Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

Symbol: TPC
Headline: สรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2547(ก่อนการตรวจสอบ) (F45-3)
Time: 26 ม.ค. 2005 09:06:18


สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยประจำปี(F45-3)
บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)


ก่อนตรวจสอบ
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม
งวด 1 ปี
ปี 2547 2546


กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 3,152,822 1,306,499
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 3.60 1.49


หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์


"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ"


_______________________
(นายอำพล เรืองธุระกิจ )
ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสนับสนุนธุรกิจ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ

ดีใจกับคุณ ฟอร์เรสกัมพ์ ด้วยครับ

ขอบคุณครับ แต่รู้สึกว่า จะดีใจน้อยไปหน่อยครับ ราคาขยับไม่เท่าไหร่เลย ต้องรอปันผลเท่านั้นหรือ ถ้าเป็นตัวอื่น ขนาดยังไม่เห็นกำไร แค่คาดการณ์ก็พุ่งกันไป ยี่สิบ สามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว

ใครถือ TPC อยู่ มาช่วยกันบ่นหน่อยครับ

ดีใจกับคุณ ธม ด้วยครับ ท่าทางจะถืออยู่เยอะ ไชโย๊

เห็นด้วยกับคุณ Forrest Gump ราคานิ่งสนิทเลย. งง???

ผมไปดูข้อมูลใน settrade มา คิดว่า tpc มีรายใหญ่ถือใน % ที่ค่อนข้างสูงกันนะครับ และดูตามประวัติ รายใหญ่เหล่านี้ก็ไม่มีพฤติกรรมลงมาร่วมด้วยช่วยกันเท่าไหร่ (คือผมไม่รู้นะครับ ไม่ใช่ไม่มี )

ผมมองงี้นะครับ ปีก่อนเขามีกำไร 1.49 ปันผลไป 1 บาท ปีนี้กำไร 3.60 ถ้าปันผลอัตราเท่าเดิมก็จะจ่ายประมาณ 2.3-2.4 บาท ซึ่ง tpc เพิ่งจ่ายไปแค่ 0.3 บาทเมื่อครึ่งแรก ดังนั้นก็จะเหลืออีกราวๆ 2 บาท กับหุ้นราคา 20 บาทปันผลเกิน 10% น่าจะมีคนสนใจนะครับ ผมคิดว่าให้ tpc เป็นหุ้นที่ขึ้นลงตามผลประกอบการก็ดีแล้วนะครับ

5 ส.ค. 2004 TPC ติด XD ปันผลระหว่างกาล 3.00 บาทต่อหุ้นครับ
จ่ายวันที่ 23 ส.ค. 2004

บ่นทำไมครับ ซื้ออีกสิ ยิ่งไมไปยิ่งดี รอเราเข้าซื้อ เมื่อเช้าเปิดมาแรง แต่คนซื้อต้องขายออกขาดทุนครับ แบบนี้ vi ต้องเข้าครับ pe 5.41 เท่า ผมเก็บเรื่อยๆครับ คนอื่นว่าไงไม่รู้

ลองดูรายละเอียดในผลประกอบการดูนะครับ

Q4 ที่กำไรสุทธิค่อนข้างสูงคือ 1120 ล้าน นี้มีการ book รายได้จากปันผลจำนวนมากประมาณ 500 กว่าล้านบาท ผมเองก็ยังงงอยู่ว่ามาจากไหนกัน เพราะปกติมันไม่เยอะขนาดนี้ ลองดูจากบทวิเคราะห์ที่ออกมาก็ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนนะครับ

ส่วนผลประกอบการปกติถ้าไม่รวมปันผลที่ว่านี้ กับกำไรค่าเงิน ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นครับ ถือว่าดีกว่า Q3 เล็กน้อย คือประมาณ 475 ล้าน ต่อหุ้นก็ประมาณ 0.5-0.6 บาท

ปีนี้ก็ยังไม่เห็นแนวโน้มว่าจะดีกว่านี้ซักเท่าไหร่ ถ้าราคา PVC ยังไม่เกิน 1000 ซักที ก็คงยากที่จะทำกำไรให้ดีมากๆ ได้ ต่อไปอาจจะมีความกดดันเรื่องของราคาหุ้นนะครับ เนื่องจากผลประกอบการอาจลดลงเมื่อเทียบกับ Q1/Q2 ปีก่อนนะ เพราะปี 47 ทำเอาไว้สูงเหลือเกิน (Q1 1000 ล้าน Q2 666 ล้าน)

