Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมเห็นหลายสำนัก ในหุ้นหลายตัว วันดีคืนดีก็ออกมาปรับราคาเป้าหมายของหุ้นใหม่ เช่น จากเดิมตั้งไว้ที่ 10 บาท พอราคามันวิ่งจนเกือบจะถึง 10 บาทหรือเลย 10 บาท อยู่ๆนักวิเคราะห์ก็ออกมาปรับราคาเป้าหมายใหม่อีก อย่างนี้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ หุ้นบางตัวผมก็ดูพื้นฐานก็ไม่ได้น่าจะเปลี่ยนอะไรมากมาย นักวิเคราะห์เอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการใช้ปรับราคาครับ หรือเห็นว่าราคาหุ้นมันวิ่งมาจะถึงราคาเป้าหมายเดิมก็เลยปรับดื้อๆแบบนั้น แล้วลงทุนแบบ VI หรือเน้นคุณค่าจำเป็นต้องตั้งหรือดูราคาเป้าหมายหรือเปล่าครับ ถ้าตั้งจะต้องมีการปรับราคาเป้าหมายเหมือนพวกนักวิเคราะห์หรือเปล่าครับ

สำหรับผม บทวิเคราะห์มีไว้ดูข้อมูล forecast ครับ ดูหลายๆที่แล้วเปรียบกันก็พอจะเชื่อได้ในระดับหนึ่ง

ส่วนราคาเป้าหมาย PE อ้างอิง ส่วนลด หรือสารพัดเกี่ยวกับราคาหุ้น ลบไปให้หมดครับ เพราะเชียร์ซื้อตลอดกาลนั่นแหละ อ่านได้จากบทความคุณวิบูลย์ ใน biz week ดูครับ เรื่องเชียร์ซื้อ

ดูราคาเป้าหมายไหม ผมดูนะ หาเอง ถ้ามันวิ่งใกล้ๆที่คำนวณไว้ ก็นั่งดูแล้วครับ ไม่ซื้อ ทะลุไปมากๆ ก็ต้องคิดอีกทีว่าจะขายหรือเปล่า

ส่วนใหญ่บทวิเคราะห์ออกมา ไม่ได้ซื้อหรอกครับ เพราะมักออกมาหลังราคาวิ่งแล้ว แล้วที่บอกว่ามี upside อีก 10-20 % นี่ถึงมีจริงผมก็ว่าไม่พอ อย่างน้อยน่าจะซัก 30-40 ค่อยอุ่นใจหน่อย

อืม ... สงสัยคำถามยากไป ไม่มีใครช่วยชี้แนะเลย หรือไม่ก็คงมีผมเพี้ยนอยู่คนเดียวที่มาสังเกตหรือสงสัยเรื่องนี้ :lol:

อา ท่าน house มาช่วยชี้แนะหนึ่งท่านแล้ว ขอบคุณมากครับ

นักวิแคะปรับ เพราะว่าเดิมวิแคะไว้ผิด ครับ

อืมม์... จะว่าผิด ก็ไม่เชิงนะ เพียงแต่ว่าอาจจะ Aggressive ไปหน่อย หรือว่ามีสมมติฐานที่
เปลี่ยนไปจากเดิมมาก
ซึ่งเรื่องแบบนี้ผมเรียกว่า "ส่วนเผื่อภายใน เพื่อความปลอดภัย" ครับ (ท่าทางจะเป็นศัพท์ของ
ผมเองคนเดียว) ที่ว่าสมมติฐานหรือ Assumption ต่างๆ ที่นำมา "ทำให้" คำนวณได้ผลการ
ดำเนินงานต่างๆ นั้น มัน Conservative หรือว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหนด้วย อันนี้เราต้องคิด
เองด้วย ไม่ใช่เชื่ออย่างเดียว

