หน้า 1 จากทั้งหมด 1

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 07, 2005 6:08 pm
โดย ปรัชญา
:oops: :arrow: ..........
วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2548

"ชาเขียว"แรงจัด เบียดน้ำผลไม้

นายวงศ์วุธ กุลปิยะวาจา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาลีบางกอก จำกัด ผู้ผลิตน้ำผลไม้ตราชบา เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดน้ำผลไม้ มูลค่า 3,600 ล้านบาทต่อปี กำลังเติบโตช้าลง โดยหลายปีที่ผ่านมา ตลาดมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 20% แต่ช่วงปี 2547 ที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตแค่ 4%

สาเหตุที่ตลาดเติบโตลดลง เนื่องจากกระแสผู้บริโภคหันไปดื่มชาเขียว และเครื่องดื่มประเภทกาแฟสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดน้ำผลไม้รวมหดตัวลง ขณะที่ผู้เล่นในตลาดน้ำผลไม้แต่ละรายในตลาดไม่มีนวัตกรรมใหม่เข้ามากระตุ้นในตลาด

"เครื่องดื่มชาเขียวมีคุณสมบัติที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้ทั้งแง่ของแพ็คเกจจิ้ง ซึ่งเป็นขวดและราคาไม่สูงนักเทียบกับน้ำผลไม่ที่มีราคาสูงกว่า ทำให้ตลาดน้ำผลไม้โดยรวมเติบโตลดลง" นายวงศ์วุธกล่า



----------------------------------------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2548


Nation Group
ค้นหาข่าวย้อนหลัง

อย.เข้มผู้ผลิตชาเขียวต้องติดฉลาก "คาเฟอิน"

เลขาฯอย.ฮึ่มผู้ผลิตชาเขียวต้องปิดฉลากปริมาณกาเฟอีนในตำแหน่งที่ชัดเจน ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะเรียกสอบถามรายตัว เตือนอย่าเกาะกระแสสร้างสุขภาพโดยการอ้างสรรพคุณให้ชาเขียวเลิศเลอ ทั้งที่ไม่มีการทดลองทางคลินิคว่ามีสรรพคุณดีจริง ส่วนการเตือนประชาชนลดบริโภคกาเฟอีนนั้น เลขาฯ

ระบุคนดื่มรู้อยู่แล้วว่าจะได้กาเฟอีน

ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึง กรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเรียกร้องให้ทางอย. คุมเข้มฉลากเครื่องดื่มชาเขียว

โดยกำหนดให้แสดงปริมาณกาเฟอีนและให้ปิดฉลากในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนตามกฎหมาย ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าที่อย. ลงตรวจสอบว่ามีชาเขียวยี่ห้อใดที่ไม่ปฏิบัติตามที่ได้ขออนุญาตไว้กับทางอย. หากพบว่า มีการทำผิดไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดเราคงต้องดำเนินการ โดยจะต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไปและจะเชิญเจ้าของผลิตภัณฑ์ผู้ซักถามว่าเหตุใดจึงไม่ปฏิบัติตามที่อย.กำหนด

ศ.ดร.ภักดี กล่าวต่อว่า สำหรับปริมาณกาเฟอีนในชาเขียวนั้น โดยปกติจะเป็นไปตามธรรมชาติซึ่งไม่สามารถกำหนดปริมาณที่แน่นอนได้ อีกทั้งผู้ผลิตแต่ละรายจะใส่ความเข้มข้นของใบชาแตกต่างกัน ทั้งนี้กฎหมายได้กำหนดเฉพาะเครื่องดื่มที่ต้องเติมสารกาเฟอีนสังเคราะห์ที่ต้องไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อขวดบรรจุ

