Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คิดยังไงกับคํานี้ครับ ..................

หุ้นไม่ดี จะกลายเป็น

ไม่ขาย ไม่ขาดทุน = ไม่ขาย อย่าหวังจะได้ทุนคืนค่ะ (ติดจนแก่หงั่ก)

ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ คุณโลโซ ได้ยินเพื่อนนักลงทุนหลายคนพูด ด้วยความที่ว่าทำใจกับขาดทุนที่มากเกินไปไม่ได้ จึงเอาประโยคนี้ไว้ปลอบตัวเอง

จากมุมมองเชิงตรรก

กำหนดให้ P คือ ขาย , Q คือ ขาดทุน

ไม่ขาย ไม่ขาดทุน (~P -> ~Q)
จะเป็นเท็จกรณีเดียวคือ ~P = True และ ~Q = False
ซึ่งก็คือ คุณไม่ขายแล้วขาดทุน

ฉะนั้นถ้า คุณขาย แล้วขาดทุน เท่าทุน หรือกำไร ข้อความข้างต้นก็ยังถูกต้องเสมอ


จากมุมมองความหมาย

ขาดทุน แปลว่า ได้น้อยกว่าต้นทุน (พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๒๘)

การที่เราซื้อหุ้น เรายินยอมที่จะเปลี่ยนสินทรัพย์จากเงินสดจำนวนหนึ่งไปเป็นหุ้นจำนวนหนึ่ง ซึ่งถ้ายังไม่ขาย จำนวนหุ้นก็ยังเท่าเดิม จะถือว่าขาดทุน (ได้น้อยกว่าต้นทุน) ได้อย่างไรในเมื่อเรายินยอมที่จะเปลี่ยนสภาพจากเงินสดเป็นหุ้นตั้งแต่แรก และจำนวนหุ้นก็ไม่ได้ลดลง

เคยคิดอย่างนี้เหมือนกันครับ รู้สึกโง่มากเพราะสุดท้ายผลประกอบการณ์ก็ไม่ดีจริงๆด้วย แล้วหุ้นก็ร่วงลงๆ สุดท้ายก็ขาย และ ขาดทุนมากกว่าเดิมอ่ะ

ถ้ามันไม่ดี ก็ขายดีกว่า

ถ้ามีจุดที่เรามั่นใจและตรวจสม่ำเสมอก็ยังมั่นใจ
ฟังเรื่องราวเหตุผลค้านหมดแล้ว ก็ยังมั่นใจ
ไม่ขายไม่ขาดทุน ก็ดีครับ

ถ้าอะไรๆก็เหมือนเดิม เพียงราคาลง แล้วเราก็มีอารมณ์อยากขาย
ก็ดูไม่มีเหตุมีผล
เปรียบบ้านเช่าเป็นหุ้น ซื้อมาแล้ว กำลังจะได้ค่าเช่าอยู่ดีๆ เห็นข้างบ้าน
ละแวกนั้นซื้อขายกันถูกกว่าที่เราซื้อมา ก็พาลอยากขายทิ้งซะงั้นละ

เก็งกำไรว่าอย่าง เพราะเราซื้อจากเหตุผลคาดราคาขึ้น แต่ราคาลงก็ขาย
มีเหตุมีผลดี

จากมุมมองเชิงตรรก

กำหนดให้ P คือ ขาย , Q คือ ขาดทุน

ไม่ขาย ไม่ขาดทุน (~P -> ~Q)
จะเป็นเท็จกรณีเดียวคือ ~P = True และ ~Q = False
ซึ่งก็คือ คุณไม่ขายแล้วขาดทุน

ฉะนั้นถ้า คุณขาย แล้วขาดทุน เท่าทุน หรือกำไร ข้อความข้างต้นก็ยังถูกต้องเสมอ


จากมุมมองความหมาย

ขาดทุน แปลว่า ได้น้อยกว่าต้นทุน (พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๒๘)

การที่เราซื้อหุ้น เรายินยอมที่จะเปลี่ยนสินทรัพย์จากเงินสดจำนวนหนึ่งไปเป็นหุ้นจำนวนหนึ่ง ซึ่งถ้ายังไม่ขาย จำนวนหุ้นก็ยังเท่าเดิม จะถือว่าขาดทุน (ได้น้อยกว่าต้นทุน) ได้อย่างไรในเมื่อเรายินยอมที่จะเปลี่ยนสภาพจากเงินสดเป็นหุ้นตั้งแต่แรก และจำนวนหุ้นก็ไม่ได้ลดลง

ถูกต้องที่สุดครับ สัจจะนิรันดิ์



ผมกล่าว ใน สมมติฐานที่ว่า

1 ในระยะยาวแล้ว เศรษฐกิจ จะต้องเจริญเติบโต

2 คนดีมีมากกว่าคนไม่ดี

DSM ไง
ต้องขายครับ แต่มีข้อแม้ตัองซื้อคืนกลับให้ได้

แนวคิด DSM มันอยู่ที่การคิด คิดได้โอเคเลย คุณจะกล้าขาย

คุณไม่ขาย ในพอร์ตก็ขาดทุนในขณะนั้นอยู่แล้ว

การขายตามตลาด จะเป็นการยอมรับความจริงที่ดีกว่า (ตรงนี่คิดได้ จะกล้าขาย)

ผมเคยถือ SITCA อยู่ ...
ครับไม่ขายไม่ขาดทุน แต่อาจไม่ไ้ด้ทุนคืน
หายไปกับการปิด 54 ไฟแนนส์
เหลือใบหุ้นให้ดูต่างหน้า 1 ใบ

หากบริษัทล้มละลาย ถึงไม่ขายก็ขาดทุนได้ครับ

องุ่นเปรี้ยวครับ...

