ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 5 พฤศจิกายน 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ถ้าจะวิเคราะห์ผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนั้น เราควรแยกความเสียหายออกเป็นสองด้านนั่นคือ ความเสียหายจากทรัพย์สิน และความเสียหายจากธุรกิจเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ยอดขายที่ลดลงในระยะสั้นและระยะยาว โดยทั่วไปบริษัทมักจะเสียหายทั้งสองด้าน คือทรัพย์สินเสียหาย แล้วตามด้วยธุรกิจที่ถดถอยลง อย่างไรก็ตาม บางบริษัททรัพย์สินเสียหายบ้าง แต่ธุรกิจก็ไม่ได้ด้อยลง อาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ เช่นเดียวกัน บางบริษัท ทรัพย์สินไม่ได้เสียหาย แต่ธุรกิจด้อยลง ลองมาดูกันว่าธุรกิจแต่ละอย่างถูกกระทบอย่างไร
บริษัทที่ทำนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตที่ถูกน้ำท่วมรุนแรงนั้นต้องถือว่าเป็นผู้ที่เสียหายหนักทั้งด้านของทรัพย์สินและการเสียหายด้านธุรกิจ ประเด็นของการเสียหายด้านทรัพย์สินนั้นมีทั้งด้านของสาธารณูปโภคของนิคมเช่น ระบบไฟฟ้าซึ่งรวมถึงเครื่องปั่นไฟที่บริษัทมักจะผลิตไฟฟ้าขายให้กับบริษัทในนิคม เครื่องทำน้ำประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย และอื่น ๆ อีกมาก อย่างไรก็ตาม ความเสียหายในส่วนนี้ บริษัทมักมีการทำประกันไว้ ดังนั้น ก็จะได้รับการชดเชยบ้าง แต่ทรัพย์สินสำคัญที่น่าจะเสียหายอย่างหนัก แต่เราอาจจะยังไม่ตระหนักก็คือ “การลดค่าของที่ดิน” เนื่องจากทำเลนั้นกลายเป็นทำเลที่ “ไม่เหมาะสมสำหรับการสร้างโรงงาน” เนื่องจากอาจจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ได้อีกในอนาคต ซึ่งการเสียหายแบบหลังนี้น่าจะสูงกว่าแบบแรก รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นความเสียหายที่ไม่มีการทำประกันไว้
ความเสียหายทางธุรกิจของนิคมอุตสาหกรรมเองก็น่าจะสูงมาก เหตุผลก็เพราะว่าลูกค้ารายใหม่ ๆ ที่คิดจะซื้อที่ดินสร้างโรงงานก็คงหลีกเลี่ยงที่จะซื้อที่ดินเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกในอนาคต จริงอยู่ นิคมอาจจะทำระบบกำแพงป้องกันน้ำท่วมแบบแข็งแรงน้ำไม่สามารถเข้าไปท่วมได้ แต่นั่นก็ไม่รับประกันว่าโรงงานที่อยู่ข้างในจะสามารถเปิดดำเนินการได้ถ้าภายนอกนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำและคนและวัตถุดิบต่าง ๆ ไม่สามารถจะเข้าไปได้ นอกจากนั้น การสร้างกำแพงป้องกันก็ต้องลงทุนไม่น้อย และไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ราคาขายที่ดินถ้าไม่ลดลงก็คงจะไม่สามารถปรับขึ้นไปได้ ดังนั้น ดูไปแล้ว ธุรกิจของนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมคงจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากไปอีกนานพอสมควรทีเดียว อย่างมากที่จะทำได้ก็คือ ต้องไปหาทำเลใหม่และเริ่มต้นนับหนึ่งจากทำเลนั้น ซึ่งกว่าจะเริ่มออกดอกผลก็มักจะต้องใช้เวลานานเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ต้องใส่ลงไป
บริษัททำบ้านจัดสรร โดยเฉพาะที่มีโครงการและที่ดินเหลืออยู่ในทำเลที่ถูกน้ำท่วมหนักเช่นในย่านบางบัวทองหรือบางใหญ่ ความเสียหายของทรัพย์สินนั้นในทางบัญชีอาจจะดูเหมือนว่าจะมีน้อย อย่างไรก็ตาม นี่ก็เหมือนกับในกรณีของนิคมอุตสาหกรรมนั่นคือ มันไม่ได้รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการลดค่าของที่ดินซึ่งน่าจะมีไม่น้อย ผมเองไม่ได้มีตัวเลขที่ชัดเจน แต่เมื่อคิดถึงตัวเองที่มีที่ดินจัดสรรอยู่ในเขตน้ำท่วมรุนแรงซ้ำซากแล้ว ถ้าขายได้ครึ่งหนึ่งของราคาเดิมผมก็พอใจแล้ว ในกรณีของที่ดินในโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่โดนน้ำท่วมหนักในครั้งนี้ ผมคิดว่าราคาจะลดลงซัก 20-30% ก็น่าจะเป็นไปได้
ในส่วนของธุรกิจบ้านจัดสรรเองนั้น ผมคิดว่าการขายบ้านที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนักครั้งนี้คงจะยากขึ้นมากโดยเฉพาะในช่วงปีหรือสองปีนี้ ว่าที่จริงแม้แต่บ้านที่มีการวางมัดจำหรือผ่อนดาวน์ไปบ้างแล้วก็น่าจะมีการทิ้งดาวน์ไม่ไปโอนอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เหตุผลนอกจากการไม่อยากมีบ้านอยู่ในทำเลที่ “ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย” แล้ว ก็อาจจะเป็นเพราะคนที่จองซื้อไว้อาจจะมองว่าราคาของบ้านคงจะลดลงมา ดังนั้นจึงยอมทิ้งดาวน์ และถ้าอยากจะได้จริง ๆ ก็ค่อยไปซื้อใหม่น่าจะได้บ้านในราคาที่ถูกกว่า ดังนั้น ธุรกิจของบริษัทที่มีโครงการและที่ดินอยู่ในเขตน้ำท่วมหนักอย่างมีนัยสำคัญคงถูกกระทบค่อนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า วิธีการแก้ไขก็คงต้องไปทำโครงการที่อยู่ในทำเลที่ไม่ถูกน้ำท่วมรุนแรง อย่างไรก็ตาม นี่ก็มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาโครงการ
บริษัทที่เป็นโรงงานผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคและยานยนต์ที่มีโรงงานหลักอยู่ในเขตที่น้ำท่วมรุนแรงนั้น ความเสียหายจากทรัพย์สินคงจะมีไม่น้อยทีเดียวแม้ว่าจะมีการประกันภัยไว้ เพราะนอกจากทรัพย์สินแล้ว โรงงานคงมีค่าใช้จ่ายที่ไม่น่าจะเคลมคืนได้เช่น ค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรงงาน ค่าแรงคนงานที่มักจะยังต้องจ่ายในระดับถึง 75% ของค่าแรงพื้นฐาน สินค้าและวัตถุดิบที่เสียหาย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมาก
ในส่วนของความเสียหายทางด้านธุรกิจนั้นผมคิดว่าคงมีไม่น้อยเหมือนกันโดยเฉพาะผู้ผลิตที่เป็นผู้ส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นหลัก เหตุผลนั้นนอกจากความเสียหายที่ไม่สามารถขายสินค้าได้ในช่วงที่โรงงานถูกน้ำท่วมเป็นเดือน ๆ แล้ว ในระยะยาวออกไปหลังจากที่โรงงานกลับมาดำเนินการใหม่บริษัทเองก็อาจจะประสบปัญหาในการขายได้เหมือนกันในแง่ที่ว่า ลูกค้าเดิมนั้นอาจจะหันไปหาซัพพลายเออร์รายใหม่ไปแล้วเนื่องจากเขารอไม่ไหว จริงอยู่ บริษัทน่าจะได้รับออเดอร์กลับมาบ้าง แต่ผู้ซื้อก็อาจจะต้องกระจายความเสี่ยงโดยการสั่งซื้อจากที่อื่นมากขึ้นเนื่องจากเขากลัวว่าถ้าเกิดปัญหาน้ำท่วมอีกในอนาคต การผลิตของเขาจะมีปัญหาอีกเช่นในปีนี้
ธุรกิจเช่นพวกผู้ค้าปลีกเองนั้น ความเสียหายจากทรัพย์สินเองมักจะมีไม่มากเนื่องจากมักจะเป็นแค่ร้านค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนัก เครื่องมือหรืออุปกรณ์มักมีราคาไม่สูงและน่าจะมีการประกันภัยไว้ ในส่วนของธุรกิจเอง ความเสียหายส่วนใหญ่น่าจะมาจากยอดขายที่หายไปจากการปิดสาขาร้านที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวมแล้วก็ยังไม่มากมายนัก ความเสียหายอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่สินค้าขาดเนื่องจากระบบจัดส่งสินค้าขัดข้องเนื่องจากศูนย์กระจายสินค้าถูกน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ลดลงนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องระยะสั้น เมื่อน้ำลดหรือระบบกระจายสินค้าทั้งที่เป็นศูนย์ชั่วคราวหรือศูนย์เดิมทำงานได้แล้ว ยอดขายก็จะกลับมาเป็นปกติ ผลกระทบระยะยาวมีน้อยมาก
สุดท้ายก็คือบริษัทที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูบ้านหรือสิ่งก่อสร้างหลังน้ำลด นี่รวมถึงผู้ขายวัสดุและผู้รับเหมาก่อสร้าง บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะไม่ใคร่ถูกกระทบในด้านของทรัพย์สินที่เสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ ในด้านของธุรกิจเองนั้น ในช่วงน้ำกำลังท่วมบริษัทอาจจะมียอดขายที่ลดลงบ้างเนื่องจากปัญหาการคมนาคมและตัวลูกค้าและคนงานที่อาจจะพะวงอยู่กับปัญหาน้ำท่วม แต่หลังจากน้ำลดลงแล้ว ธุรกิจก็จะเฟื่องฟูมากจน “ทำไม่ทัน” และมากกว่ายอดขายที่เสียไป ยอดขายหรือธุรกิจที่ดีขึ้นนี้น่าจะดำรงอยู่อย่างน้อยก็ 1-2 ปีขึ้นไป และต้องถือว่านี่คือกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์จากน้ำท่วมใหญ่ ในขณะที่กลุ่มอื่นทั้งหมดนั้น โดยรวมแล้วมักจะเสียหายหรือขาดทุนหรืออย่างมากก็เสมอตัวในเหตุการณ์วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ถ้าจะวิเคราะห์ผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนั้น เราควรแยกความเสียหายออกเป็นสองด้านนั่นคือ ความเสียหายจากทรัพย์สิน และความเสียหายจากธุรกิจเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ยอดขายที่ลดลงในระยะสั้นและระยะยาว โดยทั่วไปบริษัทมักจะเสียหายทั้งสองด้าน คือทรัพย์สินเสียหาย แล้วตามด้วยธุรกิจที่ถดถอยลง อย่างไรก็ตาม บางบริษัททรัพย์สินเสียหายบ้าง แต่ธุรกิจก็ไม่ได้ด้อยลง อาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ เช่นเดียวกัน บางบริษัท ทรัพย์สินไม่ได้เสียหาย แต่ธุรกิจด้อยลง ลองมาดูกันว่าธุรกิจแต่ละอย่างถูกกระทบอย่างไร
บริษัทที่ทำนิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตที่ถูกน้ำท่วมรุนแรงนั้นต้องถือว่าเป็นผู้ที่เสียหายหนักทั้งด้านของทรัพย์สินและการเสียหายด้านธุรกิจ ประเด็นของการเสียหายด้านทรัพย์สินนั้นมีทั้งด้านของสาธารณูปโภคของนิคมเช่น ระบบไฟฟ้าซึ่งรวมถึงเครื่องปั่นไฟที่บริษัทมักจะผลิตไฟฟ้าขายให้กับบริษัทในนิคม เครื่องทำน้ำประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย และอื่น ๆ อีกมาก อย่างไรก็ตาม ความเสียหายในส่วนนี้ บริษัทมักมีการทำประกันไว้ ดังนั้น ก็จะได้รับการชดเชยบ้าง แต่ทรัพย์สินสำคัญที่น่าจะเสียหายอย่างหนัก แต่เราอาจจะยังไม่ตระหนักก็คือ “การลดค่าของที่ดิน” เนื่องจากทำเลนั้นกลายเป็นทำเลที่ “ไม่เหมาะสมสำหรับการสร้างโรงงาน” เนื่องจากอาจจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ได้อีกในอนาคต ซึ่งการเสียหายแบบหลังนี้น่าจะสูงกว่าแบบแรก รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นความเสียหายที่ไม่มีการทำประกันไว้