ทั้งหมดนี้ก็เป็นความเห็นและข้อมูลที่ผมมี ... ถูกผิดไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็คุยกันแล้วกันครับ

ในไตรมาสนี้บริษัทมีการบันทึกเงินปันผลรับจำนวน 541 ล้านบาทจากบริษัท ระยองโอเลฟินส์ (ROC) ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 7% หรือประมาณ 5 ล้านหุ้น (จ่ายปันผลหุ้นละ 100 บาท)

เป็นเงินปันผล รายปีรึป่าวครับเนี่ย
คือที่ถามผมหมายถึงว่าถ้าเป็นรายปีปีหน้าก็น่าจะได้อีก ขึ้นกับผลประกอบการระยองโอเลฟินส์ (ROC)

ราคาพีวีซีเริ่มขยับตัวขึ้นอีกรอบ....... หลังตรุษจีนคอนเฟิร์มแน่นอน........

ผลประกอบการ Q1 ส้มจุกคิดว่ายังดีอยู่มาก........

สำหรับ VI ยังสามารถถือต่อไปได้ค่ะเพราะได้ยินมาว่าจะมีการขยายโครงการต่างๆขึ้นเยอะในอนาคต.......

ตอนนี้ก็รอประกาศปันผลไปพลางๆ....... อ่อนตัวก็ซื้อเก็บได้ค่ะ

ดูราคา พีวีซี ที่ไหนครับ

สอนหาปลาหน่อยครับ คุณส้มจุก

ราคาพีวีซีเคยดูได้ฟรีแบบราคาอัพเดทได้ที่ http:// www.platts.com

แต่ตอนนี้เขาไม่ให้ดูราคาล่าสุด 3 เดือนค่ะ....... ต้องเป็นสมาชิกถึงดูได้

ครับ ขอพึงคุณส้มจุกต่อไปก็แล้วกัน อิอิ

คุณส้มจุกครับ แล้วราคา Ethylene มีแนวโน้มกลับตัวขึ้นหรือยัง ยังถือ NPC อยู่ด้วยน่ะครับ

มีข่าวมาอัพเดท ครับ


Symbol: TPC
Headline: คำอธิบายและการวิเคราะห์ฯประจำปี 2547
Time: 14 ก.พ. 2005 18:01:00



บริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์จำกัด(มหาชน) และบริษัทย่อย
คำอธิบายและการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของฝ่ายจัดการ
ไตรมาสที่ 4 ของปี 2547 เทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2546
(งบการเงินตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีแล้ว)

ภาวะราคาขายของตลาดเอเชีย
ภาวะราคาน้ำมันในไตรมาส 4 ปี 47 มีการปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 46 ส่งผลกระทบต่อต้นทุน
วัตถุดิบในการผลิตพีวีซี อันได้แก่ วีซีเอ็ม อีดีซี และเอทธิลีน ยิ่งไปกว่านั้นมีการขยายกำลังการผลิตสินค้า
ที่ใช้เอทธิลีนเป็นวัตถุดิบ ทำให้ปริมาณเอทธิลีนไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ส่งผลให้ราคา
เอทธิลีนพุ่งขึ้นสูงสุดในสถิติที่เคยมีมาโดยราคาแตะที่ระดับ US$ 1,300 /MT ในเดือนตุลาคม ผลักดันให้
ราคาขายพีวีซีสูงสุดในรอบปีในเดือนพฤศจิกายน ที่ระดับราคา US$ 990 /MT ราคาเฉลี่ยไตรมาส 4 อยู่ที่
ระดับ US$ 963/MT สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 46 ถึง US$ 294 /MT ส่วนต่างราคา PVC-EDC จึงยัง
คงอยู่ในระดับสูงที่ US$ 418/MT สำหรับส่วนต่างราคา PVC-EDC&Ethylene ลดลง US$ 60/MT จากเดิม
ที่ระดับ US$ 300/MT

ตลาดในประเทศ
จากภาวะราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ปริมาณความต้องการพีวีซีในประเทศในไตรมาสที่ 4 ของปี 47 เพิ่ม
ขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วไม่มากนักโดยมีอัตราการเติบโต 6% (มาจากตลาดท่อ) ทำให้ยอด
ขายในประเทศของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 9% ด้านราคาขายในประเทศมีการยอมรับการปรับราคาตามราคา
ตลาดเอเชีย โดยมีระดับราคาในประเทศสูงกว่าราคา CIF FE 5% ในขณะที่ไตรมาส 4 ปีที่แล้วสูงกว่า
ราคา CIF FE เพียง 0.4%

