หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 12:29 am
โดย Tao Investor
ในปัจจุบัน การศึกษาในประเทศไทยยังคงเป็นแบบ เน้นการท่องจำ
เช่น ข้อสอบเอาข้อสอบเก่ามาออก ใครเคยผ่านมาก่อนก็จะทำได้
แนวในการทำโจทย์ ก็จะเหมือนเดิม แล้ว เด็กจะได้อะไรครับ ได้ความรู้ตามตำรา หรือว่า ระบบ ต้องการอย่างนั้น
ระบบแบบแพ้คัดออก ทำให้เด็กหวงความรู้ครับ ต่างคนต่างพัฒนากันเอง ใครรู้มากกว่าคนอื่น ก็ กั๊กเอาไว้
แสดงให้เห็นว่าระบบจะเน้นที่ผลลัพธ์ ระบบจะไม่เน้นที่การพัฒนา จึงทำให้ผลลัพธ์มีกรอบความคิด
ผมว่าการศึกษาในประเทศไทย น่าจะจัดระเบียบ ให้เป็นแบบปรัชญานะครับ
เน้นแนวคิด เป็นหลัก
เช่น การสอบ
ให้คะแนนความถูกต้องของผลลัพธ์ หนึ่งส่วน
ให้คะแนน ความคิดแยกจากความถูกต้องของผลลัพธ์ เป็นอีกส่วนหนึ่ง
ให้คะแนนการใช้เวลาด้วยก็น่าจะดี เช่น มีมาตรฐานเวลาที่เป็นธรรม ระหว่างฝ่ายที่เน้นความรู้ กํบ ฝ่ายที่เน้นความคิด
(สงสัยจะยากเกินไปที่ผู้ออกข้อสอบ. จะทำได้ หรือเปล่าครับ)
การศึกษาแบบเน้นแนวคิดเป็นหลัก ส่วน กระบวนการนั้นแต่ละคนต้องประยุกต์กันเอาเองตามสภาพแวดล้อม
ถ้าระบบ เน้นที่ผลลัพธ์ ทำไม ไม่ใช้คอมพิวเตอร์มาคิดแทนล่ะครับ
คำตอบก็คือ คอมพิวเตอร์ไม่มีจินตนาการครับผม
ระบบในเมืองไทยตอนนี้ สอนให้คนเป็นคอมพิวเตอร์ครับ ให้คนแข่งกับคอมพิวเตอร์ ไม่ได้สอนให้คนพัฒนา
ปล. จินตนาการ มีความสำคัญ มากกว่าความรู้
พี่ๆคิดว่า ความรู้ กับ ความคิด อย่างไหนสำคัญกว่ากันครับ
หรือว่า ความรู้สอนได้ แต่ ความคิดสอนไม่ได้
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 12:38 am
โดย Jeng
ความคิดเป็นบ่อเกิดของความรู้ >>> ความรู้ก็เป็นบ่อเกิดของความคิด
ความรู้ก็สอนได้
ความคิดก็สอนได้
อยู่ที่คนเรียนครับ ว่าจะรับได้แค่ไหน
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 8:49 am
โดย Banchap
ผมมีความคิดเทียบเคียงอย่างนี้ครับ
บังเอิญได้ยินอาจารย์ท่านหนึ่งพูดถึงเรื่องไท้เก็กว่า ไท้เก็กที่แท้จริงไร้กระบวนท่า คนที่เรียนไท้เก็กในปัจจุบันของสำนักต่าง ๆนั้น ไม่ใช่ไท้เก็กแท้
ความเห็นของผมก็คือ ถ้าไร้กระบวนท่าแล้วจะถ่ายทอดกันอย่างไร ดังนั้นการมีกระบวนท่าคงเป็นกลอุบายหนึ่งเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาได้ง่ายกว่า เพื่อการปล่อยวางในอนาคต
ดังนั้นการสอนความรู้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา แต่เพื่อให้นักเรียนปล่อยวาง ให้กลายไปเป็นความคิด และความคิดที่ได้มาก็ต้องถูกปล่อยวางเพื่อให้เกิดความคิดที่แยบคายกว่า บูรณาการกว่าความคิดเดิม ไปเรื่อย ๆ
