Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมฟังรายการmoney talkเมื่อวาน
คุณเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ ผจก.ajf
พูดถึงวิธีลงทุนเองของรายย่อย
ให้ชนะกองทุนรวมว่ามี2วิธีคือ

1.ซื้อหุ้นตัวเล็กๆที่ปันผลดีๆสภาพคล่องต่ำๆ
เพราะกองทุนรวมไม่เล่นกลุ่มนี้
2.ซื้อแล้วเล่นรอบวันละ6-7รอบ
เพราะกองทุนไม่คล่องตัวในการเข้าออกเร็วขนาดนี้
ถ้าลงมาเล่นหุ้นตัวโตๆสภาพคล่องสูงๆ
เท่ากับลงมาเล่นในเกมส์ของเค้า
เค้าคิดว่านักลงทุนสถาบันเข้าก่อนออกก่อนรายย่อยแน่ๆ

ผมว่ายังมีอีกวิธีครับคือ
ลงทุนแบบvalue investorถือยาวๆๆๆๆๆไปเรื่อยๆ
ซึ่งอยู่นอกเกมส์ของพวกสถาบันและชนะกองทุนได้
เพราะ

1.ไม่ต้องเสียค่าคอม.เยอะๆ
2.กองทุนต้องกระจายความเสี่ยงมาก
ทำให้ผลตอบแทนเป็นค่าเฉลี่ยมากกว่านำตลาด
3.ถือยาวไปได้เรื่อยๆไม่มีกำหนด
แต่กองทุนถ้ามีคนขายหน่วยลงทุน
ก็ต้องขายหุ้นดีๆเอาเงินมาคืน
4.มีข้อจำกัดในการลงทุนหลายอย่าง
-หุ้นดีๆแต่เล็กไปหรือสภาพคล่องต่ำลงไม่ได้
-ลงในแต่ละตัวได้จำกัดจำนวน

ตามมาอ่านครับ เห็นด้วย

เห็นด้วยเช่นกันครับ

ความเห็นการลงทุนในกระทู้นี้ผมเห็นด้วย 100% และปฏิบัติ มาตลอด ผมเลยไม่กลัวพวกฝรั่งหรือกองทุนเท่าไหร่ แต่เมื่อหุ้นที่ผมซื้อมีฝรั่งและกองทุนเข้ามาก ๆ ผมต้องเริ่มคิดใหม่อีกที ว่า จำทำอย่างไรกับหุ้นที่ถือ อยู่ (ยังหาคำตอบไม่ได้)

ตอนนี้หุ้นที่ฝรั่งและสถาบันถือ ส่วนใหญ่จะขึ้นมาก และขึ้นเร็ว กว่า หุ้นที่ผมถือ..........ทำให้ ไม่ค่อย สบายใจเท่าไหร่ ถ้าไม่หนักแน่นพอ.......... แต่พอถึงเดือน พฤษภาคม ผมก็สบายใจที่สุดเพราะจะได้เงินปันผล มาเป็นรายได้หรือลงทุนต่อไปอีก.......... ในส่วนของหุ้นฝรั่งหรือสถาบัน ผมได้เริ่มลงทุนไปตัวหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังเป็นตัวเล็กในกลุ่มสื่อสาร ชอบที่เป็นหุ้นค่อย ๆ ขยับ ทำราคาสูงขึ้นที่ละเล็กน้อย และ ในด้านราคาต่ำ ก็ค่อย ๆ ขยับ ขึ้น (ต้องขยับราคาซื้อตามไปด้วย ไม่งั้นไม่ได้ซื้อสักที)..............หุ้นฝรั่งหรือสถาบัน สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดคือ ตอนที่มีข่าวดี หลังจากพวกเขาได้เก็บไว้ก่อนหน้าเรานานแล้ว กำหนด คิดไม่ได้ว่า เขาจะขายตอนไหน.......นี่แหละพา พวกรายย่อยไปติด ไว้สูง ๆ กันทั้งนั้น หุ้นฝรั่งและสถาบัน ที่ว่า เป็นหุ้นดี ดี ทั้งนั้นจะให้ผมซื้อตอนนี้ ผมคงต้องคิดหนักหน่อย และ เลือก เป็นผู้ดู ตามเคยแหละครับ.......หนี ไป ลงทุนในหุ้น เล็ก เอาปันผล เหมือนเช่นเดิม ทุกที