ในสมัยก่อนในส่วนของเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนตามธรรมชาติเช่น กาแฟ หรือชา จะต้องกำหนดปริมาณกาเฟอีนว่าไม่น้อยกว่าเท่าไร เนื่องจากเกรงจะมีการนำวัตถุดิบอื่นแทนกาแฟหรือใบชา เช่น บางรายเคยนำเม็ดมะขามคั่วมาบดแทนกาแฟ และในหมู่นักวิชาการยังถกกันเรื่องนี้ว่า คนนิยมดื่มชากาแฟมานับพันปี จะให้ยกเลิกคงลำบาก แต่ถ้าเพิ่งมีการนำมาใช้เหมือนชาเขียว ก็คงจะไม่อนุญาตแน่นอน เลขาธิการฯ อย. กล่าวและว่า ผู้บริโภคชากาแฟนั้นทราบอยู่แล้วว่า การดื่มชากาแฟไม่ว่าจะปริมาณเท่าใดก็ต้องได้รับกาเฟอีนอยู่แล้ว เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรนอกจากต้องการกาเฟอีนเท่านั้น

ส่วนปริมาณน้ำตาลที่ผสมอยู่ในเครื่องดื่มชาเขียวนั้น ไม่มีกฎหมายกำหนดว่าต้องผสมจำนวนเท่าใด และหากเปรียบเทียบกับเครื่องดื่มอื่น ๆ

อย่างน้ำอัดลม ปริมาณน้ำตาลน้อยกว่ามาก

ศ.ดร.ภักดี กล่าวด้วยว่า เท่าที่อย.ได้ตรวจสอบปริมาณกาเฟอีนในชาเขียว ส่วนใหญ่ไม่เกิน 23-76 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิตร ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนน้อย

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการบรรจุน้ำดื่ม พร้อมทั้งยืนยันจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตีพิมพ์สรรพคุณของชาเขียว ที่ผ่านการทดลองทางคลินิกในวารสารวิชาการใด ๆ เลย ดังนั้นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายจะมาอวดอ้างสรรพคุณว่า ดีอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อสร้างกระแสเพื่อสุขภาพไม่ได้อย่างเด็ดขาด


------------------------------------------------------------------------

วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2548 ปีที่ 14 ฉบับที่ 5243

"โออิชิ"ท้าตรวจพิสูจน์ชาหวาน

เนสท์เล่เต้นโต้อย.ยันนมไม่ปนเปื้อน

"ตัน โออิชิ" โต้ผลตรวจชาเขียวของอย.ที่ระบุมีส่วนผสมน้ำตาลมากผิดปกติ ยันไม่มีชาเขียวที่ไหนในโลกใส่น้ำตาลมากขนาดนั้น หากทำก็เป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม พรุ่งนี้จะนำโออิชิ กรีนทีไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบใหม่ทั้งหมดเพื่อยืนยันมีปริมาณกาเฟอีนบนฉลากข้างขวดถูกต้อง ระบุเป็นไปไม่ได้ชาเขียวจะมีกาเฟอีนมากกว่าเครื่องดื่มชูกำลัง เชื่อข้อมูลของอย.และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคผิดพลาด "หมอสุชัย" สั่งอย.ฟันบริษัทผลิตนมปนเปื้อนแบคทีเรีย

จากกรณีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ระบุผลการตรวจเครื่องดื่ม 43 ยี่ห้อ พบชาเขียวมีสารกาเฟอีนปริมาณมากกว่าเครื่องดื่มชูกำลังบางยี่ห้อ ขวดเดียวมีน้ำตาล 16 ช้อนชา จนอาจเกิดอันตรายต่อผู้บริโภค ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. นายตัน ภาสกรนที ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 เม.ย. บริษัทจะนำเครื่องดื่มโออิชิ กรีนที เข้าไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบใหม่ทั้งหมด เพื่อยืนยันว่าปริมาณกาเฟอีนที่ติดบนฉลากข้างขวดนั้นถูกต้อง ปกติบริษัทจะนำสินค้าทุกขวดที่ออกรสชาติใหม่ไปให้กรมวิทยาศาสตร์ฯตรวจสอบอยู่แล้ว ว่ามีสารปนเปื้อนหรือไม่ และปริมาณกาเฟอีน ปริมาณน้ำตาลเป็นเท่าใดที่จะไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หลังจากนั้นจะนำผลการตรวจไปให้คณะกรรมการอาหารและยา หรืออย.รับรอง แล้วจึงจะติดฉลากข้างขวดตามความจริงที่ตรวจสอบได้ ซึ่งใบตรวจล่าสุดมีอายุ 1 ปีแล้ว จึงต้องการจะตรวจสอบใหม่เพื่อพิสูจน์ตัวเองและไม่ได้ปิดบังความจริงแต่อย่างใด

