Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมยังไม่แน่ใจในรายละเอียด แต่เห็นตัวเลขลดลงไป โดยดูจากงบ

กำไร 46 157 ล้าน
กำไร 47 117 ล้าน

EPS ขั้นพื้นฐาน
ปี 46 0.73
ปี 47 0.38

ไตรมาสนี้ทำไปได้ 0.09 บาท ดีกว่า ไตรมาสสามเล็กน้อย (Q3 = 0.07 บาท)

Year 2004 2003

Net profit (loss) 116,962 156,654
EPS (baht) 0.41 0.73

ไตรมาสนี้ได้ 0.12 ไม่ใช่เหรอครับ? เพิ่มจากไตรมาสที่ 3 (0.07 bath) ...

Q1 = 0.09
Q2 = 0.11
Q3 = 0.07
Q4 = 0.12

ยอดขายจากเพิ่มขึ้นจากปี 2003 = 456ล้านบาท หรือประมาณ 19%
ในขณะที่กำไรลดจาก 156ล้านบาทเป็น144ล้าน ลดไป 10%

คงต้องไปดูกันในรายละเอียดว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาจากอะไร ..

เฮ้อ รู้สึกปีนี้ผมจะโดนแต่ต้นทุนทั้งนั้นเลยแฮะ (se-ed sauce) เดี๋ยวคอยดู wg ว่าจะ in trend กับเค้ารึป่าว

ก็ได้แต่หวังว่าไอ้ 30 สาขาที่ลงทุนไป กับระบบ ERP มันจะออกฤทธิ์ในเร็วๆนี้ T_T

PS. อ่านเจอในสรุปผล > The cost of good sold was increasing THB 356.91 million, or up 21.98%

ปันผลจ่ายไม่ออกครับ .. โดนเรื่องซื้อหุ้นคืนต้องกันสำรองเอาไว้

ปีที่แล้ว นอกจากคุณเสริมสินจะขายแล้ว NMG ยังเทขายออกมาด้วยครับ ทั้งคุณธนาชัยจาก NMG ก็ขอไม่กลับมาเป็นกรรมการบริษัทแล้วด้วย มีแนวโน้มที่จะลดการลงทุนไปเรื่อยๆครับ

ทางเนชั่นก็ออกด้วยเหรอ อืม... มีแนวคิดอะไรนะ

จำได้ว่า ทางเนชั่น เข้ามาซื้อหุ้นตอนวิกฤติ แต่ขายออกนี่ ไม่น่านะ เพราะซีเอ็ดใช้เป็นกลยุทธ์ด้านร้านค้าจำหน่ายได้นะ

บริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูง เทรดกันที่ P/E มากๆ ปันผลเกือบทั้งหมดของกำไร อีกทั้งมีการซื้อหุ้นคืน พอเวลาผ่านไป อัตราเติบโตของกำไรไม่เพียงแต่ไม่โตตามคาด แต่กลับถดถอยกำไรลดลงเชียว อีกทั้งการจ่ายเงินปันผลก็เริ่มมีปัญหาบ้าง ราคาหุ้นต่อไปจะเป็นอย่างไร

หมายเหตุ ไม่เข้าใจว่าบริษัทก็มีเงินสดเหลืออยู่เยอะ แต่ทำไมต้องใช้เงินเบิกเกินบัญชีเป็นจำนวนมากพอควร

NMG คงจะเริ่ม conversify ธุรกิจเข้าสู่การผลิต content มังครับ เพราะขยายไปด้าน
อื่นมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง

ไม่น่าห่วงครับ

ผมก็ชอบหุ้นหนังสือมาก
ผมเองซื้อหนังสือบ่อย คิดว่าราคาหนังสือไม่แพงเมื่อเทียบกับประโยชน์ของมัน
วันนี้อ่าน นสพ มีจดหมายไปลง บ่นว่าหนังสือแพง
ผมก็คิดๆดูคนส่วนใหญ่คงไม่ค่อยซื้ออ่านหนังสือแพงๆมาอ่าน
คงชอบซื้อพวกนิตยสาร ฯลฯ มากกว่า

หนังสือเมืองไทย ถือว่าแพงครับ
แต่ที่น่ากลัวกว่า คือ ขาดความหลากหลาย
ทุกหัว พยายามทำเหมือนๆ กันหมด

ไม่มีหนังสือในหลายระดับราคา
กระดาษปรู๊ฟ หายไปจากท้องตลาดแล้ว

แล้วหนังสือจะไม่แพงได้อย่างไร
อันนี้เศร้ากว่า ราคาหุ้นหนังสือตกซะอีก (เพราะผมยังไม่มีหุ้นตัวนี้ด้วย หุหุ)

ด้วยความเป็นอันดับหนึ่งของร้านขายหนังสือ
ยอดขายยังโตอยู่
และ ผู้บริหารที่มีฝีมือ
ผมเองก็ยังเกาะ ร้านนี้อยู่
ก็มันรักกันแล้ว ต้องให้โอกาศกันสุดๆ ครับ

ผมก็กะว่าจะให้โอกาสสัก สามไตรมาส ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยหย่ากัน

ผมก็คิดว่า ต้องให้โอกาสครับ กี่ไตรมาศก็ยังต้องรอตัดสินใจ

แต่เท่าที่ผมเคยพลาด อย่ามี Bias กับ หุ้น ไม่งั้นจะเจ็บตัวครับ

ขอให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านโชคดีนะครับ