อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
<< New >>
Verified User
โพสต์: 1147
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 31

โพสต์

อสังหาฯ โค้งแรกไฉไล
   *QH - AP - PS - SPALI เจ๋ง


    หุ้นอสังหาฯ เสน่ห์เย้ายวน เซียนหุ้นพร้อมใจฟันธงโค้งแรกปีนี้อวดกำไรสวย หลังลูกค้าเร่งทำธุรกรรมด้านที่อยู่อาศัย ก่อนมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน และค่าจดจำนองหมดอายุ
31 พ.ค.นี้ ระบุผลงานโดดเด่นทั้งกลุ่ม ยกนิ้ว QH - AP - PS - SPALI เยี่ยม ทำนาย QH โชว์กำไร Q1/53 แข็งแกร่งแตะ 784.8 ลบ. พุ่งเกือบ 169% ขณะที่ AP เติบโตก้าวกระโดดแตะ 1.07 พันล้านบาท ฟากผู้บริหาร LPN มั่นใจผลงานทั้งปียังสุดยอด ปั๊มยอดขายแตะ 1.3 หมื่นลบ. พร้อมเดินหน้าเปิด 6 โครงการใหม่ ส่วน LH มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 15% จากปีก่อน


         จับตาผลประกอบการกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เตรียมประกาศงบไตรมาส 1/2553 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นเป็นประวัติการณ์ หลังได้อานิสงส์จากมาตรการสนับสนุนทางภาษี โดยลูกค้าเร่งทำธุรกรรมการโอนที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้ทันกับมาตรการการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.53 ซึ่งในส่วนของการลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ เหลือ 0.01% จาก 2% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองเหลือ 0.01% จาก 1% ขณะที่ส่วนการลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.11% ไม่มีการต่ออายุออกไป
         อย่างไรก็ดี หลังจากสิ้นสุดมาตรการอสังหาฯ ดังกล่าวในเดือน พ.ค.นี้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในเรื่องของการปรับขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัย ทั้งในส่วนของบ้านและคอนโดมิเนียม ตามต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ขยับสูงขึ้นว่าเป็นเช่นใด
         สำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์วานนี้ (28 เม.ย.53) ราคาหุ้น QH ปิดที่ 2.08 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ 2.80% มูลค่าการซื้อขาย 188.24 ล้านบาท, ราคาหุ้น AP ปิดที่ 4.96 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 89.68 ล้านบาท, ราคาหุ้น PS ปิดที่ 14.50 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 2.68% มูลค่าการซื้อขาย 51.02 ล้านบาท, ราคาหุ้น SPALI ปิดที่ 7.65 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.65% มูลค่าการซื้อขาย 59.83 ล้านบาท และราคาหุ้น LPN ปิดที่ 6.35 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.55% มูลค่าการซื้อขาย 43.98 ล้านบาท และราคาหุ้น LH ปิดที่ 5.05 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.94% มูลค่าการซื้อขาย 247.79 ล้านบาท
        SET Index ปิดที่ 749.49 จุด ลดลง 12.51 จุด หรือ 1.64% มูลค่าการซื้อขาย 18,531.97 ล้านบาท



****พัฒนสิน เผยผลงาน Q1/53 กลุ่มอสังหาฯ โชว์กำไรสูง หลังได้อานิสงส์มาตรการภาษีรัฐ เด่นทั้ง QH - AP - PS - LPN - SPALI - LH
         บทวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2553 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยมีกำไรสุทธิเติบโตสูงจากไตรมาสก่อนหน้า จากโค้งสุดท้ายของมาตรการสนับสนุนทางภาษีของภาครัฐบาล
         ทั้งนี้ หากเทียบกับผลประกอบการไตรมาส 1/2552 ขยายตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น โดยคาดการณ์ QH มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 168.7%,AP มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 122%, PS มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 79.4%, LPN มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 53.6%, LH มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 39.2% และ SPALI มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 24.4%


****QH โชว์กำไร Q1/53 แข็งแกร่งแตะ 784.8 ลบ. พุ่งเกือบ 169% จากปีก่อน หลังรับรู้คิวเฮ้าส์คอนโดฯ สาทร - กำไรขาย QCON
         บทวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน ระบุว่า คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 1/2553 ของ QH แข็งแกร่งจากโครงการคอนโดคิวเฮาส์คอนโด สาทร โดยคาดว่ามีกำไรสุทธิ 784.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 168.7% จากปีก่อน หลังเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ คิวเฮาส์ คอนโด สาทร และกำไรจากการขาย QCON ที่มีการบันทึกเพียงครั้งเดียวจำนวน 83 ล้านบาท
         อนึ่ง คาดว่า QH จะมีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคิวเฮาส์คอนโด สาทร ประมาณ 80% หรือคิดเป็นมูลค่า1.84 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2553 นอกจากนี้อัตรากำไรของ QH ในไตรมาสนี้คาดว่าจะยังคงทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน


****AP เติบโตก้าวกระโดดในโค้งแรกปีนี้ มีกำไร 1.07 พันล้านบาท หลังโอนคอนโดฯ 7 โครงการ
         AP คาดการณ์รายได้ไตรมาส 1/2553 เติบโตก้าวกระโดดจากการโอนโครงการคอนโดฯ 7 โครงการ โดย AP ประเมินกำไรสุทธิจำนวน 1.07 พันล้านบาทสำหรับช่วงไตรมาส 1/2553 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 53.4% จากไตรมาสก่อน และ 122% จากงวดเดียวกันปีก่อน จากปัจจัยสำคัญคือการโอนห้องในโครงการคอนโดในโครงการ Life 5 โครงการ ที่สาทร ซ.10, สุทธิสาร, สุขุมวิท 65, รัชดา-ห้วยขวาง และ สุขุมวิท 67 รวมทั้งจากโครงการ The Address ชิดลม และ The Address ปทุมวัน ในขณะที่รายได้จากโครงการบ้านแนวราบน่าจะทรงตัวที่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท
        อนึ่ง บริษัทได้ขายหุ้น 15% ใน Q-CON ให้กับ SCG Building Materials โดดยคาดว่าจะมีกำไรจากการขายในครั้งนี้จำนวน 104.3 ล้านบาท ซึ่งจะมีการบันทึกในช่วง1Q10


