UBE
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
UBE
โพสต์ที่ 1
หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน)
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม / บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่น Filing version แรก : 27/04/2561
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : หุ้นสามัญ
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด / นาง รัชดา เกลียวปฏินนท์, ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) / N.A.
http://market.sec.or.th/public/ipos/IPO ... sID=196944
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน)
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม / บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่น Filing version แรก : 27/04/2561
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : หุ้นสามัญ
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด / นาง รัชดา เกลียวปฏินนท์, ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) / N.A.
http://market.sec.or.th/public/ipos/IPO ... sID=196944
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: UBE
โพสต์ที่ 2
"อุบล ไบโอ เอทานอล"ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 1,370 ล้านหุ้น เข้า SET ใช้ในโครงการผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า-ชำระคืนเงินกู้ยืม
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Monday, April 30, 2018 10:51
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 61)--บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2561 ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณา เนื่องจากบริษัทฯมีความประสงค์จะขอเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,370,000,000 หุ้น แบ่งป็น บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น และผู้ถือหุ้นเดิม บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด (บริษัทลูกของบมจ.ไทยออยล์ (TOP)) เสนอขายหุ้นสามัญเดิมไม่เกิน 97,857,000 หุ้น, บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่างบมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กับบมจ. น้ำตาลขอนแก่น (KSL)) เสนอขายหุ้นสามัญเดิมไม่เกิน 97,857,000 หุ้น โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และธนาคารทหารไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ทั้งนี้ บริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้าจากกากหมักและหญ้าเนเปียร์ (โครงการ RAPTOR), ใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า บริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร (Well-integrated Tapioca Player) รายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยมีการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตทั้งเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง นอกจากนี้ ผลพลอยได้ที่ได้จากการกระบวนการผลิต ซึ่งได้แก่ น้ำใช้จากกระบวนการผลิตและกากมันสำปะหลัง ยังนำกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซชีวภาพและกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นพลังงานหมุนเวียนภายในโรงงาน โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้บางส่วนจะจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
โรงงานผลิตเอทานอลของบริษัทฯ มีกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งถือเป็นกำลังการผลิตต่อ 1 สายการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง บริษัทฯ ผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงซึ่งมีความบริสุทธิ์ 99.5% เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ซึ่งได้แก่ BCP ,TOP, บมจ.ปตท. (PTT) , Shell และ Chevron เป็นต้น สำหรับนำไปผสมกับน้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ ปัจจุบัน บริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลรายใหญ่ของประเทศ มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 10 ของปริมาณการใช้เอทานอลทั้งหมด และได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 โดยในปี 2560 มีปริมาณการผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเกินกว่า 120 ล้านลิตร
สำหรับธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังทั้งเกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรม ภายใต้ เครื่องหมายการค้า "Sunflower" และ "ซันฟลาวเวอร์" มีกำลังการผลิต 700 ตันต่อวัน
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2560 มีสินทรัพย์รวม 7,373.38 ล้านบาท หนี้สินรวม 4,432.04 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 2,941.35 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 4,689.33 ล้านบาท ต้นทุนขาย 3,628.91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 308.18 ล้านบาท โดยมีรายได้หลักจากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 70-80 ของรายได้ทั้งหมด
ในอนาคต บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนในโครงการ RAPTOR ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท โครงการ RAPTOR หรือ Rapid Transformation Organic Residues คือ โครงการผลิตก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 160,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ก๊าซชีวภาพ และผลิตกระแสไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ โดยวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต คือ กากหมัก ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตเอทานอล และหญ้าเนเปียร์ ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่ได้นำกากหมักจากโรงงานเอทานอลมาใช้ประโยชน์ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดประมาณ 15-20 ล้านบาทในปี 2560 ที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อผลิตก๊าซชีวภาพและกระแสไฟฟ้าใช้ภายในบริษัทฯ ทดแทนการซื้อไฟฟ้าจากภายนอก ซึ่งถือเป็นการลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้และงบประมาณโครงการ รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับ
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาออกแบบโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพและกระแสไฟฟ้า โดยจะพิจารณากำหนดการยื่นขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท และกำหนดการเริ่มสร้างโครงสร้างดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะติดตั้งอุปกรณ์จากบริษัทผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งได้แก่ GWE และว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์
นอกจากโครงการที่กล่าวข้างต้น บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตเอทานอลแห่งที่ 2 ซึ่งมีกำลังการผลิต 900,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งเมื่อรวมกับกำลังการผลิตเดิมที่มีอยู่จำนวน 400,000 ลิตรต่อวัน จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเอทานอลรวม 1.3 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะถือเป็นผู้ผลิตเอทานอลรายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมในด้านอื่นๆ รวมถึงเตรียมความพร้อมของเอกสารที่สำคัญในการขยายธุรกิจนี้ อย่างไรก็ดี ก่อนการลงทุนในโครงการดังกล่าว บริษัทฯ จะพิจารณาสภาวะตลาด แนวโน้มความต้องการใช้และการผลิตเอทานอลภายในประเทศ ตลอดจนนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้นปริมาณการใช้เอทานอลในอนาคตก่อนเริ่มก่อสร้างโรงงานดังกล่าว ซึ่งอาจยังไม่ใช่อนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 3,914,286,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 3,914,286,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 9 เม.ย.2561 ประกอบด้วย บริษัท เอสทีเค แคปปิตอล จำกัด ถือหุ้น 548 ล้านหุ้น คิดเป็น 20% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 14%, บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด ถือหุ้น 583 ล้านหุ้น คิดเป็น 21.28% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดการถือหุ้นลงเหลือ 485.143 ล้านหุ้น คิดเป็น 12.39%, บริษัท บีบีจีไอ จำกัด ถือหุ้น 583 ล้านหุ้น คิดเป็น 21.28% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดการถือหุ้นลงเหลือ 485.143 ล้านหุ้น คิดเป็น 12.39%, บริษัท เค พลัส โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 460.52 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.81% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 11.77%
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: [email protected]--
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Monday, April 30, 2018 10:51
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 61)--บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2561 ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณา เนื่องจากบริษัทฯมีความประสงค์จะขอเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,370,000,000 หุ้น แบ่งป็น บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น และผู้ถือหุ้นเดิม บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด (บริษัทลูกของบมจ.ไทยออยล์ (TOP)) เสนอขายหุ้นสามัญเดิมไม่เกิน 97,857,000 หุ้น, บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่างบมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กับบมจ. น้ำตาลขอนแก่น (KSL)) เสนอขายหุ้นสามัญเดิมไม่เกิน 97,857,000 หุ้น โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และธนาคารทหารไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ทั้งนี้ บริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้าจากกากหมักและหญ้าเนเปียร์ (โครงการ RAPTOR), ใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า บริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร (Well-integrated Tapioca Player) รายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยมีการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตทั้งเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง นอกจากนี้ ผลพลอยได้ที่ได้จากการกระบวนการผลิต ซึ่งได้แก่ น้ำใช้จากกระบวนการผลิตและกากมันสำปะหลัง ยังนำกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซชีวภาพและกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นพลังงานหมุนเวียนภายในโรงงาน โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้บางส่วนจะจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
โรงงานผลิตเอทานอลของบริษัทฯ มีกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งถือเป็นกำลังการผลิตต่อ 1 สายการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง บริษัทฯ ผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงซึ่งมีความบริสุทธิ์ 99.5% เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ซึ่งได้แก่ BCP ,TOP, บมจ.ปตท. (PTT) , Shell และ Chevron เป็นต้น สำหรับนำไปผสมกับน้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ ปัจจุบัน บริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลรายใหญ่ของประเทศ มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 10 ของปริมาณการใช้เอทานอลทั้งหมด และได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 โดยในปี 2560 มีปริมาณการผลิตและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเกินกว่า 120 ล้านลิตร
สำหรับธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังทั้งเกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรม ภายใต้ เครื่องหมายการค้า "Sunflower" และ "ซันฟลาวเวอร์" มีกำลังการผลิต 700 ตันต่อวัน
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2560 มีสินทรัพย์รวม 7,373.38 ล้านบาท หนี้สินรวม 4,432.04 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 2,941.35 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 4,689.33 ล้านบาท ต้นทุนขาย 3,628.91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 308.18 ล้านบาท โดยมีรายได้หลักจากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 70-80 ของรายได้ทั้งหมด
ในอนาคต บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนในโครงการ RAPTOR ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท โครงการ RAPTOR หรือ Rapid Transformation Organic Residues คือ โครงการผลิตก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 160,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ก๊าซชีวภาพ และผลิตกระแสไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ โดยวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต คือ กากหมัก ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตเอทานอล และหญ้าเนเปียร์ ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่ได้นำกากหมักจากโรงงานเอทานอลมาใช้ประโยชน์ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดประมาณ 15-20 ล้านบาทในปี 2560 ที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อผลิตก๊าซชีวภาพและกระแสไฟฟ้าใช้ภายในบริษัทฯ ทดแทนการซื้อไฟฟ้าจากภายนอก ซึ่งถือเป็นการลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้และงบประมาณโครงการ รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับ
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาออกแบบโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพและกระแสไฟฟ้า โดยจะพิจารณากำหนดการยื่นขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท และกำหนดการเริ่มสร้างโครงสร้างดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะติดตั้งอุปกรณ์จากบริษัทผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งได้แก่ GWE และว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์
นอกจากโครงการที่กล่าวข้างต้น บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตเอทานอลแห่งที่ 2 ซึ่งมีกำลังการผลิต 900,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งเมื่อรวมกับกำลังการผลิตเดิมที่มีอยู่จำนวน 400,000 ลิตรต่อวัน จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเอทานอลรวม 1.3 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะถือเป็นผู้ผลิตเอทานอลรายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมในด้านอื่นๆ รวมถึงเตรียมความพร้อมของเอกสารที่สำคัญในการขยายธุรกิจนี้ อย่างไรก็ดี ก่อนการลงทุนในโครงการดังกล่าว บริษัทฯ จะพิจารณาสภาวะตลาด แนวโน้มความต้องการใช้และการผลิตเอทานอลภายในประเทศ ตลอดจนนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้นปริมาณการใช้เอทานอลในอนาคตก่อนเริ่มก่อสร้างโรงงานดังกล่าว ซึ่งอาจยังไม่ใช่อนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 3,914,286,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 3,914,286,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 9 เม.ย.2561 ประกอบด้วย บริษัท เอสทีเค แคปปิตอล จำกัด ถือหุ้น 548 ล้านหุ้น คิดเป็น 20% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 14%, บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด ถือหุ้น 583 ล้านหุ้น คิดเป็น 21.28% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดการถือหุ้นลงเหลือ 485.143 ล้านหุ้น คิดเป็น 12.39%, บริษัท บีบีจีไอ จำกัด ถือหุ้น 583 ล้านหุ้น คิดเป็น 21.28% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดการถือหุ้นลงเหลือ 485.143 ล้านหุ้น คิดเป็น 12.39%, บริษัท เค พลัส โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 460.52 ล้านหุ้น คิดเป็น 16.81% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 11.77%
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: [email protected]--
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: UBE
โพสต์ที่ 3
UBE: บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน)
ประเภทธุรกิจ
ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ ทรัพยากร / พลังงานและสาธารณูปโภค
สถานะ Filing
จำนวนหุ้นที่ IPO
ไม่เกิน 1,370,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO โดยแบ่งเป็น
หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น
หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ไทยออยล์ เอธานอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น
หุ้นสามัญเดิมของ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น
n/a
ราคา IPO
n/a
ราคา PAR
1.00 บาท
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัท ที่ปรึกษาเอเซีย พลัส จำกัด และ ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน)
ข้อมูล Filing
http://www.ubonbioethanol.com/
ประเภทธุรกิจ
ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ ทรัพยากร / พลังงานและสาธารณูปโภค
สถานะ Filing
จำนวนหุ้นที่ IPO
ไม่เกิน 1,370,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO โดยแบ่งเป็น
หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น
หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ไทยออยล์ เอธานอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น
หุ้นสามัญเดิมของ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น
n/a
ราคา IPO
n/a
ราคา PAR
1.00 บาท