ดังนั้น สำหรับบทวิเคราะห์ ผมให้ความสำคัญของข้อมูลในอดีตมากกว่า (เพราะเป็นของจริงแท้
แน่นอน) ส่วนข้อมูลในอนาคต ถ้าเปลี่ยนไปจากเดิมในอดีต ก็จะต้องดูว่าเขามี "ความเห็น"
ว่าภายใต้เงื่อนไขอะไรบ้าง ที่ทำให้ "น่าจะ" เป็นอย่างนั้น แล้วก็มาดูความน่าจะเป็นอีกที
ผมเอง พบว่ากว่า 40% เงื่อนไขเหล่านั้น ไม่น่าจะเป็นจริงได้เกิน 50%

คำถามไม่ได้ยากไปครับ แต่คนส่วนใหญ่ที่นี่ ไม่เชื่อนักวิเคราะห์ แต่เชื่อตัวเอง ศึกษาเอง เจ็บเอง รวยเอง

ประเด็นนักวิเคราะห์ เชียร์ซื้อ หรือ เดาส่งเดช จึงไม่อยู่ในความสนใจเท่าไหร่ครับ

ปล.เคยอ่านบทวิเคราะห์มั้ยครับ cut loss ไปก่อนนะ ไม่มีครับ หุ้นร่วงๆ บอกให้เราว่า
"ขายทำกำไร" ฮ่วย ขายต่ำกว่าราคาซื้อ มาบอกว่า ขายทำกำไร

ForrestGump เขียน: ฮ่วย ขายต่ำกว่าราคาซื้อ มาบอกว่า ขายทำกำไร

ผมก็ว่างั้นแหละ
อาทิตย์นู้น หุ้นเจ็ดร้อยจุด มานเชียร์ซื้อ ซื้อตัวใหญ่ๆ นะ นำดัชนี
วันนี้ หุ้นหกร้อยเจ็ดสิบ มานเชียร์ขาย บอกว่าให้ขายทำกำไร ไอ้ตัวใหญ่ๆ นำดัชนี
ที่ซื้อมาน่ะแหละ ขายทำกำไรไปก่อน

จา บ้า หรือ ปล่าววว ฟะ....

ขอบคุณท่าน มือเก่าหัดขับ และท่าน ForrestGump มากครับ
แสดงว่าการประมาณราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์ในหุ้นต่างๆ
เรารับฟังได้ แต่ไม่ควรเชื่อเสียทีเดียว เราควรเชื่อตัวเองและคิดเองด้วย
แสดงว่าหุ้นบางตัวราคาวิ่งขึ้นมามากแล้ว มันก็อาจจะยังสามารถวิ่งต่อไปได้อีก
และหุ้นบางตัวอาจวิ่งมามากเกินไปแล้ว ราคาอาจจะตกลงก็ได้

ถ้าเราจะคิดเอง เราควรใช้อะไรเป็นเกณฑ์
ในการตั้งราคาเป้าหมายเพื่อซื้อหรือขายหุ้นดีครับ

หรือไม่ต้องทำอะไร ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลง
ก็ให้ถือไปเรื่อยๆตราบใดที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน
ผมมือใหม่แนว VI ถ้าให้ถือไปตลอดโดยไม่มีซื้อไม่มีขายเลย
ช่วงแรกๆอาจขาดใจได้ เพราะไม่เคยชิน
เนื่องจากอดีตเคยหากินกับส่วนต่างราคามาก่อนน่ะครับ

ซึ่งเรื่องแบบนี้ผมเรียกว่า "ส่วนเผื่อภายใน เพื่อความปลอดภัย" ครับ (ท่าทางจะเป็นศัพท์ของ
ผมเองคนเดียว)

ผมก็ใช้ F.S. น่ะ ชาววิดวะคงเคยได้ยิน

ส่วนนักวิเคราะ ไม่ค่อยอยากพูดถึงเลย เบื่อ!
ทั้งที่ผมก็อยากเป็นนักวิเคราะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว กลัวต้องเดินตามก้นใคร ไม่ชอบ