"โลกปัจจุบันนี้ไม่มีความลับต่อกันแล้ว จะมาหาว่าเจ้าของสินค้าปิดบังความจริงได้อย่างไร และเชื่อว่าข้อมูลที่ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคนำเสนอนั้นผิดพลาด คงไม่มีบริษัทใดหรอก ที่ต้องการขายสินค้าแบบผิดจริยธรรมและบริษัทใหญ่ๆ ไม่มีใครมานั่งทำแบบนี้หรอก เหมือนฆ่าตัวตายทางอ้อม ไม่รู้ว่าไปตรวจกันอย่างไร จึงทำให้ข้อมูลออกมาอย่างนี้ ผลออกมาต่างกันถึง 40% ทั้งนี้ผลต่างน่าจะบวกลบไม่เกิน 1% เท่านั้นจากใบชาธรรมชาติ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ชาเขียวจะมีกาเฟอีนมากกว่าเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะทุกวันนี้ทั้งตัวผมเองและลูกชายดื่มชาเขียวแทนน้ำ หากชาเขียวมีกาเฟอีนมากกว่าเครื่องดื่มชูกำลัง คงไม่ต้องนอนกันแล้ว" นายตัน กล่าว

นายตัน กล่าวต่อว่า ขอยืนยันถึงปริมาณกาเฟอีนที่ติดอยู่บนข้างขวดของเครื่องดื่มชาเขียวโออิชิทุกขวดว่าถูกต้องตามที่ได้ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว ในไต้หวัน สิงคโปร์ หรือญี่ปุ่น ซึ่งไม่มีการระบุปริมาณกาเฟอีนไว้บนข้างขวดเหมือนกับในประเทศไทย แต่เครื่องดื่มที่ขายดีที่สุดรองจากน้ำดื่มคือชาเขียว หากชาเขียวมีปริมาณกาเฟอีนมากกว่าเครื่องดื่มชูกำลัง คงไม่ปล่อยให้ชาเขียวที่มีกาเฟอีนสูงขนาดนั้นขายแน่นอน

ขณะเดียวกันฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มยูนิฟ กรีนที ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต้องมีการประชุมเจรจากับทางผู้บริหารระดับสูงก่อน แต่เบื้องต้นมั่นใจว่า ปริมาณกาเฟอีนและน้ำตาลที่ระบุบนฉลากข้างขวดนั้นถูกต้อง ไม่มีการปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด โดยในวันที่ 7 เม.ย. เวลา 14.00 น. บริษัทจะมีการแจกรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ให้กับผู้โชคดีในแคมเปญ ล้านฝา ล้านรางวัล ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า ซึ่งแคมเปญดังกล่าว บริษัทจัดขึ้นตั้งแต่เดือนก.พ.และจะสิ้นสุด 31 พ.ค.นี้

ส่วนกรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ เอนเทอโรแบคเตอร์ ซากาซากิ (Enterobacter Sakazakii) ซึ่งเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อทารกแรกเกิด - 1 ขวบ โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนด ทารกที่มีภูมิต้านทานต่ำและทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ แต่มีรายงานการติดเชื้อในเด็กและผู้ใหญ่ด้วย ทำให้เกิดโรคสมองและไขสันหลังอักเสบ โลหิตเป็นพิษ ลำไส้และกระเพาะอาหารอักเสบอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยพบเชื้อดังกล่าวในนมผงดัดแปลงสำหรับทารก 3 ยี่ห้อ ได้แก่ 1.นมผงเมจิ เอฟ - เอ็ม/ที ของบริษัท เมจิเอ็มจีซี เดวี ออสเตรียเลีย จำกัด 2.ยี่ห้อแนน 1 ของบริษัท เนสท์เล่ นีเดอร์แลนด์เบ.เว.เนเธอร์แลนด์ จำกัด และ3.ยี่ห้อ ซิมิแลค ดีเอชเอ+เออาร์เอ ของบริษัท แอ็บบอต ลาบอแรดอรี่ส์ เอส เอ. แกรนาดา สเปน จำกัด ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามโครงการศึกษาความเสี่ยงของเชื้อดังกล่าว ในนมผงดัดแปลงสำหรับทารก เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชนไทย ให้บริโภคอาหารปลอดภัย ซึ่งอย.เรียกเก็บนมผงรุ่นที่มีปัญหาออกจากท้องตลาดอย่างเร่งด่วนเพื่อทำลายแล้วนั้น