ตลาดต่างประเทศ
ยอดขายพีวีซีในต่างประเทศในไตรมาสที่ 4 ของปี 47 ลดลงถึง 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 46
เนื่องจากปริมาณความต้องการในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมีปริมาณพีวีซีสำหรับขายลดลง
จากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน ด้านราคาขายเมื่อเทียบกับราคา CIF FE นั้นเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก
ราคา 2.0% เป็น 2.2%

ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ของปี 47

แม้ว่า ราคาขายและส่วนต่างราคาขายกับวัตถุดิบจะสูงขึ้น แต่ราคา Ethylene ที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อ
เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทำให้ Margin ของบริษัทเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ประกอบกับปริมาณ
ขายที่ลดลงกว่าปีก่อน จากผลของการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานประจำปี ทำให้ระดับกำไรจากการดำเนิน
งานต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 46 แต่กำไรสุทธิสูงกว่าถึง 602 ล้านบาท เนื่องจากเงินปันผล กำไรจาก
อัตราแลกเปลี่ยน และกำไรจากบริษัทย่อย

ผลการดำเนินงานประจำปี 2547 เทียบกับปี 2546
(งบการเงินตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีแล้ว)

ภาวะราคาขาย
ปี 2547 ภาวะราคาของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อยู่ในช่วงขาขึ้นโดยราคาขายพีวีซีในตลาดเอเชียของปี 47
นั้นปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบปี 46 โดยเพิ่มขึ้นจาก 623 $/MT เป็น 859 $/MT ปัจจัยหลักมีสาเหตุมาจาก

1. ความต้องการพีวีซีในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปลายปี 46 โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดจีน (ครึ่งปี
แรกของปี 46 เกิดปัญหา SARS และการประกาศ Anti Dumping ของประเทศจีน)
2. วีซีเอ็มอยู่ในภาวะตึงตัว เนื่องจากผู้ผลิตบางรายมีปัญหาในการผลิต (Mechanical Breakdown)
นอกจากนี้โรงงานผลิตวีซีเอ็มในประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะไต้ฝุ่นทำให้ต้องหยุดการผลิต
ชั่วคราวในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ถึงต้นไตรมาสที่ 4 ส่งผลให้ราคาวีซีเอ็มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อ
เนื่องโดยมีราคาเฉลี่ยทั้งปีเพิ่มขึ้นจาก 531 $/MT เป็น 741 $/MT
3. ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เอทธิลีนต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างมากและ
สูงสุดเท่าที่เคยมีสถิติมา ราคาเฉลี่ยทั้งปีเพิ่มขึ้นจาก 495 $/MT เป็น 918 $/MT
4. ราคา EDC นอกจากจะปรับเพิ่มขึ้นตามราคา Ethylene แล้วยังมีปัญหากำลังการผลิตไม่เพียงพอ
ต่อความต้องการของตลาดจึงทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นจาก US$ 309/MT เป็น US$ 437/MT

จากการเพิ่มขึ้นของราคานี้ ทำให้ส่วนต่างราคา PVC-EDC เพิ่มขึ้นจาก US$ 314/MT เป็น US$ 421/MT
ซึ่งสูงสุดนับจากปี 2538 เป็นต้นมา อย่างไรก็ดี ราคาเอทธิลีนที่สูงสุดเท่าที่เคยมีสถิติมา ทำให้ Margin ของ
PVC ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก โดยส่วนต่างราคา PVC ?EDC&Ethylene เพิ่มขึ้นจากปี 46 เพียงเล็กน้อย

ตลาดในประเทศ
ปริมาณความต้องการพีวีซีในประเทศของปี 47 เพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับปี 46 เนื่องจากการขยายตัว
ด้านการก่อสร้าง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการเพิ่มการใช้จ่ายในโครงการของภาครัฐ เช่น การสร้าง
สนามบินสุวรรณภูมิ และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ทำให้ท่อและสายไฟมีปริมาณใช้เพิ่มขึ้นมาก รวมถึง
ตลาดฟิลม์ที่โตขึ้นจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนการใช้วัตถุดิบจาก PE เป็น PVC เนื่องจาก
ราคา PE ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคา PVC