****PS ได้โครงการไอวี่ รีเวอร์ - ไอวี่ สาทร ดันผลงาน Q1/53 สวย
     PS มีการโอนโครงการไอวี่ รีเวอร์ และ ไอวี่ สาทร ซอย 10 เป็นปัจจัยผลักดันสำคัญสำหรับกำไรช่วงไตรมาส 1/2553 โดย PS น่าจะสามารถรายงานกำไรสุทธิจำนวน 1.23 พันล้านบาท สำหรับช่วงไตรมาส 1/2553 ลดลง 25% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 79.4% จากงวดปีก่อน ซึ่งคาดว่ารายได้จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญประมาณ 70.7% จากปีก่อน ซึ่งจะได้รับการผลักดันจากห้องที่เหลือของไอวี่ รีเวอร์ จำนวน 710 ล้านบาท และไอวี่ สาทร ซอย 10 จำนวน 848 ล้านบาท ก่อนที่จะสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะหมดอายุลง
         แต่อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของ PS คาดว่าจะลดลงเป็น 38% ในช่วงไตรมาส 1/2553 เนื่องจากประมาณ 75% ของโครงการไอวี่ รีเวอร์ที่ทำให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นนั้น ได้มีการโอนไปแล้วในช่วงไตรมาส 4/2552


****LPN อวด Presales Q1/53 สูงเป็นประวัติการณ์แตะ 6.65 พันล้านบาท แต่รับรู้กำไรลดลง หลังจำนวนเปิดโครงการใหม่ลดจากครึ่งหลังปีก่อนหน้า
         LPN คาดกำไรช่วงไตรมาส 1/2553 อ่อนตัวลง เนื่องจากมีการโอนลดลง โดยคาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2553 เป็นจำนวน 169.2 ล้านบาท ลดลง 10.8% จากไตรมาสก่อน และ 53.6% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากรายได้อ่อนตัวลงจากการลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่ลงจากช่วงครึ่งหลังปี 2551 ถึงครึ่งหลังปี 2552
         ปัจจัยผลักดันสำคัญน่าจะมาจากโครงการลุมพินี สวีท พระราม 8 และ ลุมพินี เพลส รามอินทรา-หลักสี่ ที่คาดว่าจะมีการโอนในช่วงไตรมาส 1/2553 ทั้งนี้ คาดว่า อัตรากำไรของ LPN จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 30.5%จาก 29.6% ในช่วงไตรมาส 4/2552 เนื่องจากรายได้จากโครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ ที่มีอัตรากำไรอยู่ในระดับต่ำกว่าแบรนด์อื่นๆของบริษัทมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย
         แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของ LPN ถือว่ามีความแข็งแกร่ง จากยอด presales ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 6.65 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/2553 ซึ่งมาจากการออกโครงการ ลุมพินี เพลส พระราม 4- กล้วยน้ำไท, ลุมพินีเพลส รัชโยธิน และ ลุมพินี คอนดดทาวน์ บางแค เทียบกับ presales 1.6 พัน
ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน


****SPALI เจ๋ง รายได้พุ่งพรวดทั้งจากโครงการแนวราบและแนวสูง ประเมิน Q1/53 อวดกำไร 673.3 ล้านบาท
        SPALI รายได้ยังเติบโตแข็งแกร่งจากทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยคาดว่า SPALI จะรายงานกำไรสุทธิ 673.3 ล้านบาทในช่วง ไตรมาส 1/2553 เพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสก่อน และ 24.4% จากปีก่อนหน้า จากรายได้ที่เติบโตแข็งแกร่ง รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 34% เป็น 2.8 พันล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งมากจากโครงการแนวราบและอีกครึ่งหนึ่งมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ โครงการซิตี้โฮม รัชดา-ปิ่นเกล้า โครงการศุภาลัยคาซ่า ริว่า โครงการศุภาลัยพาร์ค ศรีนครินทร์และโครงการศุภาลัย คาซ่า ริว่า วิสต้า II ในขณะเดียวกัน คาดว่าอัตรากำไรขึ้นต้นของ SPALI ในช่วงไตรมาส 1/2553 จะลดลงเหลือ 41% เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมลดลง


****รายได้ - กำไร LH ใน Q1/53 ลดลง หลังการเติบโตรายได้อ่อนตัวลงเทียบ Q4/52 เหตุรับรู้รายได้จากโครงการ เดอะรูม รัชดา-ลาดพร้าวแค่เล็กน้อย
         LH คาดรายได้ลดลงในช่วงไตรมาส 1/2553 จากการรับรู้รายได้ที่ลดลงของโครงการ เดอะรูม รัชดา-ลาดพร้าว โดยคาดว่า LH จะรายงานกำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1/2553 เป็นจำนวน 896 ล้านบาท ลดลง 10.6% จากไตรมาสก่อน และ เพิ่มขึ้น 39.2% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตรายได้ที่อ่อนตัวลง เทียบกับในช่วงไตรมาส 4/2552 ซึ่งหลักๆเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ที่ลดลง จากโครงการ เดอะรูม รัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 248 ล้านบาท จาก 667 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/2552 อัตรากำไรคากว่าจะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เป็น 30.2% เนื่องจากกำไรจากโครงการคอนโดลดลง เช่นเดียวกับ AP และ QH, LH จะบันทึกกำไรจากรายการพิเศษจำนวนประมาณ 32.9 ล้านบาท จากการขายหุ้น10.25% ใน Q-CON ในช่วงไตรมาส1/2553 แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังถือหุ้นที่เหลืออีก 21.16%ใน Q-CON