วันเดียวกัน น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล รมว.สาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า ตนสั่งการให้อย.ดำเนินการอย่างเฉียบขาดแล้ว ซึ่งการตรวจพบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ในนมผงเด็กดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าระบบการเฝ้าระวังป้องกันของกระทรวงสาธารณสุขไทยเป็นไปอย่างเข้มงวดและรวดเร็ว ไม่ใช่รอให้ปัญหาเกิดก่อน จากการตรวจสอบสถานการณ์การเจ็บป่วยของประชาชนในประเทศไทยจากโรคเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังอักเสบ ยังไม่พบการป่วยจากการติดเชื้อเอนเทอโรแบคเตอร์ซากาซากิ แต่อย่างใด

"ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และขอให้มั่นใจระบบการคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภคของกระทรวงสาธารณสุขได้ นมที่พบมีการปนเปื้อนเชื้อได้เก็บออกจากท้องตลาดหมดแล้ว ขอยืนยันว่านมผงทุกยี่ห้อที่วางในท้องตลาดขณะนี้มีความปลอดภัยสามารถบริโภคได้" รมว.สาธารณสุข กล่าว

น.พ.สุชัย กล่าวต่อว่า สินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดที่จะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยนั้น จะต้องผ่านการตรวจสอบตามกฎของกระทรวงสาธารณสุข และต้องมีใบรับรองจากประเทศต้นตอการผลิตซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลในระดับนานาชาติ ขอให้ประชาชนมั่นใจ สธ.จะทำหน้าที่คุ้มครองดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะนี้สธ.มีห้องปฏิบัติการทันสมัยที่ใช้ในการตรวจสอบ หากพบสินค้าใดผิดปกติ หรือมีความปลอดภัยต่ำจะดำเนินการตามกฎหมาย ห้ามวางจำหน่ายอย่างเด็ดขาดและจะแจ้งให้ประชาชนทราบทันที

ด้านบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด หนึ่งในเจ้าของผลิตภัณฑ์นมผงยี่ห้อ NAN 1 ที่ถูกอย.ว่ามีเชื้อจุลินทรีย์เอนเทอโรแบคเตอร์ซากาซากินั้น ส่งแถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่า หลังอย.แจ้งให้ทราบ บริษัทได้ดำเนินการเรียกเก็บผลิตภัณฑ์รุ่นดังกล่าวทันที แต่ยืนยัน NAN 1 ปราศจากเชื้อดังกล่าว มั่นใจปลอดภัยต่อทารกสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงแล้วเชื้อเอนเทอโรแบคเตอร์ ซากาซากินั้น เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่สามารถพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ ทั้งในอาหาร ในน้ำและสภาพแวดล้อมทั้งที่อยู่ในครัวเรือนและโรงพยาบาล หากพบเชื้อนี้ในอาหารสำหรับทารกในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่นานาชาติได้กำหนดไว้ ถือเป็นระดับที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับบริโภค

ทั้งนี้จากการตรวจวิเคราะห์เพื่อควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่เนเธอร์แลนด์ของตัวอย่างในนมผงรุ่นนี้จากสายการผลิตเดียวกัน ก็ไม่มีการตรวจพบเชื้อจุลินทรีย์ดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นบริษัทจึงมีความเชื่อมั่นอย่างสูงถึงผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการที่เนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ในการด้านการตรวจสอบคุณภาพระดับสากล