ด้านยอดขายในประเทศของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปี 46 แต่ราคาขายในประเทศเมื่อเทียบกับ
ราคา CIF FE กลับลดลงอย่างมากจากที่เคยสูงกว่าราคา CIF FE 4.6% ในปี 46 กลับสูงกว่าราคา CIF FE
เพียง 0.9% เนื่องจากผู้แปรรูปสินค้า PVC ไม่สามารถผลักดันราคาสินค้าสำเร็จรูปให้เพิ่มขึ้นไปได้อีก

ตลาดต่างประเทศ
ยอดขายพีวีซีในต่างประเทศของปี 47 ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปี 46 เนื่องจากการขยายตัวของปริมาณ
ความต้องการพีวีซีในประเทศที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่บริษัทผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้ว สำหรับราคาขายเมื่อ
เทียบกับราคา FE อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันคือ 1.2% ในปี 2547 และ 1.1% ในปี 2546 อย่างไรก็ดี
ต้นทุนด้านขนส่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Net back ของการส่งออก ลดลงเมื่อเทียบกับปี 46

ผลการดำเนินงานปี 2547

ภาวะตลาดทั้งในด้านราคาและความต้องการตลาดเอื้ออำนวยต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ประกอบ
กับการผลิตที่ราบรื่น การบริหารจัดการวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทฯ มีส่วนต่างราคาของ
PVC-EDC&Ethylene และยอดขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรที่โดดเด่นในปี 2547

ปี 2547 นับเป็นปีที่สามติดต่อกัน ซึ่งบริษัทสามารถมีผลการดำเนินงานได้สูงกว่าปีก่อน ๆ อย่างต่อเนื่อง
โดยสามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 23,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 29 และมีกำไรสุทธิ
3,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 141 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลรวมมาจากการขายที่เพิ่มขึ้นและการ
ปรับปรุงพัฒนาในทุก ๆ ด้านของทุกบริษัทในกลุ่ม
หน่วย : ล้านบาท


ไตรมาส 4 %เปลี่ยนแปลง YTD %เปลี่ยนแปลง

2547 Y-O-Y 2547 Y-O-Y

รายได้จากการขาย 5,812 22% 23,451 29%

ต้นทุนขาย 4,785 28% 18,881 25%

กำไรสุทธิ 1,125 115% 3,152 141%

EBITDA 1,509 79% 4,354 69%

กำไรต่อหุ้น(บาท) 1.29 115% 3.60 141%


สินทรัพย์รวม 20,134 14%

หนี้สินรวม 9,657 5%

เงินกู้ยืมระยะสั้น 3,257 (7%)

เงินกู้ยืมระยะยาว 2,342 (32%)

หนี้สินอื่น 4,058 79%

หนี้สินสุทธิ 5,440 (20%)


หมายเหตุ หนี้สินสุทธิ = หนี้สิน (ที่มีดอกเบี้ย) หักเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้น

คงต้องอดทนถือรอกันต่อไปมั้งครับ

คุณ ธมครับ
ถ้าเป็นตัวอื่นนะครับ นักวิเคราะห์ นักลงทุนคงแบบ "โอ้โห เยี่ยมมาก อนาคตแจ่มใส เข้าซื้อได้เลย เป้าหมายที่ 45 บาท"

แต่เป็น TPC " อ๋อเหรอ ", "อืม งั้นเหรอ" , "ดีนะ" ...........

ผมเซ็งจนชินซะแล้วล่ะ

เพื่อนๆ คิดว่าไง กำไรโต แต่ไม่ได้ Capital Gain.

ราคา ethylene ค่ะคุณ kla


http://www1.toc.co.th/pdf/Weekly_Olefin ... mentet.pdf

ผมว่าคนส่วนใหญ่มองว่า กลุ่มปิโตรเคมีคัลนั้นพีคไปแล้ว

เช่นนั้นก็คิดว่า การเติบโตและราคาหุ้นก็น่าจะเป็นไปในทิศทางที่คนส่วนใหญ่คิด

รอประกาศปันผลครับ

มีข่าวใหม่ครับ

คงไม่ผิดกฎ กติกามารยาท นะครับ

ผมเสียวๆ ยังไงไม่รู้ อิอิ


ที่ กม. 001/2548

22 กุมภาพันธ์ 2548

เรื่อง แจ้งกำหนดจัดประชุมผู้ถือหุ้นและมติการจ่ายเงินปันผล

เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)
ในการประชุมครั้งที่ 74 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 ได้พิจารณาและมีมติเป็นเอกฉันท์
ในเรื่องสำคัญ ดังต่อไปนี้