****นครหลวงไทย ชี้ผลงาน LPN โค้งแรกต่ำสุดของปีแล้ว ไตรมาสที่เหลือกลับมาผงาดเต็มภาคภูมิ หลังมีหลายโครงการรอรับรู้ แนะเก็งกำไร พื้นฐาน 7.40 บ.
         บทวิเคราะห์ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ระบุว่า LPN ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่งใน Q1/53 รวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท คือ โครงการลุมพินีเพลส รัชโยธิน มูลค่า 3,000 ล้านบาทและโครงการลุมพินีเพลส พระราม 4 มูลค่า 1,550 ล้านบาท ทำให้มียอด Presale ของไตรมาสเติบโต 250% yoy และ 3% qoq ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ต่อยอดความแข็งแกร่งของ Backlog ในปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่การรับรู้รายได้ใน Q1/53 ส่วนมากเป็นโครงการขนาดเล็กจึงทำให้คาดรายได้จะลดลง 28.9% yoy และ 29.7% qoq และคาดกำไรสุทธิที่ 216 ล้านบาท ลดลง 40.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 13.7% qoq
         จากแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ที่ประมาณ 6 8 โครงการ มูลค่า 13,000 16,000 ล้านบาท LPN จึงคงเป้ายอด Presale ของปี 2553 ที่ 13,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% yoy และยอด Presale ใน Q1/53 คิดเป็นสัดส่วน 44.4% ของเป้าทั้งหมดในปีนี้ ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์ฯ คาดว่า LPN จะสามารถทำยอดขายได้ถึงเป้าหากไม่มีความล่าช้าของการเปิดโครงการใหม่
         สำหรับผลประเมินกำไรสุทธิของ Q1/53 ที่เท่ากับ 216 ล้านบาทลดลง 40.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 13.7% qoq ถึงแม้ว่าประมาณการรายได้ของ LPN ใน Q1/53 จะลดลง แต่กำไรสุทธิที่คาดว่าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลมาจากสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่คาดว่าน้อยลงโดย เฉพาะการลดลงของการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน ขณะที่อัตราการทำกำไรขั้นต้นคาดที่ 30.8% เปรียบเทียบกับ Q4/52 ที่ 29.6% และ Q1/53 ที่ 30.6% ส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิจะเท่ากับ 216 ล้านบาท ลดลง 40.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 13.7% qoq
        ขณะที่ตารางการรับรู้รายได้ของโครงการที่คาดว่าจะสร้างเสร็จใน 3 ไตรมาสที่เหลือของปี ซึ่งหลายโครงการมีมูลค่าโครงการในระดับสูง เช่น โครงการลุมพินี เพลส พระราม 9 เฟส 1 มูลค่า 2,600 ล้านบาทจะรับรู้ใน Q2/53 โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 2,250 ล้านบาทรับรู้ใน Q3/53 โครงการ ลุมพนี วิลล์ ลาดพร้าว โชคชัย 4 มูลค่าโครงการ 1,360 ล้านบาทรับรู้ใน Q4/53 และโครงการลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะ ริเวอร์วิว มูลค่า 1,200 ล้านบาทรับรู้ใน Q4/53 ดังนั้น จึงคงประมาณการรายได้ในปี 2553 ที่เท่ากับ 9,683 ล้านบาทเติบโต 13.7% yoy ขณะที่กำไรสุทธิคาดเท่ากับ 1,449 ล้านบาทเติบโต 6.6% yoy
         อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ประเมินว่าโครงการขนาดใหญ่ที่จะรับรู้ในปีนี้จะทำให้ 3 ไตรมาสที่เหลือของ LPN มีผลประกอบการโดดเด่นกว่า Q1/53 แนะนำเก็งกำไร จากประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ LPN ด้วยวิธี DDM ได้ราคาที่เหมาะสมเท่ากับในปี 2553 เท่ากับ 7.40 บาทต่อหุ้น


****ทรีนีตี้ ฟันธง AP อวดกำไร Q1/53 แตะ 1.01 พันล้านบาท สูงสุดของปีนี้ แถมมีปันผลหุ้นละ 32 สตางค์ เชียร์ซื้อ เป้าหมาย 7.6 บาท
       บทวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ แนะนำซื้อ AP ราคาเป้าหมาย 7.6 บาท โดยมีประเด็นพิจารณาดังนี้ ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการไตรมาส 1/53 ที่เติบโตดีสุดในปี 2553 คาดมีรายได้ 5,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110% YoY และมีกำไรสุทธิ 1,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% YoY รวมถึงเงินปันผลอีก 0.32 บาท/หุ้น Yield 6.5% (XD 6 พ.ค. 2553) อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ จึงมองว่าน่าเข้าซื้อในช่วงนี้ แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง แนะนำทยอยขายเนื่องจากผลประกอบการที่จะอ่อนตัวลงหลังไตรมาส 1/53 เป็นต้นไป


****คันทรี่ กรุ๊ป ชี้อสังหาฯ Q1/53 เริงร่า หลังลูกค้าเร่งทำธุรกรรมโอนที่อยู่อาศัยก่อนหมดเวลา 31 พ.ค.นี้ ยกนิ้ว PS - AP เจ๋ง
         นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจอสังหาฯ ไตรมาส 1 ปี 2553 ขยายตัวได้ดีอย่างโดดเด่น หลังจากลูกค้าเร่งทำธุรกรรมการโอนที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้ทันกับมาตรการการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ ที่ขยายระยะเวลาไปถึง 31 พ.ค. 2553
โดยขณะนี้ได้ประเมินผลผประกอบการไตรมาสแรกไปแล้วบางบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯที่จะออกมาโดดเด่น ได้แก่ PS ที่ขยายตัว 70% เมื่อเทียบปีก่อน หรือคิดเป็น 1,200 ล้านบาท และ AP ขยายตัว 70% หรือคิดมูลค่า 830 ล้านบาท
         ทั้งนี้ หากนักลงทุนจะเข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มอสังหาฯ แนะนำพิจารณาจากค่า P/E ต่ำ และการจ่ายเงินปันผลสูง ได้แก่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) ราคาเป้าหมาย 8.80 บาท โดย SPALI มีค่า P/E อยู่ที่ 6 เท่า และเงินจ่ายปันผล 8% ขณะที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท มีค่า P/E อยู่ที่ 4.4 เท่า และเงินจ่าย
ปันผล 9%
         สำหรับแนวโน้มช่วงไตรมาส 2/2553 ผลประกอบการอสังหาฯ อาจจะขยายตัวได้ไม่มาก เพราะมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ รัฐหมดลง และจะทำให้ราคาบ้านปรับตัวเพิ่มขึ้น 2-3% หลังจากไตรมาส 2 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม จากการประเมินราคาวัสดุก่อสร้างจะยังปรับขึ้นไม่มาก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับทรงตัว จึงเชื่อว่าแนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ยังคงเติบโตได้ดี ส่วนปัจจัยการเมืองนั้นกระทบไม่มาก เพราะหากเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วการบริโภคจะเพิ่มขึ้น