นอกจากนี้เกณฑ์การตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ของผลิตภัณฑ์นี้ รวมทั้งการตรวจเชื้อจุลินทรีย์เอนเทอโรแบคเตอร์ซากาซากิ ก็เป็นที่ยอมรับและตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้จากหน่วยงานรัฐของไทยและหน่วยงานระดับนานาชาติ เช่น มาตรฐานและข้อบังคับขององค์การอนามัยโลกและสหภาพยุโรป จึงขอให้ความมั่นใจแก่ผู้บริโภคว่า NAN 1 รุ่นดังกล่าว ตลอดจนผลิตภัณฑ์สำหรับทารกสูตรอื่นๆ ของเนสท์เล่มีความปลอดภัยสูงสุดต่อทารกแน่นอน

Re: สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 07, 2005 6:15 pm
โดย ปรัชญา
ปรัชญา เขียน:8) ท่ามกลางความร้อนอบอ้าวของอากาศ
เดือนเมษายน
ฝาหรั่งก็คงก้มหน้า ก้มตา เล่นขาลงต่อ หรือออกแรงดึงนิดๆหน่อยๆ
หุ้นที่ยังก้มหน้าก้มตาไม่ฟังข่าวร้ายวิ่งขึ้นลูกเดียว

ก็คงเป็น พี่เทพ อมตะจริงๆ

แต่ก็มีหุ้นแฟชั่นการตลาด

ระดับเซียน

ที่เจ้าของเก่งด้านประชาสัมพันธ์
ทั้งที่ข่าวร้ายวิ่งเข้าใส่แบบฝุ่นตลบ

ตั้งแต่ กรดเกลือ จนมาถึง มีน้ำตาล

ตบหัวอย่างแรงด้วย คาเฟอีน

ใครจะแก้เกมส์ได้เร็วเท่านี้หายากมาก

เช้าบอกมีคาเฟอีน

พอเที่ยง ทางนี้ไม่มีตัน

ก็อัดด้วยประชาสัมพันธ์ จะแจก 3 ฝา
เท่ากับ 3 ล้านบาท
มันก็เลยกระชากหุ้นให้เขยิบขึ้นได้อีกอย่างกระชุมกระชวย

เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ถนนราชดำเนิน

แจกแน่ๆ 3 ฝา 3 ล้านบาท


โปรดติดตามชมตอนต่อไป (ชมหุ้นแฟชั่น)

ถูกใจผู้ถือหุ้น จิง จิง จ้า :P

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2548







อย.เตือนชาเขียวต้องติดฉลาก "กาเฟอีน"

นายภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยถึงกรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเรียกร้องให้ทางอย. คุมเข้มฉลากเครื่องดื่มชาเขียว โดยกำหนดให้แสดงปริมาณกาเฟอีนและให้ปิดฉลาก ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนตามกฎหมาย ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าที่อย. ลงตรวจสอบว่ามีชาเขียวยี่ห้อใดที่ไม่ปฏิบัติตามที่ได้ขออนุญาตไว้กับทางอย. หากพบว่า มีการทำผิดไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จะต้องดำเนินการ โดยจะพิจารณาเป็นรายๆ ไปและจะเชิญเจ้าของผลิตภัณฑ์ผู้ซักถามว่าเหตุใดจึงไม่ปฏิบัติตามที่อย.กำหนด

สำหรับปริมาณกาเฟอีนในชาเขียวนั้น โดยปกติจะเป็นไปตามธรรมชาติซึ่งไม่สามารถกำหนดปริมาณที่แน่นอนได้ อีกทั้งผู้ผลิตแต่ละรายจะใส่ความเข้มข้นของใบชาแตกต่างกัน ทั้งนี้กฎหมายได้กำหนด ปริมาณสารกาเฟอีนเฉพาะเครื่องดื่มที่ต้องเติมสารกาเฟอีนสังเคราะห์จะต้องไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อขวดบรรจุ

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 07, 2005 7:47 pm
โดย mey
อา....ว่าแล้วน้องโออิชิ มารุ ก็ขึ้นไปวันละบาท 2บาท
สงสัยต้องดื่มชาเขียวไป เล่นน้ำสงกรานต์ไปแบบมีความสุข
:cry: :idea: :cry:

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 07, 2005 10:33 pm
โดย ShexShy
ผมเคยอ่านหนังสือเก่า ๆ เกี่ยวกับการตลาด (ผมจำชื่อไม่ได้แล้วครับ) ในสมัยก่อน จะมีผงซักฟอกยี้ห้อหนึ่ง เขาใช้การแจก ประมาณนี้ล่ะครับ คือ เปิดปุ๊บ ได้รางวัลใหญ่เลย ทำให้มีกระแสตอบรับอย่างมาก ถึงขนาดคนซื้อผงซักฟอกเพียงเพราะรางวัล เท่านั้น แต่โชคร้ายที่พอเวลานานเข้า ยังไม่มีใครได้รางวัล ก็เลยโดนด่ากันทั้งเมือง และยอดขายก็ตกลงมาอย่างมากมายในภายหลัง
พอลองมาเทียบดู ชาเขียว โออิชิ ใช้วิธีการคล้าย ๆ กัน แต่แตกต่างกันที่ มีคนได้รางวัล และมีระยะกำหนดเวลา แต่คำถามที่ตามมา หลังจากนั้น คุณอยากดื่มชาเขียวยี่ห้อ โออิชิหรือเปล่า ถ้า โปรโมชั่นแบบนี้หมด หรือเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น หรือ เวลาคุณไปซื้อน้ำ ที่ร้านค้า ที่มีน้ำหลากหลาย ตั้งแต่น้ำเปล่า ยัน สุรา แล้ว จะซื้ออะไรดื่ม แก้กระหาย
น้ำเปล่า ขวดละ 7-10 บาท, โค้ก - เป็บซี่ กระป๋องล่ะ 13 บาท, ชาเขียว ขวดละ 20 บาท, เบียร์ เย็น ๆ กระป๋องละ 24 - 50 กว่าบาท, น้ำผลไม้ กล่องละ 12 - 18 บาท ETC หรือ ขอน้ำเปล่าเย็น ๆ กินฟรี :mrgreen:

ลองคิดดูครับ ผมว่า ต้องดูมาตรการต่อไป หลังหมด โปรโมชั่นครับ

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 07, 2005 11:40 pm
โดย Jeng
ผมค่อนข้างมั่นใจ และคิดว่า ยุธการแจกเงินแบบนี้ เทียบเท่ากับ ยุธการ ไส้เดือนดิ้นเพื่อผ่านทราย รอดได้ก็ก็ไม่เหลือ เหลือก็ไม่ได้ทำให้รอดได้ต่อไป

แฟนๆ oishi อย่าหาว่าผมอคตินะครับ เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวว่า โครงการนี้ เน่าแน่นอน

เนืองจากคู่แข่งเข้ามามากมาย ในขณะที่ชาเชียวไม่มีรสชาติที่ต้องกินเฉพาะเจาะจง

ลองถามคนดื่มชาดูซิ เคยดื่มชาอะไรที่ขาดไม่ได้ หรือเป็นประเภท นักชิม เวลาคุยกัน ก็โม้ได้ว่า ไม่ว่าอู่หลง จากประเทศไหน หรือ ... จากประเทศไหน ผมก็ชิมมาหมดแล้ว

ผมคิดว่าโดยพฤติกรรมของคนกินชา ชอบเปลี่ยนรสชาติ ไม่เหมือนกับน้ำดำ

ที่ครั้งนึง โค๊กเปลี่ยนสูตร ปรากฎว่า ที่อังกฤษ ลูกค้าเดินขบวนให้กลับไปใช้สูตรเดิม เดินขบวนกันเยอะมากขนาดลงนิตสาร time

