Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

18/03/2548 09:05

CEI : ชี้แจงสถานการณ์บริษัทฯ


16 มีนาคม 2548

เรื่อง ชี้แจงสถานการณ์บริษัทฯ

เรียน ผู้จัดการตลาดหลักหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บริษัท คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงเหตุ
การณ์สำคัญของบริษัทฯ ว่า
ลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งของบริษัทฯ ซึ่งมียอดขายคิดเป็นอัตราร้อยละ 90 ของยอด
ขายรวมทั้งหมด ได้ฟ้องร้องบริษัทฯ เรื่องไม่ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายพัดลมติดเพดาน โดยเรียกร้อง
ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินประมาณ 2.3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ (ส่วนที่บริษัทฯขอเพิ่มราคา 5 % เมื่อปี
ก่อน) จำนวนเงินดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อฐานการเงินของบริษัทฯ แต่มีความเป็นไปได้ที่
บริษัทฯจะสูญเสียการทำธุรกิจกับลูกค้ารายนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายดังกล่าว
คาดว่าจะสิ้นสุดประมาณเดือน กรกฎาคม 2548
จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทฯได้จัดทำแผนงานทางธุรกิจในด้านการขยายตลาด
ในประเทศสหรัฐอเมริกา การขยายตลาดในประเทศ การขยายฐานธุรกิจในภาคพื้นเอเซียตะวันออก
เฉียงใต้ และประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา รวมทั้งการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนจากบริษัท
ต่างๆ ในประเทศไทย

จึงเรียนชี้แจงมาเพื่อโปรดทราบ และเผยแพร่ให้กับนักลงทุน โดยทั่วกัน


ขอแสดงความนับถือ


(นายไบร์อัน แอล ฮาร์ดี้)
กรรมการ

จาก efinancethai.com

มีความเห็นเป็นเช่นใดกันบ้างครับสหาย การพึ่งพารายใหญ่มากเกินไป หรือ หัวหายล้อมคอกครับ

ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร..... ในโลกธุรกิจ

Symbol: CEI
Headline: การขึ้นเครื่องหมาย SP และ NP หลักทรัพย์ของ CEI
Time: 18 มี.ค. 2005 08:53:14


การขึ้นเครื่องหมาย SP และ NP หลักทรัพย์ของ CEI

เนื่องจากบริษัท คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
(CEI) ได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2548 ฉบับที่ผ่านการสอบทาน
จากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ความเชื่อมั่น
ต่องบการเงินของบริษัท ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัท
ที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่ได้แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงาน
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไข
งบการเงินได้

ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือ
ขายหลักทรัพย์ของบริษัทตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าของวันที่ 18 มีนาคม 2548
เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปมีเวลาในการพิจารณาความเห็นของผู้สอบบัญชี
ประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง
โดยตลาดหลักทรัพย์จะอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทโดยขึ้นเครื่องหมาย
NP (Notice Pending) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าของวันที่ 21 มีนาคม 2548 จนกว่า
บริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้อง
แก้ไขงบการเงินดังกล่าว

พัดลมยังส่ายหน้าเลย ออกข่าวอย่างนี้ คนสวยแย่เลย



Symbol: CEI
Headline: สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และบริษัทย่อยไตรมาสที่2๖F45-3)
Time: 18 มี.ค. 2005 09:33:02


สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และบริษัทย่อยไตรมาสที่2(F45-3)
บริษัท คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2548 2547 2548 2547

กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 11,298 (36,780) (75,178) (29,578)
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.06 (0.20) (0.40) (0.16)

ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นได้และมีข้อสังเกต


หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และ หมายเหตุ
ประกอบงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์

"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบ
การเงินฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน
ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว"

ลงลายมือชื่อ _______________________
(นายไบร์อัน แอล ฮาร์ดี้)
ตำแหน่ง ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ



-------------------------------------------------------------------------------------