****กสิกรไทย เชื่อหุ้นอสังหาฯ ไตรมาสแรกปีนี้เติบโตเป็นประวัติการณ์ QH - AP - SPALI น่าสนสุด
         นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มการขยายตัวผลประกอบการของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกปีนี้ เชื่อว่าจะเติบโตอย่างเป็นประวัติการณ์ เพราะแต่ละบริษัทฯ จะทยอยให้ลูกค้าเร่งโอนที่อยู่อาศัยให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2553 เพื่อที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลที่จะหมดอายุ 31 พฤษภาคมนี้ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 2 /2553 จะไม่ค่อยโดดเด่นเท่าใดนัก เนื่องจากประชาชนยังไม่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยช่วงนี้แต่อย่างใด หลังจากที่มีวันหยุดมาก นอกจากนี้ ยังไม่มีมาตรการจูงใจในการตัดสินใจการซื้อที่อยู่อาศัยด้วย รวมทั้งยังมีปัจจัยที่เข้ามากระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาบ้านอจปรับเพิ่มขึ้นด้วย
       สำหรับหุ้นที่น่าสนใจที่สุดจากการประกาศผลประกอบการดังกล่าว ได้แก่ QH ราคาเป้าหมาย 3 บาท ส่วน AP ราคาเป้าหมาย 6.50บาท และ SPALI ราคาเป้าหมาย 10 บาท


****บิ๊ก LPN คาดยอดขาย Q1/53 เกิน 6 พันลบ.ส่วนทั้งปีคาดยอดขายแตะ 1.3 หมื่นลบ.พร้อมเดินหน้าเปิด 6 โครงการใหม่
         นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่ายอดขายในไตรมาส 1/53 จะสูงกว่า 6,000 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว 13,000 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ในกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่จำนวนมาก อีกทั้งทำเลของโครงการอยู่ในบริเวณที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
         โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการคอนโด ลุมพินี เพลส พระราม 4 - กล้วยน้ำไท และ คอนโด ลุมพินี เพลส รัชโยธิน ที่เปิดขายระหว่างวันที่ 20-21 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้มีการปิดโครงการแล้วโดยมียอดขายจาก 2 โครงการดังกล่าวที่ 4,700 ล้านบาท


****บิ๊ก PS ฟุ้งผลงานโค้งแรกปีนี้เยี่ยม หลังยอดขายทุบสถิติสูงสุดแตะ 8550 ลบ. พุ่ง 112% จากงวดปีก่อน ส่วนกำไรงามไม่แพ้กัน
         นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2553 จะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทฯ มียอดขาย (พรีเซลล์) อยู่ที่ประมาณ 8,550 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น 112% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนและเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 4/2552 รวมทั้งถือเป็นการทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน โดยสาเหตุหลักเกิดจากภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆ ในประเทศที่มีการฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ยอดโอนมีมูลค่าประมาณ 6,700 ล้านบาท ดังนั้นมองว่าผลกำไรในไตรมาสดังกล่าวจะสามารถเติบโตไปในทิศทางเดียวกันได้  
         สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/53 มองว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/53 ตามพื้นฐานทางเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้อยากให้ภาวะทางการเมืองซึ่งรวมถึงการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ไม่ยืดเยื้อมากนัก
         แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด ด้านแนวโน้มของราคาที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 มองว่าจะอยู่ในลักษณะทรงตัว เนื่องจากเมื่อพิจารณาภาวะการแข่งขันและจากปัจจัยที่ไม่ดีนัก อาจทำให้บริษัทอสังหาฯ แต่ละแห่งไม่กล้าที่จะปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนเม.ย.ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอาจเบาบางลงเล็กน้อย แต่ถือเป็นปกติของในช่วงเดือนนี้ ซึ่งในเดือนเม.ย.เพียงเดือนเดียวบริษัทฯ มียอดขายสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนประมาณ 70-80% แล้ว


****บิ๊ก LH ส่งซิกอวดยอดขาย - รายได้ Q1/53 เยี่ยม หลังได้รับปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 15% จากปีก่อน
         นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวว่า แนวโน้มรายได้และยอดขายในไตรมาส 1/53 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งถือเป็นช่วงที่แย่ของบริษัทฯ จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ส่งผลให้ผู้บริโภคเร่งซื้อบ้านเพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีก่อนจะหมดอายุลง ซึ่งการที่รัฐบาลมีการตัดสินใจต่ออายุมาตรการดังกล่าวถึงเดือน พ.ค. 2553 น่าจะเป็นปัจจัยบวกจูงใจให้ลูกค้ามียอดการโอนมากขึ้น
         นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะโต 15% จากปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ พร้อมทั้งในปีนี้มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,495 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ โครงการทาวน์เฮ้าส์ 3 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
        อย่างไรก็ดี พิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงหลักที่มีต่อการดำเนินธุรกิจในขณะนี้คือสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยกังวลว่าหากสถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างยืดเยื้อและเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคให้ลดลง และกำลังซื้อให้ชะลอตัวลง

http://www.efinancethai.com/hotnews/fra ... &release=y
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
kurapica
Verified User
โพสต์: 587
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 32

โพสต์

ขออภัยที่มาขัดจังหวะ
พอดีเห็นคุยกันมีเรื่อง demand กับ กำลังซื้อ
ถ้าจำไม่ผิด เหมือนผมเคยรู้มาว่า
ในทางเศรษฐศาสตร์ demand ต่างกับ need ตรงที่
demand = ความต้องการซึ่งมีกำลังซื้อด้วย

น่าจะใช่นะ ผ่านมานานแล้ว จำไม่ค่อยได้
เกร็ดความรู้เล็กน้อย สิ่งสำคัญคุยกันรู้เรื่องเป็นใช้ได้
ซากคน
Verified User
โพสต์: 1400
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 33

โพสต์

kurapica เขียน:ขออภัยที่มาขัดจังหวะ
ในทางเศรษฐศาสตร์ demand ต่างกับ need ตรงที่
demand = ความต้องการซึ่งมีกำลังซื้อด้วย

สิ่งสำคัญคุยกันรู้เรื่องเป็นใช้ได้
ไม่ขัดจังหวะหรอกครับ  เข้ามาได้ถูกจังหวะมาก
นี่แหละที่ผมอยากพูด แต่ทักษะสื่อสารผมอ่อนด้อย  :oops:

ตอนนี้โชคดีที่ประเด็นผมหมดล่ะ  ไม่งั้นรอบนี้มี tired brake แน่เลย
:lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
vilage
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 171
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 34

โพสต์

ผมมี comment เดี๋ยวเย็นๆคำๆจะมา post ขอทำงานก่อน
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 35

โพสต์

[quote="LittleChicky"]- ผมเห็นด้วยนะครับ ในเรื่องที่ demand บ้านเพื่อขึ้น เมื่อประชากรเพิ่มขึ้น แต่มันไม่ได้มีความสัมพันธ์กันในเชิงเส้นตรง ถ้าเป็นเส้นตรงจริงประชากรเพิ่มขึ้นทุกๆปีอยู่แล้ว นานนับเป็นร้อยปี แต่ทำไมพวกธุรกิจอสังหาถึงขึ้นลงเป็นรอบๆ แบบเป็นวัฐจักรล่ะครับ ทั้งที่จำนวนประชากรมีแต่ขึ้นไม่มีลง

- อย่างเรื่อง lifestyle ที่คนนิยมอยู่คอนโดมากขึ้นอันนี้ เห็นด้วยครับ โดยเฉพาะคนที่มีกำัลังซื้อและบ้านพ่อแม่อยู่ต่างจังหวัด มักจะซื้อคอนโดไว้ที่กรุงเทพฯสะดวกในการไปทำงาน โดยไม่ต้องเช่า พอผ่อนเสร็จก็ได้เป็นเจ้าของ คนกลุ่มนี้นิยมซื้อคอนโดมากกว่าบ้านเพราะว่า ปลอดภัยกว่าครับ ทำความสะอาดก็ง่าย เดินทางสะดวก และราคาต่ำกว่าบ้าน ถ้ายังโสดอาศัยอยู่คนเดียวนี่อยู่คอนโดได้ แต่ถ้าซื้อบ้านหลังนึงแล้วอยู่คนเดียวนี่มันวังเวงสุดๆเลยนะครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 36

โพสต์

Voldtrest เขียน:
ไม่ขัดจังหวะหรอกครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 37

โพสต์

SunShine@Night เขียน: กระเทย ตุ๊ด ทอม ดี้ ตกสำรวจเหรอครับ :) :)
:shock: จะมีกลุ่มเพศที่3มาโวยผมปะเนี๊ยะ ผมไม่เกี่ยวนะครับข้อมูลมันมาอย่างนี้ผมแค่หยิบมาวางเท่านั้นน๊า
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 38

โพสต์

[quote="leaderinshadow"]ปริมาณ การปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร

มีผลต่ออุตสาหกรรมอสังหา อย่างมีนัยยะ ครับ

เพราะคนที่ซื้ออสังหาส่วนใหญ่ กู้เงินมานะครับ
Demand อะมี แต่ตังอะ มีหรือเปล่า?

ถ้ามีตังเยอะ(แบงค์ปล่อยง่าย) ตนที่จะซื้อคอนโดห้องเดียว ก็จะเพิ่มเป็น 2
แต่ถ้า ไม่มีห้องที่ 2 ราคาก็จะ up...

ประสบการณ์ตรง จากการเล่นเก็งกำไรคอนโด..
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 39

โพสต์

คราวๆ นะครับ

โดยปกติ โครงการ 1 โครงการ จะมีสัดส่วนประมาณนี้

70 % ซื้อเพื่ออยู่เองครับ (พวกนี้กู้แบงค์ซะส่วนมาก)

20 % ซื้อลงทุน ปล่อยเช่า

พวกนี้ซื้อเงินสดเยอะครับ เคยเห็นซื้อที 5 ห้อง 10 ห้อง พวกนี้หวัง return 5-8% ซึ่งผมมองว่า
อัตราดอกเบี้ยมีผลต่อกลุ่มนี้เยอะครับ
เคยพูดคุยกลับคนกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะมีอายุ มีเงินเก็บเยอะๆ

10 % เก็งกำไรครับ

กลุ่มนี้ช่วยสร้างสภาพคล่อง และราคาที่ซื้อขายของกลุ่มนี้ ก็จะกลายเป็นราคาอ้างอิง ของ 2 กลุ่มแรกไป

แต่ในบางครั้ง กลุ่มคนซื้ออยู่จริง กับ ซื้อลงทุน ก็กลายพันธุ์ มาเป็นกลุ่มที่ 3
ถ้าราคาเหวี่ยงไปแรงๆ

สำหรับฟองสบู่ คือ ถ้ามี กลุ่มเก็งกำไรเกิน 20% ของโครงการ
พวกนี้ตกใจ แห่กันเทขายที ราคาจะร่วงแรงเลย

อย่างช่วง วิกฤติรอบที่ผ่านมา กลุ่มเก็งกำไร เจ็บตัวหนักเหมือนกัน
ทิ้งดาวน์เยอะมาก โดยเฉพาะคอนโดของบริษัทหนึ่ง ที่ขึ้นด้วยตัว A..
ราคาวิ่งแถวๆ 5 บาท  :lol:

ปล. พอดีว่าเพิ่งลงมาเก็งกำไรไม่นานหรอกครับ ทำมาได้ครึ่งปีเอง
เพราะมองว่า อสังหากำลังจะเป็นขาขึ้น

ขึ้น 3 ปี ลง 3 ปี
ภาพประจำตัวสมาชิก
vilage
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 171
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 40

โพสต์

picklife เขียน:ผมสมมุติให้บ้านก็เติบโต2%เท่าๆกับประชากรอาจจะดูไม่เยอะ
แต่!!!อย่าลืมว่า2%คือเพิ่มขึ้นจากบ้านทั้งหมดรวมทั้งบ้านเก่าและใหม่
ซึ่งถ้าจะดูว่าหุ้นอสังหาควรเติบโตเทาไหร่นั้นเราต้องดูเทียบเฉพาะบ้านใหม่