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัท ที่ปรึกษาเอเซีย พลัส จำกัด และ ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน)
ข้อมูล Filing
http://www.ubonbioethanol.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: UBE
โพสต์ที่ 4
"อุบล ไบโอ เอทานอล"ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 1.37 พันล้านหุ้นจ่อเข้า SET ตั้งเอเชีย พลัส-TMB เป็น FA
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Tuesday, May 08, 2018 13:01
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 61)--นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน ไม่เกิน 1,370,000,000 หุ้น รวมเป็นหุ้นที่เสนอขายไม่เกิน 35% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลัง IPO โดยมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และธนาคารทหารไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
หุ้น IPO ที่จะเสนอขาย ประกอบด้วย หุ้นเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กับ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น
ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ UBE จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวนไม่เกิน 3,914,286,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 3,914,286,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
นายเดชพนต์ กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน, ชำระคืนเงินกู้ยืม รวมทั้งลงทุนในโครงการผลิตก๊าซชีวภาพ โครงการผลิตไฟฟ้าจากการหมักและหญ้าเนเปียร์ (โครงการ RAPTOR หรือ Rapid Transformation Organic Residues) เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มั่นคงในระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจหลักของ UBE แบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล, ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า โดยบริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และเป็นผู้ผลิตเอทานอลโดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตรายใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ ผลพลอยได้ที่ได้จากการกระบวนการผลิต ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โรงงานผลิตเอทานอลของบริษัทฯ มีกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งถือเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตต่อ 1 สายการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง โดยบริษัทฯ ผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงซึ่งมีความบริสุทธิ์ 99.5% เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ได้แก่ BCP TOP PTT Shell และ ESSO เป็นต้น ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% ของปริมาณการใช้เอทานอลทั้งหมดของประเทศ
อีกทั้งบริษัทเป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังทั้งเกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรม ภายใต้ เครื่องหมายการค้า "Sunflower" และ "ซันฟลาวเวอร์" มีกำลังการผลิต 700 ตันต่อวัน และได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันชั้นนำต่างๆ ทัดเทียมกับผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ในอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทนำผลพลอยได้ที่ได้จากกระบวนการผลิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำน้ำใช้และกากมันสำปะหลังที่ได้จากกระบวนการผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังมาใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียนภายในโรงงานได้ประมาณ 200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้ภายในกลุ่มบริษัท และจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อยู่ที่ 7.5 เมกะวัตต์
สำหรับรายได้จากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า ในปี 58-60 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 3,674.34 ล้านบาท 3,550.19 ล้านบาท และ 4,689.33 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 12.97% ต่อปี มีกำไรสุทธิเท่ากับ 56.07 ล้านบาท 103.32 ล้านบาท และ 308.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.52%, 2.91% และ 6.52% ตามลำดับ โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล เป็นรายได้หลัก มีสัดส่วนประมาณ 70-80% ของรายได้ทั้งหมด
--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Tuesday, May 08, 2018 13:01
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 61)--นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน ไม่เกิน 1,370,000,000 หุ้น รวมเป็นหุ้นที่เสนอขายไม่เกิน 35% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลัง IPO โดยมีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และธนาคารทหารไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
หุ้น IPO ที่จะเสนอขาย ประกอบด้วย หุ้นเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กับ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น
ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ UBE จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวนไม่เกิน 3,914,286,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 3,914,286,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
