และยังเผยแพร่ให้เราๆให้รับรู้เพื่อนำทาง
http://www.thaivi.com/content/view/401/49/
พอร์ตเล็ก-พอร์ตใหญ่
User Rating: / 1
PoorBest
Contributed by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
นักลงทุน โดยเฉพาะที่เป็นมือใหม่บางคนชอบพูดว่า ผมมีเงินน้อย เพราะฉะนั้นต้องลงทุนในหุ้นแบบที่ให้ผลตอบแทนเร็วหน่อย สิ่งที่เขาไม่ได้พูดต่อแต่ในใจเขาคงคิดก็คือ จะมาลงทุนซื้อหุ้นแล้วนั่งรอปันผลและรอให้หุ้นค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นไปตามกำไรของบริษัทโดยไม่ขายหุ้น พอร์ตคงจะไปไม่ถึงไหน สิ่งที่เขาอยากทำก็คือ ซื้อ แล้วรอสักพักเมื่อราคาปรับตัวขึ้นก็ขาย เสร็จแล้วก็หาหุ้นตัวใหม่ที่ราคายังถูก ซื้อ แล้วก็ขายเมื่อราคาขึ้นไป ทำแบบนี้เขาคิดว่าจะทำให้พอร์ตของเขาโตเร็วขึ้น และเมื่อพอร์ตโตพอแล้ว เขาก็จะซื้อหุ้นลงทุนแบบระยะยาวจริง ๆ สิ้นปีก็รับปันผล เสร็จแล้วก็ใช้เงินจากปันผลซื้อหุ้นพื้นฐานดี ๆ ลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขามีเงินมากพอที่จะเป็นอิสระทางการเงิน
นั่นเป็นเส้นทางในฝันของนักลงทุนหลาย ๆ คน เขาคิดว่าการลงทุนนั้น เราสามารถเร่งให้ได้กำไรเร็วขึ้นได้โดยการซื้อขายหุ้นมากขึ้น แต่วอเร็น บัฟเฟตต์ บอกเป็นอุปมาอุปไมยว่า เราไม่สามารถเร่งผลิตเด็กจากการใช้เวลา 9 เดือน ให้เหลือเพียง 1 เดือน ได้โดยการใช้ผู้ชาย 9 คน ความหมายก็คือ การลงทุนนั้นต้องใช้เวลา การซื้อมา ขายไป โดยหวังว่าจะซื้อถูก ขายแพง ได้อยู่เรื่อย ๆ นั้น โอกาสที่จะเป็นจริงนั้น อาจจะน้อยกว่าที่คิด และเมื่อคำนึงถึงต้นทุนในการเข้า-ออก จากหุ้นแล้ว มันก็อาจจะไม่คุ้มที่จะทำ ผลก็คือ ยิ่งทำ พอร์ตก็ยิ่งโตช้าลง เพราะฉะนั้น โดยทั่วไปแล้ว ถ้าคุณยังมีเงินน้อย สิ่งที่ควรจะทำก็คือ จะต้องเริ่มลงทุนเร็วหน่อย และก็พยายามทำงานหาเงินมาลงทุนเพิ่มให้มากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาได้รับปันผลก็เอามาลงทุนเพิ่ม แต่ไม่ใช่การพยายามซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ เพื่อทำให้มันโตเร็วขึ้น
การที่คนมีพอร์ตลงทุนที่ยังเล็กมีความรู้สึกอยากมีพอร์ตใหญ่นั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติ สาเหตุก็คือ เขาอาจจะไปเห็นคนที่มีพอร์ตใหญ่ซึ่งเขารู้สึกว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ รู้สึกถึงความมั่งคั่ง มีอิสระทางด้านการเงิน และสำหรับคนที่รักการลงทุน มันคงจะเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดที่จะสามารถซื้อขายหุ้นและลงทุนในหุ้นที่ตนเองชอบโดยไม่ต้องติดปัญหาว่า ไม่มีเงิน
ในการที่จะแก้ปัญหาเรื่องความรู้สึก พอร์ตเล็ก นั้น ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องทำความเข้าใจใน เรื่องจริง เพื่อที่จะบอกตัวเราเองว่า การมีพอร์ตใหญ่ของคนหลาย ๆ คนนั้น อาจจะไม่ได้หมายถึงความสำเร็จหรือความภาคภูมิใจอะไรเลย ข้อแรกก็คือ เขาอาจจะเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนมากอยู่แล้วหรือบางทีอาจจะมากกว่ามูลค่าพอร์ตที่เห็นด้วยซ้ำ อย่างที่บัฟเฟตต์เคยพูดไว้ในทำนองนี้ว่า มีพอร์ตเป็น 10 ล้านในตลาดหุ้นนั้นง่ายมาก เริ่มต้นด้วย 100 ล้านสิ เดี๋ยวมันก็เป็น 10 ล้านเอง
