Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

RGR จาก 2.5 บาท..........เป็น 4 บาท
HMPRO จาก 3.5 บาท......เป็น 6 บาท

ในระยะเวลาสั้นๆ


pe ประมาณ 14-15 เท่า
ผลตอบแทนเงินปันผล 3-4%
มีหนี้เงินกู้สูง

ดูไปแล้วมี margin of safety น้อยเหลือเกิน
นักลงทุนที่ซื้อหรือที่ถืออยู่คาดหวังอะไรกับหุ้นเหล่านี้ครับ....

นั่นสิครับ

ผมมอง rgr ไว้ แต่ราคาสูงไปแล้ว เลยขอบาย แต่ก็ยังสนกลุ่มโรงแรมอยู่บ้าง แต่ยังไม่ได้ซื้อเลย

ผมเคยถืออยู่ทั้ง 2 ตัวแต่ได้ขายไปแล้ว
ผมคิดว่าหากราคาตลาดสมเหตุสมผลก็จะขายไป
ไม่ได้คิดว่าเป็นการขายหมูแต่ประการใด
ว่าแต่ว่ามีใครเคยมี และขายไปแล้วบ้างครับ.. :lol: :lol:

หวังว่าคงมีโอกาสได้ซื้ออีกในอนาคต อย่างก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน
ราคาค่อนข้างต่ำเพราะมีแรงขายมากเหลือเกิน ผิดกับตอนนี้หน้ามือหลังเท้า
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอในตลาดหุ้นแห่งนี้


หากให้หาเหตุผล ผมก็เดาว่าทั้งสองตัวเป็นหุ้นขนาดกลาง ที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงมาก และมีผู้บริหารที่ดี มีการเปิดตัวต่อนักลงทุนสม่ำเสมอ ทำให้มีแรงซื้อ-แรงขายจากนักลงทุนสถาบันจำนวนมาก มีผลต่อราคาหุ้นสูงครับ

ตอนนี้ผมก็หวังกับ HMPRO แหละครับ


หวังว่ามันจะลงครับ

ขอเดานะครับ ผมว่า RGR น่าจะมีกำไรสูงขึ้นจากการซื้อกิจการ MFG หรือเปล่าครับ คือว่าตัวมันเองไม่ได้ดีขึ้นแต่ซื้อ MFG มา ก็ต้องเอากำไรมารวมกัน เหตุผลเดียวกับที่ PINIC ขึ้นเพราะซื้อกิจการเวิร์ดแก๊ส

หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ไม่รู้ เพราะหาเหตุผลไม่ได้จริงๆ หุ้นพวกนี้ไม่ค่อยได้ตาม

คาดหวังว่ายังไม่ใช่ไม้สุดท้ายครับ

ซื้อไปแล้วจะมีคนมารับช่วงต่อครับ

** แต่คุณลูกอีสานครับ
pe ประมาณ 14-15 เท่า ผลตอบแทนเงินปันผล 3-4% หนี้เงินกู้สูง
อันนี้อาจเรียกว่า "ถูก" ก็ได้นะครับ มีบางตัวหวาดเสียวกว่านี้ โบรกทั้งไทยทั้งเทศยังเชียร์ซื้อเลย

คุณสุมาอี้ครับ ผมคิดว่าการที่ RGR เข้าซื้อ MFG เป็นความคิดที่ดีครับและก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องครับ

MFG มีแบรนด์ทั้งของตัวเองและรับแบรนด์จากต่างประเทศ แต่เกือบทุกแบรนด์มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง ยกเว้นแฮมเบอร์เกอร์ที่มีส่วนแบ่งอันดับสอง (แต่มีกำไรเป็นอันดับหนึ่ง) นอกจากนั้นยังขยายแฟรนไชน์ไปต่างประเทศ ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าแบรนด์ที่ไปต่างประเทศจะประสบความสำเร็จหรือเปล่าครับ และหากทำสำเร็จจะเป็นก้าวกระโดดอย่างมากของ MFG และ RGR เลยครับ

ส่วนกิจการโรงแรมมีกำไรเพิ่มขึ้นมาก เพราะการเข้าซื้อกิจการ ROH,JW Mariot Phuket และกิจการมันดาราสปาครับ การรวมงบการเงินทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นมาก แต่จุดมุ่งหมายจริงๆของ RGR คงเป็นการเน้นเชนโรงแรมอนันตรา ซึ่งเป็นแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีประมาณ 3 โรงแรม (โรงแรมที่ 4 อนันตราโคโค่ปาล์มเสียหาย 100% ไปกับคลื่นซึนามิ)



ส่วน HMPRO ก็ยังคงเป็นบริษัทที่ดีครับ แต่ไตรมาสสุดท้ายสะดุดนิดหน่อย หากจำไม่ผิดกำไรที่แท้จริงลดลงพอสมควร แต่กำไรที่แจ้งตลาดเหมือนเพิ่มขึ้นเพราะมีรายการกลับค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยครับ

แต่ให้ผมเลือกผมขอเลือก RGR มากกว่าครับเพราะอย่างน้อย หนี้ต่อทุนต่ำกว่า HMPRO มากครับ แต่ให้ซื้อที่ราคานี้ ที่พีอี 15 เท่าผมก็ไม่เอาเหมือนกันครับคุณ FE หุ้นเติบโตเร็วที่ผมชอบขอพีอีไม่เกิน 12 เท่าก็พอครับ แต่ถ้าเจอพีอี 6-7 เท่าอย่างนี้ต้องไม่พลาดครับ...

คุณลูกอีสานครับ

หนี้ของ HMPRO เป็น เจ้าหนี้การค้า มากถึงประมาณ 2500 ล้านบาทนะครับ เกิดจากการซื้อของด้วยเครดิต ประมาณ 60-90 วัน ซึ่งเป็นธรรมดาของธุรกิจค้าปลีกครับ หักยอดนี้ออก HMPRO มีหนี้ประมาณ 2000 ล้าน โดยมี Equity 1600 ล้าน ประมาณ 1.2 เท่านะครับ

FYI: อย่าง BIGC มีเจ้าหนี้การค้าถึง 9000 ล้านจากยอดหนี้รวม 14,500 ล้านครับ ถ้าตัดยอดนี้ทิ้ง จะเห็นว่า BIGC มีหนที่แท้จริงแค่ 5500 ล้าน แต่ส่วนทุน เท่ากับ 12,700 ล้านครับ

RGR แค่หนี้ระยะยาวนี่ก็ประมาณ 5500 ล้านแล้ว ยังมี Current Liability อีก 2500 ล้าน ตัดเจ้าหนี้การค้า 500 ล้าน รวมเหลือ 7500 ล้าน คิด หนี้สินต่อทุนได้ประมาณ 7500/4300 ประมาณ 1.7 เท่าครับ

ผิดถูกขออภัยครับผม มีอะไรกรุณาช่วยแนะนำครับ ขอบคุณครับ

ผมกลับมองกิจการแบบนี้ที่มีสาขาจำนวนมาก เป็นผลดีที่สามารถทำรายได้
ได้สูง ในขณะเดียวถ้ารายได้ตก ค่าใช้จ่ายแต่ละสาขา ก็เป็นภาระระยะยาว

ตรงนี้แหละคงอยู่ที่สายป่านเงินทุน ถ้ามีมาก ก็คงไม่มีอะไร
แต่ถ้ามีจำกัด เวลาเจอปัญหาทางเศรษฐกิจขึ้น ก็เหมือน สมอเรือมาผูกติดกับ
ตัวเอง จนลงทะเลไป

คุณลูกอิสาน

ผมก็ขายไปแล้วเหมือนกัน RGR
เหลือเศษ คิดว่ามันมีแนวปั่น หน่อย ๆ รู้แต่ว่าก่อน ท่านผู้บริหารขาย MFG ที่ 110 กำไรเหลือเอาเก็บ RGR น่าจะนะ ถ้ามันไม่พุ่งขนาดนี้คงถือไว้เหมือนกันนะครับ
แต่เป็นบริษัทที่อนาคต เสียดายที่ ราคามันปั่น ๆ ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ รู้เพียงแต่ว่าการขึ้นน่าจะเป็นผลจากการจะออกปุริมสิทธิด้วย และเอา Esop ออก เดา หนะ ครับ
คาดการณ์เท่านั้นอาจจะผิดหมดก็ได้

คุณลูกอิสาน

คิดเหมือนกันถ้ามันร่วงผมช้อนเหมือนกัน โย่ว...................

ขอบคุณครับคุณคนขายของ
ยินดีครับที่ได้รับมุมมองที่แตกต่าง
นี่แหละครับประโยชน์ของเวปบอร์ด ดีกว่าคิดเองเออเอง

ส่วนการคิด de ของบริษัทผมดูแบบรวมๆไปครับ ไม่ได้แยกเยอะว่าเป็นหนี้ระยะยาว หรือหนี้การค้า แต่จากที่คุณขายของพูดมา ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เรื่อง de คงต้องเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน ไม่ควรจะเปรียบเทียบระหว่างอุตสาหกรรมเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ

ส่วน rgr ผมเข้าใจว่าธุรกิจโรงแรมเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ระยะยาว ดังนั้นการมีหนี้ระยะยาวเป็นเรื่องที่เป็นธรรมดาเช่นกันครับ บางท่านก็พูดว่าธุรกิจโรงแรมเปรียบเสมือนน้ำซึมบ่อทราย และ rgr ก็อยู่ในช่วงกำลังลงทุนค่อนข้างมากครับ

ที่ราคา 6.2 บาท สำหรับ HMPRO และ 4 บาทสำหรับ RGR
คิดพีอีได้ประมาณ 17 เท่าและ 14 เท่าตามลำดับ
ผมก็ยังยืนยันว่าแพงครับ
ขอพีอีสัก 12 เท่าก็แล้วกัน ค่อยเข้าไปซื้อไหม่มีเพื่อนๆรอซื้อกับเพียบเลยครับ..

คุณ ลูกอีสานครับ สำหรับคำถามที่ว่าทำไมถึงยังมีคนซื้อ HMPRO ที่ราคานี้

ผมว่าเป็นเพราะ คนซื้อ กับ คนขาย มีข้อมูลในการตัดสินใจไม่เท่ากันครับ

แต่ข้อมูลของฝ่ายไหนจะถูกต้องกว่ากัน เราคงต้องคอยดูกันต่อไป

ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ ขอขอบคุณ

ส่วนตัวเพิ่งเข้าถือ RGR ตอนต้นปีนี้ตอนได้ bonus ครับ ถือมาเรื่อยๆ ซื้อไว้เนื่องจากเห็นผู้บริหารซื้อ และกิจการอาหารก็ติดในอันดับต้นๆ กิจการโรงแรมก็ได้รับผลกระทบจาก tsunami ไม่มากครับ กะถือไปเรื่อยๆครับ จนกว่าจะหาหุ้นที่ดีกว่านี้ได้ครับ