิฮิ

น่าจะยังนะครับ เมื่อกี้ไปที่เว็บไซต์ของ George R.R. Martin himself
ยังต้องเขียนเพิ่มบางบทครับ

http://www.georgerrmartin.com/nextbook.html

ที่ว่าออกแล้วน่าจะเป็น Amazon.com ขายหนังสือล่วงหน้ามากกว่าครับ
(ประจำ)

A Feast for Crows (A Song of Ice and Fire, Book 4)
by George R. R. Martin

Publisher: learn how customers can search inside this book.
Share your own customer images List Price: $28.00
Price: $18.48 & Eligible for FREE Super Saver Shipping on orders over $25. See details
You Save: $9.52 (34%)
Availability: This title will be released on July 26, 2005. You may order it now and we will ship it to you when it arrives from Amazon.com

ผมอ่านจบไปหลายเดือนแล้วครับ
เพราะสงสัยว่าทำไมติดเบอร์1ของasiabook
หลายๆๆๆเดือนแล้ว
พอดีaprint(บริษัทของผมเอง)แปลขายเลยอุดหนุน
อ่านจบแล้วตามอ่านฝีมือของแดน บราวน์อีก2เล่มรวด
ประทับใจในความรอบรู้ของผู้แต่งมาก
ไม่รู้ว่าเค้าไปเอาความรู้เรื่องระหัสลับแบบนี้มาจากไหน
เลยพาลอยากรู้ว่าเค้าจบอะไร ทำงานอะไร(นอกจากเขียนหนังสือขาย)

ฝรั่งเค้าเก่งตรงที่จะเขียนหนังสือหรือทำอะไร
ต้องresearchหรือหาความรู้มั่กๆจนกระจ่างค่อยลงมือ
หลายๆครั้งที่เค้าเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นของตะวันออกมาใช้
เขียนหนังสือจนขายดิบขายดีไปทั่วโลก
แล้วเราก็ไปซื้อของเค้ามาอ่านอีกที
คล้ายๆกับส่งออกraw materialไปแล้วผลิตสินค้า
กลับมาขายเราอีกที

ต.ย.คือ
ซุนวูของจีนแท้ๆแต่เอาฝอยได้หลากหลายมาก
มาอธิบายตั้งแต่สากเบือยันตลาดหุ้น
อีกอันคือพุทธศาสนา
dr.spencer johnson(คนแต่งwho move my cheese)
เอา"การอยู่กับปัจจุบัน"
มาแต่งป็นthemeในหนังสือ"the present"
ซึ่งขายดีไปทั่วโลก ติดอันดับbest seller
มีแปลเป็นไทยแล้วครับของนานมีบุ๊ค
อ่านแล้วผมว่าได้แค่เสี้ยวเดียวของ
"เข็มทิศชีวิต"แต่งโดยคุณฐิตินาถ ณ.พัทลุง
เสียดายไม่มีใครแปลเป็นอังกฤษ ส่งไปขายบ้าง

พี่ประจวบครับ

สิ่งที่ Dan Brown บอกว่าเป็น Fact มีหลายอย่างเป็น Fiction นะครับ

อย่าง Priory Sect นี่ โกหกทั้งเพนะครับ (แต่ก็สนุกในแง่นิยาย)
คนแต่งนิทาน Priory of Sion ก็ถูกจับโกหกได้ไปหลายสิบปีแล้ว

แต่การโกหกได้สมจริงนับเป็น Fiction ที่ดีครับ

ส่วนหนังสือขายดี ผมว่าเป็นเรื่องของกระแสด้วยครับ อย่าง Rich Dad
ก็ไม่ได้ดีมากมายเท่าไหร่ แต่กระแสมันแรงเหลือเกินครับ

ผมว่าrich dad เป็นจุดเปลี่ยนของความคิด
เกี่ยวกับการเรียน การทำงานและpersonal financeครับ
ซึ่งคล้ายๆกันทั่วโลก
พออ่านก็ได้ไอเดียทันทีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
หลายๆคนในที่นี้ก็คงมีจุดเปลี่ยนจากหนังสือเล่มนี้
รวมทั้งผมด้วย

"ออมก่อนรวยกว่า"ของนวพร เรืองสกุล
เป็นหนังสือที่ตามให้รายละเอียดในเรื่อง
ความจำเป็นในการออม+ลงทุนตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ
อย่างเห็นภาพชัดเจน

หลังจากนั้นในการลงทุนจริงๆก็แตกแขนงไป
แล้วแต่ความรู้ของแต่ละคน
ซึ่ง"ตีแตก"ของอจ.นิเวศน์เข้ามา
เปิดโลกทัศน์ทางด้านตลาดทุน
ทำให้ช่องทางการลงทุนส่วนบุคคล
โตขึ้นมั่กๆๆๆๆๆ

rich dad poor dad
เป็นหนังสือที่ทำให้จากคนที่ไม่สนใจเรื่องเงิน มาสนใจครับ
ผมหันมาหาวิธีลงทุนก็เพราะหนังสือเค้าแหละครับ
Robert เค้ามีวิธีพูดให้คนเกิดความโลภบนความรู้ครับ

หนังสือเกี่ยวกับ ความโลภอยากรวยเร็ว และ sex ขายดีเสมอครับ เป็นแรงกระตุ้นที่ทรงพลังมาก และการตลาดนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ผมคิดว่า ระยะเวลา ก็จะพิสูจน์ได้ว่า หนังสือเล่มไหน เป็น"ของจริง" ที่สามารถให้แง่คิด ความรู้ และแรงบันดาลใจ ที่คนอ่านนำไปใช้ได้เกิดประโยชน์จริงๆ

ถ้าเล่มไหนเอาแต่ตั้งชื่อหวือหวา ข้างในกลวง ขายเล่มหนึ่งดี เล่มสองพอได้ เล่มสามก็คงแย่ คนอ่านไม่โง่ครับ เพียงแต่มุมมอง รสนิยม ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน

บางเล่มตีหัวเข้าบ้าน ขายดีมากๆ เล่มสองเล่มก็รวยไปแล้ว เค้าก็พอใจแล้ว เป็น VI ผมว่าต้องเลือกให้คุ้มค่าเงินครับ