โซนี่เลิกผลิต CliE
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 26, 2005 10:02 pm
เอามาให้อ่านครับ ขอไว้อาลัย แด่สาวก น้องเอ้ ทั้งหลาย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2548 14:05 น.
ยุติการผลิต
โซนี่ประกาศหยุดสายพานการผลิตอุปกรณ์พีดีเอในญี่ปุ่นแล้ว หลังจากพบว่าตลาดอุปกรณ์ชนิดนี้ เริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย ยอดจำหน่ายไม่กระฉูด ไม่คุ้มต่อการผลิตต่อไป อีกทั้งพีดีเอแบรนด์ คลิเอ้ (CliE) ของโซนี่ก็ถอนทัพจากการบุกตลาดโลก กลับมาทำตลาดแต่เพียงในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ทำให้ขนาดตลาดหดเล็กลงอย่างช่วยไม่ได้
ทาอิชิ ยามาฟูจิ โฆษกของบริษัทโซนี่ในประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า แม้ว่าโซนี่จะเป็นผู้นำในตลาดพีดีเอของญี่ปุ่นก็ตาม แต่จากการวิเคราะห์ของผู้บริหารแล้วพบว่าแผนกดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดผลกำไร ในระยะยาว และมีการแข่งขันสูง ทำให้ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน
โซนี่เปิดตัวแบรนด์คลีเอ้ ในฐานะพีดีเอเมื่อปี 2000 และสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดญี่ปุ่นได้ถึง 1 ใน 3 และจากการสำรวจตลาดพีดีเอทั่วโลกของการ์ทเนอร์พบว่า ในปี 2003 โซนี่รั้งอันดับสามในตลาดพีดีเอด้วยส่วนแบ่ง 13 เปอร์เซ็นต์ เป็นรองเพียงปาล์มวันและเอชพีเท่านั้น
แต่วงการพีดีเอนั้นไม่ได้เป็นการแข่งขันกันเองระหว่างสามผู้ผลิต หากต้องต่อกรกับคู่แข่งในตลาดอื่น นั่นคือ สมาร์ทโฟน โทรศัพท์ที่มาพร้อมความสามารถต่าง ๆ คล้ายคลึงกับพีดีเอ แต่สามารถเป็นโทรศัพท์ได้ โดยมีตัวเลขประมาณการยอดขายของสมาร์ทโฟนจากสำนักต่าง ๆ ออกมาอยู่เสมอ ขณะที่ยอดขายของเครื่องพีดีเอก็ตกลงเรื่อย ๆ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี้เช่นกัน โดยในปี 2004 นั้นพบว่า พีดีเอมียอดขายทั่วโลกไม่ถึง 10 ล้านเครื่องเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดตัวมา (อ้างอิงตัวเลขจากไอดีซี)
------------------------------------
ผมไม่ได้ซื้อหรอกครับ
แต่เอามาให้ดูว่า อุตสาหกรรมที่คาดเดาอนาคต 10 ปีข้างหน้าไม่ได้(ที่วอเร็นเกลียด) ก็มักจะเป็นเช่นนี้
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 กุมภาพันธ์ 2548 14:05 น.
ยุติการผลิต
โซนี่ประกาศหยุดสายพานการผลิตอุปกรณ์พีดีเอในญี่ปุ่นแล้ว หลังจากพบว่าตลาดอุปกรณ์ชนิดนี้ เริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย ยอดจำหน่ายไม่กระฉูด ไม่คุ้มต่อการผลิตต่อไป อีกทั้งพีดีเอแบรนด์ คลิเอ้ (CliE) ของโซนี่ก็ถอนทัพจากการบุกตลาดโลก กลับมาทำตลาดแต่เพียงในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ทำให้ขนาดตลาดหดเล็กลงอย่างช่วยไม่ได้
ทาอิชิ ยามาฟูจิ โฆษกของบริษัทโซนี่ในประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า แม้ว่าโซนี่จะเป็นผู้นำในตลาดพีดีเอของญี่ปุ่นก็ตาม แต่จากการวิเคราะห์ของผู้บริหารแล้วพบว่าแผนกดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดผลกำไร ในระยะยาว และมีการแข่งขันสูง ทำให้ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน
โซนี่เปิดตัวแบรนด์คลีเอ้ ในฐานะพีดีเอเมื่อปี 2000 และสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดญี่ปุ่นได้ถึง 1 ใน 3 และจากการสำรวจตลาดพีดีเอทั่วโลกของการ์ทเนอร์พบว่า ในปี 2003 โซนี่รั้งอันดับสามในตลาดพีดีเอด้วยส่วนแบ่ง 13 เปอร์เซ็นต์ เป็นรองเพียงปาล์มวันและเอชพีเท่านั้น
แต่วงการพีดีเอนั้นไม่ได้เป็นการแข่งขันกันเองระหว่างสามผู้ผลิต หากต้องต่อกรกับคู่แข่งในตลาดอื่น นั่นคือ สมาร์ทโฟน โทรศัพท์ที่มาพร้อมความสามารถต่าง ๆ คล้ายคลึงกับพีดีเอ แต่สามารถเป็นโทรศัพท์ได้ โดยมีตัวเลขประมาณการยอดขายของสมาร์ทโฟนจากสำนักต่าง ๆ ออกมาอยู่เสมอ ขณะที่ยอดขายของเครื่องพีดีเอก็ตกลงเรื่อย ๆ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี้เช่นกัน โดยในปี 2004 นั้นพบว่า พีดีเอมียอดขายทั่วโลกไม่ถึง 10 ล้านเครื่องเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดตัวมา (อ้างอิงตัวเลขจากไอดีซี)
------------------------------------
ผมไม่ได้ซื้อหรอกครับ
แต่เอามาให้ดูว่า อุตสาหกรรมที่คาดเดาอนาคต 10 ปีข้างหน้าไม่ได้(ที่วอเร็นเกลียด) ก็มักจะเป็นเช่นนี้