มาลองคิดคร่าวๆกันดูครับ สมมุติณ.ปัจจุบันกทม.เรามีบ้านใหม่ 20ล้านหลัง
ปีที่1 20,000,000*1.02^1=20,200,000หลัง
ปีที่2 20,000,000*1.02^2=20,402,000หลัง
ปีที่3 20,000,000*1.02^3=21,224,160หลัง
ปีที่4 20,000,000*1.02^4=21,648,643หลัง
ปีที่5 20,000,000*1.02^5=22,081,616หลัง
ปีที่11 20,000,000*1.02^11=24,867,486หลัง
บ้านใหม่ณ.ปีที่1=200,000หลัง
บ้านใหม่ณ.ปีที่11=4,867,486หลัง
ใช้เวลาทั้งสิ้น10ปี
ดังนั้นการเติบโตคือ 200,000*1.375^10=4.8ล้านหลัง
หรือเติบโต37.5% :shock:

สรุปดังนั้นจะเห็นว่าแค่อัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรเป็น2% และอัตราการเพิ่มขึ้นของบ้านเป็น2% มีผลทำให้บ้านใหม่เติบโต37.5%
ดังนั้นDemandนี้ ผมจึงมองว่ามันคือDemandจริง
ปล.อย่าลืมนะครับผมยังไม่ได้รวมDemandของlifestyleที่เปลี่ยนไปเลยนะครับ
รู้สึกตัวเลขสองปีแรกจะผิดครับและการที่บอกว่า
บ้านใหม่ณ.ปีที่11=4,867,486หลัง
มันเป็นจำนวนบ้านใหม่เมื่อเทียบกับปีแรก ไม่ใช่จำนวนบ้านใหม่เมื่อเทียบกับปีที่10
จริงๆแล้วบ้านใหม่ปีที่10ก็จะกลายเป็นบ้านเก่าในปีที่11นะครับไม่เหมือนตอกเบี้ยทบต้น

ผมลองคำนวณใหม่ได้ตามรูปข้างล่างครับ
รูปภาพ
จะเห็นได้ว่าจำนวนบ้านใหม่เพิ่มขึ้นแค่ 2% ต่อปีครับ...น้อยมากๆ
ผิดถูกอย่างไร comment ได้ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 41

โพสต์

[quote="leaderinshadow"]คราวๆ นะครับ

โดยปกติ โครงการ 1 โครงการ จะมีสัดส่วนประมาณนี้

70 % ซื้อเพื่ออยู่เองครับ (พวกนี้กู้แบงค์ซะส่วนมาก)

20 % ซื้อลงทุน ปล่อยเช่า

พวกนี้ซื้อเงินสดเยอะครับ เคยเห็นซื้อที 5 ห้อง 10 ห้อง พวกนี้หวัง return 5-8% ซึ่งผมมองว่า
อัตราดอกเบี้ยมีผลต่อกลุ่มนี้เยอะครับ
เคยพูดคุยกลับคนกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะมีอายุ มีเงินเก็บเยอะๆ

10 % เก็งกำไรครับ

กลุ่มนี้ช่วยสร้างสภาพคล่อง และราคาที่ซื้อขายของกลุ่มนี้ ก็จะกลายเป็นราคาอ้างอิง ของ 2 กลุ่มแรกไป

แต่ในบางครั้ง กลุ่มคนซื้ออยู่จริง กับ ซื้อลงทุน ก็กลายพันธุ์ มาเป็นกลุ่มที่ 3
ถ้าราคาเหวี่ยงไปแรงๆ

สำหรับฟองสบู่ คือ ถ้ามี กลุ่มเก็งกำไรเกิน 20% ของโครงการ
พวกนี้ตกใจ แห่กันเทขายที ราคาจะร่วงแรงเลย

อย่างช่วง วิกฤติรอบที่ผ่านมา กลุ่มเก็งกำไร เจ็บตัวหนักเหมือนกัน
ทิ้งดาวน์เยอะมาก โดยเฉพาะคอนโดของบริษัทหนึ่ง ที่ขึ้นด้วยตัว A..
ราคาวิ่งแถวๆ 5 บาท
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 42

โพสต์

vilage เขียน: รู้สึกตัวเลขสองปีแรกจะผิดครับและการที่บอกว่า
บ้านใหม่ณ.ปีที่11=4,867,486หลัง
มันเป็นจำนวนบ้านใหม่เมื่อเทียบกับปีแรก ไม่ใช่จำนวนบ้านใหม่เมื่อเทียบกับปีที่10
จริงๆแล้วบ้านใหม่ปีที่10ก็จะกลายเป็นบ้านเก่าในปีที่11นะครับไม่เหมือนตอกเบี้ยทบต้น

ผมลองคำนวณใหม่ได้ตามรูปข้างล่างครับ
รูปภาพ
จะเห็นได้ว่าจำนวนบ้านใหม่เพิ่มขึ้นแค่ 2% ต่อปีครับ...น้อยมากๆ
ผิดถูกอย่างไร comment ได้ครับ
:shock: จริงแฮ๊ะ :oops: บ้านใหม่ที่ขายไปแล้วในแต่ละปีจะต้องตัดทิ้งไปด้วย...อ้อขอบคุณคร๊าบบบ ถึงว่าทำไมมันเยอะจัง อิอิ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
vilage
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 171
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 43

โพสต์

เดี๋ยวดึกๆจะเข้ามา comment เพิ่มไปทำงานก่อนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 44

โพสต์

ดังนั้นถ้าตัวเลขออกมาประมาณนี้แสดงว่า ปัจจัยในเรื่องlifestyleปัจจัยในเรื่องการแย่งMarketShareมีผลมากๆ

ปัยจัยในเรื่องlifestyleเดี๋ยวผมขอไปทำการบ้านเรื่องสัดส่วนประชากร/ครัวเรือนเพื่มนะครับ ว่ากทมเท่าไหร่และแนวโน้มไปทางไหน ปริมลฑลเท่าไหร่และแนวโน้มกำลังไปทางไหน เพื่อนบ้านเท่าไหร่ ประเทศอื่นๆเท่าไหร่ เพื่อจะได้รู้ว่าสัดส่วนบ้าน/คนของเรามากไปหรือน้อยไปอย่างไรและมีอนาคตที่เติบโตไปอีกเท่าไหร่

ปัจจัยในเรื่องMarketShareอันนี้น่าจะพูด เปรียบเทียบระหว่าง10บริษัทชั้นนำ กับตลาดโดยรวม เพราะไม่เป้นการเจาะหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเราเรากำลังมองมี่หุ้นอสังหา ส่วนที่เป็น10บริษัทเพราะส่วนมากนักลงทุนจะเล่นหุ้นใน10บริษัทชั้นนำ