ปัญหาก็คือ เราไม่ค่อยสอนให้ปล่อยวางกัน หรือว่ามันสอนกันไม่ได้ก็ไม่รู้ เส้นผมบังภูเขานิดเดียว แต่หายอดอาจารย์ชี้แนะแทบไม่ได้เลย
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 9:22 am
โดย nanchan
Banchap เขียน:
ไท้เก็กที่แท้จริงไร้กระบวนท่า คนที่เรียนไท้เก็กในปัจจุบันของสำนักต่าง ๆนั้น ไม่ใช่ไท้เก็กแท้
ความเห็นของผมก็คือ ถ้าไร้กระบวนท่าแล้วจะถ่ายทอดกันอย่างไร ดังนั้นการมีกระบวนท่าคงเป็นกลอุบายหนึ่งเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาได้ง่ายกว่า เพื่อการปล่อยวางในอนาคต
ล้ำลึก
ไท้เก็ก คงกลัวคนที่เรียนยึดติดในสิ่งที่เรียนรู้มาเพียงอย่างเดียว
แล้วไม่คิดกระบวนท่าใหม่ๆ
"การปล่อยวาง เป็นกระบวนท่าสุดยอดที่สุดมั้ง
คือวางให้นิ่ง แล้วมุ่งสู่กระบวนท่า มุ่งไปสู่ที่ปลายดาบสถานเดียว
มิต้องคิดว่ากระบวนท่าที่ออกไปนั้นใช่แล้วซึ่งกระบวนท่า
ปราศจากซึ่งสายลม แสงแดด ปราศจากใบไม้หวิว "
ความคิดอาจเกิดขึ้นเพียงแวบลมหวิว
ความรู้ต้องใช้เวลาสั่งสมนาน
ถ้าเราเชื่อชาติก่อน ความคิดอาจเกิดจากความรู้ที่สั่งสมมานาน
สมัยชาติก่อน จนเกิดมาเป็นความคิดที่แยบยล หรืออาจเรียกว่า
"บุญ" กรรม ที่เคยทำกันมา
คำเตือน : อยู่คนเดียวระวังความคิด
Re: ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 11:32 am
โดย Amorna
Tao Investor เขียน:
ผมว่าการศึกษาในประเทศไทย น่าจะจัดระเบียบ ให้เป็นแบบปรัชญานะครับ
เน้นแนวคิด เป็นหลัก
เช่น การสอบ
ให้คะแนนความถูกต้องของผลลัพธ์ หนึ่งส่วน
ให้คะแนน ความคิดแยกจากความถูกต้องของผลลัพธ์ เป็นอีกส่วนหนึ่ง
ให้คะแนนการใช้เวลาด้วยก็น่าจะดี เช่น มีมาตรฐานเวลาที่เป็นธรรม ระหว่างฝ่ายที่เน้นความรู้ กํบ ฝ่ายที่เน้นความคิด
(สงสัยจะยากเกินไปที่ผู้ออกข้อสอบ. จะทำได้ หรือเปล่าครับ)
ทำไงดี ในเมื่อคุณภาพของคุณครูก็รู้ๆ กันอยู่ คนที่เรียนไม่เก่งถึงมาเป็นครู หรือคนที่เก่งๆ จบนอกมาเป็นครู ก็น้อยคนที่จะเข้าใจหลักนี้ ส่วนใหญ่ ก็ท่องตาม 1 2 3 ... ที่ตำราฝรั่งเขียนมา มีไม่กี่คนที่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมถึง 1 2 3....แล้วสามารถประยุกต์ เอา 3 1 2 หรือ 2 1 3 อะไรประมาณนี้ได้
สงสัยการเป็นคนช่างจำมันฝังลึกมากกว่าคนช่างคิดมังคะ
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 1:45 pm
โดย Neng
ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับโดยเฉพาะ.......สังคม...สังคมตะวันออก......
