คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ท่านเขียนอย่างจิตวิญญานที่เป็น vi เสมอนะครับ
และยังเผยแพร่ให้เราๆให้รับรู้เพื่อนำทาง

http://www.thaivi.com/content/view/401/49/
พอร์ตเล็ก-พอร์ตใหญ่      

User Rating: / 1
PoorBest
Contributed by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร    
           นักลงทุน โดยเฉพาะที่เป็นมือใหม่บางคนชอบพูดว่า ผมมีเงินน้อย เพราะฉะนั้นต้องลงทุนในหุ้นแบบที่ให้ผลตอบแทนเร็วหน่อย สิ่งที่เขาไม่ได้พูดต่อแต่ในใจเขาคงคิดก็คือ จะมาลงทุนซื้อหุ้นแล้วนั่งรอปันผลและรอให้หุ้นค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นไปตามกำไรของบริษัทโดยไม่ขายหุ้น พอร์ตคงจะไปไม่ถึงไหน สิ่งที่เขาอยากทำก็คือ ซื้อ แล้วรอสักพักเมื่อราคาปรับตัวขึ้นก็ขาย เสร็จแล้วก็หาหุ้นตัวใหม่ที่ราคายังถูก ซื้อ แล้วก็ขายเมื่อราคาขึ้นไป ทำแบบนี้เขาคิดว่าจะทำให้พอร์ตของเขาโตเร็วขึ้น และเมื่อพอร์ตโตพอแล้ว เขาก็จะซื้อหุ้นลงทุนแบบระยะยาวจริง ๆ สิ้นปีก็รับปันผล เสร็จแล้วก็ใช้เงินจากปันผลซื้อหุ้นพื้นฐานดี ๆ ลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขามีเงินมากพอที่จะเป็นอิสระทางการเงิน
           นั่นเป็นเส้นทางในฝันของนักลงทุนหลาย ๆ คน เขาคิดว่าการลงทุนนั้น เราสามารถเร่งให้ได้กำไรเร็วขึ้นได้โดยการซื้อขายหุ้นมากขึ้น แต่วอเร็น บัฟเฟตต์ บอกเป็นอุปมาอุปไมยว่า เราไม่สามารถเร่งผลิตเด็กจากการใช้เวลา 9 เดือน ให้เหลือเพียง 1 เดือน ได้โดยการใช้ผู้ชาย 9 คน  ความหมายก็คือ การลงทุนนั้นต้องใช้เวลา การซื้อมา ขายไป โดยหวังว่าจะซื้อถูก ขายแพง ได้อยู่เรื่อย ๆ นั้น โอกาสที่จะเป็นจริงนั้น อาจจะน้อยกว่าที่คิด และเมื่อคำนึงถึงต้นทุนในการเข้า-ออก จากหุ้นแล้ว มันก็อาจจะไม่คุ้มที่จะทำ ผลก็คือ ยิ่งทำ พอร์ตก็ยิ่งโตช้าลง เพราะฉะนั้น โดยทั่วไปแล้ว ถ้าคุณยังมีเงินน้อย สิ่งที่ควรจะทำก็คือ จะต้องเริ่มลงทุนเร็วหน่อย และก็พยายามทำงานหาเงินมาลงทุนเพิ่มให้มากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาได้รับปันผลก็เอามาลงทุนเพิ่ม แต่ไม่ใช่การพยายามซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ เพื่อทำให้มันโตเร็วขึ้น
           การที่คนมีพอร์ตลงทุนที่ยังเล็กมีความรู้สึกอยากมีพอร์ตใหญ่นั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติ สาเหตุก็คือ เขาอาจจะไปเห็นคนที่มีพอร์ตใหญ่ซึ่งเขารู้สึกว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ รู้สึกถึงความมั่งคั่ง มีอิสระทางด้านการเงิน และสำหรับคนที่รักการลงทุน มันคงจะเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดที่จะสามารถซื้อขายหุ้นและลงทุนในหุ้นที่ตนเองชอบโดยไม่ต้องติดปัญหาว่า ไม่มีเงิน
           ในการที่จะแก้ปัญหาเรื่องความรู้สึก พอร์ตเล็ก นั้น ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องทำความเข้าใจใน เรื่องจริง เพื่อที่จะบอกตัวเราเองว่า การมีพอร์ตใหญ่ของคนหลาย ๆ คนนั้น อาจจะไม่ได้หมายถึงความสำเร็จหรือความภาคภูมิใจอะไรเลย ข้อแรกก็คือ เขาอาจจะเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนมากอยู่แล้วหรือบางทีอาจจะมากกว่ามูลค่าพอร์ตที่เห็นด้วยซ้ำ อย่างที่บัฟเฟตต์เคยพูดไว้ในทำนองนี้ว่า มีพอร์ตเป็น 10 ล้านในตลาดหุ้นนั้นง่ายมาก เริ่มต้นด้วย 100 ล้านสิ เดี๋ยวมันก็เป็น 10 ล้านเอง
