หน้า 1 จากทั้งหมด 1
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 25, 2005 9:30 pm
โดย LOSO
55
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 25, 2005 9:32 pm
โดย Stock Broker
คงเหตุผลเดียวกับกลุ่มสื่อสาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ตอนนี้มั้งครับ 8)
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 25, 2005 9:40 pm
โดย woody
ข่าว และ อารมณ์พาไป.....ผมว่า....แต่ตอนนี้รู้สึกอารมณ์จะพาลากลงมา ฮิฮิ
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 25, 2005 9:41 pm
โดย โป้ง
คือว่า เรามองสินทรัพย์ ด้านลิขสิทธิ์ทางปัญญาในลักษณะไหน
ถ้าเห็นว่าไม่มูลค่า จับต้องไม่ได้ p/e ก็ไม่ควรเกิน 5
เอาง่ายๆนะครับ เพลงดังในยุค 70s เพลงของสี่เต่าทอง เพลงhappy birthday หรือ หนังดังๆ อย่าง สตาร์วอร์ , เจมบอน 007 หรือแม้กระทั้งอุลตร้าแมน ท่านคิดว่ามูลค่าของสิ่งเหล่านี้ เมื่อผ่านกาลเวลา ยังมีมูลค่าอยู่เท่าไหร่
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 25, 2005 9:45 pm
โดย harry
บางบริษัทแพง บางบริษัทพอดีๆ บางบริษัทถูก
ดูเป็นตัวๆครับ
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 25, 2005 9:45 pm
โดย ปรัชญา
แต่ละบริษัท มีคนเล่าว่า......
ผลิตถูกกฏหมายบ้าง หลีกเลี่ยงบ้าง
ถึงจะเรื่องค่าลิขสิทธิ์ ก็ยังขายกินกัน
คนจับพวกทนาย ซื้อใบมอบอำนาจจากบริษัทมา
ไปซื้อหมายจับหมายค้นมา
ออกจับ ประนีประนอมยอมความที่โรงพัก5หมื่นบาท
แต่สมัยนี้ คนขายยอมขึ้นศาล
จ่ายบนศาล หมื่นก่าบาท
ผมเลยไม่มีหุ้นกลุ่มบันเทิงเลย
อ้อ...มีสนามกอล์ฟอยู่กระติ๊ดนึง
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 25, 2005 10:09 pm
โดย chatchai
มี ดร.คนหนึ่ง เชี่ยวชาญธุรกิจกลุ่มนี้เป็นพิเศษ มักเป็นผู้นำบริษัทที่ทำธุรกิจนี้เข้าตลาด สร้างมาตรฐาน P/E ของกลุ่มนี้ที่ภูเขาสูงครับ โดยอ้างถึงอัตราการเติบโตของกำไร วันเวลาผ่านไปกำไรก็ยังคงมีอัตราเติบโตเตี้ยติดดิน แถมบางบริษัทพลิกจากกำไรเป็นขาดทุนหลังเข้าตลาดซะอีก (ไม่รู้เป็นการปล้นเงินนักลงทุนหรือเปล่า) แต่นักลงทุนไม่เคยดูอดีต หรือมักให้โอกาสแก้ตัวเป็นเวลานาน
ในตลาดยังมีอุตสาหกรรมทองคำแบบกลุ่มบันเทิงอีกหรือไม่
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 25, 2005 11:18 pm
โดย วัวแดง
ผมเคยมองสิ่งที่มองไม่เห็นในช่อง3 มาแล้ว......
มองไปมองมา ก็ยังไม่เห็นอยู่ดี เลยขายออกมาหมดแล้ว..........
88
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 26, 2005 12:36 am
โดย Invisible hand
ดร. ที่คุณ chatchai พูดถึง มีแผนจะเอาหุ้นกลุ่มบันเทิงเข้ามาอีก 1 ตัวเสียด้วยสิครับ ha ha
88
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 26, 2005 7:48 am
โดย โป้ง
ใครเชี่ยวธุรกิจตัวไหนมีความรู้ในตัวนั้นดี ก็จะมองธุรกิจตัวนั้นออก
เทปผี cd เถื่อน ถ้าเป็นลิขสิทธิ์ไทย การละเมิดในปัจจุบันถือว่าควบคุมเป็นที่น่าพอใจแล้วครับ อีกทั้งราคาก็ไม่ได้แพงกว่ากันมาก แต่จะได้คุณภาพที่ดีกว่า (การละเมิดที่มีมากส่วนใหญ่เป็นของต่างประเทศ เนื่องจากราคา product ที่สูงกว่ามาก) มีบริษัทรับตรวจจับการละเมิดลิขสิทธิ์ มีหมายค้นจากศาล
ปัญหาที่น่าวิตก มากกว่าคือ การทำ product ออกสู่ตลาดดีๆ ได้รับการตอบรับ
แต่สมัยนี้ คนขายยอมขึ้นศาล
จ่ายบนศาล หมื่นก่าบาท
คือการเข้าจับกุม ในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา จะละเมิดกี่เจ้าก็ตาม เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีตามเจ้าทุกข์ที่แจ้งความ คดีลิขสิทธิ์ทางปัญญาถือว่าเป็นคดียอมความกันได้หากคุยกัน ตกลงจ่ายค่าปรับกัน (ส่วนใหญ่บริษัทรับจ้างจะขู่ ให้จ่ายห้าหมื่น หกหมื่น ก็ดูกันไปตามฐานะ)
88
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 26, 2005 9:25 am
โดย nana
ลิขสิทธิ์(copyright) เป็นทรัพย์สินทางปัญญา(intellectual property)ค่ะ
ทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆก็เช่น สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า่
ฉันมี mcot อยู่เต็มเลย สาละวันเตี้ยลงด้วย
หวังว่าคุณมิ่งสันต์ จะทำกำไรโตกว่า 30 % นะคะ
88
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 26, 2005 10:24 am
โดย fantasia
ผมว่าถูกลงมาเยอะแล้วนะครับถ้าเทียบกับเมื่อก่อน
แต่ก็ยังแพงอยู่ดี
88
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 26, 2005 11:36 am
โดย CK
content ผูกติดกับ delivery medium อยู่ครับ ในปัจจุบัน
เมื่อแยกกันแล้ว content จะโตเร็วกว่าเยอะครับ ในขณะที่ medium
จะแข่งขันกันสูงมาก
วันหนึ่ง ถ้า GRAMMY เปิดให้ download MP3 แบบเสรีในราคาไม่แพงนัก
(ต่อเพลง) คนคงใช้บริการกันเยอะมากครับ
ทุกวันนี้คนที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ใช่เพราะว่าราคาเป็นหลัก
แต่เป็นความสะดวกครับ
ring tone ราคา 15 บาท/เพลง ขายดิบขายดี
ขณะที่ CD เพลงราคา 80 บาท 10 เพลง บอกว่าแพง
ถ้ามือถือรุ่นใหม่ๆ ฟังเพลงเพราะๆ มี external card
สามารถโหลดเพลง MP3 ได้ในราคาเพลงละ 15 - 20 บาท
รับรองวัยรุ่นฟังกันเต็ม
ถ้าเจ้าของ content ผลิตละครแล้วขายผ่าน interactive
TV ได้ด้วย คนดูก็ไม่ต้องรอเวลาออกอากาศ อยากดูเมื่อไหร่
ก็ต่อดูเลย คงจะขายได้อีกเยอะ
Internet จะทำให้ technology ของ delivery medium พัฒนาไปเยอะครับ
เจ้าของ content ในที่สุดจะมีช่องทางทำกำไรได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
CONTENT IS KING
คับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 12:51 pm
โดย ztep
อ่านกระทู้ของคุณ ck เกี่ยวกับ techno มามากแล้ว ผมเห็นต่างหน่อยครับ คือตอนเด็กๆซักเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ผมก็มองเรื่อง internet ว่ามันจะเปลี่ยนโลกอย่างมากและรวดเร็ว ตอนนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องการลงทุน แต่รู้แต่ว่าสนใจหุ้น nasdaq อย่างมาก แล้วซักพักก็ตูมมมมม.............
หลังจากการได้พบ บัฟเฟต ความตื่นเต้นจากการเจอเทคโนโลยีใหม่ๆของผมลดลงราวๆครึ่งนึงเลยครับ ขอถามหน่อยว่า พวกหัวข้อข่าวอัพเดต เรื่องเกี่ยวกับ เทคโน ล่าสุด มีการเอามาใช้กันแพร่หลายแค่ไหนกันครับ ผมว่ามีปัจจัยมากมาย แค่ internet เมืองไทยคนก็ใช้กันกี่เปอร์เซ็นเชียว
ฮ่ะๆ แต่ความฝันผมก็อยากเปิดบริษัทที่ทำเกี่ยวกับเทคโน ครับ เอ้มันยังไง :lol:
88
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 1:11 pm
โดย โป้ง
ring tone ราคา 15 บาท/เพลง ขายดิบขายดี
ขณะที่ CD เพลงราคา 80 บาท 10 เพลง บอกว่าแพง
ถ้ามือถือรุ่นใหม่ๆ ฟังเพลงเพราะๆ มี external card
สามารถโหลดเพลง MP3 ได้ในราคาเพลงละ 15 - 20 บาท
รับรองวัยรุ่นฟังกันเต็ม
คงต้องดูหลายๆอย่างครับ ทั้งกลุ่มเป้าหมาย แฟร์ชัน ตลอดจนความสะดวกสบายที่ว่า ลักษณะโปรดัก
ทำไม UBC ไม่สามารถล้ม Free TV ได้ เพราะอะไร ทั้งกลุ่มเป้าหมาย ราคา ลักษณะรายการ ล้วนแล้วแต่มีผลทั้งสิ้น (ผมดู UBC ก็เฉพาะแต่บอล ถ้ารายการอื่นๆ ผมชอบ Free TV มากกว่า หรือ ใครมีUBC แล้วไม่ดู Free TV มีใครบ้าง???? )
88
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 1:29 pm
โดย buglife
ผมว่ายากที่จะเปลี่ยนนิสัยการบริโภคทีวีในแบบ free TV ได้
คนไทยชอบของฟรี
88
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 2:17 pm
โดย CK
ตอนเด็กๆซักเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ผมก็มองเรื่อง internet ว่ามันจะเปลี่ยนโลกอย่างมากและรวดเร็ว ตอนนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องการลงทุน แต่รู้แต่ว่าสนใจหุ้น nasdaq อย่างมาก แล้วซักพักก็ตูมมมมม.............
เป็นธรรมชาติของวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีครับ
เดี๋ยวมันจะกลับมาบูมอีกรอบ แล้วก็ตูมอีก แล้วก็กลับมาอีก
แต่ละรอบที่ผ่านไป รายที่ไปถูกทางก็จะแข็งแรงขึ้น รายที่ไป
ผิดทางหรือก้าวเร็วกว่าความพร้อมของตลาดก็จะเจ๊ง ถูก
ซื้อ ทำให้ต้นทุนของรายใหม่ลดลง
ทำให้เทคโนโลยีมีราคาถูกลง สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
เมื่อ 3 ปีก่อน ตอน Sound Blaster ออก Muvu และ Apple ออก iPod
มีใครคิดไหมครับว่ายอดขาย MP3 Player จะแซงคอมพิวเตอร์
และยอดขายโทรศัพท์มือถือจะแซงเครื่องรับโทรทัศน์
คงไม่มีใครเลิกฟังวิทยุเพราะ iPod แต่ยอดขายเครื่องรับวิทยุ
คงจะโดนกระทบแน่ๆ
แน่นอน broadcast TV จะอยู่ไปอีกหลายสิบปี แต่อีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า
"กำไร" หลักของผู้ผลิต content จะมาจาก interactive ถึงแม้ว่า
"ยอดขาย" จากสื่อ broadcast อาจจะมากกว่า เพราะในการ broadcast
นั้น cake ชิ้นเดียวต้องแบ่งกันหลายเจ้า ตั้งแต่สถานีออกอากาศ เจ้าของ
คลื่น ผู้จัดรายการคลื่น เอเยนซี่ ผู้ผลิต content และเจ้าของ content
ทำไม UBC ไม่สามารถล้ม Free TV ได้ เพราะอะไร ทั้งกลุ่มเป้าหมาย ราคา ลักษณะรายการ ล้วนแล้วแต่มีผลทั้งสิ้น (ผมดู UBC ก็เฉพาะแต่บอล ถ้ารายการอื่นๆ ผมชอบ Free TV มากกว่า หรือ ใครมีUBC แล้วไม่ดู Free TV มีใครบ้าง???? )
นี่แหละครับประเด็นผมพยายามจะบอก
คุณโป้งดู Free TV โดยใช้เสาอากาศหรือผ่าน UBC ครับ
ผู้ผลิตรายการทุกช่องก็ต้องการส่งรายการตัวเองออกทุกสื่อให้มากที่สุดครับ
interactive ไม่ได้จะมาแทนที่ broadcast นะครับ แต่จะ "เพิ่ม" ช่องทางให้
content สามารถขายของได้มากขึ้น profit margin สูงขึ้น
ส่วน broadcast medium เอง จะค่อยๆ ถูกแย่ง content ไป แต่ไม่ได้แปลว่า
มันจะต้องถึงกับเจ๊งไป แต่จะไม่ได้ผูกขาดอีกต่อไป
นึกภาพอย่างนี้ละกัน ปกติคุณก็ดูละคร/ถ่ายทอดสดกีฬาตอนมัน live แต่มีวันนึง
ติดธุระต้องไปประชุม กลับบ้านดึก รายการก็กำลังจะจบหรือจบไปแล้ว
ถ้าคุณมีทางเลือกคือ หยิบ remote ขึ้นมา กดปุ่ม interactive TV เลือกเมนู
ละครหรือถ่ายทอดสดที่ต้องการ กด Play แล้วนั่งดูรายการนั้นตั้งแต่ต้นไปจนจบ
เสร็จแล้ว สิ้นเดือนในบิลค่าโทรศัพท์ ก็จะมีรายการเพิ่มมาหนึ่งรายการ
"ถ่ายทอดสดบอลโลก บราซิล-ไทย 29/04/2014 22:37 . . . 40 บาท"
88
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 2:29 pm
โดย booklover
ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคำว่า content is the king นะครับแล้ว
ก้อมั่นใจว่าเด็กยุคใหม่ ตั้งแต่ gen y ขึ้นไปจะยอมจ่ายเงิน
เพื่อความสะดวกมากขึ้นอย่างที่พี่ ck บอกครับเด็กที่ผมเห็น
นิยมโหลดริงโทนมากทั้งๆที่ราคาแพง ทำเองก้อได้แต่เค้าต้อง
การความสะดวกครับ
88
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 5:51 pm
โดย harry
เสร็จแล้ว สิ้นเดือนในบิลค่าโทรศัพท์ ก็จะมีรายการเพิ่มมาหนึ่งรายการ
"ถ่ายทอดสดบอลโลก บราซิล-ไทย 29/04/2014 22:37 . . . 40 บาท"
ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะต่อให้อีกสิบชาติ ไทยก็ไม่ได้ไปบอลโลก ยกเว้นเป็นเจ้าภาพเอง กับทางฟีฟ่าเพิ่มทีมจากเอเชียเป็นสิบกว่าทีม
88
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 6:38 pm
โดย CK
นัดกระชับมิตรครับ ฮ่าๆๆๆ
88
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 01, 2005 3:23 pm
โดย Stock Broker
harry เขียน:ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะต่อให้อีกสิบชาติ ไทยก็ไม่ได้ไปบอลโลก ยกเว้นเป็นเจ้าภาพเอง กับทางฟีฟ่าเพิ่มทีมจากเอเชียเป็นสิบกว่าทีม
สิบกว่าทีม จะพอหรือครับ?? 8)
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 02, 2005 12:40 pm
โดย ztep
คุณ CK
แน่นอน broadcast TV จะอยู่ไปอีกหลายสิบปี แต่อีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า
"กำไร" หลักของผู้ผลิต content จะมาจาก interactive ถึงแม้ว่า
"ยอดขาย" จากสื่อ broadcast อาจจะมากกว่า เพราะในการ broadcast
นั้น cake ชิ้นเดียวต้องแบ่งกันหลายเจ้า ตั้งแต่สถานีออกอากาศ เจ้าของ
คลื่น ผู้จัดรายการคลื่น เอเยนซี่ ผู้ผลิต content และเจ้าของ content
ถ้าอย่างนั้นผู้ผลิตรายการอย่าง GMMM WORK ก็ไม่กระทบใช่ไหมครับ เพราะสามารถไปป้อนรายการให้ลูกค้าโดยตรงได้ มีความเห็นอย่างไรครับ
:lol:
88
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 02, 2005 11:19 pm
โดย miracle
มุมมองของพี่CKถือว่าครอบคลุมเกือบจะทั้งหมดแล้วในกิจการบันเทิง
แต่บันเทิงในอนาคต อาจจะไม่ใช้TVธรรมดาก็ได้ ในอีก 10 ปีข้างหน้า