เรานิยมใบประกาศ...มากกว่าเนื้อในของมัน.....จะทำอย่างไงก็ได้ขอเพียงให้ได้มันมา..ทางลัดก็ได้..ซื้อเอาก็ยอม....เดี๋ยวก็มีคนนับถือ....ไม่มีระบบหล่อเลี้ยงอัจฉริยะ....เหมือนตะวันตก...ทำให้รากแก้วที่เป็นแกนของความรู้...สั้นมาก...ต้นไม้ความรู้จึงไม่สามารถแผ่ขยายได้ไกลดังที่ควรเป็น.......
รู้แต่กระบวนท่าแต่ไร้กำลังจะทำการใหญ่ได้อย่างไร.....
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 2:34 pm
โดย harry
พูดยากนะ คนเราไม่เหมือนกัน เรียนเหมือนกัน แต่ทำออกมาได้ไม่เท่ากัน
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 12:23 am
โดย มือเก่าหัดขับ
คุณแม่ (คราวนี้คุณแม่บ้าง)
สอนผมเสมอ ตั้งแต่ผมเด็กๆ ว่า
ลูกสอน ไม่เท่าลูกคิด นะลูก
สงสัยตอนนั้น ผมทำอะไรไม่ค่อยคิด ฮ่าๆๆ
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 10:20 am
โดย enokwan
ระบบการเรียนการสอนบ้านเราจะเน้นท่องจำเป็นส่วนใหญ่
สังเกตจากข้อสอบจะเป็นchoices เสียเป้นส่วนมาก
(เดี๋ยวนี้ไม่รู้เปลี่ยนไปหรือยัง)
ซึ่งก็ถูกใจเด็กๆ เพราะอย่างน้อยก็มีโอกาสถูกมั่ง
ถูกใจคุณครู ตรวจข้อสอบง่าย ไม่ต้องมานั่งอ่านทีละบรรทัด เผลอๆอ่านไม่ออกอีก
ทำให้เด็กพูดไม่ค่อยเก่ง(รู้ แต่อธิบายไม่ถูก)
คิดไม่ค่อยเป็น(จำอย่างเดียว) เขียนไม่ค่อยออก(ไม่ได้ใช้)
(สังเกตจากตัวเองนั่นแหละค่ะ ที่ว่าๆไป!)
นี่เองล่ะมั๊ง ที่ทำให้ไทยเราไม่ค่อยมีการพัฒนาวิจัยอะไรใหม่ๆเท่าไร
ถนัดที่จะไป copy เขามาซะมาก
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 12:58 pm
โดย Banchap
Neng เขียน:รู้แต่กระบวนท่าแต่ไร้กำลังจะทำการใหญ่ได้อย่างไร.....
ใช้เทคนิค "หนึ่งตำลึงรับพันชั่ง" คือยืมแรงศัตรูทำแทนครับ
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 3:28 pm
โดย Accidental Hero
มือเก่าหัดขับ เขียน:
ลูกสอน ไม่เท่าลูกคิด นะลูก
เยี่ยมครับ
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 7:53 pm
โดย Zionism
คือยังไงดีล่ะ
ยังไม่มีระบบวัดผลที่วัดได้ 100% อ่ะ (80-90% ก็ยังไม่มี ปัจจุบันน่าจะ ไม่น่าเกิน70%)
เลยยังใช้แบบง่ายๆแบบทุกวันนี้กัน T-T
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 8:02 pm
โดย chatchai
อย่าว่าเลยครับ สมัยผมเรียนมัธยม ข้อสอบเป็นตัวเลือกแล้วยังไม่พอ ยังเป็นข้อสอบเก่าอีกครับ ประเภทถ้าหาข้อสอบเก่าได้ซัก 3-4 ปี มาอ่านก่อน เวลาทำข้อสอบแทบไม่เสียเวลาคิดเลยครับ ตัวเลือกยังไม่สลับตำแหน่งเลยครับ ของเก่าอยู่ข้อ ก. ของใหม่ก็ ก. ครับ
ถ้าจะทำได้คงต้องเริ่มจากให้คนเก่งๆไปเรียนครูก่อนครับ