           คนพอร์ตใหญ่บางคนเป็นคนที่มีเงินมากอยู่แล้วจากการทำธุรกิจหรือทำงานอย่างอื่นหรือรวยจากมรดก เขาจึงเอาเงินนั้นมาลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หลายคนซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลงทุนระยะยาว หุ้นหลายตัวนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของ Value Investor ด้วย คนที่ร่ำรวยจากกิจกรรมอื่นอีกบางคนก็เอาเงินเข้ามา เล่นหุ้น แบบเป็น ขาใหญ่ มีพอร์ตเป็น พันล้าน แต่จริง ๆ แล้วเราไม่รู้หรอกว่าเขาสามารถทำผลตอบแทนได้ปีละกี่เปอร์เซ็นต์ ทบต้น เราอาจจะรู้สึกอิจฉาในความมั่งคั่งและอิจฉาที่เขามีพอร์ตใหญ่มีหุ้นมาก แต่เราไม่ควรอิจฉาเขาในแง่ของความสำเร็จจากการลงทุน เหตุผลก็คือ เราไม่รู้ว่าเขาได้ผลตอบแทนเท่าไร นอกจากนั้น ถ้าเขาทำผลตอบแทนได้ดีจริง ๆ เราก็ไม่รู้ว่า ความสำเร็จนั้น เกิดจากความสามารถของการลงทุนหรือการเก็งกำไร หรือเกิดจากการปฏิบัติในสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือขาดคุณธรรมหรือไม่
            เรื่องของพอร์ตที่จะใหญ่ได้หรือไม่มากน้อยแค่ไหนนั้นหรือในอนาคตจะใหญ่ไปได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่ที่แน่นอนและมีผลไม่น้อยก็คือ เงินลงทุนเริ่มต้นและเงินที่เพิ่มเติมจาก ภายนอก เช่นเงินเดือนหรือรายได้จากแหล่งนอกตลาดหลักทรัพย์ และเรื่องนี้ บางที มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา เช่น ถ้าคุณเป็นคนรวยอยู่แล้ว การที่พอร์ตจะใหญ่นั้นก็คงจะง่ายกว่าคนที่ไม่มีทรัพย์สมบัติและต้องเริ่มลงทุนด้วยเงินที่น้อยมาก เรื่องของฝีมือในการลงทุนนั้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่จะทำให้พอร์ตนั้นจะสามารถเติบโตหรือรักษาขนาดของพอร์ตไว้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่เราพอจะรู้ก็คือ ในระยะยาวเป็น 15-20 ปีขึ้นไป โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนทบต้นปีละถึง 20% มีน้อยมาก และโอกาสที่จะได้ 30% แทบจะเป็นไปไม่ได้ เรื่องสำคัญมากที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณเริ่มต้นลงทุนเมื่ออายุเท่าไรและคุณจะลงทุนต่อไปได้อีกกี่ปี การที่พอร์ตจะใหญ่หรือเล็กในอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับเวลาที่ลงทุนว่ายาวแค่ไหน  ดังนั้น โดยทั่วไป ถ้าคุณยังมีอายุน้อย โอกาสที่พอร์ตของคุณจะใหญ่นั้นมีอยู่สูงมากถ้าคุณศรัทธาและทุ่มเทให้กับการลงทุนจริง ๆ
           ข้อสรุปทั้งหมดของผมก็คือ ในการลงทุนนั้น อย่าไปคิดว่าพอร์ตของเราจะใหญ่หรือเล็ก อย่าไปคิดอิจฉาหรือพยายามวิ่งตามคนอื่น พอร์ตของเราจะใหญ่หรือเล็กนั้นนอกจากจะขึ้นกับฝีมือแล้วก็ยังขึ้นอยู่กับโชคชะตาด้วย วิธีการลงทุนของเรานั้น ไม่ควรไปผูกกับขนาดของพอร์ต เพราะนั่นจะทำให้การลงทุนของเราผิดพลาดมากกว่าที่จะประสบความสำเร็จ ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา ยอมรับและลงทุนอย่างมีความสุขจะดีกว่า