ความเสียหายทางธุรกิจของนิคมอุตสาหกรรมเองก็น่าจะสูงมาก เหตุผลก็เพราะว่าลูกค้ารายใหม่ ๆ ที่คิดจะซื้อที่ดินสร้างโรงงานก็คงหลีกเลี่ยงที่จะซื้อที่ดินเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกในอนาคต จริงอยู่ นิคมอาจจะทำระบบกำแพงป้องกันน้ำท่วมแบบแข็งแรงน้ำไม่สามารถเข้าไปท่วมได้ แต่นั่นก็ไม่รับประกันว่าโรงงานที่อยู่ข้างในจะสามารถเปิดดำเนินการได้ถ้าภายนอกนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำและคนและวัตถุดิบต่าง ๆ ไม่สามารถจะเข้าไปได้ นอกจากนั้น การสร้างกำแพงป้องกันก็ต้องลงทุนไม่น้อย และไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ราคาขายที่ดินถ้าไม่ลดลงก็คงจะไม่สามารถปรับขึ้นไปได้ ดังนั้น ดูไปแล้ว ธุรกิจของนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมคงจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากไปอีกนานพอสมควรทีเดียว อย่างมากที่จะทำได้ก็คือ ต้องไปหาทำเลใหม่และเริ่มต้นนับหนึ่งจากทำเลนั้น ซึ่งกว่าจะเริ่มออกดอกผลก็มักจะต้องใช้เวลานานเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ต้องใส่ลงไป
บริษัททำบ้านจัดสรร โดยเฉพาะที่มีโครงการและที่ดินเหลืออยู่ในทำเลที่ถูกน้ำท่วมหนักเช่นในย่านบางบัวทองหรือบางใหญ่ ความเสียหายของทรัพย์สินนั้นในทางบัญชีอาจจะดูเหมือนว่าจะมีน้อย อย่างไรก็ตาม นี่ก็เหมือนกับในกรณีของนิคมอุตสาหกรรมนั่นคือ มันไม่ได้รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการลดค่าของที่ดินซึ่งน่าจะมีไม่น้อย ผมเองไม่ได้มีตัวเลขที่ชัดเจน แต่เมื่อคิดถึงตัวเองที่มีที่ดินจัดสรรอยู่ในเขตน้ำท่วมรุนแรงซ้ำซากแล้ว ถ้าขายได้ครึ่งหนึ่งของราคาเดิมผมก็พอใจแล้ว ในกรณีของที่ดินในโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่โดนน้ำท่วมหนักในครั้งนี้ ผมคิดว่าราคาจะลดลงซัก 20-30% ก็น่าจะเป็นไปได้
ในส่วนของธุรกิจบ้านจัดสรรเองนั้น ผมคิดว่าการขายบ้านที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนักครั้งนี้คงจะยากขึ้นมากโดยเฉพาะในช่วงปีหรือสองปีนี้ ว่าที่จริงแม้แต่บ้านที่มีการวางมัดจำหรือผ่อนดาวน์ไปบ้างแล้วก็น่าจะมีการทิ้งดาวน์ไม่ไปโอนอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เหตุผลนอกจากการไม่อยากมีบ้านอยู่ในทำเลที่ “ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย” แล้ว ก็อาจจะเป็นเพราะคนที่จองซื้อไว้อาจจะมองว่าราคาของบ้านคงจะลดลงมา ดังนั้นจึงยอมทิ้งดาวน์ และถ้าอยากจะได้จริง ๆ ก็ค่อยไปซื้อใหม่น่าจะได้บ้านในราคาที่ถูกกว่า ดังนั้น ธุรกิจของบริษัทที่มีโครงการและที่ดินอยู่ในเขตน้ำท่วมหนักอย่างมีนัยสำคัญคงถูกกระทบค่อนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า วิธีการแก้ไขก็คงต้องไปทำโครงการที่อยู่ในทำเลที่ไม่ถูกน้ำท่วมรุนแรง อย่างไรก็ตาม นี่ก็มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาโครงการ
บริษัทที่เป็นโรงงานผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคและยานยนต์ที่มีโรงงานหลักอยู่ในเขตที่น้ำท่วมรุนแรงนั้น ความเสียหายจากทรัพย์สินคงจะมีไม่น้อยทีเดียวแม้ว่าจะมีการประกันภัยไว้ เพราะนอกจากทรัพย์สินแล้ว โรงงานคงมีค่าใช้จ่ายที่ไม่น่าจะเคลมคืนได้เช่น ค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรงงาน ค่าแรงคนงานที่มักจะยังต้องจ่ายในระดับถึง 75% ของค่าแรงพื้นฐาน สินค้าและวัตถุดิบที่เสียหาย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมาก
ในส่วนของความเสียหายทางด้านธุรกิจนั้นผมคิดว่าคงมีไม่น้อยเหมือนกันโดยเฉพาะผู้ผลิตที่เป็นผู้ส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นหลัก เหตุผลนั้นนอกจากความเสียหายที่ไม่สามารถขายสินค้าได้ในช่วงที่โรงงานถูกน้ำท่วมเป็นเดือน ๆ แล้ว ในระยะยาวออกไปหลังจากที่โรงงานกลับมาดำเนินการใหม่บริษัทเองก็อาจจะประสบปัญหาในการขายได้เหมือนกันในแง่ที่ว่า ลูกค้าเดิมนั้นอาจจะหันไปหาซัพพลายเออร์รายใหม่ไปแล้วเนื่องจากเขารอไม่ไหว จริงอยู่ บริษัทน่าจะได้รับออเดอร์กลับมาบ้าง แต่ผู้ซื้อก็อาจจะต้องกระจายความเสี่ยงโดยการสั่งซื้อจากที่อื่นมากขึ้นเนื่องจากเขากลัวว่าถ้าเกิดปัญหาน้ำท่วมอีกในอนาคต การผลิตของเขาจะมีปัญหาอีกเช่นในปีนี้
ธุรกิจเช่นพวกผู้ค้าปลีกเองนั้น ความเสียหายจากทรัพย์สินเองมักจะมีไม่มากเนื่องจากมักจะเป็นแค่ร้านค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนัก เครื่องมือหรืออุปกรณ์มักมีราคาไม่สูงและน่าจะมีการประกันภัยไว้ ในส่วนของธุรกิจเอง ความเสียหายส่วนใหญ่น่าจะมาจากยอดขายที่หายไปจากการปิดสาขาร้านที่อยู่ในเขตน้ำท่วมหนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวมแล้วก็ยังไม่มากมายนัก ความเสียหายอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่สินค้าขาดเนื่องจากระบบจัดส่งสินค้าขัดข้องเนื่องจากศูนย์กระจายสินค้าถูกน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ลดลงนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องระยะสั้น เมื่อน้ำลดหรือระบบกระจายสินค้าทั้งที่เป็นศูนย์ชั่วคราวหรือศูนย์เดิมทำงานได้แล้ว ยอดขายก็จะกลับมาเป็นปกติ ผลกระทบระยะยาวมีน้อยมาก
