Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ืมันเป็น senior project ผมครับที่จะสร้างเวปไซต์ตลาดนัดออนไลน์เมืองไทยที่ทันสมัยที่สุึด
ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และมีความเป็นมิตรกับผู้ใช้

ตอนนี้ผมจอง domain ไว้แล้วเป็น

http://www.thaiebid.com
Thai e-Bid.com

แต่ยังไม่ต้องเข้าหลอกครับ มันยังเป็นวุ้นอยู่เลย

ทีนี้ผมว่าพวกพี่ๆทั้งหลายในเวปนี้มีหัวทางด้านการตลาด การลงทุน ฯลฯ เลยคิดว่าผมจะค่อยๆสร้างเวปทีละส่วน แล้วก็จะถามความเห็นพี่ๆไปเรื่อยครับ

แอบมีสร้างลูกค้าไว้ก่อน :lol: ทำ CRM ตั้งแต่เริ่มเวปเลย

ผมดูเวป www.thaisecondhand.com แล้ว เวปนี้มีปัญหาทางด้านความน่าเชื่อถือ
ส่วน www.pramool.com ก็มีปัญหาความน่าเชื่อถือแ้ล้วก็เวปรกมากๆ ไม่น่าเข้าเลย

ส่วนที่ทั้งสองเวปไม่ดีก็ยังมีเรื่องของ databased ด้วยครับ การ search ข้อมูลทำได้ไม่ดีเลย

เริ่มต้นก่อนเลย
ในการเข้ามาดูสินค้า ผมอนุญาติให้ทุกคนดูสินค้าได้
แต่ว่าถ้าต้องการจะ Bid จะต้องทำการลงทะเบียนก่อน โดยที่จะมีการ verify ตัวตนผ่านทาง e-mail

ในส่วนของการ post สินค้า ตรงนี้ผมอยากให้มันยากนิดนึง แต่ก็ไม่ยากเกินไป คือมีการระบุตัวตนหน่อย

เลยอยากทราบว่าผมควรใช้ระบบไหนดีครับ ที่คิดๆไว้ก็มี

1. ใช้หมายเลขบัตรเครดิตหรือว่าบัตรเดบิต แล้วก็ security code ด้านหลังบัตรเหมือนการซื้อของทาง internet เลย
2. ใช้หมายเลขบัญชีธนาคาร กับชื่อเจ้าของ

หรือว่าจะใช้วิธีไหนอีกดีครับ

แล้วก็ส่วนของการตรวจสอบว่าบัตรเครดิต กับบัตรเดบิตถูกต้องหรือเปล่า แล้วก็บัญชีถูกต้องหรือเปล่า ตรงนี้ผมต้องทำอย่างไรครับ จะคุยกับทางธนาคารได้หรือเปล่า

บัตรเครดิต กับบัตรเดบิตถูกต้องหรือเปล่า แล้วก็บัญชีถูกต้องหรือเปล่า ตรงนี้ผมต้องทำอย่างไรครับ จะคุยกับทางธนาคารได้หรือเปล่า

ต้องไปเปิด account กับธนาคาร เกี่ยวกับ e commerse ครับ ซึ่งจะทำให้เราสามารถ check ได้ครับ เป็นบัตร เครดิตที่ถูกต้องหรือไม่ครับ
ดูเหมือนว่าตอนนี้ทำได้หลายธนาคารแล้วครับที่ ผมเคยใช้ก็ Bank Asia ครับ

แล้วพี่คิดว่าสำหรับพวกพี่ๆแล้ว การใส่หมายเลขบัตรเครดิต หรือการใส่บัญชีธนาคารยอมรับได้หรือเปล่าครับ เมื่อต้องการจะขายสินค้าผ่านทางเวป

ผมอยากให้มีการอ้างอิงตัวตนได้ครับจะได้ไม่เจอพวกหลอกขาย อย่างน้อยก็กันไปได้นิดนึง ถึงจะไม่ใช่กันได้แน่นอนก็ตาม

ผมยังชอบแบบเห็นรายละเอียด แล้วโทรคุยนัดเจอ ทดสอบ จ่ายเงินสดอยู่ครับ ไม่อยากให้มีปัญหา ว่าได้ของไม่ดี แล้วคืนเงินไม่ได้

เมื่อพูดถึงบัตรเครดิต บัตรประจำตัวประชาชน เลขที่บัญชี พวกนี้เป็น sensitive
information ครับ กฎหมายใหม่ออกมา ถ้าเว็บเก็บข้อมูลพวกนี้แล้วทำรั่วไหล
มีบุคคลที่สามหรือพนักงานในบริษัทเอาไปหาผลประโยชน์ โดนฟ้องได้ครับ