ผมเห็นด้วย 98% แต่ก็มีบางส่วนที่มองต่างออกไป เพื่อนๆมองอย่างไรครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
jaychou
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมมีบางส่วนเห็นต่างออกไปครับ คนมีผอร์ตล้านเดียวกับสิบล้าน ความคล่องตัวห่างกันเยอะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
s3410312
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 180
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมเองคิดว่า อะไรที่เร่งรัด น้อยนักจะได้ผลดี
และสนใจฟัง 2% ของคุณลูกอิสาน ครับ

ต้องคอยบอกตัวเองแหละครับ ให้ใจเย็น ใจเย็น และรอ
อาจจะมีตกรถบ้าง แต่ดีกว่าติดดอย เงินทองไม่ใหญ่โต
จะคิดอ่านทำอะไร ต้องรอบคอบครับ
Nothing like it seem.
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา ยอมรับและลงทุนอย่างมีความสุขจะดีกว่า
8) ฝีมือหรือจะสู้ดวงดาว
    กับ
    ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

    คุณว่าใครชนะ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมเห็นต่างในประเด็น
"ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา"
เพราะผมไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตา ผมเชื่อในเรื่องกรรม หรือ การกระทำ
"Winners never quit, and quitters never win."
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับดร.หมดครับ และพอร์ตของดร. เองก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์อยู่แล้ว

ผมว่าบัฟเฟตและดร.นั้นไม่เหมือนกับนักลงทุนทั่วไปอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ทั้งสองคนรู้จักรอคอยที่จะซื้อเฉพาะแต่โอกาสที่ดีจริงๆ เท่านั้น ในชีวิตหนึ่งถ้าคนเราได้เจอโอกาสแบบนั้นเพียงสักสามครั้งก็เป็นเศรษฐีได้แล้วครับ

ผมรอของผมอยู่ครับ  :D
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
javoel
Verified User
โพสต์: 383
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

บทความนี้ปลอบใจ(ให้กำลังใจ) คนอย่างผม (หวังว่าจะโตซักวัน)
   
  เพราะ port ผม เล็กมากครับ   โดยเฉพาะเมื่อเทียบ(คิดว่า)กับพี่ๆ ใน web นี้
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ความสำเร็จนั้นไม่ได้มาอย่างง่ายดาย

ผมว่านักลงทุนมือใหม่ในเวบนี้  มีไม่น้อยที่อิจฉาผม  เห็นควาสำเร็จในการลงทุนของผมในทุกวันนี้

แต่กว่าที่ผมจะมาถึงวันนี้ได้  ผมก็ผ่านมาเยอะ

ผมเริ่มเล่นหุ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี 33  เริ่มต้นก็ขาดทุนแทบหมด  เพราะเจอซัดดัม

แต่ก็เล่นหุ้นมาเรื่อยๆ  โดยอาศัยเงินทุนจากเงินเดือน  ได้บ้างเสียบ้าง  จนถึงกลางปี 39  

6 ปีผ่านไป  ยังไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่น้อย  ท้อใจก็มีบ้าง  จากความมั่นใจในช่วงเริ่มเล่นหุ้น  จนเริ่มเห็นภาพที่แท้จริงว่า  ความสำเร็จย่อมไม่ง่ายดาย  ไม่งั้นผู้คนคงร่ำรวยไปหมดแล้ว

ผมเลิกเล่นหุ้นตั้งแต่กลางปี 39 จนถึง ปีกลางปี 42  รวม 3 ปี  ที่อดทนรอโอกาส

หลังจากนั้น  ผมก็เริ่มต้นลงทุนใหม่  ด้วยเงิน 6 แสนบาท  และก็ประสบความสำเร็จมาจนทุกวันนี้