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 9:07 pm
โดย mrdew
ทำยังไง จะให้คนเก่ง ๆ คิดเก่ง ๆ ไปเป็นครูอาจารย์กันเยอะ ๆ ครูเก่ง ๆ สอนเด็กตั้งแต่อนุบาล ประถม จนถึงอุดมศึกษาไปเลย ปูพื้นกันอย่างดี แบบนี้ไม่กี่ 10 ปี ผมว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ในทางที่ดีขึ้น
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2005 11:09 am
โดย Dech
chatchai เขียน:อย่าว่าเลยครับ สมัยผมเรียนมัธยม ข้อสอบเป็นตัวเลือกแล้วยังไม่พอ ยังเป็นข้อสอบเก่าอีกครับ ประเภทถ้าหาข้อสอบเก่าได้ซัก 3-4 ปี มาอ่านก่อน เวลาทำข้อสอบแทบไม่เสียเวลาคิดเลยครับ ตัวเลือกยังไม่สลับตำแหน่งเลยครับ ของเก่าอยู่ข้อ ก. ของใหม่ก็ ก. ครับ
ถ้าจะทำได้คงต้องเริ่มจากให้คนเก่งๆไปเรียนครูก่อนครับ
ใช่ครับ เด๊ยวนี้คนเก่ง ไม่อยากเป็นครู กันแล้ว เมื่ออาจารย์ไม่เก่ง
ศิษย์ จะทำไง
อาจารย์เก่งๆรายได้ไม่ดี ต้องไปรับ jobs นอกอีก หมด
เมื่อไหร่ จะได้ปฏิรูปการศึกษาของไทย เนี้ย รอมา หลายปีแล้วนะ
ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เรื่อง 4 ปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้เรื่องเลย อีก 4 ปี ข้างหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างเนี้ย คงไม่ดี แต่เปลี่ยนชื่อกันอีกนะครับ
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2005 2:03 pm
โดย monn
แต่ก็หายากนะคะ คนที่ทั้งเก่ง, สอนเก่งและมีใจรักการสอน บางคนอาจจะเก่งอยากเป็นครูแต่รู้ตัวว่าสอนไม่เก่งก็มี
การสอนแบบให้เด็กเป็นศูนย์กลาง จำเป็นจะต้องคัดเด็กเป็นกลุ่มๆให้ดี เพราะการเรียนรู้ของแต่ละคนในแต่ละด้านก็ไม่เท่ากัน หากให้เด็กหัวไวด้านเลขเรียนรวมกับเด็กที่มีหัวด้านศิลปะ มันจะทำให้เด็กทั้งสองกลุ่มกดดัน ส่วนที่สำคัญจึงขึ้นอยู่กับการวัดความสามารถของเด็กมากกว่า
(เผอิญเป็นคนที่มีเพื่อนอ่อนเลขแต่เก่งภาษา ที่บ้านเพื่อนต้องการให้ต่อแผนวิทย์หรือศิลป์คำนวณ เลยเข้าใจค่ะว่าคนที่อยู่ผิดที่รู้สึกอย่างไร)
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2005 3:21 pm
โดย house
ผมตอนเรียนทำชุมนุมวิชาการ ไปติวหนังสือให้เด็ก ตจว
รับสอนพิเศษบ้าง เป็นบางครั้ง เป็นรายได้พิเศษ และงานอดิเรก
ผมชอบงานสอน เก่งพอตัว แต่ ผมรับค่าตอบแทน กับ การเจริญก้าวหน้าในอาชีพที่แทบไม่มีเลยของ อาชีพนี้ไม่ได้
ระบบการศึกษาไทยต้องปรับอีกเยอะครับ ผมก็ไม่รู้จะแก้ยังไงเหมือนกัน
คิดแล้วเศร้า
ความรู้สอนกันได้ แต่ความคิดสอนกันไม่ได้
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 24, 2005 1:29 am
โดย moo