สุดท้ายก็คือบริษัทที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูบ้านหรือสิ่งก่อสร้างหลังน้ำลด นี่รวมถึงผู้ขายวัสดุและผู้รับเหมาก่อสร้าง บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะไม่ใคร่ถูกกระทบในด้านของทรัพย์สินที่เสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ ในด้านของธุรกิจเองนั้น ในช่วงน้ำกำลังท่วมบริษัทอาจจะมียอดขายที่ลดลงบ้างเนื่องจากปัญหาการคมนาคมและตัวลูกค้าและคนงานที่อาจจะพะวงอยู่กับปัญหาน้ำท่วม แต่หลังจากน้ำลดลงแล้ว ธุรกิจก็จะเฟื่องฟูมากจน “ทำไม่ทัน” และมากกว่ายอดขายที่เสียไป ยอดขายหรือธุรกิจที่ดีขึ้นนี้น่าจะดำรงอยู่อย่างน้อยก็ 1-2 ปีขึ้นไป และต้องถือว่านี่คือกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์จากน้ำท่วมใหญ่ ในขณะที่กลุ่มอื่นทั้งหมดนั้น โดยรวมแล้วมักจะเสียหายหรือขาดทุนหรืออย่างมากก็เสมอตัวในเหตุการณ์วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ผมว่านิคมและอสังหา ไม่น่าจะเลวร้ายมากอย่างที่ท่าน ดร. ว่า
นิคมนั้น รัฐจะต้องเข้ามาช่วยแน่นอน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการท่วมมากมายอย่างนี้อีก
ส่วนอสังหา หากทำเลมันใช่ เดินทางสะดวก ยังไงคนก็ยังจะซื้อต่อไป เพียงแต่เขาต้องการฟังคำมั่นสัญญาจากรัฐบาลหรือนโยบายที่ชัดเจนในเรือ่งการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ซึ่งผมว่า หลังจากน้ำลด เราต้องมีการจัดการกับระบบป้องกันน้ำท่วมครั้งใหญ่แน่นอน
นิคมนั้น รัฐจะต้องเข้ามาช่วยแน่นอน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการท่วมมากมายอย่างนี้อีก
ส่วนอสังหา หากทำเลมันใช่ เดินทางสะดวก ยังไงคนก็ยังจะซื้อต่อไป เพียงแต่เขาต้องการฟังคำมั่นสัญญาจากรัฐบาลหรือนโยบายที่ชัดเจนในเรือ่งการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ซึ่งผมว่า หลังจากน้ำลด เราต้องมีการจัดการกับระบบป้องกันน้ำท่วมครั้งใหญ่แน่นอน
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 4
ผมไม่มั่นใจเลยว่ารัฐจะสามารถมาช่วยเยียวยานคิมอุตสาหกรรมทั้งหลาย
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 5
ประเทศไทยถือว่ามีภัยธรรมชาติทางน้ำน้อย ดั้งนั้นโอกาสเกิด flash flood ขนาดใหญ่น่าจะน้อย
การท่วมครั้งนี้ก็ยังถือว่าเป็นน้ำบ่าไหลหลาก คือ inundation ไม่ใช่ flash flood ผมเห็นว่ามีเหตุมาจากการป้องกันและหรือการจัดการที่ไม่ดีพอ (แล้วแต่จะตีความ) ซึ่งน่าจะทำความเสียหายกับประเทศชาติมากที่สุดที่เคยมีมา
หากสอบย้อนจากประวัติบันทึกปริมาณมวลน้ำ เราน่าจะสามารถประเมินปริมาณน้ำที่ต้องจัดการในอนาคตได้
ดังนั้น สิ่งที่รัฐต้องทำ คือ การจัดการระบาย/กักเก็บน้ำอย่างมีระบบ
น่าจะไม่ยากที่จะจัดการดูแลได้ เชื่อว่าน้ำท่วมนิคมคงไม่เกิดอีก
และเชื่อว่าน้ำท่วมสูงขนาด 5-6 เมตร คงจะไม่เกิดอีกนาน ส่วนน้ำบ่า 0-50 ซม อาจมีได้ ถือว่าปกติ
ต่อไปคงมี flood way และ สุดท้ายคงหาแนวทางที่ให้ความมั่นใจ กับทุกฝ่ายได้ว่าน้ำจะไม่ท่วมแบบนี้อีก
การท่วมครั้งนี้ก็ยังถือว่าเป็นน้ำบ่าไหลหลาก คือ inundation ไม่ใช่ flash flood ผมเห็นว่ามีเหตุมาจากการป้องกันและหรือการจัดการที่ไม่ดีพอ (แล้วแต่จะตีความ) ซึ่งน่าจะทำความเสียหายกับประเทศชาติมากที่สุดที่เคยมีมา
หากสอบย้อนจากประวัติบันทึกปริมาณมวลน้ำ เราน่าจะสามารถประเมินปริมาณน้ำที่ต้องจัดการในอนาคตได้
ดังนั้น สิ่งที่รัฐต้องทำ คือ การจัดการระบาย/กักเก็บน้ำอย่างมีระบบ
น่าจะไม่ยากที่จะจัดการดูแลได้ เชื่อว่าน้ำท่วมนิคมคงไม่เกิดอีก
และเชื่อว่าน้ำท่วมสูงขนาด 5-6 เมตร คงจะไม่เกิดอีกนาน ส่วนน้ำบ่า 0-50 ซม อาจมีได้ ถือว่าปกติ
ต่อไปคงมี flood way และ สุดท้ายคงหาแนวทางที่ให้ความมั่นใจ กับทุกฝ่ายได้ว่าน้ำจะไม่ท่วมแบบนี้อีก
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 7
เวลาและยอดขายในอนาคตเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าสรุปแล้วน้ำท่วมครั้งนี้จะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไปมากขนาดไหน เช่น housing sector ผมคิดว่าปัจจัยในการเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยมีมากกว่ากลัวว่าน้ำจะท่วมเยอะอยู่ครับ ปัจจัยในการเลือกซื้อเพื่อลงทุนเป็นอีกประเด็น
ทั้งนี้ตัวแปรไม่ได้คงที่และจบแค่ที่เสี่ยงน้ำท่วมหรือไม่ ผมว่ารัฐต้องมีมาตรการออกมาเยียวยา บริษัทต่างๆก็ต้องทำการตลาด ตัวแปรในการตัดสินใจเพื่อทำการ trade-off มีมากกว่านี้แน่ครับ ไม่งั้นคนทุกคนจะย้ายออกจากตรงนั้นหมด กลายเป็นพื้นที่ร้างไปเลย demand และ ราคาตรงเขตที่ไม่ท่วม (ซึ่งก็ไม่มีอะไรการันตีด้วนซ้ำว่าครั้งหน้าจะไม่ท่วมเพราะประเด็นไม่ใช่ท่วมเพราะฝนตกแต่เป็นเรื่องว่าน้ำจะวิ่งไปไหน) จะขึ้นสูงมาก .... เมื่อ demand ล้นราคาพุ่ง เรื่อง affordability ก้อจะเข้ามาเป็นประเด็น ดังนั้น limit นี้ก็จะทำให้ตลาดมันสมดุลเองขึ้นอีกครั้ง trade-off ระหว่างน้ำท่วม vs. พื้นที่ใช้สอย ราคา promotion ระยะทางจะที่ทำงาน concept รูปแบบ ของโครงการ ทำเลใกล้เคียง สาธารณุปโภค และอื่นๆ มีประเด็นอีกมากมาย.... พูดง่ายๆคุณคิดว่าคนกี่ % จะเอาเรื่องน้ำท่วมมาเป็นประเด็น on top of the list หรือเป็น hygenic factor หลักเพื่อแลกกลับทุกอย่าง? (และท้ายสุดยังไงก็ต้องมีข้อจำกัดอย่างอื่นมาทำให้เลือกมากไม่ได้ หลักๆคือข้อจำกัดด้านราคาและการใช้ชีวิต) ผมคิดว่าส่วนนึงคงมีแน่นอนแต่คงไม่มากขนาดที่ทำให้ราคาทั้งพื้นที่วงกว้างร่วงลง 20-30% ...... ในแง่ของรายโครงการนั้นใช่แต่คงไม่ใช่ทั้งเขตหรือจังหวัดอะไรแบบนี้แน่นอน