ที่ว่าเล่นรอบวันละ 6-7 รอบนี่ผมไม่ได้ทำนะครับ บางทีนาน ๆ ครั้งจะทำที ก็ คือ trading ในหุ้นที่ถืออยู่นั่นเอง และอย่างเก่ง ก็ได้วันละรอบ คือ ขายและซื้อกลับมา เอาค่าขนมเล็กน้อยนั่นเอง

แหม มาแนะนำให้เล่นหลายๆรอบต่อวันนี่ น่าเกลียดจริงๆ นะเนี่ย อย่างนี้ก็เป็นการเล่นเก็งกำไร ลูกเดียวเลยซิ แล้วตลาดทุนจะแข็งแรงได้ยังไงล่ะนี่ ต้องมีคนลงทุนมากๆหน่อยซิ ตลาดทุนจะได้เจริญ

ลุงขวดครับ
ผมว่าถ้า"ใจเป็นหินและตาถึงพอ"ก็เอาชนะพวกสถาบันได้
แม้จะมีทั้งฝรั่งและกองทุนลากขึ้นลากลง
ถือแบบยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คุณวิกรม เกษมวุฒิบอกว่าลงทุนในปูนใหญ่
"ไม่มีคำว่าสายเกินไป"
ท่านลงทุนถือมาตั้งหลายสิบปีไม่เคยขาย
ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายรอบ
กำไรหลายพัน%แล้ว

เวลาฟังท่านเล่าแล้วแลดูง่าย
แต่ถ้าเจอกับตัวเองไม่รู้จะทนถือแบบนั้นไหวรึเปล่า
สงสัยจะเป็น"ใจไม่ถึง ตาเป็น(ต้อ)หินซะมากกว่า

เรื่องปูนใหญ่ ก็ต้องร้องรู้งี้ๆๆ ครับ
เพราะตอนที่มันวูบลงมา (จริงๆ จังๆ) ครั้งล่าสุด ที่ราคา 106 หรือ 108 บาทจำไม่ได้ ผมนั่งทาน
ข้าวอยู่ที่โรงแรมเดอะแกรนด์ ถ.รัชดาภิเษก แล้วกดโทรศัพท์เช็คราคาหุ้น ตอนนั้น 50/50 ว่า
จะซื้อดีหรือไม่ เพราะพอร์ตก็ยังว่าง เผลอแว่บเดียว ไปไหนไม่รู้เลย ฮ่าๆๆ เอาล่ะน่า ถ้ารู้งี้ๆๆ
ทุกที ก็รวยกว่านี้แล้วล่ะ

ผมเห็นด้วยกับสองข้อข้างบน แต่ข้อ 1 มากกว่าข้อ 2
และเห็นด้วยกับอีกข้อ (ที่ 3) เรื่องลงทุนแบบ VI (หุ้น Very Inert) และเป็นตัวเล็กๆ ที่ไม่มีใคร
สนใจใส่ใจ ราคาเลยถูก แต่ต้องมีข้อดีอื่นๆ เรื่องการแข่งขันทางธุรกิจเป็นแกนหลัก (แบบที่ป๋า
บัฟเฟตต์ ชอบ) และสไตล์นี้ ก็คล้ายกับคุณลุงโกศลผู้ล่วงลับได้เคยทำไว้คือ คุณลุงชอบหุ้น
แบบเก่าเก็บ หุ้นดีไม่มีใครสนใจ หุ้นที่จ่ายปันผลแบบห่านทองคำ อะไรทำนองนั้นครับ

ก.ล.(กระทู้ลงท้าย)
เมื่อกี้ไฟฟ้าดับราวๆ 10 วินาที เจ้า UPS ที่บ้านช่วยชีวิตไว้ได้ ทุกอย่างทำงานตามปกติ
เป็นยี่ห้อ Leonics รุ่น 0A-1 500VA อายุเกือบสิบปีได้แล้วมั้ง ผมเกือบโยนทิ้งแล้วซื้อตัวใหม่
มาใช้แล้ว แต่หลังจากไปค้นดู เห็นว่ายังน่าจะดีแต่เพียงแบตเตอรี่เสื่อม ผมเลยซ่อมเองโดย
เปลี่ยนแบตเตอรี่ไปหนึ่งลูกเมื่อปลายๆปี 2546 สุดยอดจริงๆ นี่ก็ช่วยชีวิตไว้หลายรอบแล้ว
เหมือนกัน
--> ดังนั้นใครว่าหุ้นเก่าเก็บไม่ดี ก็พิจารณาใหม่นะครับ อาจจะคล้ายๆ UPS ของผมก็ได้