จากช่วงแรกที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ  เป็นระยะเวลา 9 ปีทีเดียวครับ

ที่เขียนมาก็เพื่ออยากให้กำลังใจเพื่อนๆที่ปัจจุบันนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน  แต่ถ้าเรามีใจรัก  ความสำเร็จก็จะรอคอยเราอยู่ข้างหน้า  ถ้าเราไม่สิ้นหวังไปซะก่อน

แข่งฟุตบอล  ยังไม่ยอมแพ้จนกว่าจะกรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลา

แต่การลงทุน ไม่มีกรรมการมาคอยเป่าหมดเวลานะครับ  มีแต่เราหมดเวลาของเราเอง   ดังนั้นเราก็ควรที่จะรักษาสุขภาพกาย  สุขภาพใจ  ของเราให้ดี  เพื่อที่จะมีเวลานานๆ
Viewtiful Investor
Verified User
โพสต์: 1477
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

คุณ chatchai ยอดเลยครับ :cheers:

ผมจะพยายามค่อยๆตามไป
I do not sleep. I dream.
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 1

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

:man:

:cool:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

:cheers: ขอบคุณคุณ chatchai ครับ

น่าจะแต่งอัตชีวประวัติสักเล่มนะครับ น่าจะขายดี :cheers:
BHT
Verified User
โพสต์: 1822
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

CK เขียน::cheers: ขอบคุณคุณ chatchai ครับ

น่าจะแต่งอัตชีวประวัติสักเล่มนะครับ น่าจะขายดี :cheers:
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ถ้าทำนะ ไม่ต้องไปขายตามร้านเลย ขายผ่านเว็บหาเงินเข้าเว็บ แบ่งรายได้ให้เจ้าของเรื่อง ตามสัดส่วนที่เหมาะสม

รูปเล่ม ใช้พิมพ์ออกมาแล้วถ่ายเอกสารเย็บเล่มง่ายๆก็ได้ครับ ประหยัดต้นทุนไดเยอะ

รับรองขายดีเป็นเททิ้ง :cheers:
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำครึ่งแก้ว
Verified User
โพสต์: 1098
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

อืมม ครับ :cheers:  :cool:  :bow:  :pray:
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
นายสต็อก
Verified User
โพสต์: 777
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

บัฟเฟตต์เคยพูดไว้ในทำนองนี้ว่า มีพอร์ตเป็น 10 ล้าน
ในตลาดหุ้นนั้นง่ายมาก เริ่มต้นด้วย 100 ล้านสิ เดี๋ยวมันก็เป็น 10 ล้านเอง
คนพูดแนวนี้...เรียกว่าพูดแบบทุนนิยมครับ (Capitalism)
อย่างว่าแหละครับ อเมริกาเค้าเป็นต้นแบบของระบบทุนนิยมอยู่แล้ว

"ใครลงทุนน้อยก็ได้ส่วนแบ่งชิ้นเนื้อไปน้อย...ใครลงทุนมากก็ได้ส่วนแบ่งชิ้น
เนื้อไปมาก!!!" :idea:

ลงทุนตามอัตภาพ "แสนเดียว"...จะได้แบบพวก ลงทุน "100 ล้าน" ได้ยังไง?
มันถึงเกิดปัญหาเรื่องชนชั้นทางสังคม อย่างทุกวันนี้ไงครับ
- ชนกรรมาชีพ!
- ชนชั้นกลาง!
- ชนชั้นปกครอง!
- ชนชั้นปัญญาชน!
และอีกมากมาย...:?:
mey
Verified User
โพสต์: 359
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

[quote="chatchai"]
phobenius
Verified User
โพสต์: 1976
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

การลงทุนอย่างมีความสุข ผมคิดว่า ทำได้มันจะดีมากเลยครับ อยากเป็นอย่างนี้ตลอดไป
Capo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1067
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

วันนี้ได้อ่านบทความนี้ของท่าน ดร. เหมือนกัน
แล้วได้มาอ่านประสบการณ์ของพี่ฉัตรชัยอีก

เลยมีแรงฮึดขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ  :bow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 1