นายเดชพนต์ กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน, ชำระคืนเงินกู้ยืม รวมทั้งลงทุนในโครงการผลิตก๊าซชีวภาพ โครงการผลิตไฟฟ้าจากการหมักและหญ้าเนเปียร์ (โครงการ RAPTOR หรือ Rapid Transformation Organic Residues) เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มั่นคงในระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจหลักของ UBE แบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล, ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า โดยบริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และเป็นผู้ผลิตเอทานอลโดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตรายใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ ผลพลอยได้ที่ได้จากการกระบวนการผลิต ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โรงงานผลิตเอทานอลของบริษัทฯ มีกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งถือเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตต่อ 1 สายการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง โดยบริษัทฯ ผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงซึ่งมีความบริสุทธิ์ 99.5% เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ได้แก่ BCP TOP PTT Shell และ ESSO เป็นต้น ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% ของปริมาณการใช้เอทานอลทั้งหมดของประเทศ
อีกทั้งบริษัทเป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังทั้งเกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรม ภายใต้ เครื่องหมายการค้า "Sunflower" และ "ซันฟลาวเวอร์" มีกำลังการผลิต 700 ตันต่อวัน และได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันชั้นนำต่างๆ ทัดเทียมกับผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ในอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทนำผลพลอยได้ที่ได้จากกระบวนการผลิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำน้ำใช้และกากมันสำปะหลังที่ได้จากกระบวนการผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังมาใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียนภายในโรงงานได้ประมาณ 200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้ภายในกลุ่มบริษัท และจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อยู่ที่ 7.5 เมกะวัตต์
สำหรับรายได้จากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า ในปี 58-60 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 3,674.34 ล้านบาท 3,550.19 ล้านบาท และ 4,689.33 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 12.97% ต่อปี มีกำไรสุทธิเท่ากับ 56.07 ล้านบาท 103.32 ล้านบาท และ 308.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.52%, 2.91% และ 6.52% ตามลำดับ โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล เป็นรายได้หลัก มีสัดส่วนประมาณ 70-80% ของรายได้ทั้งหมด
--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: UBE
โพสต์ที่ 5
UBE ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. ระดมทุนขาย IPO 1.37 พันล้านหุ้น หวังขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ
Source - MGR Online (Th)
Tuesday, May 08, 2018 13:05
กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--ASTVผู้จัดการออนไลน์
"อุบล ไบโอ เอทานอล" ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO กว่า 1.37 พันล้านหุ้น นำเงินระดมทุนหวังขยายธุรกิจ โครงการผลิตไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากกากหมัก และหญ้าเนเปียร์ และหวังใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระคืนเงินกู้ยืม รวมทั้งลงทุนในธุรกิจพลังงาน
นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน ไม่เกิน 1,370,000,000 หุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด (บริษัทลูกของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP)) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) กับ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL)) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น รวมเป็นหุ้นที่เสนอขายไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลัง IPO โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ซึ่งภายหลังการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวนไม่เกิน 3,914,286,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 3,914,286,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
"การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน, ชำระคืนเงินกู้ยืม รวมทั้งลงทุนในโครงการผลิตก๊าซชีวภาพ โครงการผลิตไฟฟ้าจากการหมักและหญ้าเนเปียร์ (โครงการ RAPTOR หรือ Rapid Transformation Organic Residues) เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มั่นคงในระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ขณะที่ในส่วนของโรงงานผลิตเอทานอลของบริษัท ฯ มีกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งถือเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตต่อ 1 สายการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง โดยบริษัทฯ ผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงซึ่งมีความบริสุทธิ์ 99.5% เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ได้แก่ BCP TOP PTT Shell และ ESSO เป็นต้น ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 10 ของปริมาณการใช้เอทานอลทั้งหมดของประเทศ อีกทั้ง บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังทั้งเกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรม ภายใต้ เครื่องหมายการค้า “Sunflower” และ “ซันฟลาวเวอร์” มีกำลังการผลิต 700 ตันต่อวัน และได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันชั้นนำต่างๆ ทัดเทียมกับผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ในอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทฯ นำผลพลอยได้ที่ได้จากกระบวนการผลิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำน้ำใช้และกากมันสำปะหลังที่ได้จากกระบวนการผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังมาใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียนภายในโรงงานได้ประมาณ 200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้ภายในกลุ่มบริษัท และจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อยู่ที่ 7.5 เมกะวัตต์