แต่หลังๆ มีกองทุนระยะยาวเริ่มหันมาลงทุนในหุ้นเล็กๆกันบ้างนะครับ
ทำให้หลายตัวราคาขยับชนิดที่ว่า หายใจกันไม่ทั่วท้องทีเดียว

เหมือนที่ดร.นิเวศ เคยเขียนบทความเอาไว้กรณีนี้ว่า
เรารายย่อยมีจุดแข็งหลายอย่างที่เหนือกว่ากองทุน
แต่เวลาลงทุนจริงๆ กลับนำจุดอ่อนมาลงทุน อย่างนี้ก็เจ๊งซิครับ..

อย่างกรณีกองทุนธนชาติ ลงทุนในหุ้น ticon แม้ว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว
แต่พอร์ตรวมผมคิดว่าไม่ขยับเท่าไหร่ เพราะว่าข้อจำกัดการถือหุ้นของกองทุนมีเยอะครับ..

ถูกต้องนะครับ
รายย่อยรายจุกจิก มีข้อดีคือเลือกหุ้นได้เยอะ หุ้นเล็กๆ ดีๆ มีเยอะแยะ
ส่วนกองทุน ลองอยากซื้อสักล้าน สองล้านหุ้น กับหุ้นเล็กๆ พวกนี้สิ มีหวัง ราคาได้ขึ้นจาก
หุ้นแรกๆ ที่สิบบาท เป็นหลายร้อย

ก็ถ้ารายย่อย เอาจุดอ่อนไปสู้จุดแข็ง ก็เจ๊งไม่เป็นท่าแต่แรกแล้วครับ

ขุดมาให้อ่านกันใหม่ครับ

ช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว

คิดถึง พี่ มือเก่าหัดขับ จังครับ เดี๋ยวนี้เห็นอยู่ในแต่พันทิบไม่มาตอบที่นี้บ้างเลย

ขอบคุณมากครับ คุณCopyWriter
ที่มีความพ'ยามขุดเนื้อหาดีๆมาให้มือใหม่อย่างผมได้รับความรู้เพียบ
   

คิดถึงกฎที่ถือไว้ตลอดเวลาเลยครับ แหะๆ  8)

ถือยาวๆ

เอาชนะกองทุนง่ายมากครับ
555

ประจวบ เขียน:ผมฟังรายการmoney  talkเมื่อวาน
คุณเรืองวิทย์  นันทาภิวัฒน์ ผจก.ajf
พูดถึงวิธีลงทุนเองของรายย่อย
ให้ชนะกองทุนรวมว่ามี2วิธีคือ

1.ซื้อหุ้นตัวเล็กๆที่ปันผลดีๆสภาพคล่องต่ำๆ
เพราะกองทุนรวมไม่เล่นกลุ่มนี้
2.ซื้อแล้วเล่นรอบวันละ6-7รอบ
เพราะกองทุนไม่คล่องตัวในการเข้าออกเร็วขนาดนี้
ถ้าลงมาเล่นหุ้นตัวโตๆสภาพคล่องสูงๆ
เท่ากับลงมาเล่นในเกมส์ของเค้า
เค้าคิดว่านักลงทุนสถาบันเข้าก่อนออกก่อนรายย่อยแน่ๆ

ด้วยวิธีที่นายคนนี้เสนอ ปัจจุบันเด้งจาก AJF เรียบร้อยแล้วครับ  8)

น่าเสียดายนะครับ คุณเรืองวิทย์ จบจากcolumbia มาซะเปล่า แต่แนวการลงทุนไม่ใช่viเลย สงสัยไม่ได้จบออกมาจากgraham and dodd village

ประกาศลาออกพร้อมๆกับ fund manager คนนึงไม่ใช่หรอ