ถ้าเก็บไว้ 3 หมื่นรายการ ก็โดน 3 หมื่นกระทง ติดคุกหลายหมื่นปีแน่ ถ้าแพ้คดี

พันทัพยังแหยงเลยครับ เห็นว่าจะยกเลิกการสมัครสมาชิกด้วยเลขที่บัตรประชาชน
ถ้ากฎหมายนี้ออก

ถ้าให้แนะนำ ใช้ระบบ unique email บวกกับ account activation ที่จะต้องใช้เวลา
มากกว่า 1 วัน (เฉพาะคนที่จะขายของ) บวกกับระบบ blacklist บวกกับ IP logging
และ cookie tracking น่าจะดีกว่าครับ

ส่วนถ้าจะตรวจสอบบัตรเครดิต ต้องสมัคร eCommerce ครับ ของ SCB หรือ
Bank Asia ก็ได้ แล้วต้อง verify โดยใช้วิธีขอ approval code เอา แต่ต้อง
ล็อกวงเงินที่จะชาร์จด้วย ซึ่งถ้า lock บ่อยๆ แล้ว cancel บ่อยๆ (หลังจากรู้ว่า
บัตรเป็นบัตรจริง) ก็จะโดนแบงก์ยกเลิก merchant account ครับ

อีกวิธีคือใช้ check digit เอา มี algorithm ที่สามารถเช็คได้ว่าเบอร์ valid
หรือเปล่า แต่ไม่สามาถเช็คได้อยู่ดีว่าบัตรหมดอายุหรือยัง เจ้าของตัวจริงหรือเปล่า
ฯลฯ

สรุปว่า ใช้ email + account activation + IP logging + cookie tracking +
black listing + reporting ดีที่สุดครับ

นอกจากคุณโอคิดจะทำเว็บเหมือน ebay.com ที่มียอดบิลลิ่งปีละหลายๆ ล้าน
หรือร้อยล้าน ถึงจะคุ้ม

IP logging + cookie tracking + reporting

เอาไปใช้ตอนไหนบ้างครับ
ขอเป็นความรู้เก็บไว้บ้างนะครับ

ตอนนี้ที่ผมคิดไว้นะครับ
ผมไม่เก็บข้อมูลบัตรเครดิตไว้ในเวปเลยครับ
แค่ต้องการตรวจสอบว่ามีตัวตนอย่างเดียว
ตรงนี้มันก็จะทำให้หลุดพ้นจากส่วนกฏหมายตรงนั้นไปได้

แล้วก็วิธีการซื้อขายสินค้าเมื่อการประมูลส้ินสุดมีให้เลือกครับ

1. ให้ส่งทาง EMS
2. ให้ส่งทางพัสดุไปรษณีย์ลงทะเบียน
3. นัดเจอ
4. ส่งสินค้าให้ถึงบ้าน

ip logging ใช้ในเมืองไทยไม่ได้หลอกครับ เพราะว่าเราไม่มี ip address ที่ fixed ตายตัว
cookie tracking เป็นการเก็บข้อมูลบนเครื่องของผู้ใช้ ไม่ควรอย่างยิ่งถ้าต้องการ security ครับ
reporting นี่ผมไม่เข้าใจครับ

อย่างการสมัครสมาชิกด้วยบัตรประชาชนเนี่ย
ให้เค้าส่งมาทางไปรษณีย์ เค้าไปเอาสำเนาใครมาก็ได้ เราก็ตรวจสอบไม่ได้อยู่ดี

ผมคิดว่าต่อไปถ้าเปิดบริษัทได้จริงๆ คงจะให้คนที่ต้องการขายและอยากได้เครื่องหมายรับรองมาทำสัญญาที่บริษัทเลยครับ (อันนี้เป็น optional เืพื่อให้ผู้ซื้อมั่นใจในคนขายคนนั้นขึ้น)

โอ@ เขียน:ip logging ใช้ในเมืองไทยไม่ได้หลอกครับ เพราะว่าเราไม่มี ip address ที่ fixed ตายตัว
cookie tracking เป็นการเก็บข้อมูลบนเครื่องของผู้ใช้ ไม่ควรอย่างยิ่งถ้าต้องการ security ครับ
reporting นี่ผมไม่เข้าใจครับ