ในทางกลับกันพื้นที่ๆโดนท่วมหนักรอบนี้คงจุดประกายทำให้มีการป้องกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจาก developer หรือภาครัฐ รอบหน้าอาจไม่โดนหนักแบบนี้ถ้าน้ำผ่าน ....จุดที่ไม่ท่วมครั้งอาจไม่กำชับการป้องกันเท่าไหร่ แล้วถ้าครั้งหน้าน้ำมาใหม่และดันไหลไปโดน? ยกเว้นน้ำไหลไม่ random และมันจะไหลแบบนี้เป๊ะครั้งหน้าเช่นกัน.....ผมไม่มีความรู้จึงบอกไม่ได้แต่ผมไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น....ดังนั้นผมมองว่าหลักๆขั้นแรกยังไงคงต้องได้เห็นทุก developer ออกมาชูเรื่องป้องกันน้ำท่วมขั้นสูง และ ภาครัฐต้องออกแผนงานมาป้องกัน .... ผมว่าถึงเวลานั้นจึงจะฟันธงได้ว่าชะตากรรมของแต่ละพื้นที่จะเป็นเช่นไร
และอีกประเด็นสำคัญคือกลุ่มคนที่สร้างบ้านเองที่รอบนี้โดนหนักกว่าพวกที่อยู่ในโครงการ ผมว่ากลุ่มนี้ย้ายมาซื้อบ้านโครงการแน่นอน เผลอๆถ้า assume ว่าคนในระแวกมีสิทธที่จะปักหลักอยู่แถวๆที่เดิมเพราะใช้ชีวิตอยู่แถวนั้นมานาน คงได้เห็นคนแห่ซื้อบ้านในโครงการที่มีการจัดการดีๆเยอะขึ้นมาก เพราะถ้าจำไม่ผิดตัวเลขบ้านในโรงการที่โดนกระทบนั้น แสนต้นๆ แต่พวกบ้านสร้างเองนี่ปลายๆเกือบล้านครับ................. พวก developer ทั้งหลายอาจส้มหล่นเลยถ้าเดินทางถูกและสื่อสารได้ดี รอดูกันไปครับยังสรุปอะไรไม่ได้
ทั้งนี้ตัวแปรไม่ได้คงที่และจบแค่ที่เสี่ยงน้ำท่วมหรือไม่ ผมว่ารัฐต้องมีมาตรการออกมาเยียวยา บริษัทต่างๆก็ต้องทำการตลาด ตัวแปรในการตัดสินใจเพื่อทำการ trade-off มีมากกว่านี้แน่ครับ ไม่งั้นคนทุกคนจะย้ายออกจากตรงนั้นหมด กลายเป็นพื้นที่ร้างไปเลย demand และ ราคาตรงเขตที่ไม่ท่วม (ซึ่งก็ไม่มีอะไรการันตีด้วนซ้ำว่าครั้งหน้าจะไม่ท่วมเพราะประเด็นไม่ใช่ท่วมเพราะฝนตกแต่เป็นเรื่องว่าน้ำจะวิ่งไปไหน) จะขึ้นสูงมาก .... เมื่อ demand ล้นราคาพุ่ง เรื่อง affordability ก้อจะเข้ามาเป็นประเด็น ดังนั้น limit นี้ก็จะทำให้ตลาดมันสมดุลเองขึ้นอีกครั้ง trade-off ระหว่างน้ำท่วม vs. พื้นที่ใช้สอย ราคา promotion ระยะทางจะที่ทำงาน concept รูปแบบ ของโครงการ ทำเลใกล้เคียง สาธารณุปโภค และอื่นๆ มีประเด็นอีกมากมาย.... พูดง่ายๆคุณคิดว่าคนกี่ % จะเอาเรื่องน้ำท่วมมาเป็นประเด็น on top of the list หรือเป็น hygenic factor หลักเพื่อแลกกลับทุกอย่าง? (และท้ายสุดยังไงก็ต้องมีข้อจำกัดอย่างอื่นมาทำให้เลือกมากไม่ได้ หลักๆคือข้อจำกัดด้านราคาและการใช้ชีวิต) ผมคิดว่าส่วนนึงคงมีแน่นอนแต่คงไม่มากขนาดที่ทำให้ราคาทั้งพื้นที่วงกว้างร่วงลง 20-30% ...... ในแง่ของรายโครงการนั้นใช่แต่คงไม่ใช่ทั้งเขตหรือจังหวัดอะไรแบบนี้แน่นอน
ในทางกลับกันพื้นที่ๆโดนท่วมหนักรอบนี้คงจุดประกายทำให้มีการป้องกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจาก developer หรือภาครัฐ รอบหน้าอาจไม่โดนหนักแบบนี้ถ้าน้ำผ่าน ....จุดที่ไม่ท่วมครั้งอาจไม่กำชับการป้องกันเท่าไหร่ แล้วถ้าครั้งหน้าน้ำมาใหม่และดันไหลไปโดน? ยกเว้นน้ำไหลไม่ random และมันจะไหลแบบนี้เป๊ะครั้งหน้าเช่นกัน.....ผมไม่มีความรู้จึงบอกไม่ได้แต่ผมไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น....ดังนั้นผมมองว่าหลักๆขั้นแรกยังไงคงต้องได้เห็นทุก developer ออกมาชูเรื่องป้องกันน้ำท่วมขั้นสูง และ ภาครัฐต้องออกแผนงานมาป้องกัน .... ผมว่าถึงเวลานั้นจึงจะฟันธงได้ว่าชะตากรรมของแต่ละพื้นที่จะเป็นเช่นไร
และอีกประเด็นสำคัญคือกลุ่มคนที่สร้างบ้านเองที่รอบนี้โดนหนักกว่าพวกที่อยู่ในโครงการ ผมว่ากลุ่มนี้ย้ายมาซื้อบ้านโครงการแน่นอน เผลอๆถ้า assume ว่าคนในระแวกมีสิทธที่จะปักหลักอยู่แถวๆที่เดิมเพราะใช้ชีวิตอยู่แถวนั้นมานาน คงได้เห็นคนแห่ซื้อบ้านในโครงการที่มีการจัดการดีๆเยอะขึ้นมาก เพราะถ้าจำไม่ผิดตัวเลขบ้านในโรงการที่โดนกระทบนั้น แสนต้นๆ แต่พวกบ้านสร้างเองนี่ปลายๆเกือบล้านครับ................. พวก developer ทั้งหลายอาจส้มหล่นเลยถ้าเดินทางถูกและสื่อสารได้ดี รอดูกันไปครับยังสรุปอะไรไม่ได้
value trap
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1317
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 8
เห็นด้วยในส่วนอสังหาครับ อย่างดร.ขายบ้านครึ่งนึงของราคาเดิมก็ไม่กระทบครับ แต่ถ้าอย่างผมหรือคนส่วนมากที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร คงไม่ยอมขายบ้านราคาครึ่งนึงหรอกครับ ส่วนคนที่ดาวน์อยู่แต่ยังไม่ได้เริ่มผ่อนหรือผ่อนไปไม่มาก กลุ่มนี้น่าคิดครับ อาจทิ้งเงินดาวน์แล้วรอซื้อใหม่เมื่อราคาที่ดินตกลงระยะสั้น แต่ถ้ามองอีกแง่คนที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก บ้านที่ซื้อเป็นบ้านหลังแรก ดาวน์และเข้ามาอยู่แล้วถ้าจะทิ้งเงินดาวน์และรอซื้อใหม่ ระหว่างนี้ต้องทำงานแถวนั้นจะไปอยู่ไหนหว่า ส่วนคนที่ดาวน์ไปแล้วและผ่อนไปเยอะแล้วคงทิ้งยากครับ ส่วนคนที่คิดจะซื้อใหม่คงมองที่ทำเลอย่างที่พี่OutOfMyMindว่าถ้าทำเลมันใช่ เดินทางสะดวกยังไงก็ซื้อ ก็ว่ากันไปOutOfMyMind เขียน:ผมว่านิคมและอสังหา ไม่น่าจะเลวร้ายมากอย่างที่ท่าน ดร. ว่า
นิคมนั้น รัฐจะต้องเข้ามาช่วยแน่นอน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการท่วมมากมายอย่างนี้อีก
ส่วนอสังหา หากทำเลมันใช่ เดินทางสะดวก ยังไงคนก็ยังจะซื้อต่อไป เพียงแต่เขาต้องการฟังคำมั่นสัญญาจากรัฐบาลหรือนโยบายที่ชัดเจนในเรือ่งการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ซึ่งผมว่า หลังจากน้ำลด เราต้องมีการจัดการกับระบบป้องกันน้ำท่วมครั้งใหญ่แน่นอน
- neuhiran
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 817
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 10
ตอนนี้ผมอยู่ที่หาดใหญ่ น้ำท่วมบ่อยกว่ากรุงเทพ ราคาที่ดินไม่ตกนะและคนก็ย้ายมาอยู่มากขึ้น
(หนีจากสามจังหวัดชายแดน) คนที่นี่เขาปรับตัวได้เรื่องน้ำท่วมเขาไม่รู้สึกกลัวอะไรมากนัก
และที่แน่ๆเลย ผมยังไม่พบว่าเขากำลังย้ายถิ่นฐานกัน ที่หาดใหญ่ราคาที่ดินไม่ตกนะ (พื้นที่น้ำท่วม มากกว่า สองเมตร)
ประชาชนที่นี่เขาปรับตัวกันได้แล้ว พวกเราอยู่ กทม. คงต้องให้เวลากันหน่อย
ขอให้กำลังใจกับทุกๆคนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมด้วยครับ
(หนีจากสามจังหวัดชายแดน) คนที่นี่เขาปรับตัวได้เรื่องน้ำท่วมเขาไม่รู้สึกกลัวอะไรมากนัก
และที่แน่ๆเลย ผมยังไม่พบว่าเขากำลังย้ายถิ่นฐานกัน ที่หาดใหญ่ราคาที่ดินไม่ตกนะ (พื้นที่น้ำท่วม มากกว่า สองเมตร)
ประชาชนที่นี่เขาปรับตัวกันได้แล้ว พวกเราอยู่ กทม. คงต้องให้เวลากันหน่อย
ขอให้กำลังใจกับทุกๆคนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมด้วยครับ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 11
ผมยังไม่เคยเห็นที่ดินราคาจะปรับลง(สำหรับเมืองไทย)
แต่ยอดขายอาจลดลงสักช่วงเวลาหนึ่ง แล้วก็จะมียอดขายได้มากขึ้น
เพราะคนเกิดเพิ่มขึ้น ที่ดินไม่ได้งอกเพิ่มขึ้น
และนิสัยคนไทย ลืมง่าย
แล้วมันก็จะผ่านไป
ชีวิตยังต้องสู้
หาบริษัทหุ้นที่ไม่อยู่ในเส้นทางน้ำท่วม
หรือบริษัทที่ตั้งโรงงานกระจายหลายๆจังหวัดเป็นการกระจายการลงทุน
แต่ยอดขายอาจลดลงสักช่วงเวลาหนึ่ง แล้วก็จะมียอดขายได้มากขึ้น
เพราะคนเกิดเพิ่มขึ้น ที่ดินไม่ได้งอกเพิ่มขึ้น
และนิสัยคนไทย ลืมง่าย
แล้วมันก็จะผ่านไป
ชีวิตยังต้องสู้
หาบริษัทหุ้นที่ไม่อยู่ในเส้นทางน้ำท่วม
หรือบริษัทที่ตั้งโรงงานกระจายหลายๆจังหวัดเป็นการกระจายการลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
เรื่องของราคาบ้านและที่ดินจะลดลงหรือไม่ ผมคิดว่าหนีไม่พ้นเรื่องของอุปสงค์ อุปทาน
ถ้าคนไม่ต้องการจะขาย ต่อให้มีน้ำท่วมใหญ่ซักกี่รอบ เขาก็คงไม่ขาย ถ้าไม่ได้ราคาดีจริงๆ
แต่ถ้าเขาต้องการจะขาย คือประกาศขายไว้ตั้งแต่ยังไม่โดนน้ำท่วม จะด้วยเหตุใดก็ตาม คนซื้อก็สามารถเอาประเด็นน้ำท่วมมาต่อราคาได้อีกทอดหนึ่ง
ดังนั้นหากคนขายร้อนเงิน ผมคิดว่าราคาจะลดลงแน่นอน ทั้งนี้อยู่ที่ว่าคนที่ต้องการจะซื้อจะเจอผู้ที่ต้องการจะขายจริงๆหรือไม่ โดยมีเรื่องน้ำท่วมเป็นปัจจัยเสริมมากกว่าครับ
ถ้าคนไม่ต้องการจะขาย ต่อให้มีน้ำท่วมใหญ่ซักกี่รอบ เขาก็คงไม่ขาย ถ้าไม่ได้ราคาดีจริงๆ
แต่ถ้าเขาต้องการจะขาย คือประกาศขายไว้ตั้งแต่ยังไม่โดนน้ำท่วม จะด้วยเหตุใดก็ตาม คนซื้อก็สามารถเอาประเด็นน้ำท่วมมาต่อราคาได้อีกทอดหนึ่ง
ดังนั้นหากคนขายร้อนเงิน ผมคิดว่าราคาจะลดลงแน่นอน ทั้งนี้อยู่ที่ว่าคนที่ต้องการจะซื้อจะเจอผู้ที่ต้องการจะขายจริงๆหรือไม่ โดยมีเรื่องน้ำท่วมเป็นปัจจัยเสริมมากกว่าครับ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณท่านอาจารย์+เจ้าของกระทู้ครับ
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องแบบลัดดาแลนด์ ถ้าบ้านคุณมีผี จะอยู่หรือจะย้ายหล่ะครับ
แต่กระแสจะแห่อพยพไปทั้งหมดคงจะยาก
ธรรมชาติคนซื้อบ้าน ซื้อดาวน์กันแทบทั้งหมด กว่าจะผ่อนหมดก้ เกือบ 10ปี+
การจะย้ายถิ่นฐานไม่ใช่เรื่องง่าย รวมถึงก่ารจะย้ายโรงงาน อย่างนิคมที่ท่วมๆๆกัน ก่อนจะเข้ามาลงทุน
ก้ต้องซื้อที่ดิน ไหนจะทำสิ่งก่อสร้าง ปลูกสิ่งก่อสร้างและหาแรงงาน ถ้าจะย้ายไหนจะต้องกังวลเรื่องแรงงาน
เพราะลูกจ้างเก่าที่มีโนฮาวไม่ได้หากันง่ายๆๆนะครับ
กลุ่มค้าปลีก แม้ช่วงแรกจะกระทบจากน้ำท่วม แต่พอน้ำลด เมื่อรัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าไป แรงซื้อก้น่าจะกลับมาได้พักนึง
แต่ถ้าต่างประเทศยังเป็นแบบนี้ บ้านเราก้คงจะค่อยๆๆทรงและทรุดลง
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องแบบลัดดาแลนด์ ถ้าบ้านคุณมีผี จะอยู่หรือจะย้ายหล่ะครับ
แต่กระแสจะแห่อพยพไปทั้งหมดคงจะยาก
ธรรมชาติคนซื้อบ้าน ซื้อดาวน์กันแทบทั้งหมด กว่าจะผ่อนหมดก้ เกือบ 10ปี+
การจะย้ายถิ่นฐานไม่ใช่เรื่องง่าย รวมถึงก่ารจะย้ายโรงงาน อย่างนิคมที่ท่วมๆๆกัน ก่อนจะเข้ามาลงทุน
ก้ต้องซื้อที่ดิน ไหนจะทำสิ่งก่อสร้าง ปลูกสิ่งก่อสร้างและหาแรงงาน ถ้าจะย้ายไหนจะต้องกังวลเรื่องแรงงาน
เพราะลูกจ้างเก่าที่มีโนฮาวไม่ได้หากันง่ายๆๆนะครับ
กลุ่มค้าปลีก แม้ช่วงแรกจะกระทบจากน้ำท่วม แต่พอน้ำลด เมื่อรัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าไป แรงซื้อก้น่าจะกลับมาได้พักนึง
แต่ถ้าต่างประเทศยังเป็นแบบนี้ บ้านเราก้คงจะค่อยๆๆทรงและทรุดลง
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 15
ปัจจัยที่น่ากังวลคือ ทูบิ๊ก ทูเบลเอาท์ครับ
ถ้ายุโรปรอด บ้านเราก้ลอยคอสบาย เพราะการอัดฉีดเงิน 1.2ล้านล้านหรือ 1.2ไตรเลี่ยน บาท
จะทำให้เกิดแรงขับเคลื่อน ในระบบประมาณ1-2ปี
แต่ถ้า ยุโรปเดี้ยง 1.2ล้านล้านไม่พอหรอกครับ อาจจะมากถึง 2.2ไตรเลี่ยน บาทถึงจะเอาอยู่
เพื่อประคองไม่ให้บ้านเรา ฮารดฺแลนดิ้ง
ตลาดตอนนี้ต้องการเงินครับ ชาวบ้านน้ำท่วมทำมาหากินไม่ได้ พวกมีหนี้ ดอกก้เพิ่มทุกวัน
ถ้าไม่อัดฉีดเงินลงระบบ ระวังจะ ตลาดเงียบจัดนะครับ
ถ้ายุโรปรอด บ้านเราก้ลอยคอสบาย เพราะการอัดฉีดเงิน 1.2ล้านล้านหรือ 1.2ไตรเลี่ยน บาท
จะทำให้เกิดแรงขับเคลื่อน ในระบบประมาณ1-2ปี
แต่ถ้า ยุโรปเดี้ยง 1.2ล้านล้านไม่พอหรอกครับ อาจจะมากถึง 2.2ไตรเลี่ยน บาทถึงจะเอาอยู่
เพื่อประคองไม่ให้บ้านเรา ฮารดฺแลนดิ้ง
ตลาดตอนนี้ต้องการเงินครับ ชาวบ้านน้ำท่วมทำมาหากินไม่ได้ พวกมีหนี้ ดอกก้เพิ่มทุกวัน
ถ้าไม่อัดฉีดเงินลงระบบ ระวังจะ ตลาดเงียบจัดนะครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 592
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 16
ภัยน้ำท่วมจะเหลือน้อยครับ ถ้าน้ำในเขื่อนเหลือ 0 ในเดือน พ.ค. แต่หากมีน้ำในเขื่อนมากความเสี่ยงก็มากขึ้นกาละมัง เขียน:ประเทศไทยถือว่ามีภัยธรรมชาติทางน้ำน้อย ดั้งนั้นโอกาสเกิด flash flood ขนาดใหญ่น่าจะน้อย
การท่วมครั้งนี้ก็ยังถือว่าเป็นน้ำบ่าไหลหลาก คือ enundation ไม่ใช่ flash flood ผมเห็นว่ามีเหตุมาจากการป้องกันและหรือการจัดการที่ไม่ดีพอ (แล้วแต่จะตีความ) ซึ่งน่าจะทำความเสียหายกับประเทศชาติมากที่สุดที่เคยมีมา
หากสอบย้อนจากประวัติบันทึกปริมาณมวลน้ำ เราน่าจะสามารถประเมินปริมาณน้ำที่ต้องจัดการในอนาคตได้
ดังนั้น สิ่งที่รัฐต้องทำ คือ การจัดการระบาย/กักเก็บน้ำอย่างมีระบบ
น่าจะไม่ยากที่จะจัดการดูแลได้ เชื่อว่าน้ำท่วมนิคมคงไม่เกิดอีก
และเชื่อว่าน้ำท่วมสูงขนาด 5-6 เมตร คงจะไม่เกิดอีกนาน ส่วนน้ำบ่า 0-50 ซม อาจมีได้ ถือว่าปกติ
ต่อไปคงมี flood way และ สุดท้ายคงหาแนวทางที่ให้ความมั่นใจ กับทุกฝ่ายได้ว่าน้ำจะไม่ท่วมแบบนี้อีก
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
คนไทยเก่งอยู่แล้วเจอปัญหากี่ครั้งแรกๆก็วิตกอย่างนี้แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเพียงแต่จะสามารถทำวิกฤตให้เป็นโอกาสได้มากน้อยขนาดไหน ทั้งภาครัฐและประชาชนต้องช่วยกันติเพื่อก่อได้ทำให้ดีขึ้นไม่ใช่ทำลาย คิดว่าน้ำท่วมคงไม่เกิดแค่ปีนี้ปีเดียวเพราะโลกส่งสัญญานมาหลายครั้งแล้วต่อให้ปล่อยน้ำจนหมดเขื่อน ถ้าเจอมรสุมเข้าหลายลูกติดๆกัน ก็แย่ เห็นบอกว่าน้ำที่ท่วมเยอะว่าน้ำในเขื่อนรวมกันเสียอีก บางครั้งคาดเดายากปีไหนน้ำเยอะปีไหนน้ำน้อยวิธีดีที่สุดคือสร้างภูมิคุ้มกัน จะสร้างเขื่อนขุดแม่น้ำเพิ่มการระบายสร้างแนวป้องกันต่างๆก้ทำไป เชื่อว่าถ้าทำได้เมื่องไทย อนาคตสดใสแน่นอน ขอคนไทยทะเลาะได้แต่อยู่ในขอบเขตไม่ทำลายกัน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 20
ปี 26 น้ำท่วมหนักกรุงเทพ พื้นที่แถวรามคำแหง-หัวหมาก น้ำท่วมเป็นเดือนๆ หลังจากนั้นก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ
ปี 38 น้ำท่วมบางบัวทองหนักหนา หลังจากนั้นก็เจริญขึ้น เหมือนเดิม
คงต้องดูว่าปีหน้าจะท่วมอีกไหม ถ้าเลิกท่วมอีกซักสองสามปี คนก็ลืม
แต่ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมการผลิตคงไม่เหมือนกับที่อยู่อาศัย
ปี 38 น้ำท่วมบางบัวทองหนักหนา หลังจากนั้นก็เจริญขึ้น เหมือนเดิม
คงต้องดูว่าปีหน้าจะท่วมอีกไหม ถ้าเลิกท่วมอีกซักสองสามปี คนก็ลืม
แต่ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมการผลิตคงไม่เหมือนกับที่อยู่อาศัย
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 22
พี่ฉัตรชัย ครับchatchai เขียน:ผมคิดว่าน้ำท่วมครั้งนี้ ทำเลหมู่บ้านจัดสรรประสบปัญหาเกือบหมดทุกพื้นที่ จะเหลือพื้นที่แถวไหนบ้างครับที่จะไม่โดนท่วมน้ำจะท่วมใหญ่ทุกปีเลยหรือ
ถ้าผมสงสัย แล้วถามในคำถามกลับกัน
มั่นใจว่าปีหน้า จะไม่มีน้ำท่วมแบบนี้รึเปล่าครับ
หรือ อีก 2-3 ปี จะไม่เกิดขึ้นเลยรึเปล่าครับ
ถ้าไม่มั่นใจ มันก็เปนความเสี่ยงหนึ่งที่ต้องบริหาร และต้องยอมรับแลกกับความสะดวกครับ
สำหรับผมตอบไม่ได้ทั้ง คำถามของพี่ และของผมเอง ดังนั้น
คงต้องยอมรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และดูข้อเสนอมาตรการของ developer รายต่างๆ ซึ่ง มาพร้อมต้นทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 23
สำหรับภาคอุตสาหกรรมเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับchatchai เขียน:ปี 26 น้ำท่วมหนักกรุงเทพ พื้นที่แถวรามคำแหง-หัวหมาก น้ำท่วมเป็นเดือนๆ หลังจากนั้นก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ
ปี 38 น้ำท่วมบางบัวทองหนักหนา หลังจากนั้นก็เจริญขึ้น เหมือนเดิม
คงต้องดูว่าปีหน้าจะท่วมอีกไหม ถ้าเลิกท่วมอีกซักสองสามปี คนก็ลืม
แต่ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมการผลิตคงไม่เหมือนกับที่อยู่อาศัย
ผมคงต้องกระจายความเสี่ยงมากขึ้น OEM หลายๆ เจ้า คงลำบากมากขึ้น
และคงต้อง set operation ในกรณีน้ำท่วมเข้าไปด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 26
ผมว่าปัจจัยเรื่องการตัดสินใจของบริษัทต่างๆในนิคมอุตสาหกรรม ในละแวกนั้น
น่าจะเป็นตัวตัดสิน อนาคตส่วนหนึ่งของบ้านจัดสรรในบริเวณนั้นด้วยน่ะคับ