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

jaychou เขียน:ผมมีบางส่วนเห็นต่างออกไปครับ คนมีผอร์ตล้านเดียวกับสิบล้าน ความคล่องตัวห่างกันเยอะครับ
:oops: คนมีพอท์ตหญ่ายๆ  รับหุ้นไม่ให้ลงแบบดูแลอย่างดีน่ะ :wink:
WIN
Verified User
โพสต์: 15
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

I love P'Chatchai's article !!
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

นับถือพี่ฉัตรชัยครับ
รักในหลวงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ผมเห็นต่างในประเด็น
"ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา"
เพราะผมไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตา ผมเชื่อในเรื่องกรรม หรือ การกระทำ
นี่มันคำพูดของผมชัดๆ  คุณHVI เอาคำพูดผมมาโพสท์ก่อนได้ยังไง.... :lovl:

แต่เอาหละๆ  งั้นผมดัดแปลงนิดหนึ่งก็ได้เพื่อให้แตกต่าง

ผมเห็นต่างในประเด็น
"ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา"

เพราะผมไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตา ผมเชื่อในเรื่องเหตุและผล หรือ ผลย่อมเกิดมาแต่เหตุทั้งนั้น  

เหตุหลายอย่างเรารู้ชัดๆ  เหตุหลายอย่างเรายังบอกไม่ได้ก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีตัวตนอยู่


ถ้าดร.จะเรียกเหตุที่เรายังไม่รู้ว่าโชคชะตา ก็ไม่ว่าอะไรครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 22

โพสต์

[quote="mey"]นี่คือตัวอย่างของ......นักลงทุนที่มีความมุ่งมั่น
ong120
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 117
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ขอบคุณ chatchai  ที่เป็นตัวอย่างที่ดี (และอยากฟังประวัติของพี่ๆอีกหลายคนในwebนี้ เพื่อศึกษาและเป็นตัวอย่างในการดำรงชีวิต)
และเห็นด้วยกับคุณ ck,BHT ที่แต่งอัตชีวประวัติของคุณ chatchai ผมเป็นคนหนึ่งที่ซื้ออ่าน

ส่วนบทความข้าบนผมเป็นด้วยครับ เพราะ
ส่วนตัวผมเอง ก็เริ่มจากพอร์ตเล็กเหมือนกัน
เมื่อสองปีที่แล้วอายุ 22  เริ่มต้น port ด้วยสองพันกว่าบาท ไม่มี account ของตัวเอง ฝากพี่ชายซื้อ จำได้เลยว่าได้เงินจากแต๊ะเอีย
ต่อมา อดมื้อกินมื้อ (จริงๆ) เพื่อมีเงินเหลือเก็บ 2-3พันกว่าบาทต่อเดือน เก็บมาเรื่อยๆ port ใหญ่โตเป็น สองหมื่นบาท ก็ไปเปิด seamico account ก็มี port ของตนเอง

ตอนนี้อายุ 24 (เดือนหน้า อายุ 25แล้ว )เป็น  intern 1 port เป็น หกหลักต้นๆ (ขอบคุณ KH se-ed อิอิ)

สิ่งที่ได้สองปีจากการลงทุน คือความรู้ ที่เติบโตมาพร้อมกับ port , และ ......
ความสุขที่ ไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์คนส่วนใหญ่
หุ้นลงก็ดีที่ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มได้(ถ้าซื้อในจำนวนเงินที่เท่ากันๆ) หุ้นขึ้นก็ดีที่ทำให้จำนวนเงินเพื่มได้
และ เราให้เวลากับ port น้อยมาก นานๆครั้งดูก็ได้

พอเปรียนเทียบกับคนใกล้ชิดผม port เจ็ดหลัก เก็งกำลัย อืมม เครียดตาย......

สรุป ขอ port เล็ก แต่มีความสุข ดีกว่า ครับ

ต้องขอบคุณ บทความดีๆ และเพื่อนๆ ที่ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะครับ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 24

โพสต์

สามัญชน เขียน:
นี่มันคำพูดของผมชัดๆ
"Winners never quit, and quitters never win."
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 25