ปล1.ใครมีข้อมูลช่วยเอาแชร์กันนะครับ ขอบคุณมากครับ
ปล2.เพราะเหตุนี้ผมถักthaivi อิอิ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 45

โพสต์

vilage เขียน:เดี๋ยวดึกๆจะเข้ามา comment เพิ่มไปทำงานก่อนครับ
:D ขอบคุณครับ รักThaivi เพราะเหตุนี้ละ อิอิ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sorgios
Verified User
โพสต์: 368
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 46

โพสต์

หยิบโซฟานิ่มๆ มานั่งรอฟังพี่ปิ๊กต่อ  :lol:
CHIN UP, Do not give up !!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
MYBIZ
Verified User
โพสต์: 888
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 47

โพสต์

เดี๋ยวนี้คุณปิ๊กเปลี่ยนไป กลายเป็น "แกนนำ" แล้ว
แซวเล่นนะครับ ได้ความรู้ดี สนันสนุนๆๆๆๆๆ ทำต่อไป
จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 48

โพสต์

MYBIZ เขียน:เดี๋ยวนี้คุณปิ๊กเปลี่ยนไป กลายเป็น "แกนนำ" แล้ว
แซวเล่นนะครับ ได้ความรู้ดี สนันสนุนๆๆๆๆๆ ทำต่อไป
:? อูยยอย่าพูดว่าแกนนำช่วงนี้ซิครับ เสียวๆ ยิ่งอยู๋แถวราชประสงค์ด้วย แฮ๊ะๆ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2912
ผู้ติดตาม: 1

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 49

โพสต์

ข้อมูลนี้ดีครับ

http://portal.settrade.com/brokerpage/I ... 300453.pdf
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง

----------------------------
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 50

โพสต์

newbie_12 เขียน:ข้อมูลนี้ดีครับ

http://portal.settrade.com/brokerpage/I ... 300453.pdf
:bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:
คาราวะ หมื่นที หมื่นๆที สำหรับข้อมูลดีๆครับ ขอบคุณมากครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
neo_potato_Th
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1588
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 51

โพสต์

ขอบคุณมากครับ :D
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
เด็กเลี้ยงไม้
Verified User
โพสต์: 993
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 52

โพสต์

ขอบคุณครับ
sak007
Verified User
โพสต์: 915
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 53

โพสต์

บ้านใหม่โครงการใหม่ ก็สร้างกันไป
บ้านเก่า โครงการเก่า ก็ปล่อยทิ้งร้างกันไป

ลองสังเกตุดูนะ โครงการเก่า ๆ ยกตัวอย่างบ้านจัดสรร
แม้แต่ของบริษัทใหญ่ ๆ ที่อยู่ในตลาดนี่แหละ
ลองเข้าไปเดินดูซิ ประกาศขายต่อกันก็มีเยอะ ทิ้งร้างกันก็เยอะ
บางทีเสียดายพื้นที่ เสียดายทำเลมากเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 54

โพสต์

บ้านเก่าก็มีทุบทิ้งด้วยนะครับ

แล้วก็พวกทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่
อย่างของเพื่อนผม ก็มี บ้านที่อยู่มา 20 ปี ตอนนี้กำลังทุบ แล้วสร้างใหม่

ไม่แน่ใจว่า ตัวเลขนี้จะไปนับอยู่ในบ้านใหม่หรือเปล่า
อสังหามีมาเป็น ร้อยๆปี บ้านเก่าไป บ้านใหม่มาทดแทน
ซากคน
Verified User
โพสต์: 1400
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 55

โพสต์

โละบ้านเก่า  สร้างบ้านใหม่มาแทน   :!:
ไม่น่าเชื่อว่า การกลับมาของอุตสาหกรรมอสังหา  จะทำให้หลายคนมองอสังหาไม่ต่างกับสินค้าซื้อมาหมดไป..ได้ขนาดนี้  :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 56

โพสต์

[quote="Voldtrest"]โละบ้านเก่า
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
vilage
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 171
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 57

โพสต์

จากหนังสือ Business Week Thailand จบับเดือนเมษายน 2553 (เป็นหนังสือรายเดือน ตลกดี) มีเขียนเรื่อง "คอนโดล้นตลาดแล้วหรือยัง?" น่าสนใจดีครับ
เค้าบอกว่า ปี 2009มีคอนโดเปิดใหม่ถึง 74 โครงการ รวม 24,400หน่วย กับอีก 107,700หน่วยจาก 250โครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและขาย ซึ่งยังมีเหลือว่างอีก 76,700หน่วยคิดเป็นมูลค่า 7.75หมื่นล้านบาทที่ถูกอั้นไว้เพื่อรอออกสู่ตลาดในปี 2010 และในปี 2010 ยังมีโครงการใหม่ๆอีกไม่น้อยกว่า 68โครงการรวม 20,000หน่วยมูลค่า 8.9หมื่นล้านบาท รวมทั้งสิ้นปี2010จะมีมูลค่ารวมกว่า 1.66แสนล้าน โดยไม่รวมรายเล็กๆ คาดว่าต้องใช้เวลาสองเพื่อให้ดีมานด์ดึงเอาซัพพลายออกจากตลาดได้หมด

ฟังต้วเลขแล้วหนาวๆเหมือนกันครับ

แต่ก็ยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่สำหรับผู้ประกอบการเพราะมีกลยุทย์ "ทำเลดีเสียอย่าง" ลองไปหาอ่านดูครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 58

โพสต์

ไม่น่าแปลกใจนะครับ

แต่ตลาดคอนโดเป็นตลาดที่แปลกอย่างนึง
ถ้าโครงการดี ทำเลดี ยังไงก็ขายหมด แถมหมดตั้งแต่ยังไม่ตอกเสาเข็มด้วย
แต่บางโครงการ ถ้าไม่ดี ยังไงก็ขายไม่ออกจริงๆ นะครับ

ยกตัวอย่าง ทำเลแถวปิ่นเกล้า LPN เป็นตัวพ่อแถวนั้น
เปิดมากี่โครงการ ก็ขายหมด ล่าสุด LPN ปิ่นเกล้า 3 พันห้อง หมดใน 1 เดือน  :shock:

และเป็นโครงการที่ 4 ในถนนเส้นนั้น  :o

แต่ใกล้ๆกัน มีโครงการ My condo มาเปิด ถึงตอนนี้ผ่านมาเป็นปี ก็ยังไม่ปิดโครงการซักที (อาจจะปิดแล้วก็ได้) เห็นให้ส่วนลดกระจายเลย

สำหรับเรื่องทุบแล้วสร้างใหม่ อันนี้เรื่องจริงนะครับ
คอนโดมีอายุ 20 ปี ตามกฎหมาย ต้องตรวจสอบสภาพอาคาร
ถ้ายังอยู่ได้ ก็ปล่อยต่อไป แต่เหมือนเคยได้ยินว่า โครงสร้างอาคารจะอยู่ได้
ประมาณ 50-60 ปี แต่ถ้าดีเวอร์ ระดับไฮคลาส อาจจะอยู่ได้ถึงร้อยปี

แต่ที่แน่ๆ ทุกอย่างมีอายุของมันหมดนะครับ
ถึงเวลา ก็ต้องทุบทิ้ง แล้วสร้างใหม่อยู่ดี
เพียงแต่อสังหา กว่าจะมีการ replacement มันนานมากๆ เท่านั้น
กว่าจะได้เห็นการ replacement ก็ประมาณ 1 ชั่วชีวิตคนเลย

อย่างซื้อคอนโดตอนอายุ 25 กว่าจะทุบอาคาร ก็ตอนเราอายุ 85  :shock:
chavanakorn
Verified User
โพสต์: 191
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 59

โพสต์

การซื้อซ้ำมันไม่นานอย่างที่คิดครับ เพราะปัจจุับันเราเคลื่อนตัวสู่ตลาดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น กล่าวคือผู้บริโภคถูกแบ่งประเภทมากขึ้นเราลองดูในตลาดการ Focus กลุ่มลูกค้าแยกตั้งแต่ระดับอายุ 25-30 ปี ไปถึงกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป แยกย่อยตามไลฟ์สไตล์ในเมืองนอกเมืองอีก ซึ่งเราก็จะเห็นคอนโด ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยวออกมาตอบโจทย์แต่ละ Segment มากมายครับการดูดีมานด์ของตลาดต้องดูที่ดีมานด์ใน Segment ถึงจะถูกเพราะสามารถรู้ได้ว่ามันเกินความต้องการแล้วหรือยัง เราอาจจะบอกว่าคนซื้อมีสองประเภทคืออยู่เอง และปล่อยเช่า แต่เราอย่าลืมว่าสุดท้ายของดีมานด์ที่มีก็คือดีมานด์ของคนที่จะอยู่นั่นเอง ดังนั้นการวิเคราะห์ด้านประชากรที่เห้นหลายๆท่านนำมาให้ดูถือว่าดีมาก แต่ถ้าเราแยกย่อยตามอายุได้ด้วยก็จะดีครับเพราะเราสามารถวิเคราะห์ดีมานด์ได้อย่างเที่ยงตรงมากขึ้น ผมเอ่ยหัวข้อเรื่องการซื้อซ้ำแต่กล่าวเลยเถิดมามากแล้วขอเข้าเรื่องเลยดีกว่า ก็คือผมกำลังจะบอกว่าทุกวันนี้สำหรับคนอายุ 25-30 ปีก็จะซื้อห้องขนาดเล็กในเมือง แต่เราลองนึกความเป็นจริงก็คือถ้าพวกเขาแต่งงานก็ต้องซื้อห้องขนาดเพิ่มขึ้นจริงไหม? ก็จะเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มี 2 ห้องนอน และพอลูกเขาโตขึ้น แน่นอนพวกเขาอาจจะมีการย้ายที่อยู่ออกไปคนเหล่านี้ก็อาจจะเกษียณตัวเองย้ายออกไปอยู่บ้านหลังเล็กๆชานเมืองที่ราคาถูกกว่า ก็จะเห็นว่าจะมีการซื้อบ้านสามรอบอย่างที่ผมกล่าวมา หลายคนอาจจะแย้งว่าทุกวันนี้ไม่เป็นอย่างนั้น แต่คุณลองดูเทรนของตลาดให้ดีครับ และตลาดก็จะเปลี่ยนไปเป็นกระแสนี้มากขึ้น อีกเหตุผลที่จะกล่าวคือการเปลี่ยนที่อยู่ตามฐานะที่สูงขึ้น จากตอนแรกรายได้น้อยก็ซื้อบ้านขนาดเล็ก พอฐานะเติบโตขึ้นก็ซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้นคนจำนวนนี้ยังมีอยู่ในสังคมซึ่งก็เป็นตัวผลักดีมานด์ให้มีอย่างต่อเนื่องครับ
อย่าเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอก แต่จงคิดและเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวท่านเอง !!
ภาพประจำตัวสมาชิก
vilage
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 171
ผู้ติดตาม: 0

อนาคต!!! หุ้นอสังหา!!!

โพสต์ที่ 60

โพสต์

มีข้อมูลมาแชร์ครับ

ผมไปเอาข้อมูลจำนวนประชากรใน กทม มาทำเป็นกราฟเปรียบเทียบปัจจุบันกับอดีตตามรูปครับ

รูปภาพ

คนมีอายุยืนขึ้นจำนวนคนที่มีอายุมากกว่า40ปีเพิ่มขึ้นอยางชัดเจน
น่าจะทำให้บ้านของพ่อแม่กว่าจะตกเป็นมรดกของลูกๆหลานต้องใช้เวลานานขึ้นหลายปี ซึ่งก็น่าจะทำให้จะต้องมีจำนวนที่อยูอาศัยเพิ่มขึ้น เพราะเด็กรุ่นใหม่ที่เรียนจบมีงานทำซักระยะก็อยากจะมีที่อยู่เป็นของตัวเอ็ง ทำให้เป็นช่วงบูมของอสังหาและก็น่าจะบูมต่อไปได้อีก2-3ปีข้างหน้า

แต่ระยะ 5-10ปีข้างหน้าคน กทม ที่มีช่างอายุ 21-30ปีซึ่งเป็นช่วงอายุที่อยากซื้อคอนโด จะมีจำนวนลดลงอย่างชัดเจน ก็น่าจะมีผลต่อยอดขายของพวกอสังหาครับ

โครมีอะไรเพิ่มเติม comment ได้ครับ