สอบถามเกี่ยวกับกิจการที่มีข่าวเทคโอเวอร์
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเกี่ยวกับกิจการที่มีข่าวเทคโอเวอร์
โพสต์ที่ 2
ไม่เฉพาะข่าวเทคโอเวอร์หรอกครับ ทุกวันนี้ข่าวที่บ.แจ้งไปทางตลาดประเภทว่า "ตามที่มีสื่อระบุว่า..... บ.ขอแจ้งว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงและผบห.ของบ.ไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวแต่อย่างใด"
ข่าวแบบนี้มีมากเหลือเกิน จนผมเองก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าไม่มีใครให้ข่าว ข่าวมันมาจากไหนครับ???
1) สื่อเต้าข่าว
2) บ. "กระซิบ" ข่าว แต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ที่ผมสงสัยมากกว่านั้นก็คือ หุ้นหลายตัวมันขึ้นไปตามข่าว พอออกมาปฏิเสธส่วนใหญ่ก็ลง แบบนี้หน่วยงานที่กำกับดูแลได้เข้าไปตรวจสอบหรือไม่ โดยเฉพาะสื่อ ยิ่งถ้าผบห.ออกมาปฏิเสธ มันก็เหมือนจะบอกว่าสื่อเต้าข่าวขึ้นมา แบบนี้มีบทจัดการกับสื่อที่เต้าข่าวหรือไม่ครับ เรื่องแบบนี้ผมว่าตรวจสอบไม่ยากนะครับ ถ้าสื่อบอกว่าผบห.ไม่ได้บอกมันก็คือสื่อมั่วเอง แต่ถ้าสื่อบอกว่าบ.ให้ข่าวมาก็ไปไล่กับผบห.ต่อว่าใครเป็นคนให้ข่าว
เรื่องแบบนี้มีมานานและก็อาจจะยังคงมีต่อไปเรื่อย ๆ ครับ
ข่าวแบบนี้มีมากเหลือเกิน จนผมเองก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าไม่มีใครให้ข่าว ข่าวมันมาจากไหนครับ???
1) สื่อเต้าข่าว
2) บ. "กระซิบ" ข่าว แต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ที่ผมสงสัยมากกว่านั้นก็คือ หุ้นหลายตัวมันขึ้นไปตามข่าว พอออกมาปฏิเสธส่วนใหญ่ก็ลง แบบนี้หน่วยงานที่กำกับดูแลได้เข้าไปตรวจสอบหรือไม่ โดยเฉพาะสื่อ ยิ่งถ้าผบห.ออกมาปฏิเสธ มันก็เหมือนจะบอกว่าสื่อเต้าข่าวขึ้นมา แบบนี้มีบทจัดการกับสื่อที่เต้าข่าวหรือไม่ครับ เรื่องแบบนี้ผมว่าตรวจสอบไม่ยากนะครับ ถ้าสื่อบอกว่าผบห.ไม่ได้บอกมันก็คือสื่อมั่วเอง แต่ถ้าสื่อบอกว่าบ.ให้ข่าวมาก็ไปไล่กับผบห.ต่อว่าใครเป็นคนให้ข่าว
เรื่องแบบนี้มีมานานและก็อาจจะยังคงมีต่อไปเรื่อย ๆ ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สอบถามเกี่ยวกับกิจการที่มีข่าวเทคโอเวอร์
โพสต์ที่ 3
บางทีอาจเพราะมีคนบางกลุ่มอาศัยเม็ดเงินที่มากในระดับหนึ่งเพื่อเล่นเกมจิตวิทยาการลงทุนกับนักลงทุนรายย่อยครับ
เพราะธรรมชาติของนักลงทุนรายย่อย จะเชื่อว่า "ราคาเป็นไปตามพื่้นฐานกิจการ" ซึ่งความเชื่อนี้แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ระดับโนเบลก็เชื่อมาแล้ว ภายใต้ชื่อ Efficient Market Theory และสายวิเคราะห์เทคนิคตามแนวคลาสสิค ที่มีต้นกำเนิดคือ Dow Theory ก็เชื่อเช่นเดียวกัน จนถือเป็น 1 ใน 3 กฎพื่้นฐานด้วยซ้ำ
ในความเห็นของผม ความเชื่อนี้ผิดครับ และคนที่สนับสนุนความเห็นของผมก็ไม่ใช่ใครอื่น พวกเค้าคือ บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์สายวีไอ กับ โซรอส ปรมาจารย์สายเก็งกำไร
เพราะธรรมชาติของนักลงทุนรายย่อย จะเชื่อว่า "ราคาเป็นไปตามพื่้นฐานกิจการ" ซึ่งความเชื่อนี้แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ระดับโนเบลก็เชื่อมาแล้ว ภายใต้ชื่อ Efficient Market Theory และสายวิเคราะห์เทคนิคตามแนวคลาสสิค ที่มีต้นกำเนิดคือ Dow Theory ก็เชื่อเช่นเดียวกัน จนถือเป็น 1 ใน 3 กฎพื่้นฐานด้วยซ้ำ
ในความเห็นของผม ความเชื่อนี้ผิดครับ และคนที่สนับสนุนความเห็นของผมก็ไม่ใช่ใครอื่น พวกเค้าคือ บัฟเฟตต์ ปรมาจารย์สายวีไอ กับ โซรอส ปรมาจารย์สายเก็งกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเกี่ยวกับกิจการที่มีข่าวเทคโอเวอร์
โพสต์ที่ 6
ผมว่าถ้าเป็นหุ้นรายตัว ส่วนใหญ่ถ้ามีข่าวที่กระทบบ.ทั้งทางบวกและทางลบจะมีผลกระทบต่อราคาในระยะสั้นครับ แต่ถ้าเป็นภาพรวมของตลาด ข่าวนั้นมักจะมาจากการหาเหตุผลที่จะมาอธิบายการเคลื่อนไหวของตลาด ซึ่งจะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ครับpakakal เขียน:แสดงว่า ราคาบางทีมันก็มาจากข่าวใช่มั๊ยครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเกี่ยวกับกิจการที่มีข่าวเทคโอเวอร์
โพสต์ที่ 7