คือผมหมายถึง ส่วนเผื่อในการคำนวณหาราคาเหมาะสมน่ะครับ ว่าจะต้องเผื่อกันตั้งแต่การตั้ง
สมมติฐานต่างๆ ในการประมาณกำไรขาดทุนแล้ว ไม่ใช่ว่าคำนวณออกมา แล้วมาหาราคาซื้อที่
มีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมที่คำนวณได้กันทีหลัง

จริงๆ แล้ว บัฟเฟตต์ ไม่ได้คำนวณ DCF ด้วยซ้ำไป
ป๋าแกเล่นคิดเสร็จสรรพในหัวเลย ยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์ใดๆ ถึงไม่ต้องมีคอมพ์ไว้คำนวณของ
พวกนี้ไงล่ะ เดี๋ยวนี้ป๋าบัฟเฟตต์คงมีคอมพิวเตอร์ไว้ต่ออินเตอร์เน็ตหาข้อมูลมากกว่า

ตอบคุณ Hammock

ถ้าเราจะคิดเอง เราควรใช้อะไรเป็นเกณฑ์
ในการตั้งราคาเป้าหมายเพื่อซื้อหรือขายหุ้นดีครับ

ต่างคนก็ต่างวิธีครับ มีทั้ง DCF, Dividend Yield, P/E กลุ่ม, หรือผสมกัน
ผมเองใช้แบบผสมผสาน แต่เน้นความมั่นคงของบริษัท (รวมสินค้าและบริการ) มากที่สุด,
เน้นปันผลมากรองลงมา, เน้นความสม่ำเสมอและอัตราเติบโตรองไปอีกหน่อย แต่ที่สำคัญที่สุด
เน้นผู้บริหารที่สามารถและซื่อสัตย์ ครับ
นอกจากนั้น อยากให้ข้อคิดไว้ว่า ซื้อหุ้นอะไร อาจจะไม่สำคัญเท่ากับซื้อที่ราคาไหน และซื้อ
อย่างไร หมายความว่ามีกลยุทธ์และเทคนิคในการซื้ออย่างไรด้วย....

ซึ่งไม่กล้าแนะนำครับ อันตราย และเหมือนดาบสองคม...

ขอบคุณท่านวัวแดง และท่านมือเก่าหัดขับ อีกครั้งครับ ได้ข้อคิดดีๆมากเลยครับ
สำหรับท่านอื่นๆที่จะแนะนำเพิ่มเติมผมขอขอบคุณล่วงหน้าไว้ ณ ที่นี้เลยนะครับ
ยินดีรับฟังคำชี้แนะจากทุกท่านครับ ขอบคุณครับ

ชาว TVI ส่วนใหญ่เค้าเอาดูบทวิเคราะห์ไว้เป็นแรงใจ แต่ไม่ได้ใช้เป็นเป้า ... เพราะหลายท่านคำนวณเองครับ

และถ้าดูให้ละเอียดลงไปอีกว่ามีการปรับเป้า ... จะสังเกตได้อีกอย่างว่า ทำไมโบรกถึงมักออกมาทำบทวิเคราะห์พร้อมๆกัน ทำไมเมื่อคืนฝันตรงกันหรือไร ? อะไรจะใจตรงกันปานนั้นหนอ ...