1. ให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2547
ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท
(เมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ที่เปลี่ยนแปลงจาก 10 บาท เป็น 1 บาท)เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2547
และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกในอัตราหุ้นละ 1.70 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งมีรายชื่อ ณ วันปิดสมุด
ทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 12 เมษายน 2548 เวลา 12.00 น
และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2548

2. กำหนดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 40 ประจำปี 2548 ในวันอังคารที่ 29 มีนาคม 2548
เวลา 11.00 น.ณห้องประชุม ชั้น 30 อาคารรัจนาการ ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร
กรุงเทพมหานคร โดยมีระเบียบวาระการประชุม ดังนี้
1 ) พิจารณารับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 39 (พ.ศ. 2547)
2 ) พิจารณารับทราบผลการดำเนินงานประจำปี
3 ) พิจารณาอนุมัติงบดุลและงบกำไรขาดทุนประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547
4 ) พิจารณาอนุมัติจัดสรรเงินกำไรและจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2547
5 ) พิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ออกตามวาระ
6 ) พิจารณาอนุมัติค่าตอบแทนกรรมการ
7 ) พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและกำหนดค่าสอบบัญชี สำหรับปี 2548
8 ) เรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี)

3. กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญ
ผู้ถือหุ้นครั้งที่ 40 ประจำปี 2548 ในวันที่ 9 มีนาคม 2548 เวลา 12.00 น จนกว่าการประชุม
ดังกล่าวจะเสร็จสิ้นลง


จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ขอแสดงความนับถือ


(นายเทพ วงษ์วานิช)
กรรมการผู้จัดการ

tom เขียน: มีข่าวใหม่ครับ

คงไม่ผิดกฎ กติกามารยาท นะครับ

ผมเสียวๆ ยังไงไม่รู้ อิอิ

ไม่น่าจะผิดหรอกครับคุณ tom ข่าวก็ออกมาสักพักแล้ว ไม่ใช่ข่าวมั่วสักหน่อย เชียร์กันบ้าง ติกันบ้าง มีเหตุผลประกอบดีๆ ก็ว่ากันไปครับ

ว่าแต่ว่า ปันผลไม่ผิดหวังนะครับ อย่างนี้ค่อยมีกำลังใจถือหน่อย (หลังจากผิดหวังเล็กน้อยจากหุ้นตัวอื่นมา :lol:) ราคาน้ำมันก็ทำท่าจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกแล้ว คงได้ลุ้นราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีบ้างครับ

ถามคุณ somjook น่ะครับ
1. ทำไมราคา PVC เดือน ธค.ร่วงเลยล่ะครับ
2. แล้วเดือน มค. - กพ. เป็นยังไงบ้างครับ spread ยังมากกว่า 400 รึเปล่า
3. แล้วถ้า diesel ขึ้น ราคา PVC ภายในประเทศจะมีโอกาสปรับขึ้นได้มั้ยครับ

1.ราคาพีวีซีร่วงในเดือนธค.เพราะว่า demand มันหายไปเนื่องจากสิ้นปีทุกบริษัทจะทำstock ต่ำดังนั้นจะไม่ค่อยมีการสั่งสินค้ากันเข้าไป ขณะที่supply ยังเท่าเดิม เลยทำให้ราคาร่วงลงมาค่ะ....... พอเข้าปีใหม่ก็เจอตรุษแขก........ หลังจากนั้นก็เป็นช่วงตรุษจีนทางเมืองจีนก็จะหยุดยาวก็ยิ่งทำให้พอเข้าปีใหม่มาราคาเลยยังไม่ขยับสักเท่าไหร่........ แต่ตอนนี้....... ทุกประเทศเปิดทำการแล้ว........... ราคาพีวีซีเลยเริ่มขยับโลด

2.ส้มจุกก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ........ แต่คาดว่าน่าจะใกล้เคียงเพราะ tpc สามารถเลือกได้ว่าจะซื้อ ethylene มาผลิต vcm เองหรือจะซื้อ vcm มาใช้เลย...... โดยจะดูว่าส่วนไหนได้ margin มากกว่า.......

3.ตอนนี้ราคาพีวีซีเริ่มขยับขึ้นมาแล้วตั้งแต่ต้นเดือนกพ.แล้วค่ะ.........ผลประกอบการ Q1 คาดว่าไม่น่าจะผิดหวังนะคะ