มันเกิดอะไรขึ้น กับผู้ตรวจสอบ บ/ช

ปรัชญา เขียน: พัดลมยังส่ายหน้าเลย ออกข่าวอย่างนี้ คนสวยแย่เลย

คนแก่ก็แย่ด้วย

ในจดหมายลงวันที่ 16 มี.ค. แต่ประกาศวันที่ 18 มี.ค. ทำไมถึงช้าจัง

ใครรู้ในวันที่ 16 และ 17 จะได้ประโยชน์ไหมนี่

chatchai เขียน:ในจดหมายลงวันที่ 16 มี.ค. แต่ประกาศวันที่ 18 มี.ค. ทำไมถึงช้าจัง

ใครรู้ในวันที่ 16 และ 17 จะได้ประโยชน์ไหมนี่

ราคาเคลื่อนไหวผิดปกติไหมครับ เมื่อวาน
ผมไม่ได้ตามตัวนี้นะครับ แต่พอเห็นกระทู้นี้เลยสอบถามเพิ่มเติมครับ

ในหมายเหตุที่ไม่สามารถให้ความเห็นได้เพราะอะไรหรือครับ
เดี๋ยวจะลองโหลดมาอ่านดูด้วยนะครับ

มีแต่ลูกค้ารายใหญ่ อำนาจต่อรองต่ำ ต้นทุนสูงขึ้นแต่ขึ้นราคาสินค้าขึ้นไม่ค่อยได้

ผมรู้ซึ้งที่สุดในการเป็นSupplier ดังนั้นหุ้นประเภทนี้ไม่เลือกซื้อแน่นอน

แม้แต่VS ยังส่ายหน้าเลย

(ปันผลที่จ่ายสูงๆ ล่าสุด เพื่อทำราคาหุ้นเท่านั้นเอง)

ครรชิต ไพศาล เขียน:
คนแก่ก็แย่ด้วย

คำอธิบาย

Symbol: CEI
Headline: ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2548
Time: 18 มี.ค. 2005 09:49:29



วันที่ 17 มีนาคม 2548

เรื่อง การชี้แจงผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2/2548

เรียน กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ตามที่บริษัทฯ ได้นำส่งงบการเงินสำหรับงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2548
ปรากฏว่าผลการดำเนินงาน
ของบริษัทมีขาดทุนสุทธิ 75.2 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ารอบระยะเวลาบัญชีเดียวกันของปีก่อน 45.6 ล้านบาท บริษัทฯ
ขอชี้แจงสาเหตุดังนี้ คือ

1. รายได้รวมของบริษัท เพิ่มขึ้น 210.8 ล้านบาท คิดเป็น 20.8 % เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของ ปีก่อน
เนื่องจาก
1.1 ยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 222.7 ล้านบาท คิดเป็น 23.2% เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 15.3 %
และราคาขายโดยเฉลี่ย
สูงขึ้น 7.7% เนื่องจากบริษัทเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าประเภท High End
1.2 รายได้อื่นรวมเพิ่มขึ้น 28.5 ล้านบาท จากการขายวัตถุดิบ และ กำไรจากการขายโรงงานแหลมฉบัง

2. ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 177.7 ล้านบาท คิดเป็น 18.4 % เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น และ
ต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตราคาสูงขึ้น
เช่น Cold Rolled Steel, Non - Cold Rolled steel และ Ply wood อย่างไรก็ตาม
บริษัทฯได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิตให้ลดลง เช่น การจ้างแรงงานภายนอก

3. บริษัท ฯ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 48.9 ล้านบาท
เนื่องจากการการแข็งตัวของเงินบาทซึ่งส่งผลกระทบต่อตราสารอนุพันธ์
ทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
สำหรับสินทรัพย์และหนี้สินส่วนที่เป็นเงินตราต่าง
ประเทศ

4. ค่าใช้จ่ายขายและบริหารอื่นรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 29.4 ล้านบาท คิดเป็น 40.3 %
เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการส่งออกเพิ่ม 8.0 ล้าน
บาท หนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 12.3 ล้านบาท และ ค่าเผื่อการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 8.5 ล้านบาท

ขอแสดงความนับถือ



(นาย ไบรอัน แอล ฮาร์ดี้)

