Book Recommended : "What Works On Wall Street", 3r
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Book Recommended : "What Works On Wall Street", 3r
โพสต์ที่ 1
เป็นหนังสือที่ดีที่ควรจะมีไว้เป็น reference ครับ
เมื่อไหร่จะมี "What Works on SET" บ้างนะ ตลาดบ้านเรามีอายุครบ 30 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นน่าจะมีข้อมูลที่มากพอและยาวนานพอที่จะนำมาศึกษาอดีตเพื่อบ่งชี้ถึงอนาคตได้ (ตามหลักสถิติ ระยะเวลาประมาณ 25 ปี จะเพียงพอต่อความน่าเชื่อถือ)
เมื่อไหร่จะมี "What Works on SET" บ้างนะ ตลาดบ้านเรามีอายุครบ 30 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นน่าจะมีข้อมูลที่มากพอและยาวนานพอที่จะนำมาศึกษาอดีตเพื่อบ่งชี้ถึงอนาคตได้ (ตามหลักสถิติ ระยะเวลาประมาณ 25 ปี จะเพียงพอต่อความน่าเชื่อถือ)
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Book Recommended : "What Works On Wall Street", 3r
โพสต์ที่ 3
โห ถ้าคุณ offshore-engineer, แนะนำ นี่ "ต้อง" อ่านครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Book Recommended : "What Works On Wall Street", 3r
โพสต์ที่ 4
ผมซื้อที่ Asia Book สาขา สยามสแควร์เมื่อวานครับ ยังเห็นเหลืออยู่อีกหลายเล่มครับ ราคา 1350 บาทครับ
ทีแรกผมกะจะไปซื้อหนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อว่า "Beyond Graham & Dodd" แต่ว่าคนขายบอกคงเข้ามาอีกทีปีหน้าเลยครับเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับสำนักพิมพ์
ทีแรกผมกะจะไปซื้อหนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อว่า "Beyond Graham & Dodd" แต่ว่าคนขายบอกคงเข้ามาอีกทีปีหน้าเลยครับเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับสำนักพิมพ์
แก้ไขล่าสุดโดย offshore-engineer เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 9:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Book Recommended : "What Works On Wall Street", 3r
โพสต์ที่ 5
อ่านจบไปแล้วสามบทครับ จับใจความคร่าวๆได้ว่า
การกระทำของมนุษย์มักใช้อารมณ์หรือประสบการณ์ที่เคยเจอมาใช้ในการตัดสินใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งการลงทุน
ผู้เขียนเปิดเรื่องด้วยคำถามที่ว่า ทำไมกองทุนถึง 80% จึงมีผลงานที่ต่ำกว่า ผลตอบแทนของ S&P 500 Index คำตอบก็คือสิ่งที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น เรื่องดังกล่าวจึงเป็นที่มาของศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ชื่อ Behavioural Finance
จุดประสงค์ของผู้เขียนตั้งแต่ edition แรกที่วางจำหน่ายในปี 1996 คือ การศึกษาว่ากลยุทธ์ในการซื้อหลักทรัพย์โดยใช้กฎเกณฑ์ที่วางเอาไว้แน่นอน (เช่น ซื้อหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำสุด) ให้ผลตอบแทนเท่าไหร่ในระยะยาว และสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า การลงทุนผ่าน S&P 500 Index Fund หรือไม่
การกระทำดังกล่าวเป็นการตัดเอาอารมณ์หรือความคิดเห็นส่วนตัวออกจากการลงทุน โดยผูกยึดเข้ากับหลักการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาว ในบางครั้งหุ้นที่ผ่าน screen เข้ามา อาจเป็นหุ้นที่เราไม่ชอบ หรืออยู่ในอุตสาหกรรมที่เรามองในแง่ลบ ผู้เขียนกล่าวว่า ความสม่ำเสมอนั่นแหละที่ทำให้ the odd is on your favour
ไม่น่าเชื่อครับว่า การลงทุนในหุ้นที่มี PSR (Price to Sales Ratio) ต่ำ ให้ผลตอบแทนในระยะยาวสูงที่สุด สูงกว่า P/E ต่ำ และ P/BV ต่ำ
ยังมีเรื่องราวให้น่าค้นหาอีกเยอะเลยครับ
การกระทำของมนุษย์มักใช้อารมณ์หรือประสบการณ์ที่เคยเจอมาใช้ในการตัดสินใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งการลงทุน
ผู้เขียนเปิดเรื่องด้วยคำถามที่ว่า ทำไมกองทุนถึง 80% จึงมีผลงานที่ต่ำกว่า ผลตอบแทนของ S&P 500 Index คำตอบก็คือสิ่งที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น เรื่องดังกล่าวจึงเป็นที่มาของศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ชื่อ Behavioural Finance
จุดประสงค์ของผู้เขียนตั้งแต่ edition แรกที่วางจำหน่ายในปี 1996 คือ การศึกษาว่ากลยุทธ์ในการซื้อหลักทรัพย์โดยใช้กฎเกณฑ์ที่วางเอาไว้แน่นอน (เช่น ซื้อหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำสุด) ให้ผลตอบแทนเท่าไหร่ในระยะยาว และสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า การลงทุนผ่าน S&P 500 Index Fund หรือไม่
การกระทำดังกล่าวเป็นการตัดเอาอารมณ์หรือความคิดเห็นส่วนตัวออกจากการลงทุน โดยผูกยึดเข้ากับหลักการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาว ในบางครั้งหุ้นที่ผ่าน screen เข้ามา อาจเป็นหุ้นที่เราไม่ชอบ หรืออยู่ในอุตสาหกรรมที่เรามองในแง่ลบ ผู้เขียนกล่าวว่า ความสม่ำเสมอนั่นแหละที่ทำให้ the odd is on your favour
ไม่น่าเชื่อครับว่า การลงทุนในหุ้นที่มี PSR (Price to Sales Ratio) ต่ำ ให้ผลตอบแทนในระยะยาวสูงที่สุด สูงกว่า P/E ต่ำ และ P/BV ต่ำ
ยังมีเรื่องราวให้น่าค้นหาอีกเยอะเลยครับ
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
Book Recommended : "What Works On Wall Street", 3r
โพสต์ที่ 6
ว่าแต่ในเมืองไทยเคยมีใครพิสูจน์ยังเอ่ย....อ้อ อีกอย่างครับพี่ offshore-engineer ไม่ทราบว่าจะหาหนังสือเล่มนี้ได้ที่ไหนหรือครับoffshore-engineer เขียน: ไม่น่าเชื่อครับว่า การลงทุนในหุ้นที่มี PSR (Price to Sales Ratio) ต่ำ ให้ผลตอบแทนในระยะยาวสูงที่สุด สูงกว่า P/E ต่ำ และ P/BV ต่ำ
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
Book Recommended : "What Works On Wall Street", 3r
โพสต์ที่ 8
การที่หุ้นที่มี PSR ต่ำให้ผลตอบแทนดี เนี่ยสะท้อนว่าการขายและทำตลาดมีผลมากกว่า การควบคุมต้นทุนหรือเปล่าครับ เพราะขายได้มากกว่าก็เลยดีกว่าเหรอครับ หนังสือเค้าวิเคราะห์ไว้ว่ายังไงบ้างครับ หรือว่าบอกเป็นสถิติ เฉยๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
Book Recommended : "What Works On Wall Street", 3r
โพสต์ที่ 9
PSR = Market Cap/Sales
ผมยังไม่มีเวลาอ่านอย่างละเอียดต่อเลยครับ เข้าใจว่าจะนำเสนอในแง่สถิติมากกว่า
ราคาน้ำมันขึ้นสูง งานเลยเยอะเป็นเงาตามตัว
ผมยังไม่มีเวลาอ่านอย่างละเอียดต่อเลยครับ เข้าใจว่าจะนำเสนอในแง่สถิติมากกว่า
ราคาน้ำมันขึ้นสูง งานเลยเยอะเป็นเงาตามตัว
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Book Recommended : "What Works On Wall Street", 3r
โพสต์ที่ 10
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ไม่น่าเชื่อครับว่า การลงทุนในหุ้นที่มี PSR (Price to Sales Ratio) ต่ำ ให้ผลตอบแทนในระยะยาวสูงที่สุด สูงกว่า P/E ต่ำ และ P/BV ต่ำ
ยังมีเรื่องราวให้น่าค้นหาอีกเยอะเลยครับ
คือการดู PE PB ยอดขาย รายได้ กำไร ความต่อเนื่อง อัตรการเติบโต
เป็นแค่การ กลั่นกรอง ค้นห้าหุ้นที่น่าสนใจเก็บไว้ ในสต๊อกหุ้นที่อยากซื้อ
แต่เมื่อถึงเวลาที่ราคา โดนมร.มาเก็ต ทำให้ต่ำ ๆ
ก็ค่อยเข้าไปซื้อ
แต่การดู ค่าต่างๆ เช่น PE PB และอื่นๆ แล้วเข้าข้างตัวเองว่า อืม อย่างนี้ถูกแล้ว และน่าซื้อ ก็ไม่ผิดครับ
แต่ผลจากการลงทุน ถ้ายังได้น้อยก็ผิดครับ
ถ้าได้มากก็ถูกต้องแล้วครับ