เมืองนอกก็ไม่ค่อยมีใครใช้ IP fixed ครับ แต่เค๊าก็ log กับหมด
เพราะถ้าจะเอาเรื่องทางกฎหมายจริงๆ สามารถ track ip ได้ครับ
ยกเว้นพวกใช้ Proxy ซึ่งเราจะ block ไม่ให้เข้าก็ได้

อีกอย่าง การโชว์เบอร์ ip จะทำให้คนโพสต์ต้องคิดก่อนครับ
เพราะถ้าเป็นคดีความขึ้นมาจริงๆ การหาตัวบุคคลสามารถทำได้ครับ
มีทำมาหลายกรณีแล้วด้วยนะครับ เพียงแต่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง

การ track ip สามารถทำได้ถ้าตำรวจต้องการครับ โดยขอไปทาง
ISP ให้ map เวลาที่ login และเบอร์ IP ที่ assign ตอนนั้น

cookie tracking ทุกเว็บที่มี user login ใช้ cookie ครับ แทบไม่มี
เว็บไหนไม่ใช้ ใช้กันทั้งโลกครับ เดี๋ยวนี้การ track session ด้วย
url get method แทบไม่มีใครใช้แล้ว

ไม่เก็บเบอร์บัตรเครดิตก็ต้องป้อนข้อมูลอยู่ดีครับ เมื่อต้องป้อนข้อมูล
ก็ต้องมี form เมื่อใช้ form ก็ต้อง save ข้อมูลลง (ไม่ใช้ cgi ก็ต้องใช้
temp database หรือ xml) และที่สำคัญก็ต้องมี SSL certificate

อย่างการสมัครสมาชิกด้วยบัตรประชาชนเนี่ย
ให้เค้าส่งมาทางไปรษณีย์ เค้าไปเอาสำเนาใครมาก็ได้ เราก็ตรวจสอบไม่ได้อยู่ดี

แล้วบัตรเครดิตไปเอาของคนอื่นมาไม่ได้หรือไง

ผมก็บอกแล้วไงครับ ว่าไม่แนะนำทั้งใช้บัตรประชาชนและเลขที่บัตรเครดิต
เบอร์บัญชีแบงก์ก็เหมือนกัน

เรื่อง reporting ก็คือให้ฝั่งซื้อขายแจ้งรายงานเว็บกรณี fraud ครับ

เรื่อง ip logging ผมเข้าใจผิดไปนึกว่าเป็นการล็อก username เข้ากับ ip ครับ

ส่วนเรื่อง cookie นั้นในตอนที่ login และ ใช้ session คงจะใช้ แต่ที่พูดไปคือเรื่องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ครับจะเก็บไว้ใน server ไม่ใช่บนเครื่องผู้ใช้ครับ

พี่ครับแล้วการ verify cradit กะ debit รวมถึง bank account ทางธนาคารเค้ามี service ให้ไม่ใช่หรอครับ
โดยที่เราทำหน้า link เข้าไปหาที่ web server ของเค้าเอง แล้วให้เค้าส่งข้อมูลกลับมาแค่ว่า valid หรือว่า invalid ดังนั้นในส่วนนี้เราไม่น่าจะต้องรับผิดชอบอะไรนี่ครับ

ส่วนการสมัครด้วยบัตรประชาชนเป็นขั้นตอนหลังจากที่เวปนี้ดังแล้ว (ในกรณีที่ดัง) ครับ

อีกอย่างด้วยครับ
พี่ๆว่า ผมควรใช้โทนสีอะไรดี

ตอนนั้นเหมือนเคยอ่านเจอว่า สีแดงมันช่วยกระตุ้นต่อมความอยาก shopping ไม่รู้ว่าจำมาถูกหรือเปล่าครับ

โดยที่เราทำหน้า link เข้าไปหาที่ web server ของเค้าเอง แล้วให้เค้าส่งข้อมูลกลับมาแค่ว่า valid หรือว่า invalid

แล้วคิดว่าจะทำธุรกรรมกับเขาปีละกี่รายการครับ
เพราะเขาให้เฉพาะ Merchant Account นะครับ

ส่วนที่ต้องรับผิดชอบคือ gateway ครับ ต้องพัฒนาเอง
หรือไม่ก็ใช้คนมานั่งกรอกเบอร์บัตร เสี่ยงอีก ผิดกฎหมายด้วย
เพราะการเอาเบอร์บัตรคนอื่นมากรอกเองผ่านเว็บไซต์
ผิดกฎหมายครับ ถ้าไม่งั้นก็ต้องใช้ verify ทางโทรศัพท์
หรือไม่ก็เมล์ออเดอร์