กรรมการ

หนี้สินก้อนใหญ่ของบริษัท ที่ต้องจ่ายทุกเดือน คือเงินเดือนพนักงานและผู้บริหาร
ผู้บริหารที่ร่วมกันพาบริษัทมาเฉียดหุบเหวได้ขนาดนี้ ควรมีคนรับผิดชอบ
ผู้ถือหุ้นตัวจริงเสียงจริงทั้งหลาย ออกมาแสดงพลังกันหน่อยครับ
อย่าปล่อยให้เงียบเหมือน DAIDO ไม่งั้นจะเป็นแบบอย่างในทางไม่ดีครับ

ได้แต่ ยอมรับว่าการเพิ่งลูกค้ารายเดียวนี่เสียวจริงๆ

แต่มีความเป็นไปได้ที่
บริษัทฯจะสูญเสียการทำธุรกิจกับลูกค้ารายนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายดังกล่าว
คาดว่าจะสิ้นสุดประมาณเดือน กรกฎาคม 2548

ยังไม่เกิดขึ้นจริงครับ แต่กำลังอึมครึม อาจเจรจาได้ก็ได้ แต่คงต้องเสียเงิน 2.3 ล้านดอล แน่ๆๆ ซึ่งไม่ใช้เงินที่น้อยเลย ยังไงก็แย่............

จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทฯได้จัดทำแผนงานทางธุรกิจในด้านการขยายตลาด
ในประเทศสหรัฐอเมริกา การขยายตลาดในประเทศ การขยายฐานธุรกิจในภาคพื้นเอเซียตะวันออก
เฉียงใต้ และประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา รวมทั้งการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนจากบริษัท
ต่างๆ ในประเทศไทย

จะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้หรือไม่ .......
แต่ทำไมถึงมาคิดเอาตอนนี้ ไม่มีปัญหาไอเดียไม่เกิดหรือไง

ผมถึงว่า กรณีนี้น่าจะมีผู้บริหารออกมาแสดงความรับผิดชอบ

jaychou เขียน:ผมถึงว่า กรณีนี้น่าจะมีผู้บริหารออกมาแสดงความรับผิดชอบ

ตลาดหลักทรัพย์ควรมีการดำเนินการลงโทษผู้บริหารด้วยครับ
กรณีนี้ผู้บริหารจะทราบสถานการณ์ของบริษัทดีที่สุด
แต่มีการจ่ายปันผลออกมามากกว่าปกติ
ทั้งที่จริงควรจะสำรองเงินไว้รับวิกฤติมากกว่า


ก่อนหน้านี้ 6 เดือน บริษัทมีงบดุลที่แข็งแกร่งมาก มีเงินสดเกือบ 600 ล้าน
ภายในแค่ 6 เดือน กลับกลายเป็นมาเป็นหนี้เงินกู้ 200 ล้าน เพราะอะไร

ไม่รู้จะเป็นเพราะสาเหตุเหล่านี้หรือเปล่าที่ผู้สอบบัญชีไม่สามารถรับรองและตั้งข้อสังเกตุ..

ผมว่าเป็นข่าวดีนะครับ พี่วัวแดง
รอรับได้เลย ที่ 4 บาท

อิอิ....

ถ้าสูญเสียลูกค้ารายนี้ไปก็คง อาการสาหัสมากๆนะ

ถ้าไม่สูญเสีย ลูกค้า ก็ต้องจ่ายเงินปรับ ก็ถือว่าไม่น้อยเลย

เค้าจ่ายปันผลหนัก ๆ มาตลอดอยู่ทุกปีอยู่แล้ว
รู้สึกจะเคยจ่ายถึง 40 บาทตอน par 10 ด้วย
ลูกค้ารายเดียวนี่ที่หลายปีที่ผ่านมาก็ทำกำไรให้บริษัทมหาศาล
แล้วจะไปขายรายอื่น ๆ ที่กำไรน้อย ๆ ทำไม
พอบริษัทสถาณการณ์ไม่ดีก็สับกันแหลกเลยนะครับ
อยากให้มองด้วยใจเป็นกลางหน่อย
บริษัทและผู้บริหารอาจจะมีส่วนไม่ดีบ้าง
แต่ไมถึงขนาดที่เขียนต่อว่ากันหรอกครับ
ผมไม่ถูกนะครับที่จะเอากำไรขาดทุนจากหุ้นที่ถือมาเป็นตัววัด
ธรรมมภิบาลของบริษัท