ถ้ามาตรการต่างๆ ไม่ออกมาชัดเจนเพียงพอ มีการย้ายฐานการผลิต
หรือไม่มีบริษัทใหม่ๆเข้ามา ได้มีการเปลี่ยนแปลง แน่คับ
ผู้บริหารโรงงาน เขาจะมองเข้มงวดกว่าพวกเราที่ซื้อที่อยู่อาศัย
น่ะคับ ถ้าไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้พอ มีย้ายได้คับ แล้ว บ้านบริเวณนั้น
แย่แน่คับ
น่าจะเป็นตัวตัดสิน อนาคตส่วนหนึ่งของบ้านจัดสรรในบริเวณนั้นด้วยน่ะคับ
ถ้ามาตรการต่างๆ ไม่ออกมาชัดเจนเพียงพอ มีการย้ายฐานการผลิต
หรือไม่มีบริษัทใหม่ๆเข้ามา ได้มีการเปลี่ยนแปลง แน่คับ
ผู้บริหารโรงงาน เขาจะมองเข้มงวดกว่าพวกเราที่ซื้อที่อยู่อาศัย
น่ะคับ ถ้าไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้พอ มีย้ายได้คับ แล้ว บ้านบริเวณนั้น
แย่แน่คับ
yoroshiku onegaishimasu
-
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 27
ผมว่าเรื่องน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นน่ากลัวมากกว่า
วิทยาศาสตร์ บอกว่าแนวโน้มมีโอกาสสูงที่ท่วมกรุงเทพภายใน 20 ปี
สารคดี เรื่องน้ำแข็งที่ขั๋วโลกเหนือ ละลายเป็นกิโล(หมายถึงความหนา)เร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คำนวนไว้มาก
ทั้ง ดร สมิท มีแนวคิดให้กำแพง ส่วนอาจารย์ อาจองให้ย้าย กรุงเทพ ไปภาคอีสาน
วิทยาศาสตร์ บอกว่าแนวโน้มมีโอกาสสูงที่ท่วมกรุงเทพภายใน 20 ปี
สารคดี เรื่องน้ำแข็งที่ขั๋วโลกเหนือ ละลายเป็นกิโล(หมายถึงความหนา)เร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คำนวนไว้มาก
ทั้ง ดร สมิท มีแนวคิดให้กำแพง ส่วนอาจารย์ อาจองให้ย้าย กรุงเทพ ไปภาคอีสาน
" เสียงข้างใน" เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เราได้ยินมัน แต่มันไม่มีเสียง ,,,,,นิ้วกลม
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 28
ผมก็คิดว่าหลังจากนี้ซักปีสองปี ถ้าไม่มีน้ำท่วมซ้ำเหมือนปี 26 และปี 38 ผู้คนก็คงลืมchiraponge เขียน:พี่ฉัตรชัย ครับchatchai เขียน:ผมคิดว่าน้ำท่วมครั้งนี้ ทำเลหมู่บ้านจัดสรรประสบปัญหาเกือบหมดทุกพื้นที่ จะเหลือพื้นที่แถวไหนบ้างครับที่จะไม่โดนท่วมน้ำจะท่วมใหญ่ทุกปีเลยหรือ
ถ้าผมสงสัย แล้วถามในคำถามกลับกัน
มั่นใจว่าปีหน้า จะไม่มีน้ำท่วมแบบนี้รึเปล่าครับ
หรือ อีก 2-3 ปี จะไม่เกิดขึ้นเลยรึเปล่าครับ
ถ้าไม่มั่นใจ มันก็เปนความเสี่ยงหนึ่งที่ต้องบริหาร และต้องยอมรับแลกกับความสะดวกครับ
สำหรับผมตอบไม่ได้ทั้ง คำถามของพี่ และของผมเอง ดังนั้น
คงต้องยอมรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และดูข้อเสนอมาตรการของ developer รายต่างๆ ซึ่ง มาพร้อมต้นทุน
ส่วนภายในปีสองปีนี้ ยอดขายบ้านจัดสรรในแถบรังสิต บางบัวทอง ก็คงลำบาก
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 29
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สรุปและวิเคราะห์สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ประจำสัปดาห์ วันที่ 26 ตุลาคม–1 พฤศจิกายน 2554 ว่า ภาวะน้ำท่วมที่ขยายวงครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้ปรับประมาณการทั่วทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลและพระนครศรีอยุธยา อสังหาฯจะเสียหายเพิ่มขึ้นเป็น 650,000-700,000 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 100,000 หน่วย และบ้านทุกประเภทที่ประชาชนสร้างเองหรืออยู่นอกโครงการจัดสรรอีก 550,000-600,000 หน่วยวรันศ์ บัฟเฟต เขียน: และอีกประเด็นสำคัญคือกลุ่มคนที่สร้างบ้านเองที่รอบนี้โดนหนักกว่าพวกที่อยู่ในโครงการ ผมว่ากลุ่มนี้ย้ายมาซื้อบ้านโครงการแน่นอน เผลอๆถ้า assume ว่าคนในระแวกมีสิทธที่จะปักหลักอยู่แถวๆที่เดิมเพราะใช้ชีวิตอยู่แถวนั้นมานาน คงได้เห็นคนแห่ซื้อบ้านในโครงการที่มีการจัดการดีๆเยอะขึ้นมาก เพราะถ้าจำไม่ผิดตัวเลขบ้านในโรงการที่โดนกระทบนั้น แสนต้นๆ แต่พวกบ้านสร้างเองนี่ปลายๆเกือบล้านครับ................. พวก developer ทั้งหลายอาจส้มหล่นเลยถ้าเดินทางถูกและสื่อสารได้ดี รอดูกันไปครับยังสรุปอะไรไม่ได้
value trap
-
- Verified User
- โพสต์: 170
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 30
ผมอยู่หาดใหญ่ครับ ข้อเท็จจริงคือ น้ำท่วมบ่อยมากขึ้นครับ
แต่โชคดีคือหาดใหญ่มีระบบระบายน้ำที่ดีมากขึ้นครับ
ต่อไปกรุงเทพอาจจะมีระบบจัดการน้ำที่ดีกว่านี้ครับ
และอีกประเด็นนะครับ ที่ดินในหาดใหญ่ตรงน้ำท่วมราคาลดลงนี่ผมไม่แน่ใจ
แต่ตรงน้ำไม่ท่วม เช่นใกล้ ม สงขลานครินทร์ ที่ดินแพงขึ้นมากครับ
ปล ผมฟังท่าน ดร ดูแล้ว หุ้นค้าปลีก ที่ขายของกิน กับขายวัสดุก่อสร้างนี่เทพมากเลยนะครับ
ผมละสะกิดใจจริงๆ อันที่จริงแกไม่น่าจะเน้นมาก (หรือผมจะคิดมากไปเอง)
แต่โชคดีคือหาดใหญ่มีระบบระบายน้ำที่ดีมากขึ้นครับ
ต่อไปกรุงเทพอาจจะมีระบบจัดการน้ำที่ดีกว่านี้ครับ
และอีกประเด็นนะครับ ที่ดินในหาดใหญ่ตรงน้ำท่วมราคาลดลงนี่ผมไม่แน่ใจ
แต่ตรงน้ำไม่ท่วม เช่นใกล้ ม สงขลานครินทร์ ที่ดินแพงขึ้นมากครับ
ปล ผมฟังท่าน ดร ดูแล้ว หุ้นค้าปลีก ที่ขายของกิน กับขายวัสดุก่อสร้างนี่เทพมากเลยนะครับ
ผมละสะกิดใจจริงๆ อันที่จริงแกไม่น่าจะเน้นมาก (หรือผมจะคิดมากไปเอง)