คนพอร์ตใหญ่บางคนเป็นคนที่มีเงินมากอยู่แล้วจากการทำธุรกิจหรือทำงานอย่างอื่นหรือรวยจากมรดก เขาจึงเอาเงินนั้นมาลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หลายคนซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลงทุนระยะยาว หุ้นหลายตัวนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของ Value Investor ด้วย คนที่ร่ำรวยจากกิจกรรมอื่นอีกบางคนก็เอาเงินเข้ามา เล่นหุ้น แบบเป็น ขาใหญ่ มีพอร์ตเป็น พันล้าน แต่จริง ๆ แล้วเราไม่รู้หรอกว่าเขาสามารถทำผลตอบแทนได้ปีละกี่เปอร์เซ็นต์ ทบต้น เราอาจจะรู้สึกอิจฉาในความมั่งคั่งและอิจฉาที่เขามีพอร์ตใหญ่มีหุ้นมาก แต่เราไม่ควรอิจฉาเขาในแง่ของความสำเร็จจากการลงทุน เหตุผลก็คือ เราไม่รู้ว่าเขาได้ผลตอบแทนเท่าไร นอกจากนั้น ถ้าเขาทำผลตอบแทนได้ดีจริง ๆ เราก็ไม่รู้ว่า ความสำเร็จนั้น เกิดจากความสามารถของการลงทุนหรือการเก็งกำไร หรือเกิดจากการปฏิบัติในสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือขาดคุณธรรมหรือไม่
เรื่องของพอร์ตที่จะใหญ่ได้หรือไม่มากน้อยแค่ไหนนั้นหรือในอนาคตจะใหญ่ไปได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่ที่แน่นอนและมีผลไม่น้อยก็คือ เงินลงทุนเริ่มต้นและเงินที่เพิ่มเติมจาก ภายนอก เช่นเงินเดือนหรือรายได้จากแหล่งนอกตลาดหลักทรัพย์ และเรื่องนี้ บางที มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา เช่น ถ้าคุณเป็นคนรวยอยู่แล้ว การที่พอร์ตจะใหญ่นั้นก็คงจะง่ายกว่าคนที่ไม่มีทรัพย์สมบัติและต้องเริ่มลงทุนด้วยเงินที่น้อยมาก เรื่องของฝีมือในการลงทุนนั้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่จะทำให้พอร์ตนั้นจะสามารถเติบโตหรือรักษาขนาดของพอร์ตไว้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่เราพอจะรู้ก็คือ ในระยะยาวเป็น 15-20 ปีขึ้นไป โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนทบต้นปีละถึง 20% มีน้อยมาก และโอกาสที่จะได้ 30% แทบจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องสำคัญมากที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณเริ่มต้นลงทุนเมื่ออายุเท่าไรและคุณจะลงทุนต่อไปได้อีกกี่ปี การที่พอร์ตจะใหญ่หรือเล็กในอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับเวลาที่ลงทุนว่ายาวแค่ไหน ดังนั้น โดยทั่วไป ถ้าคุณยังมีอายุน้อย โอกาสที่พอร์ตของคุณจะใหญ่นั้นมีอยู่สูงมากถ้าคุณศรัทธาและทุ่มเทให้กับการลงทุนจริง ๆ
ข้อสรุปทั้งหมดของผมก็คือ ในการลงทุนนั้น อย่าไปคิดว่าพอร์ตของเราจะใหญ่หรือเล็ก อย่าไปคิดอิจฉาหรือพยายามวิ่งตามคนอื่น พอร์ตของเราจะใหญ่หรือเล็กนั้นนอกจากจะขึ้นกับฝีมือแล้วก็ยังขึ้นอยู่กับโชคชะตาด้วย วิธีการลงทุนของเรานั้น ไม่ควรไปผูกกับขนาดของพอร์ต เพราะนั่นจะทำให้การลงทุนของเราผิดพลาดมากกว่าที่จะประสบความสำเร็จ ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา ยอมรับและลงทุนอย่างมีความสุขจะดีกว่า
ผมเห็นด้วย 98% แต่ก็มีบางส่วนที่มองต่างออกไป เพื่อนๆมองอย่างไรครับ