บทวิเคราะห์จาก CNS

ขายทันทีจากความขัดแย้งกับลูกค้ารายใหญ่และงบดุลที่อ่อนแอลง

ประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจ

-ไตรมาสล่าสุดไม่รวมรายการพิเศษ ขาดทุน 22 ล้าน
-ยอดขายจาก 5.34 แสนเครื่องเป็น 6.13 แสนเครื่อง
-ราคาขายจาก 32 เหรียญต่อเครื่องเป็น 37 เหรียญ
-สํญญาที่มีข้อพิพาทจะหมดอายุ วันที่ 31 ตุลา ปีนี้ มองผลกระทบได้ 3 สถานการณ์
1.เสียหายขั้นต่ำสุด คือเสียค่าปรับ 90 ล้าน
2.เสียหายปานกลาง คือเสียค่าปรับ โดยยอมต่อสัญญากับลูกค้า ซึ่งกำไรและปริมาณขายจะลดลง
3.ลูกค้าไม่ต่อสัญญา เสียหายสูงสุด ปริมาณการขาย 93% จะหายไป ตั้งแต่เดือนเมษา ปีนี้เป็นต้นไป
-เป้าหมายราคา 5.14 บาท



เวปบอร์ดหากใช้ให้มีประโยชน์ก็จะมีประโยชน์มากครับ

สงสัยรายย่อย จะเสียท่าเขาแล้วมั๊งครับ

คุณ HI.ผมเอง
ได้ข้อมูลมาจากไหนเหรอครับ
ดูน่าสนใจดีครับ ...

yoyo เขียน:คุณ HI.ผมเอง
ได้ข้อมูลมาจากไหนเหรอครับ
ดูน่าสนใจดีครับ ...

จากเวปกิมเอ็งครับ
เข้าใจว่าที่อื่นๆก็น่าจะมีเหมือนกันครับ ต้องลองค้นๆดูครับ

พอดีเห็นกระทู้นี้แล้วเลยไปเปิดดู ข้อมูล พอรู้ว่าเจ้าของเป็นชาวไต้หวัน เลยหวั่นๆ(เจ้าของชาวไต้หวันที่ดีๆก็มีมากนะครับ )แต่บังเอิญเคยมีประสบการณ์ที่แย่ๆกับเจ้าของบ.ที่เป็นไต้หวันมาก่อน

ดูข้อมูลราคาก็เห็น GAP เยอะมาก เล่นกันเป็นรอบๆ
แปลกดี

ผมว่าเป็นข่าวดีนะครับ พี่วัวแดง
รอรับได้เลย ที่ 4 บาท

อิอิ....

ดีไม่ออกเลยครับ 5555

เจอกันที่ 4 บาทครับ

ก่อนนี้ปัญหาเรื่อง วัตถุดิบพอทำใจได้ พอเจอสถานการณ์แบบนี้ บอกได้คำเดียวว่า
ไอ้เสือถอย!!!!!!!!!!!! แต่สงสัยจะถอยไม่ทันแน่ๆๆ :lol:

ถ้าถอยทันคงปล่อยหมดมือที่ราคาทุนก็เอา แต่ถ้าไม่ คง หลังจากนั้นถึง 4 บาทค่อย

ราคาวันจันทร์จะเป็นอย่างไรครับ ผมจะได้ถือหุ้นราคาติดฟลอร์ครั้งแรกของชีวิตหรือเปล่า

ขายทันทีจากความขัดแย้งกับลูกค้ารายใหญ่และงบดุลที่อ่อนแอลง

ใช่แล้ว เมื่อมันเปลี่ยนเราก็ไป แต่กลัวถอยไปทันรถทับแบน :lol: :lol: :lol: