เอามาจาก Pantip นะครับ
เผื่อจะประโยชน์สำหรับผู้สนใจ
ทำไมหนังสือเมืองไทยแพง ?
วันเสาร์สบายๆ วันนี้ มาคุยเรื่องราคาหนังสือกันดีกว่านะครับ
วันก่อน ท่านรัฐมนตรีคลัง ดร.ทนง พิทยะ ออกมาประกาศเปรี้ยงปร้างว่า
จะลดภาษี ที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์หนังสือ ลงมาเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์
เพื่อทำให้ราคา หนังสือถูกลง หลังจากที่นายกฯทักษิณ ชินวัตร
พูดเรื่องนี้ใน ครม.
ผมฟังแล้วก็ดีใจ เพราะผมเองเขียนต่อสู้เรื่องนี้มาหลายสิบปีแล้ว เขียนมาทุกรัฐบาล ตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ซึ่งมีการคิดภาษีเซอร์ชาร์จกระดาษนำเข้า 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อปกป้องโรงงานกระดาษสองโรงในเมืองไทย เรื่อยมาจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน
ผมทนไม่ได้ที่เห็นกระทรวงการคลังเก็บภาษีนำเข้ากระดาษเงิน กระดาษทอง ที่เขาใช้เผาให้ผี เท่ากับภาษีนำเข้ากระดาษพิมพ์เขียนที่ใช้พิมพ์อาหาร สมองให้กับคนไทย ทนไม่ได้จริงๆครับ เลยต้องเขียนย้ำเรื่องนี้มาตลอด
ดร.ทนงบอกว่า กระทรวงการคลังเห็นควรยกเลิกภาษีการนำเข้าสิ่งพิมพ์ พร้อมกับการพิจารณาลด หรือยกเลิกภาษีการนำเข้ากระดาษพิมพ์ หมึกพิมพ์ และแท่นพิมพ์ เพื่อให้ต้นทุนการพิมพ์หนังสือในประเทศถูกลง ทำให้สิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษาราคาถูกลง จากปัจจุบัน
ดร.ทนงได้ยกตัวอย่างภาษีสิ่งพิมพ์ปัจจุบัน อ่านแล้วก็เจ็บปวดกระดองใจ เป็นอย่างยิ่งว่า การนำเข้าสิ่งพิมพ์ที่มีรูปภาพ จะเสียภาษีนำเข้า 5 เปอร์เซ็นต์ ถ้านำเข้าสิ่งพิมพ์ที่เป็นตัวอักษร ภาษาไทยที่ไปพิมพ์ในต่างประเทศ ต้องเสียภาษีนำเข้า 10 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การนำเข้าสิ่งพิมพ์ ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ในต่างประเทศ ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า
เห็นความงี่เง่าของรัฐบาลในอดีตที่กระทำต่อคนไทยด้วยกันไหมครับ
หนังสือไทยที่วางขายอยู่ทั่วไปวันนี้ มีราคาแพงมาก เมื่อเทียบกับรายได้และค่าครองชีพ พื้นฐานของประชาชน ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีปัญญาที่จะซื้อหามาอ่าน จึงไม่น่าแปลกใจที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจะมีตัวเลขออกมาว่า คนไทยวันนี้ 18.3 ล้านคน ไม่อ่านหนังสือ และอีก 3.3 ล้านคน อ่านหนังสือไม่ออก
หนังสือแพงมีองค์ประกอบหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ต้นทุนสำคัญ คือ เครื่องจักร ตามมาด้วย ราคาวัตถุดิบสำคัญคือ กระดาษ และหมึกพิมพ์ ไปจนถึงเปอร์เซ็นต์ การจัดจำหน่ายของเอเย่นต์ ซึ่งคิดโหดมาก 40-50 เปอร์เซ็นต์ ของราคาปก และค่าส่งหนังสือทางไปรษณีย์
กระดาษนำเข้าวันนี้ยังมีภาษีนำเข้าร้อยละ 10 เพื่อปกป้องโรงงานกระดาษในประเทศ ในขณะที่กระดาษนอกประเภทเดียวกัน ราคาจริงถูกกว่าและดีกว่า เพราะกระดาษในประเทศที่รัฐบาลอุ้มมาเกือบ 40 ปี คุณภาพไม่ได้พัฒนาขึ้นเท่าไร
ถ้าลดภาษีกระดาษและหมึกพิมพ์เหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ ต้นทุนหนังสือก็จะลดลงไปทันที 10 เปอร์เซ็นต์ จากราคาปัจจุบัน และจะเกิดการแข่งขันในด้านกระดาษและหมึกพิมพ์ ซึ่งผมเชื่อว่าจะทำให้ราคากระดาษและหมึกพิมพ์ถูกลงกว่านี้อีก
ต้นทุนโหดอีกต้นทุนหนึ่งก็คือ ค่าจัดจำหน่ายหนังสือของเอเย่นต์ ซึ่งคิดร้อยละ 40-50 เปอร์เซ็นต์ ของราคาปก เมื่อบวกค่าลิขสิทธิ์นักเขียนไปอีกร้อยละ 10 คนทำหนังสือจะเหลือรายได้แค่ร้อยละ 40-50 จากราคาปก ทั้งๆที่เป็นผู้ลงทุนและ ต้องรับความเสี่ยงจากหนังสือเหลือ อีกต่างหาก ทำให้ต้องตั้งราคาขาย ค่อนข้างแพง เพื่อรับความเสี่ยง
ตรงนี้ถ้ารัฐบาลสามารถสร้างระบบเครือข่ายขนส่งหนังสือทั่วประเทศแบบโลจิสติกส์ได้ จะช่วยลดราคาหนังสือลงมาได้เยอะทีเดียว
ต้นสำคัญอีกตัวหนึ่งคือ ค่าส่งหนังสือทางไปรษณีย์ ซึ่งแพงมาก รัฐบาลควรจะแยกค่าส่ง หนังสือทางไปรษณีย์ ให้มีราคาถูกกว่าการส่งวัสดุทั่วไป ไม่ใช่คิดตามน้ำหนัก เพราะนี่คืออาหารสมองที่หาคุณค่าไม่ได้
ถ้านายกฯทักษิณอยากจะทำให้หนังสือมีราคาถูกลง เพื่อให้คนไทยอ่านหนังสือ มากขึ้น จะต้องทำให้ครบวงจรครับ ผมรับรองว่าราคาหนังสือจะถูกลงอย่างน้อยก็ 20 เปอร์เซ็นต์ทันที.
ลม เปลี่ยนทิศ
ที่มา : http://www.thairath.co.th/thairath1/254 ... _11_48.php
เก็บมาฝากประเด็นเรื่อง ลดภาษีเกี่ยวกับการพิมพ์หนังสือ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บมาฝากประเด็นเรื่อง ลดภาษีเกี่ยวกับการพิมพ์หนังสือ
โพสต์ที่ 2
ลดภาษีคงช่วยได้บ้างแต่ไม่มากครับ ต้นทุนที่สูงที่สุดของหนังสือคือค่ากระจายสินค้าครับ 40-50% ของราคาปก เพราะหนังสือยอดขายน้อย ราคาต่อเล่มต่ำ และต้องมีความหลากหลายมาก ทำให้ค่ากระจายสินค้าสูงมากเมื่อเทียบกับราคาหนังสือครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