สำหรับรายได้จากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า ในปี 2558-2560 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 3,674.34 ล้านบาท 3,550.19 ล้านบาท และ 4,689.33 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 12.97 ต่อปี มีกำไรสุทธิเท่ากับ 56.07 ล้านบาท 103.32 ล้านบาท และ 308.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.52 ร้อยละ 2.91 และร้อยละ 6.52 ตามลำดับ โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล เป็นรายได้หลัก มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 70 - 80 ของรายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ ธุรกิจหลักของ UBE แบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล, ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า โดยบริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และเป็นผู้ผลิตเอทานอลโดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตรายใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ ผลพลอยได้ที่ได้จากการกระบวนการผลิต ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด--จบ--
Source - MGR Online (Th)
Tuesday, May 08, 2018 13:05
กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--ASTVผู้จัดการออนไลน์
"อุบล ไบโอ เอทานอล" ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO กว่า 1.37 พันล้านหุ้น นำเงินระดมทุนหวังขยายธุรกิจ โครงการผลิตไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากกากหมัก และหญ้าเนเปียร์ และหวังใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระคืนเงินกู้ยืม รวมทั้งลงทุนในธุรกิจพลังงาน
นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน ไม่เกิน 1,370,000,000 หุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด (บริษัทลูกของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP)) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) กับ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL)) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น รวมเป็นหุ้นที่เสนอขายไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลัง IPO โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ซึ่งภายหลังการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวนไม่เกิน 3,914,286,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 3,914,286,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
"การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน, ชำระคืนเงินกู้ยืม รวมทั้งลงทุนในโครงการผลิตก๊าซชีวภาพ โครงการผลิตไฟฟ้าจากการหมักและหญ้าเนเปียร์ (โครงการ RAPTOR หรือ Rapid Transformation Organic Residues) เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มั่นคงในระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ขณะที่ในส่วนของโรงงานผลิตเอทานอลของบริษัท ฯ มีกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งถือเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตต่อ 1 สายการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง โดยบริษัทฯ ผลิตเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงซึ่งมีความบริสุทธิ์ 99.5% เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ได้แก่ BCP TOP PTT Shell และ ESSO เป็นต้น ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 10 ของปริมาณการใช้เอทานอลทั้งหมดของประเทศ อีกทั้ง บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังทั้งเกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรม ภายใต้ เครื่องหมายการค้า “Sunflower” และ “ซันฟลาวเวอร์” มีกำลังการผลิต 700 ตันต่อวัน และได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันชั้นนำต่างๆ ทัดเทียมกับผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ในอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทฯ นำผลพลอยได้ที่ได้จากกระบวนการผลิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำน้ำใช้และกากมันสำปะหลังที่ได้จากกระบวนการผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังมาใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหมุนเวียนภายในโรงงานได้ประมาณ 200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้ภายในกลุ่มบริษัท และจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อยู่ที่ 7.5 เมกะวัตต์
สำหรับรายได้จากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า ในปี 2558-2560 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 3,674.34 ล้านบาท 3,550.19 ล้านบาท และ 4,689.33 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 12.97 ต่อปี มีกำไรสุทธิเท่ากับ 56.07 ล้านบาท 103.32 ล้านบาท และ 308.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.52 ร้อยละ 2.91 และร้อยละ 6.52 ตามลำดับ โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล เป็นรายได้หลัก มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 70 - 80 ของรายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ ธุรกิจหลักของ UBE แบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล, ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้า โดยบริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และเป็นผู้ผลิตเอทานอลโดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตรายใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ ผลพลอยได้ที่ได้จากการกระบวนการผลิต ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด--จบ--