คุณคัดท้าย กำลังจะบอกว่า มีคนทำผลไม้ "ปั่น" หรือเปล่าครับ

แล้วคนพวกนี้ ยังชอบจุดไฟล่อ "แมงเม่า" ไป "บนดอย"

อาชีพแบบนี้ คงมีคนร่วมมือกันหลายฝ่ายนะครับ ถึงจะทำได้

น่ากลัวจริงๆ แฮะ เอิ๊กกก

ForrestGump เขียน:คุณคัดท้าย กำลังจะบอกว่า มีคนทำผลไม้ "ปั่น" หรือเปล่าครับ

แล้วคนพวกนี้ ยังชอบจุดไฟล่อ "แมงเม่า" ไป "บนดอย"

อาชีพแบบนี้ คงมีคนร่วมมือกันหลายฝ่ายนะครับ ถึงจะทำได้

น่ากลัวจริงๆ แฮะ เอิ๊กกก

เอ้ยยย ผมไม่ได้ว่าเค้าปั่นนะ ผมแค่ตั้งข้อสังเกตครับ .... ความบังเอิญมันเกิดได้เสมอๆครับบนโลกใบนี้ ดูหวยซิ ออกเลขตองมาเกือบครึ่ง คนเล่นหวยกังขากันทั้งเมือง แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรือ ...

อืม ข้อสังเกตอีกอย่าง .. บทวิเคราะห์ออกโดยโบรกหลายๆโบรกมารุมกันเมื่อไหร่ ... เช่น 5 โบรกรุมส่องกล้อง !! ... 7 โบรกชี้ !! อะนะ แล้วคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงดูเองครับ

ส่วนตัวผมก็มีราคาเป้าหมายนะ แต่คิดเอาเอง ดูจากหลาย ๆ อย่าง p/e divi growth และความเข้มแข็งของกิจการ ซึ่งพวกนี้ในแต่ล่ะคนก็คงไม่เหมือนกันเท่าไหร่
และผมเองก็ปรับราคาตัวเองเหมือนกันดูตามผลประกอบการณ์ และพื้นฐานบริษัท

สำหรับการลงทุนแนว VI นั้น เราจะลงทุนเมื่อราคาหุ้นของบริษัทนั้นต่ำกว่าราคาพื้นฐาน โดยมีราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานมากพอควร และมีผลตอบแทนที่ดีที่สุด

ดังนั้นการคำนวณหาราคาพื้นฐานนั้นสำคัญมาก

เมื่อเราซื้อลงทุนแล้ว ก็ขายได้ครับเมื่อ

1. ที่เราวิเคราะห์ไว้ผิดพลาด
2. ราคาหุ้นของบริษัทขึ้นเกินราคาพื้นฐาน
3. ถ้ามีทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า
4. ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทหรือสภาพเศรษฐกิจเปลี่ยน

ส่วนเรื่องการคำนวณราคาพื้นฐานนั้นก็มีหลายวิธี เราก็ควรที่จะศึกษาแต่ละวิธีให้เข้าใจถ่องแท้ซะก่อน

สูตรแต่ละตัว ก็แสดงความหมายแต่ละอย่าง เราจะใช้ตัวไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าเราลงทุนเพื่อหวังอะไร มีหลักเกณฑ์มากน้อยแค่ไหน แต่ละคนก็อาจจะใช้ไม่เหมือนกัน ราคาพื้นฐานแต่ละคนก็ไม่เท่ากันครับ

ขอให้มีความสุขในการลงทุนแนว VI ครับ

:lol: :lol: :lol: :lol:

เห็นมีดีอยู่ตรงข้อมูลดิบครับที่น่าสนใจ ส่วนพวกที่เป็นความเห็น ไม่น่าสนใจเท่าไหร่

:lol: :lol: :lol: :lol:

สามัญชน เขียน::lol: :lol: :lol: :lol:

เห็นมีดีอยู่ตรงข้อมูลดิบครับที่น่าสนใจ ส่วนพวกที่เป็นความเห็น ไม่น่าสนใจเท่าไหร่

:lol: :lol: :lol: :lol:

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ อ่านเอาข้อมูลอย่างเดียว ก็พอมีประโยชน์บ้าง

"ขายทำกำไร" ฮ่วย ขายต่ำกว่าราคาซื้อ มาบอกว่า ขายทำกำไร"

อ่านแล้วขำดีครับ แต่ก็เห็นด้วย