เดี๋ยวคงต้องลองติดต่อกับทาง bank ดูก่อนครับว่ามีวิธีไหนบ้าง

ยังไงก็คงต้องทำแหละครับถ้าต้องการให้เกิด safety ขึ้นอีกระดับนึงเหมือน ebay จริงๆ

เกือบจะย้ายกระทู้แล้วครับ นึกว่าใครมาโปรโมทเวบ

หากเป็นเรื่องที่ต้องการผู้รู้เฉพาะทางเช่นนี้ ...คุณโอ ลองดูเวบบอร์ดที่คุยเรื่องอีคอมเมิร์ซ และ/หรือ เวบโปรแกรมมิ่ง อื่นๆดีมั้ยครับ จะมีคนมาตอบเยอะกว่าด้วยครับ
สมาชิกเวบนี้ก็มีท่านประธาน CK ที่เชี่ยวชาญูธุรกิจนี้อยู่ท่านเดียว(เท่าที่ทราบ)

คือเรื่อง เวปโปรแกรมมิ่งคุยกะพี่อีกทีอยู่แล้วอ่ะครับ นี่เหมือนกับอยากได้กลยุทธ์มากกว่าอ่ะครับ

เพราะนักลงทุนที่ดีมักเป็นนักธุรกิจที่ดีด้วยหนิครับ

พี่ๆครับอยากถามว่า
ถ้าจะเข้าเวป อยากได้เวป FONT ใหญ่ๆ หรอืว่าเล็กๆครับ
เอาเป็นว่าผมดูไว้สองแบบ แบบแรกเท่า www.sanook.com แบบที่สองเท่าที่เรา Postๆ กันเนี่ยคับ

การเก็บเลขที่บัตรเครดิต หรือเบอร์บัญชีธนาคาร นี่ระวังคุกนะครับ
ถ้าไม่เก็บในเครื่อง เก็บไว้ในกระดาษก็คุกอยู่ดีครับ
ถ้าข้อมูลรั่ว ระวังหน่อยนะครับ

ตอนนี้เจอนี่แล้วครับ
www.khonthai.com

เป็นเวปของกรมการปกครอง
คิดว่าจะเป็นระบบที่ว่า ถ้าใครต้องการมีเครื่องหมายยืนยันตัวตนด้านหลังจะต้องสมัครกับทางกรมการปกครอง ซึ่งขั้นตอนนี้ทำได้ฟรีครับ

และมันจะผูกติดกับ Email

ผมคาดว่าในส่วนนี้จะกรองการทุจริตไปได้เยอะมากเลยครับ

ไม่ใช่ทุกคนที่ signup กับ khonthai.com ครับ ผมคนหนึ่งล่ะที่จะไม่ยอมทำ
ไม่รู้เหมือนกันว่า security เขาดีแค่ไหน

และอีกอย่าง เว็บก็ควรจะรับลูกค้าประเภท corporate ด้วย ซึ่งในกรณีนี้
เว็บ khonthai.com ไม่มีประโยชน์

จุดประสงค์ของคุณโอในการยืนยันตัวบุคคลคืออะไรครับ อย่าลืมว่านี่เรา
พูดถึงอินเทอร์เน็ต privacy เป็นเรื่องสำคัญมากนะครับ

ถ้าเป็นปัญหาเรื่องการจ่ายเงิน เบี้ยวเงิน ใช้ระบบ escrow ก็ได้ หรือไม่ก็
paypal.com หรือ paysbuy.com (อันนี้ไม่รู้ว่าดีแค่ไหนนะ)

ควรไปศึกษาโมเดลของ ebay.com ให้ละเอียดก่อนนะครับ

โปรเจ็กบนเว็บที่เริ่มต้นด้วย limitation ของคนที่จะมาสมัคร fail ทุกอันครับ
ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน

กฎข้อแรกของการทำเว็บ ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้สะดวกที่สุดเท่าที่จะทำได้

ส่วนเรื่องทุจริต ลองไล่มาทีละประเด็นสิครับ ว่าคืออะไร ยังไงถึงจะเรียกว่า
ทุจริต เพราะบางที ทั้งสองฝ่ายอาจจะคิดว่าตัวเองถูกก็ได้

ถ้าคิดถึงแต่เรื่องป้องกันคนทุจริต โดยมาลงโทษคนที่สุจริต ผมว่าคิดผิด

แค่นี้แหละครับ ไม่เข้ามาโพสต์อีกแล้ว