แม่ค้าขายข้าวแกงขายไม่ออกแต่ก็ไม่ยอมลดราคา บอกไม่ขายไม่ขาดทุน

สุดท้ายเหลือแต่แกงบูด

เห็นด้วยครับ เพราะก่อนซื้อหุ้นก็คิดว่าบริษัทที่เราลงทุนคงไม่เจ๊งภายใน 5 ปีแน่

ขึ้นกับหุ้น ขึ้นกับบริษัท
ถ้าเราซื้อบริษัทที่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงกันบ่อยๆ หรือเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ
แล้วจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แล้วเราก็เลือกแล้ว ว่าราคาที่เข้าซื้อ มันไม่ได้แพง
(เรียกว่าบริษัทชั้นดี ถึงดีเยี่ยม ที่ราคายุติธรรม) แล้วจะกลัวอะไร

ธุรกิจอาจจะมีรอบของมันบ้าง เพียงแต่ให้มั่นใจว่า ในรอบแย่ของมัน ก็ยังจ่ายปันผลได้
แล้วเมื่อราคาลดลง ผมก็คงเอาปันผลของมันนั่นแหละ มาซื้อตัวมันเอง ทำอย่างนี้ไป
เรื่อยๆ พอถึงรอบขึ้น ก็รับไม่ไหวแล้ว

แต่..
ถ้าเป็นบริษัทที่ล้มลุกคลุกคลาน วัฏจักรน่ากลัว ยามดี p/e ห้าหก ยามร้าย ขาดทุนปี้ป่น
แบบนี้ไม่ไหวเหมือนกัน คำว่าไม่ขาย ไม่ขาดทุนก็อาจจะเป็นจริง เพียงแต่ไม่ได้ทุนคืน
มาเท่านั้นเอง อาจจะรอนานหน่อย หรืออาจจะไม่ได้เลย งานนี้ ตัวใครก็ตัวมันเถิดครับ
ผมไม่ถนัดบริษัทแบบนั้นเสียด้วย

ผมว่า คิดอย่างนี้ตายๆๆ สุดโต่งเกินไป ยึดติดแต่ต้นทุนของเงิน แต่ไม่มองต้นทุนทางเวลา ในระหว่างที่รอมันขึ้นทำอะไรได้ตั้งเยอะ
ถ้าเมื่อไรเล่นหุ้นโดยหวังว่าซื้อมาเท่าไรต้องขายให้ได้มากกว่ากว่าที่ซื้อเท่านั้น ผมว่ารอดยาก
คนที่รวยหุ้นผมเห็นส่วนใหญ่หาจังหวะเก่ง มองโอกาสออก รู้ตัวเร็ว

คนที่บริหารต้นทุนเรื่องเวลาได้มีประสิทธิภาพนี่หาได้น้อยครับ

ผมเองก็มีปัญหาตรงนี้ เลือกหุ้นได้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่ารอนานไปที่จะได้กำไร

ลึก ๆ ยังคิดอยู่ว่าทำได้ดีกว่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถ ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่ไม่มีเวลาแล้วนี่สิ แย่จัง!

อนาคตอาจต้องเลิกเล่นหุ้นด้วยซ้ำ ไปทำงานประจำให้มีอนาคตโชติช่วงชัชวาลย์ดีกว่าเยอะ

แต่ถ้าผมเลิกทำงาน เกษียณเมื่อไหร่และยังไม่เป็นอัลไซเม่ือร์ซะก่อน ผมคงเพลิดเพลินกับตลาดหุ้นได้มาก ๆ เลย (คิดฝันไปโน่น)

โอ๊ย บ่นอะไรไปกัน..เรา? เข้าเรื่องไม่ขายไม่ขาดทุน มันขึ้นกับหุ้นครับว่าพื้นฐานและอนาคตเป็นอย่างไร ซื้อมาที่ราคาเท่าไหร่? บางตัวก็น่าขาย บางตัวก็ไม่ขาย เป็นตัว ๆ ไปครับ

ดึงกลับขึ้นมาครับ

ขาดทุนจริง ...................

ขาดทุนทางบัญชี ..................

ขาดทุนทางอารมณ์ ความรู้สึก ...............

ทุกคนเข้าใจครับว่ามันไม่จริง แต่ก็ขอยืมพูดปลอบใจตัวเองในบางครั้ง

เข้ามาเห็น ด้วย

ยืนยัน...เป็นเพียง คำปลอบใจ จริงๆ

โดนมากับตัว เจ็บแล้ว จำไว้เถอะ ...อย่าหลอกตัวเอง

บางทีการขาย ( เพื่อ cut loss ) จะทำให้ขาดทุนหนักขึ้น

เพราะโดยจิตวิทยา คนชอบหลอกตัวเอง

ผลคือขายแล้วแกล้งลืม

จะนำไปสู่ความไม่สามารถนำความผิดพลาดในอดีตมาช่วยให้ความผิดพลาดในปัจจุบันลดน้อยลง

ด้วยเหตุนี้แหละ berkshire ซึ่งวอเรนลงทุนแล้วขาดทุน ก็เลยไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ ซักกะที

อาการเดียวกับแบงก์ที่รู้อยู่แก่ใจว่าหนี้ลูกค้าเน่าไปแล้ว แต่ไม่ฟ้องร้อง เพราะไม่อยากโชว์ NPL มากขึ้น ก็เลยคาราคาซังเอาไว้ ปล่อยให้เน่าลงไปเรื่อยๆ

หลอกตัวเอง

มือเก่าหัดขับ เขียน:ขึ้นกับหุ้น ขึ้นกับบริษัท
ถ้าเราซื้อบริษัทที่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงกันบ่อยๆ หรือเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ
แล้วจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แล้วเราก็เลือกแล้ว ว่าราคาที่เข้าซื้อ มันไม่ได้แพง
(เรียกว่าบริษัทชั้นดี ถึงดีเยี่ยม ที่ราคายุติธรรม) แล้วจะกลัวอะไร

ธุรกิจอาจจะมีรอบของมันบ้าง เพียงแต่ให้มั่นใจว่า ในรอบแย่ของมัน ก็ยังจ่ายปันผลได้
แล้วเมื่อราคาลดลง ผมก็คงเอาปันผลของมันนั่นแหละ มาซื้อตัวมันเอง ทำอย่างนี้ไป
เรื่อยๆ พอถึงรอบขึ้น ก็รับไม่ไหวแล้ว

แต่..
ถ้าเป็นบริษัทที่ล้มลุกคลุกคลาน วัฏจักรน่ากลัว ยามดี p/e ห้าหก ยามร้าย ขาดทุนปี้ป่น
แบบนี้ไม่ไหวเหมือนกัน คำว่าไม่ขาย ไม่ขาดทุนก็อาจจะเป็นจริง เพียงแต่ไม่ได้ทุนคืน
มาเท่านั้นเอง อาจจะรอนานหน่อย หรืออาจจะไม่ได้เลย งานนี้ ตัวใครก็ตัวมันเถิดครับ
ผมไม่ถนัดบริษัทแบบนั้นเสียด้วย

เห็นด้วยครับ
ถ้าหุ้นมีอนาคตผลประกอบการดีก็ทน ๆ ถือไป
ถ้าไม่ดีไม่มีอนาคตก็ cutloss
แต่มันจะมีปัญหาพวกหุ้นครึ่ง ๆ กลาง ๆ
นี้ก็ต้องตัดสินใจเองครับ

ตลาดหมี ให้ท่องว่า ไม่ซื้อ.... ไม่ขาดทุน
ตลาดกระทิง ให้ท่องว่า ไม่ขาย... ไม่กำไร
ตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์ -> กูว่าแล้วว่าท่องผิดจนได้

ตลาดหมี ให้จำศีล เหมือนหมี

ตลาดกระทิง ให้คึกเหมือนกระทิงหนุ่มที่ตื่นมาในฮาเร็ม

เจอแต่ฉาวๆ

Jeng เขียน:ตลาดหมี ให้จำศีล เหมือนหมี

ตลาดกระทิง ให้คึกเหมือนกระทิงหนุ่มที่ตื่นมาในฮาเร็ม

เจอแต่ฉาวๆ

แล้วทำอย่างไรถึงจะรู้ได้ครับพี่ Jeng

แต่ถ้าคัตบ่อยๆติดๆกัน ก็หมดตัวได้นะ   ทั้งค่าคอมมิชชั่นอีก

ไม่ขายไม่ขาดทุนก็แล้วแต่จะอ้างเหตุผลประกอบ

แต่บางคนหมดทุนต้องการขาย
เพราะเห็นหุ้นอีกตัวกำลังมีอนาคต
ก็เลยจะเปลี่ยนตัว  เปลี่ยนม้าขี่

ไม่ขายไม่ขาดทุน
เพราะทำใจรับสภาพไม่ได้
กลัวภรรยาบ่น  กลัวสามีบ่น
เลยบอกว่าเดี๋ยวมันก็ขึ้นมาแล้วค่อยขาย
แต่ไม่ยอมทำการบ้านหุ้นที่ถือ
มีโอกาส  หมด  เหมียนกัน

และยังมีอีกหลายวิธีคิด  วิธีปฎิบัติ  อิอิ

ไม่เชื่อครับ

เชื่อครับ