โพสต์

ส่วนที่ผมเห็นต่างไปคือพอร์ตเล็ก & พอร์ตใหญ่ ควรมีกลยุทธิ์เทคนิคที่ต่างกันครับ

คือพอร์ตเล็กควรเน้นหุ้น(VI) ที่มี่ความผันผวนสูงหรือ high beta เช่นอาจจะเป็นหุ้นตัวเล็ก หุ้นเติบโตสูง หรือหุ้นพื้นฐานดีที่มีการ manipulate ราคาบ้าง เพราะโอกาสที่จะทำกำไรมีสูงกว่า การลงทุนในหุ้นปันผลและเติบโตช้า ซึ่งผมมองว่าน่าจะเหมาะกับพอร์ตค่อนข้างใหญ่ และต้องการความมั่นคงสูง


กรณีของพี่ฉัตรชัย ผมก็เข้าใจว่าตอนเริ่มแรกก็ลงทุนในหุ้น high beta เช่นกัน จำได้ว่าน่าจะเป็น s-one-w3

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหุ้นเหล่านี้ก็ต้องมีพื้นฐานรองรับที่ดี เป็นหุ้นที่มีคุณค่าเหมือนกัน ไม่ใช่ให้ลงทุนในหุ้นที่เค้าทำราคากันนะครับ


ฝีมือนั้นช่วยเสริมโชคชะตาได้ แต่ฝีมือนั้น น้อยครั้งที่จะสามารถฝืนโชคชะตา
ไม่แน่ใจว่าท่านต้องการสื่ออย่างไรครับ :D  แต่ผมชื่ออย่างนี้ครับ..

ความสำเร็จที่โดดเด่น ต้องอาศัยทั้งฝีมือและโชคครับ

หลายท่านที่ประสบความสำเร็จโดดเด่นวันนี้ นอกจากฝีมือแล้ว ก็เติบโตมาหลังวิกฤติเศรษกิจครั้งที่ผ่านมาเกือบทั้งนั้นครับ ทำให้ได้ซื้อหุ้นที่ราคาถูกๆ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 26

โพสต์

[quote="HVI"]
เอาอีกแล้วคุณหมอ เมื่อก่อนเห็นลอกการบ้านพี่พอใจไปรอบนึงก็พูดแบบนี้
คราวนี้มาลอกการบ้านผม ยังพูดเหมือนเดิมอีก
คราวหลังถ้าจะลอกการบ้าน เปลี่ยนมุขบ้างก็ได้นะคร้าบบบ...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
riname
Verified User
โพสต์: 86
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 27

โพสต์

.....ใหญ่  เล็ก  มิน่าสน....................
.....มาก   น้อย  มิประสา..................
.....เหตุผล ปัญญา  เป็นหนึ่ง ...........
.....เส้นทาง  ทิศทาง  เป็นพอ...........
นายสต็อก
Verified User
โพสต์: 777
ผู้ติดตาม: 0

แมงเม่า VI

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ความสำเร็จที่โดดเด่น ต้องอาศัยทั้งฝีมือและโชคครับ

หลายท่านที่ประสบความสำเร็จโดดเด่นวันนี้ นอกจากฝีมือแล้ว ก็เติบโตมา
หลังวิกฤติเศรษกิจครั้งที่ผ่านมาเกือบทั้งนั้นครับ ทำให้ได้ซื้อหุ้นที่ราคาถูกๆ
แมงเม่า VI อย่างผม..
ช่วงตกต่ำขีดสุดนั้น ผมวิ่งเต้นขายตึกแถว 2 ห้อง ย่านศาลเจ้าพ่อเสือให้
สหกรณ์ครูอาชีวะไป กว่าจะเจรจาต่อรองจนปิด Case ได้ เล่นเอาเหนื่อย
เลย พอได้เงินก้อนใหญ่เข้ามา ถึงได้พอช่วยที่บ้านให้ยืนอยู่ได้

เงินที่ได้มาก็ต้อง วิ่งไปเจรจาต่อรองกับ ธ.กรุงเทพ สำนักงานใหญ่
เรื่อง การคำประกันเงินกู้ ของกิจการพี่สาว ช่วงที่ผมอยู่อเมริกาอีก
กว่าจะปิดเรื่องได้ ก็เล่นเอา เหงื่อตกเหมือนกัน คุณก็รู้...คุยเรื่อง
หนี้กับธนาคารนั้น คุยกันง่ายซะที่ไหนหล่ะครับ

แม้ว่าเราเจรจาแล้วจะได้ส่วนลดดอกเบี้ยหลายแสนก็ตามที
อย่างว่าแหละครับ ผมชอบเป็นไท...ไม่ชอบเป็นหนี้ใคร! :roll:

ถ้าผมมีความรู้เรื่องหุ้นมากๆ...
ช่วงนั้น ผมคงกว้านซื้อหุ้นได้ถูกมากๆ เลยอาจซื้อได้
ณ ดัชนี 2-300 จุด ด้วยซ้ำไป!!! เชื่อว่า น่าจะทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่า
3-4 เท่า อย่างแน่นอน 8)

ผมเริ่มเข้าซื้อ ณ ดัชนีราว 350-400 จุด แค่นั้น แต่ชั่วโมงบินยังไม่สูง
เลยไม่ได้ลงทุนจริงๆ จังๆ อะไร!!! (ยังวัยรุ่นก็เล่นเอามันส์ ไม่ได้หวังร่ำรวย!) :twisted:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 29

โพสต์

ของคุณHVI เรียกว่าลอกการบ้านครับ เพราะผมดัดแปลงด้วย  ลอกแบบมีศิลปะอ่ะ

ของพี่พอใจไม่เรียกว่าลอกการบ้านครับ
เรียกว่าxerox แล้วเติมชื่อตัวเองลงไปเลยหล่ะ  :lovl:  :lovl:  :lovl:

งั้นผมทำการบ้านเองมั่งก็ได้

ลูกอิสานบอกว่า
ส่วนที่ผมเห็นต่างไปคือพอร์ตเล็ก & พอร์ตใหญ่ ควรมีกลยุทธิ์เทคนิคที่ต่างกันครับ

คือพอร์ตเล็กควรเน้นหุ้น(VI) ที่มี่ความผันผวนสูงหรือ high beta เช่นอาจจะเป็นหุ้นตัวเล็ก หุ้นเติบโตสูง หรือหุ้นพื้นฐานดีที่มีการ manipulate ราคาบ้าง เพราะโอกาสที่จะทำกำไรมีสูงกว่า การลงทุนในหุ้นปันผลและเติบโตช้า ซึ่งผมมองว่าน่าจะเหมาะกับพอร์ตค่อนข้างใหญ่ และต้องการความมั่นคงสูง
ตรงนี้ผมเห็นแย้งกับลูกอิสาน

1.ผมว่าพอร์ทเล็กได้เปรียบพอร์ทใหญ่เพราะคล่องตัวกว่า เก็บหุ้นได้ครบเร็วกว่า ขายหมดง่ายกว่า  ถ้าพอร์ทใหญ่กว่าจะเก็บได้ครบราคาก็ถูกดันขึ้นไปสูง  กว่าจะขายหมดราคาก็ร่วงติดดิน

2.พอร์ทเล็กไม่จำเป็นต้องเลือก high beta เผลอๆจะยิ่งทำให้พอร์ทโตช้าลงอีก

3.เช่นเดียวกับพอร์ทใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกหุ้นปันผลและเติบโตช้า

4.ขนาดของพอร์ทไม่มีผลต่อการเลือกหุ้น เพียงแต่ความสะดวกสบายต่างกันเท่านั้นเอง  ซึ่งคุณค่าของหุ้นที่เราเลือกย่อมอยู่เหนือความสะดวกสบายอยู่แล้ว

ปล.พอร์ทใหญ่ในที่นี้ผมนับตั้งแต่ร้อยล้านขึ้นไป พอร์เล็กนับจากหนึ่งล้านลงมา
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
iambuffet
Verified User
โพสต์: 337
ผู้ติดตาม: 0

คิดอย่างไรกับบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ครับ

โพสต์ที่ 30

โพสต์

ขอบคุณคุณฉัตรชัยครับ
เป็นกำลังใจได้ดีครับ

จริง ๆ แม้แต่บัฟเฟต
เองแม้แกจะศึกษากับเกรแฮม
จนมั่นใจแล้ว
ก็ก็ยังพลาดครับ

เช่นการลงทุนในสิ่งทอ

ขอให้ทุกคนเข้มแข็งครับ
อย่ากลัวความล้มเหลว
ถึงล้มเหลวแต่เราก็จะได้บทเรียน

เอดิสันกว่าจะผลิตหลอดไฟได้
ล้มเหลวมามาก  จนนับครั้งไม่ถ้วนครับ
โพสต์โพสต์