ก.ล.ต. ตรวจเข้มมาร์เกตติ้ง-พอร์ตโบรกเกอร์ หวังป้องกันการซื้อขายไม่เป็นธรรมตั้งแต่ต้นทาง “วรพล” ระบุ การส่งข้อมูลซื้อขายผิดปกติไม่ได้แตกต่างจากอดีต ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดูข้อมูลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เผยช่วง 3 เดือนนับจากต้นปีนี้ลงโทษผู้ทำผิดแล้ว 44 กรณี
http://www.manager.co.th/iBizChannel/Vi ... 0000039289
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในการตรวจสอบและกำกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ซึ่งเข้มงวดตั้งแต่การปฏิบัติหน้าที่ของมาร์เกตติ้ง ไปจนถึงการตรวจสอบการซื้อขาย
“ก.ล.ต.กำกับเข้มตั้งแต่ต้นทาง คือ มาร์เกตติ้ง เพื่อป้องกันการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม และให้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ส่วนการซื้อขายของนักลงทุนนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการดูข้อมูลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว หากพบความผิดปกติก็จะส่งต่อให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมา ปริมาณก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากจากอดีตที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบไปถึงการซื้อขายของบัญชี บล. และ บลจ.ว่าเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของบริษัทหรือไม่ เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้น จะกระทบต่อส่วนอื่นด้วย เพราะบัญชีการลงทุนของโบรกเกอร์บางแห่งมีขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน ก.ล.ต. ยังเข้าไปดูเรื่องบัญชีสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ หรือบัญชีมาร์จิ้นของโบรกเกอร์ว่ามีหลักประกันเพียงพอหรือไม่ ซึ่งพบว่าอยู่ในระดับที่ปกติ
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (28 มี.ค.) ทาง ก.ล.ต. มีการบังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวม 44 กรณี จากปี 2555 ที่มีผู้กระทำผิดรวม 177 กรณี แยกเป็นความผิดทางอาญา 31 กรณี และทางการบริหาร 13 กรณี
โดยในการดำเนินคดีอาญานั้น แยกเป็นการกล่าวโทษ 14 ราย เทียบกับปี 2555 ทั้งปีที่มีการกล่าวโทษรวม 82 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับงบการเงิน 9 กรณี การประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3 กรณี และเป็นการขัดคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ 2 กรณี
นอกจากนี้ ยังมีการเปรียบเทียบปรับ 17 กรณี ขณะที่ปีที่ผ่านมามีการเปรียบเทียบปรับ 56 กรณี โดยเป็นการปฏิบัติตามเกณฑ์การประกอบธุรกิจ 4 กรณี งบการเงิน 11 กรณี และการครอบงำกิจการ 2 กรณี ส่วนการดำเนินการทางบริหาร 13 คดี จากปี 2555 ที่มีการดำเนินการทางบริหาร 39 ราย เป็นความผิดของกรรมการ หรือผู้บริหาร 1 ราย และความผิดของผู้แนะนำการลงทุน 12 ราย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่า ก.ล.ต. ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายลงโทษสำหรับความผิดจากการกระทำที่ไม่เป็นธรรม ทั้งการเผยแพร่ข่าวเท็จ การสร้างราคาหลักทรัพย์ รวมถึงการใช้ข้อมูลภายใน หรืออินไซเดอร์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งในส่วนการเปรียบเทียบปรับ และการกล่าวโทษ
อย่างไรก็ตาม จากสถิติ 5 ปีย้อนหลัง หรือตั้งแต่ปี 2552-2556 พบว่า มีการเปรียบเทียบปรับทั้งหมด 365 กรณี เป็นการแพร่ข่าว 1 กรณี การสร้างราคา 47 กรณี และการใช้ข้อมูลภายใน 13 กรณี ขณะที่มีการกล่าวโทษทั้งหมด 265 กรณี เป็นการสร้างราคา 34 กรณี และการใช้ข้อมูลภายใน 4 กรณี สำหรับดำเนินการทางบริหารนั้นมีการลงโทษทั้งหมด 170 กรณี
นายธวัชชัย พิทยโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ตัวเลขสถิติการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต.ที่ไม่มีกรณีของการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม ทั้งการแพร่ข่าว การสร้างราคานั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความผิดเกิดขึ้น แต่อาจจะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งหากมีผู้เกี่ยวข้องมาก หรือมีความซับซ้อนก็ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถบอกได้ว่าที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการส่งกรณีเหล่านี้มาหรือไม่