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 07, 2005 11:48 pm
โดย nPeak
เคยรู้มาว่ายังไง เค้าก็คุ้มทุนค่ะ คือช่วงที่มีโปรโมชั่น 30 ล้าน เค้าก็ต้องคิดแล้วว่า เป็นต้นทุน แล้วคิดว่า ต้องขายเพิ่มขึ้นถึงเท่าไรแล้ว ถึงกำไร สมมติ ปกติ ขายวันละห้าแสนขวด พอมีโปรโมชั่นยอดขายก็เพิ่มขึ้น เป็นเท่าตัวหรือมากกว่า อยู่ดี ยังไงเค้าก็ยังมีกำไรอยู่ พอหมด โปรโมชั่น ยอดขายลดลงก็จริง แต่ต้องมีคนที่ลองเพราะโปรโมชั่นและอาจมีคนติดเพราะกินอยู่บ่อยๆ เค้าต้องการทำให้สินค้าเค้าติดตลาดมากกว่า

สมมติ เค้าทำให้ติดตลาดสักสองเดือน ยี่ห้ออื่นล่ะ ลงทุนเท่าไรช่วงสองเดือนนั้น ก็ยอดขายหด เงินลงทุนอาจเป็นเงินกู้ ต้องเสียดอก สินค้าต้องค้างสต็อก line การผลิตก็ต้องมีหยุดบ้าง แต่ยังต้องจ้างพนักงานอยู่ดี แหละค่ะ

ยิ่งถ้านานๆ ก็ต้องปิดไป สู้ไม่ได้ เค้าก็เหลือรอดอยู่ ลด คู่แข่งได้

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 08, 2005 12:31 am
โดย วัวแดง
แรงจริงๆ ชาเขียว ต่อไปจะมีน้ำอะไรมาตีอีกล่ะ คิดว่าน้ำผลไม้ 100% อาจฮิตแทนก็ได้ ถ้าราคาถูกกว่านี้

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 08, 2005 9:50 am
โดย ก้อนหิน
วัวแดง เขียน:แรงจริงๆ ชาเขียว ต่อไปจะมีน้ำอะไรมาตีอีกล่ะ คิดว่าน้ำผลไม้ 100% อาจฮิตแทนก็ได้ ถ้าราคาถูกกว่านี้
ผมว่าผมชอบน้ำผลไม้ 100 % มากกว่า ชาเขียวนะครับ แต่ว่าราคามันแพงมากเลยซื้อไม่ไหว ถ้ามันลดราคาลงได้นี่คงพอจะสู้ชาเขียวได้

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 08, 2005 10:26 am
โดย CK
ของผมน้ำผลไม้ 100% อย่างเดียวครับ ตอนนี้

น้ำตาลก็ใช่ว่าน้อย แต่อร่อยกว่า :lol:

ส่วนชา ก็ยังชอบ หลงจิ่งร้อนๆ มากที่สุด ชาเย็นไม่ชอบเลย
ชามันเย็นอยู่แล้ว กินเย็นแล้วยิ่งเย็นเข้าไปใหญ่

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 09, 2005 7:55 am
โดย CupJok
น้ำผลไม้ 100% ประโยชน์น่าจะมากกว่าแต่ราคานี้ซิ :(

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 09, 2005 9:01 am
โดย mey
**...ราคาเป้าหมาย 30-31 อยู่แค่ปลายนิ้ว..** (ราคาปิด 29 บาท 07/04/48 )
แถมมีข่าวดีอุดหนุนลำไยของชาวเหนือจะออกน้ำลำไย เร็วๆนี้
ช่วงนี้คุณตันต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ผ่านราคาเป้าหมายไปก่อน
แล้วคงขอแสดงความยินดีกับผู้ถือหุ้น โดยถ้วนหน้า(หมายถึงจขกท)

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 09, 2005 10:33 am
โดย dingding
พี่ปรัชญาคะ

ข่าวดีให้ขาย ข่าวร้ายให้ซื้อใช่ไหมคะ.......

