โค้ด: เลือกทั้งหมด
หากความใฝ่ฝันของบัฟเฟตต์คือการอุทิศชีวิตทั้งหมดเพื่อการลงทุน การเห็นเงินงอกเงย และสร้างตำนานชีวิต คู่หูอย่างชาร์ลี มังเกอร์ เหมือนจะเป็นสิ่งที่เกือบจะตรงกันข้าม มังเกอร์ชอบชีวิตที่เรียบง่าย เป็นส่วนตัว และเขาสนใจการลงทุนเป็นเพียงกิจกรรมที่น่าสนุกอย่างหนึ่งเท่านั้น การเป็นรองประธานในเบิร์กไชน์ภายใต้เงาที่ยิ่งใหญ่ของบัฟเฟตต์ ทำให้นักลงทุนทั่วไปรู้จักมังเกอร์น้อยมาก ทั้ง ๆ ที่มังเกอร์คือครึ่งหนึ่งของอาณาจักรแห่งนี้ เหมือนที่บัฟเฟตต์เปรียบไว้ว่า ส่วนผสมของการลงทุนที่นี่ คือผมเห็น และมังเกอร์ได้ยิน
การมาประชุมที่โอมาฮาในคราวนี้ ทำให้ผมได้พบกับความเฉียบคม ปนอารมณ์ขันแบบฉบับส่วนตัวของมังเกอร์ ไม่แน่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ถือหุ้นเบิร์กไชน์ถึงรักมังเกอร์ ไม่แพ้บัฟเฟตต์ทีเดียว
คำแนะนำของมังเกอร์ สำหรับนักลงทุนข้อแรก ๆ คือ เราควรเก็บออมตั้งแต่อายุยังน้อย โดยใช้จ่ายให้น้อยกว่าความมาตรฐานความมั่งคั่งที่เรามีเป็นระยะเวลายาวนาน และต้องทำงานให้หนัก เพราะชีวิตในช่วงเริ่มต้นนั้นสำคัญที่สุด การเริ่มต้นได้เร็วช่วยเราได้ในทุกเรื่อง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการลงทุน มังเกอร์มีลูกทั้งหมดแปดคน และพยายามสอนลูกอยู่บ่อย ๆ แต่เขาก็ยอมรับอย่างหนึ่งว่า ลูกคนที่เกิดมาภายหลัง ในขณะที่เขามีความมั่งคั่งแล้ว จะมีจิตวิญญาณของการทำงานหนักน้อยกว่าพี่ ๆ ของเขา
สาเหตุที่มังเกอร์คือส่วนผสมสำคัญที่ทำให้เบิร์กไชน์ และการลงทุนของบัฟเฟตต์เป็นตำนาน คือเขาเปลี่ยนแนวคิดการลงทุนของบัฟเฟตต์ที่พยายามซื้อหุ้นที่มีราคาถูก เป็นการซื้อกิจการที่มีราคาเหมาะสม แต่มีคุณภาพยอดเยี่ยม นี่คือการให้ความสำคัญกับการค้นหาความสามารถในการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมและถูกซ่อนเร้นอยู่ในกิจการ
“เกมของการลงทุนคือการคาดการณ์อนาคตได้ดีกว่าผู้อื่น และวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณทำสิ่งนี้ได้ คือการจำกัดขอบเขตของมันเอาไว้ หากคุณพยายามคาดเดาอนาคตของทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นความพยายามที่มากจนเกินไป และคุณกำลังจะสูญเสียความเชี่ยวชาญของการคาดเดาอนาคต” ชาร์ลี มังเกอร์
ชีวิตหลังจากที่มังเกอร์ติดอันดับ Top 400 ของอภิมหาเศรษฐีสหรัฐฯในนิตยสาร Forbes เหมือนจะตรงกันข้ามกับบัฟเฟตต์ เขาไม่อยากมีชื่ออยู่ใน List ในปีถัด ๆ ไปและอยากมีชีวิตส่วนตัวที่เขาชื่นชอบ คือการตกปลา อ่านหนังสือที่หลากหลาย รวมถึงการดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิดเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันในบั้นปลายของคู่หูคู่นี้คือ การบริจาคสู่สังคม มังเกอร์เริ่มบริจาคความมั่งคั่งก่อนบัฟเฟตต์หลายสิบปี ให้กับหลาย ๆ องค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาบันการศึกษา หากมีคนถามังเกอร์ว่าเขาจะเหลืออะไรไว้หลังจากที่เขาเสียชีวิต เขาบอกว่าเขาจะเหลือทิ้งไว้ทุกอย่างโดยไม่เก็บเอาไว้ และเหมือนกับว่านี่อาจเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้บัฟเฟตต์ในเวลาต่อมา
กลับมาที่ Omaha ที่ ๆ ผมได้เจอตำนานทั้งบัฟเฟตต์และมังเกอร์ในเวทีเดียวกันหนึ่งวันเต็ม การประชุมสไตล์เบิร์กไชน์นั้นเริ่มต้นด้วยการสรุปผลประกอบการเป็นวีดีโอที่มีความยาวประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นวีดีโอที่เต็มไปด้วยความหมายหลาย ๆ อย่าง ตั้งแต่การเล่าผลประกอบการ การขอบคุณผู้บริหารทุก ๆ คนที่มีส่วนร่วมพัฒนาบริษัทให้ก้าวหน้า บัฟเฟตต์เคยบอกว่า หน้าที่ของเขานอกจากการจัดสรรทรัพยากรหรือการหาโอกาสลงทุนใหม่ ๆ แล้ว เขาต้องทำให้ผู้บริหารปัจจุบันมีความสุข ซึ่งในเวลาหนึ่งวันที่ผมเห็น ผู้บริหารได้รับเกียรติเหล่านี้เป็นอย่างสูง แม้ว่าหลายครั้งบัฟเฟตต์จะคอยตักเตือนผู้บริหารบ่อย ๆ ว่า จงอย่าอยู่นอก “วงกลมแห่งความเชี่ยวชาญของตนเอง” นั่นคือพยายามจดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี โดยไม่พยายามทำอะไรที่สร้างความเสี่ยงให้บริษัทโดยไม่จำเป็น
หลังจากนั้นบัฟเฟตต์และมังเกอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ร่วมประชุมสี่หมื่นคน คำถามในวันนั้นหลายคำถามยากมาก และบัฟเฟตต์ก็ไม่รู้คำถามมาก่อน
ทักษะการลงทุน พร้อม ๆ กับวินัยการลงทุนที่สูงมาก อยู่ในทุกคำตอบของทั้งสองคน บัฟเฟตต์และมังเกอร์แทบจะมองข้ามปัญหาสั้น ๆ และมองไปที่ภาพใหญ่ และภาพระยะยาวของกิจการ รวมถึงการค้นหาไอเดียการลงทุนตลอดเวลา มุมมองของบัฟเฟตต์และมังเกอร์ต่างจากทฤษฎีทางการเงินมาก เช่น
คุณคิดว่าต้นทุนของเงินทุน (Cost of Capital) ของเบิร์กไชน์คืออะไร ? คำตอบบัฟเฟตต์คือ ผลตอบแทนที่ได้จากไอเดียการลงทุนอันดับสอง (ดังนั้นเราต้องพยายามให้ไอเดียการลงทุนของเรา เหนือกว่าต้นทุนตรงนี้ให้ได้มาก ๆ)
งานประชุมประจำปีของเบิร์กไชน์ ถูกปิดท้ายด้วยกิจกรรม วิ่งระยะทาง 5 กิโลเมตร ในหัวข้อที่ว่า Invest in Yourself หรือลงทุนในตัวเอง นี่คือหัวใจของความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิต และมันคือการลงทุนที่ดีที่สุด ผมได้เบอร์วิ่ง 2596 ซึ่งเป็นปี พ.ศ.ในอนาคตที่ผมจะอายุเท่าปู่วันนี้พอดี พวกเราวิ่งรอบ Downtown ของโอมาฮา อากาศเย็นสบาย นักวิ่งตั้งแต่เด็กยันวัยชราวิ่งไปข้างหน้าด้วยกันด้วยรอยยิ้ม หลังจากวิ่งไปซักพักก็เห็นเส้นชัยที่อยู่ริมแม่น้ำมิซซูรี่ “ผู้วิ่งถึงเส้นชัยคือผู้ชนะทุกคน” และได้เสียงปรบมือกึกก้อง และผมก็เชื่อว่าชีวิตและความใฝ่ฝันของการลงทุนก็เป็นเช่นเดียวกันครับ