-จบ-
http://www.manager.co.th/iBizChannel/Vi ... 0000039289
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในการตรวจสอบและกำกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ซึ่งเข้มงวดตั้งแต่การปฏิบัติหน้าที่ของมาร์เกตติ้ง ไปจนถึงการตรวจสอบการซื้อขาย
“ก.ล.ต.กำกับเข้มตั้งแต่ต้นทาง คือ มาร์เกตติ้ง เพื่อป้องกันการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม และให้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ส่วนการซื้อขายของนักลงทุนนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการดูข้อมูลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว หากพบความผิดปกติก็จะส่งต่อให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมา ปริมาณก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากจากอดีตที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบไปถึงการซื้อขายของบัญชี บล. และ บลจ.ว่าเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของบริษัทหรือไม่ เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้น จะกระทบต่อส่วนอื่นด้วย เพราะบัญชีการลงทุนของโบรกเกอร์บางแห่งมีขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน ก.ล.ต. ยังเข้าไปดูเรื่องบัญชีสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ หรือบัญชีมาร์จิ้นของโบรกเกอร์ว่ามีหลักประกันเพียงพอหรือไม่ ซึ่งพบว่าอยู่ในระดับที่ปกติ
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (28 มี.ค.) ทาง ก.ล.ต. มีการบังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวม 44 กรณี จากปี 2555 ที่มีผู้กระทำผิดรวม 177 กรณี แยกเป็นความผิดทางอาญา 31 กรณี และทางการบริหาร 13 กรณี
โดยในการดำเนินคดีอาญานั้น แยกเป็นการกล่าวโทษ 14 ราย เทียบกับปี 2555 ทั้งปีที่มีการกล่าวโทษรวม 82 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับงบการเงิน 9 กรณี การประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3 กรณี และเป็นการขัดคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ 2 กรณี
นอกจากนี้ ยังมีการเปรียบเทียบปรับ 17 กรณี ขณะที่ปีที่ผ่านมามีการเปรียบเทียบปรับ 56 กรณี โดยเป็นการปฏิบัติตามเกณฑ์การประกอบธุรกิจ 4 กรณี งบการเงิน 11 กรณี และการครอบงำกิจการ 2 กรณี ส่วนการดำเนินการทางบริหาร 13 คดี จากปี 2555 ที่มีการดำเนินการทางบริหาร 39 ราย เป็นความผิดของกรรมการ หรือผู้บริหาร 1 ราย และความผิดของผู้แนะนำการลงทุน 12 ราย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่า ก.ล.ต. ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายลงโทษสำหรับความผิดจากการกระทำที่ไม่เป็นธรรม ทั้งการเผยแพร่ข่าวเท็จ การสร้างราคาหลักทรัพย์ รวมถึงการใช้ข้อมูลภายใน หรืออินไซเดอร์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งในส่วนการเปรียบเทียบปรับ และการกล่าวโทษ
อย่างไรก็ตาม จากสถิติ 5 ปีย้อนหลัง หรือตั้งแต่ปี 2552-2556 พบว่า มีการเปรียบเทียบปรับทั้งหมด 365 กรณี เป็นการแพร่ข่าว 1 กรณี การสร้างราคา 47 กรณี และการใช้ข้อมูลภายใน 13 กรณี ขณะที่มีการกล่าวโทษทั้งหมด 265 กรณี เป็นการสร้างราคา 34 กรณี และการใช้ข้อมูลภายใน 4 กรณี สำหรับดำเนินการทางบริหารนั้นมีการลงโทษทั้งหมด 170 กรณี
นายธวัชชัย พิทยโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ตัวเลขสถิติการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต.ที่ไม่มีกรณีของการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม ทั้งการแพร่ข่าว การสร้างราคานั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความผิดเกิดขึ้น แต่อาจจะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งหากมีผู้เกี่ยวข้องมาก หรือมีความซับซ้อนก็ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถบอกได้ว่าที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการส่งกรณีเหล่านี้มาหรือไม่
-จบ-
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530