แล้วตอนนี้ถือเป็นข่าวดีสุดๆหรือยังคะ แหะๆ :oops: :oops:

จะได้เลิกดื่มชาเขียวซะที ไปกินแต่บัพเฟท์ญี่ปุ่นอย่างเดียว :lol:

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 09, 2005 10:51 pm
โดย Roland
กรุงเทพธุรกิจ
วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2548

"โออิชิ" อาสาซื้อลำไยผลิตน้ำ "DI-THAI" ป้อนตลาด
พาณิชย์ถกผู้ซื้อ 8 รายช่วยระบายลำไย-ลิ้นจี่
"โออิชิ" อาสารับซื้อลำไยอบแห้ง 400 ตัน ผลิตน้ำลำไย ยี่ห้อ "DI-THAI" ป้อนตลาด ประกาศคืนส่วนต่างกำไรให้กระทรวงเกษตรฯ หวังนำเงินช่วยเกษตรกร ด้าน "สุดารัตน์" ถก 4 กระทรวงเศรษฐกิจบูรณาการร่วมปรับโครงสร้างสินค้าเกษตร 4 กลุ่ม เพื่อส่งออกสินค้า

นายตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการบริหาร โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการแก้ไขปัญหาลำไยนั้น บริษัทมีแผนที่จะผลิตน้ำลำไยออกจำหน่าย โดยจะเริ่มเดือนมิ.ย.นี้ ดังนั้นบริษัทจะรับซื้อลำไยอบแห้งจากทางภาครัฐล็อตแรกจำนวน 400 ตัน ในราคาที่รัฐกำหนด คาดว่าจะใช้วงเงินลงทุนในการผลิตน้ำลำไยไม่มากนัก เนื่องจากมีเครื่องจักรสำหรับผลิตน้ำดื่มชาเขียวอยู่แล้ว
สำหรับน้ำลำไยที่ผลิตได้จะนำไปจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปที่เป็นตลาดของโออิชิอยู่แล้วในราคาขวดละ 15-20 บาท โดยส่วนต่างของกำไรที่ขายน้ำลำไยได้บริษัทจะมอบให้กระทรวงเกษตรฯ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
นายตัน กล่าวว่า น้ำลำไยที่ผลิตออกจำหน่ายจะอยู่ภายใต้เครื่องหมาย "DI-THAI" ซึ่งมี 3 รส คือ รสต้นตำรับ ผสมใบแปะก๊วย และผสมว่านหางจระเข้ หากพบว่าผลผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับของตลาด บริษัทก็พร้อมที่จะให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ สามารถผลิตน้ำลำไยในรสชาติที่มีอยู่ เนื่องจากบริษัทไม่ต้องการผูกขาดการตลาดเพียงผู้เดียว แต่ต้องการส่งเสริมให้มีการบริโภคสินค้าที่ผลิตจากสินค้าเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไยให้ขายสินค้าได้ราคาสูงๆ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ช่วยเจรจากับผู้นำเข้าลำไยอบแห้งจากประเทศจีน เพื่อขอให้รับซื้อลำไยจากไทยจำนวน 800 ตัน ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)ซึ่งระบุว่าต้องรายงานให้ ครม.ทราบก่อน

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 09, 2005 10:56 pm
โดย ปรัชญา
ติงติง เขียน:พี่ปรัชญาคะ

ข่าวดีให้ขาย ข่าวร้ายให้ซื้อใช่ไหมคะ.......

แล้วตอนนี้ถือเป็นข่าวดีสุดๆหรือยังคะ แหะๆ (น่าจะยังนะ):oops: :oops:
:lol:
ผมตอบไม่ได้ครับ ยังไม่ได้สอบใบนักวิเคราะห์ครับ
ตามแต่สะดวกของแต่ละคนดีกว่าครับ
เดี๋ยว กอลอตอ จะมาเยี่ยมครับ

สาวญี่ปุ่น แจก3ล้านบาท

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 09, 2005 11:01 pm
โดย ปรัชญา
:mrgreen: ผมรออุดหนุนน้ำลำใยผสมแป๊ะก๊วย
เพราะเจ้าแป๊ะก๊วย นี่เขาเรียกว่าต้นไม้ฟอสซิล(ต้นไม้ยุคไดโนเสาร์)
คงช่วยรักษาโรคได้ส่วนหนึ่ง
และน้ำลำใยออกมา รับรองยอดขายถล่มเมือง
ผมและหลายคนไม่ดื่มชา ก็ว่าจะดื่มน้ำลำใยครับ

35 น่าจะได้เห็น อิอิ :mrgreen: :mrgreen:
ขอบคุณ คุณRoland ที่นำข่าวมาให้อ่านครับ :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: