หน้า 1 จากทั้งหมด 1

BAT-3k

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 21, 2005 10:12 am
โดย mustang
สวัสดีครับ พอดีเพิ่งสมัคร นะครับ
เป็นน้องใหม่ พี่ๆมีความเห็นกับหุ้นตัวนี้อย่างไรบ้างครับ

BAT-3k

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 21, 2005 1:45 pm
โดย moo
สวัสดีครับ
บริษัทกำลังขยายกำลังผลิต
และผลิตแบตฯ สำหรับรถโฟคลิฟที่ใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรม
ซึ่งจะเป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศครับ

มัสแตงก็ยังต้องใช้แบตฯ :mrgreen:

BAT-3k

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 21, 2005 1:48 pm
โดย moo
เดี๋ยวรอให้เฮียปรัชญาและพี่ธันวาและพี่ๆมาตอบให้ความรู้ต่อครับ :D

BAT-3k

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 21, 2005 4:28 pm
โดย mustang
ครับกำลังรออยู่เหมือนกันครับ แต่โดยส่วนตัว คิดว่าคอ่นข้างใช้ได้
เพราะว่าตลาด รถยนต์ก็กำลังโตเอาโตเอา และแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานประมาณสองปี นั่นแสดงว่า ยอดขายของ บริษัทนี้ส่วนหนึ่งก็ควรจะแปรผันตามยอดการขายรถยนต์ในประเทศ พี่ๆมีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้างครับ

BAT-3k

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 21, 2005 10:18 pm
โดย ปรัชญา
:o ตลาดแบ๊ตเตอรี่ยังมีอัตราเจริญเติบโตอย่างชัดเจน
เนื่องด้วยรถเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก
อายุแบ๊ตเตอรี่ ต้องเปลี่ยนทุก1-2ปี
และเหมือนการผูกขาดทีเดียว มีเพียงไม่กี่ยี่ห้อ
ขณะเดียวกัน แผงความร้อนแสงอาทิตย์
พวกโซล่าเซลล์+โซล่าตรอน ก็ต้องใช้แบ๊ตเตอรี่เก็บไฟ
แบ๊ตเตอรี่จึงจำเป็นกว่าอะไหล่รถอย่างอื่น
จะมีอัตราการเติบโตค่อนข้างแน่นอนมั่นคงพอควร
อาจจะไม่หวือหวา แต่ก็โตได้10-20% ต่อปี

---------------------------------------------------------------

BAT-3k

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 21, 2005 10:57 pm
โดย เพื่อนพูห์
หุ้นความเสี่ยงสูง อย่าซื้อเด็ดขาด! ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ ถ้าซื้อราคาจะลงทุกวันๆ แต่ถ้าไม่ซื้อราคาจะวิ่งขึ้นเอาๆ :mrgreen:

BAT-3k

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 22, 2005 7:56 am
โดย mustang
ขอบคุณพี่ปรัชญามากครับ ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันเลยครับ
ดูจากราคาแล้วก็ยังน่าสนใจด้วยนะครับ และแนวโน้มยอดขายก็คงจะมากขึ้น
ตามปริมาณ การขายรถด้วยนะครับ และตัว product ก็ไม่ใช่ขายแล้วขายเลย
จำเป็นจะต้องซื้อใหม่ทุก สองปี ไม่ว่าจะขับรถหรือไม่ขับก็ตาม
แต่ที่อาจจะกังวลอยู่บ้างคงเป็นเรื่อง ของวัตถุดิบหลักที่นำมาผลิต ต้องใช้ตะกั่ว
เป็นหลัก พี่ปรัชญามีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
:lol:

BAT-3k

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 22, 2005 2:31 pm
โดย ปรัชญา
เรื่องต้นทุนที่สูงขึ้น คือปัญหาเดิมๆครับ
เมื่อถึงจุด จุดหนึ่งผู้บริโภคก็ต้องเป็นผู้จ่าย
เพราะบริษัทผู้ผลิตก็จะโยนมาให้รับ จะเต็มใจไม่เต็มใจก้รับไป

สำคัญอยู่ที่แบรนด์แข็งแกร่ง แค่ไหน
มีคู่แข่งมากไหม
ทำตลาดได้ดีแค่ไหน
ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์แค่ไหน(ปรับปรุงการผลิตจนถึงลดต้นทุน)
แนวโน้มอุตสาหกรรม จะไปทิศทางใด

ต้องช่วยผมคิดหน่อย ผมคิดได้แค่นี้ :mrgreen:

BAT-3k

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 22, 2005 5:19 pm
โดย mustang
พี่ปรัชญาครับ โดยส่วนตัวถ้า คิดว่า เรื่องต้นทุนการผลิตนี่น่าจะโดนเหมือนกันหมดนะครับ ทั้ง GS ,3 K และอื่นๆ แต่ผมวิเคราะห์ว่า ยังไงก็ต้องผลักภาระมาให้ผู้บริโภคเหมือนที่พี่ว่า และก็ผู้บริโภคก็ปฎิเสธไม่ได้เสียด้วยเพราะคุณซื้อรถมาแล้วคุณไม่เปลี่ยน แบตคุณก็ไปไมไหนไม่ได้ ถ้าขึ้นราคาก็คงขึ้นหมด ทีนี้ ดูจากยอดการผลิตรถยนต์ และ แนวโน้มการลงทุนใน โรงงานประกอบรถยนต์ในไทย ของทุกยี่ห้อ ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง ว่ายังไงยอดขายก็ต้องโตตามกันแน่นอน ( ถ้ามองเฉพาะประเด็นนี้นะครับ )
พี่คิดว่าไงบ้างครับ

BAT-3k

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 22, 2005 5:43 pm
โดย ForrestGump
GS ที่ Mkt Share อันดับหนึ่ง เป็นหนึ่งในกิจการของ KPN ป่าวครับ

BAT-3k

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 22, 2005 6:03 pm
โดย เพื่อนพูห์
มีใครใช้รถญี่ปุ่นบ้างครับ ได้สังเกตหรือไม่ว่าแบตเตอรี่ที่มากับรถยี่ห้ออะไร? อ่านใน F56-1 ของ BAT-3K ระบุไว้ว่าไม่สามารถเจาะตลาด OEM โรงงานประกอบรถญี่ปุ่นได้ เลยสงสัยนะครับ ว่าเป็นยี่ห้ออะไร นำเข้าจากต่างประเทศรึเปล่า?

ปล. รถผมใช้ GS อายุ 2.5 ปีแล้ว ไฟยังแรง จะลองทดสอบการใช้เกินอายุการใช้งานสักหน่อย ถ้าลูกนี้พัง จะลองใส่ BAT-3K :mrgreen:

BAT-3k

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 22, 2005 10:26 pm
โดย ปรัชญา
mustang เขียน:พี่ปรัชญาครับ โดยส่วนตัวถ้า คิดว่า เรื่องต้นทุนการผลิตนี่น่าจะโดนเหมือนกันหมดนะครับ ทั้ง GS ,3 K และอื่นๆ แต่ผมวิเคราะห์ว่า ยังไงก็ต้องผลักภาระมาให้ผู้บริโภคเหมือนที่พี่ว่า และก็ผู้บริโภคก็ปฎิเสธไม่ได้เสียด้วยเพราะคุณซื้อรถมาแล้วคุณไม่เปลี่ยน แบตคุณก็ไปไมไหนไม่ได้ ถ้าขึ้นราคาก็คงขึ้นหมด ทีนี้ ดูจากยอดการผลิตรถยนต์ และ แนวโน้มการลงทุนใน โรงงานประกอบรถยนต์ในไทย ของทุกยี่ห้อ ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง ว่ายังไงยอดขายก็ต้องโตตามกันแน่นอน ( ถ้ามองเฉพาะประเด็นนี้นะครับ )
พี่คิดว่าไงบ้างครับ
ไม่ได้ถือหุ้นนี้ครับ
ธุรกิจหลัก/ผลิตภัณฑ์หลัก

บริษัทดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมถึงเครื่องยนต์ต่าง ๆ ที่ต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศจะใช้ชื่อยี่ห้อ 3K และที่จำหน่ายในต่างประเทศจะใช้ชื่อยี่ห้อ 3K และ KV ผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ของบริษัทเป็นชนิดตะกั่วกรด (Dry-Charged Battery) ใช้ได้ทันทีหลังจากเติมน้ำกรดมี 2 ชนิดคือ ชนิดเปลือกพลาสติก และเปลือกดำยางแข็ง ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไทย นอกจากนี้บริษัทยังได้ทำการผลิตตามแบบมาตรฐานญี่ปุ่น (JIS) มาตรฐานเยอรมัน (DIN) มาตรฐานอเมริกัน (SAF) และมาตรฐาน IEC โดยทั่วไปอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ใช้ในประเทศไทยจะมีอายุ โดยเฉลี่ยประมาณ 2 ปี
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เป็นการจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ ที่เหลือร้อยละ 10 เป็นแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ : ต่างประเทศ เท่ากับ 55 : 45 ทั้งนี้บริษัทจะใช้กลยุทธ์ด้านคุณภาพและราคาเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นตลาดทดแทน (Replacement)ส่วนตลาดรถใหม่ (OEM) บริษัทมีลูกค้า คือ บริษัทรถบัสอีซูซุ เพียงรายเดียว อย่างไรก็ตามบริษัทมีนโยบายที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังตลาดรถใหม่ให้มากขึ้น

การจำหน่ายและช่องทางการจำหน่าย การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศทั้งหมด บริษัทจำหน่ายผ่านบริษัทผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด (บริษัทถือหุ้นร้อยละ 100) โดยบริษัทผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด ใช้ระบบการจำหน่ายโดยผ่านการจัดจำหน่ายตรงต่อร้านค้าประมาณร้อยละ 40 ของมูลค่าการจำหน่าย และที่เหลืออีกร้อยละ 60 ขายผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่ประมาณ 400 แห่ง
สำหรับการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศนั้น โดยประมาณร้อยละ 55 ของมูลค่าการจำหน่ายทำการขายตรงต่อลูกค้าและอีกประมาณร้อยละ 45 ขายผ่านตัวแทนค้าต่าง ๆ สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทจะอยู่ในประเทศจีน เวียดนาม พม่า เขมร ฮ่องกง ไต้หวัน กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อเมริกา เป็นต้น

BAT-3k

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 24, 2005 1:53 am
โดย moo
ขอบคุณข้อมูลเฮียปรัชญาที่แน่นปึ้กมากครับ :D

BAT-3k

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 24, 2005 3:59 am
โดย woody
ที่บ้านพึ่งเปลี่ยนแบตไปลูก เห็นว่ากลับมาเป็น Bat-3k ผมเลยถามคุณพ่อว่าทำไมถึงเลือกยี่ห้อนี้ เค้าบอกว่าร้านแนะนำ ผมเลยสงสัยว่าโดยทั่วไปถ้าพวกเราไปที่ร้านแบตแล้วเค้าจะเชียร์ให้ลูกค้าเปลี่ยนเป็นยี่ห้ออะไรกัน

ปล ตลาด Replacement จะมี Margin ดีกว่า ตลาด OEM ครับ แต่ถ้าได้ตลาด OEM เพิ่มผมก็ชอบ ฮิฮิ

:P

BAT-3k

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 24, 2005 4:02 am
โดย woody
อ้อ เกือบลืม อีกอย่างเวลาคนซื้อแบตเค้าจะสนยี่ห้อกันขนาดไหนครับ ผมอยากรู้จริงๆ เนื่องจากมันเป็นสินค้าที่ไม่ต้องเอาไว้โชว์ Brand Equity จะมีอิทธิพลมากถึงขนาดไหน :wink:

BAT-3k

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 24, 2005 4:44 am
โดย ปรัชญา
ส่วนแบ่งการตลาดของแบ๊ตเตอรี่ ในเมืองไทย
เท่าที่บริษัทวิจัยทำตลาดออกมา

อันดับ 1. เป็น GS ในตลาดรถยนต์
เพราะรถออกใหม่ใส่มาให้ผู้ซื้อ

อันดับ 2. เป็น Bat-3K ในตลาดรถยนต์
เอเย่นต์คนขายเชียร์
ได้เปอร์เซ็นต์30-50%.ในการขายแต่ละพื้นที่ ดีพอสมควร

อันดับต่อมาในตลาดรถยนต์ก็ FB

ส่วนตลาดรถมอเตอร์ไซด์ ยัวซ่ายังมาเป็นอันดับ ต้นๆ

หากคนถือหุ้นแบ๊ต 3-K
คงต้องหวังกับรถยนต์เก่า แต่รถยนต์ใหม่ที่จดทะเบียนเพิ่มขึ้น
อย่างใน กทม.ตัวเลขเพิ่มขึ้น เดือนละประมาณเฉลี่ย800คัน
ในช่วงปลายปี47และต้นปี48
อีก2-3ปีข้างหน้า ต้องเปลี่ยนแบ๊ต
3-K ก็จะขยายฐานได้มากขึ้น
เป้าหมายการเจริญเติบโต ปี48 กำไรต่อหุ้นน่าจะอยู่11-12บาท/หุ้น
ถ้าปันผลระดับเดิม ควรจะได้ปันผล3-4บาท
แบ๊ตเตอรี่ ที่ล่าสุดผลิตกันออกมาแบบไม่เติมน้ำกลั่น
ก็ช่วยขยายตลาดได้อีกช่องทางหนึ่ง


เป็นหุ้นถือระยะยาวสำหรับรับเงินปันผล
ไม่เหมาะกับการเก็งกำไร

(ผู้เขียนยังไม่ได้มีใบนักวิเคราะห์ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณ)

โดย บ้านเมืองออนไลน์ : [email protected] เมื่อเวลา 9:53:00 วันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2548

ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกทะลุกว่า 1.6 แสนคัน

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ด้วยปริมาณการขาย 67,554 คัน เพิ่มขึ้น 24.1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 15,095 คัน ลดลง 22.9%, รถเพื่อการพาณิชย์ 52,459 คัน เพิ่มขึ้นถึง 50.5% รวมทั้งรถกระบะขนาด 1 คัน ในเซกเมนต์นี้ จำนวน 47,078 คัน เพิ่มขึ้นถึง 51.9% ส่งผลให้การขายรถยนต์ไตรมาสแรกของปีนี้ มีประมาณทั้งสิ้น 166,486 คัน เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 42,456 คัน ลดลง 19% รถเพื่อการพาณิชย์ 124,030 คัน เพิ่มขึ้น 30.3% รวมทั้งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนต์นี้ จำนวน 112,803 คัน เพิ่มขึ้น 33.1%

ยอดจำหน่ายรถยนต์ ประจำเดือนมีนาคม
1.ตลาดรถยนต์รวม ขาย 67,554 คัน เพิ่มขึ้น 24.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 อันดับ 1 โตโยต้า 27,229 คัน เพิ่มขึ้น 38.2% ส่วนแบ่งตลาด 40.3% อันดับ 2 อีซูซุ 16,722 คัน เพิ่มขึ้น 23.5% ส่วนแบ่งตลาด 24.8% และ อันดับ 3 มิตซูบิชิ 6,212 คัน เพิ่มขึ้น 182.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ขาย 15,095 คัน ลดลง 22.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 อันดับ 1 โตโยต้า 8,820 คัน ลดลง 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 58.4% อันดับ 2 ฮอนด้า 2,388 คัน ลดลง 68.6% ส่วนแบ่งตลาด 15.8% และ อันดับ 3 มิตซูบิชิ 882 คัน เพิ่มขึ้น 179.1% ส่วนแบ่งตลาด 5.8%

3.ตลาดรถกระบะขนาด 1 คัน ขาย 47,078 คัน เพิ่มขึ้น 51.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 อันดับ 1 โตโยต้า 17,148 คัน เพิ่มขึ้น 71.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.4% อันดับ 2 อีซูซุ 15,572 คัน เพิ่มขึ้น 21.8% ส่วนแบ่งตลาด 33.1% และ อันดับ 3 มิตซูบิชิ 5,012 คัน เพิ่มขึ้น 187.1% ส่วนแบ่งตลาด 10.6%

4.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ขาย 52,459 คัน เพิ่มขึ้น 50.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 อันดับ 1 โตโยต้า 18,409 คัน เพิ่มขึ้น 70.9% ส่วนแบ่งตลาด 35.1% อันดับ 2 อีซูซุ 16,722 คัน เพิ่มขึ้น 23.5% ส่วนแบ่งตลาด 31.9% และอันดับ 3 มิตซูบิชิ 5,330% เพิ่มขึ้น 183.2% ส่วนแบ่งตลาด 10.2%

ยอดจำหน่ายรถยนต์ไตรมาสแรก ประจำปี 2548
1.ตลาดรถยนต์รวม ขาย 166,486 คัน เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 อันดับ 1 โตโยต้า 65,757 คัน เพิ่มขึ้น 19.7% ส่วนแบ่งตลาด 39.5% อันดับ 2 อีซูซุ 43,187 คัน เพิ่มขึ้น 18.4% ส่วนแบ่งตลาด 25.9% และอันดับ 3 มิตซูบิชิ 12,361 คัน เพิ่มขึ้น 56.6% ส่วนแบ่งตลาด 7.4%
2.ตลาดรถยนต์นั่ง ขาย 42,456 คัน ลดลง 19.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 อันดับ 1 โตโยต้า 22,756 คัน ลดลง 10.1% ส่วนแบ่งตลาด 53.6% อันดับ 2 ฮอนด้า 9,891 คัน ลดลง 46.6% ส่วนแบ่งตลาด 23.3% และ อันดับ 3 มิตซูบิชิ 2,308 คัน เพิ่มขึ้น 109.2% ส่วนแบ่งตลาด 5.4%

3.ตลาดรถกระบะขนาด 1 คัน ขาย 112,803 คัน เพิ่มขึ้น 33.1% เมื่อเทียบกับช่วยเดียวกันของปี 2547 อันดับ 1 โตโยต้า 41,204 คัน เพิ่มขึ้น 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 36.5% อันดับ 2 อีซูซุ 40,496 คัน เพิ่มขึ้น 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 35.9% และอันดับ 3 มิตซูบิชิ 9,481 คัน เพิ่มขึ้น 48.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.4%

4.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ตัวเลขการขาย 124,030 คัน เพิ่มขึ้น 30.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 อันดับ 1 อีซูซุ 43,187 คัน เพิ่มขึ้น 18.4% ส่วนแบ่งตลาด 34.8% อันดับ 2 โตโยต้า 43,001 คัน เพิ่มขึ้น 45.3% ส่วนแบ่งตลาด 34.7% และอันดับ 3 มิตซูบิชิ 10,053 คัน เพิ่มขึ้น 48.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%