Internet Trading ทำให้หมดความจำเป็นที่จะต้องมี Brokers ?

[nanakorn]

ตัวอย่างที่ผมเห็นตอนนี้คือ  SET ตั้งบริษัท Settrade ซึ่งให้บริการซื้อขายทาง Internet แก่ Brokers ที่ไม่ได้พัฒนาระบบซื้อขายทาง Internet ด้วยตนเอง  ผมคาดว่าข้อมูลการซื้อขายที่ผ่าน Settrade ถูกจัดการด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด  ดังนั้นงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่เหลือให้ Brokers ทำจึงน่าจะมีน้อยมากหรือไม่มีเลย  สมมุติเล่นๆว่านักลงทุนสามารถทำการซื้อขายโดยตรงกับ Settrade ได้เลย ก็น่าจะเป็นการลดต้นทุนลงได้เป็นอย่างมาก  สรุปสั้นๆก็คือ SET ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่เป็น Brokers ให้

ในอดีต จำเป็นต้องมี Brokers เนื่องจากนักลงทุนมีจำนวนมากไม่สามารถทำการซื้อขายโดยตรงได้ ทำให้ต้องใช้ตัวแทนมาทำ   Internet Trading น่าจะแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่ต้องมี Brokers

ไม่ทราบเพื่อนๆเห็นอย่างไรบ้างครับ

[Jeng]

ไม่เห็นด้วยคับ

เพราะคิดว่า คนส่วนใหญ่ ก็ยังต้องการคุยกับคน เพื่อการตัดสินใจครับ

การคุยกับเพือนๆ เค๊าก็ไม่ฟันธงหรอก มีแต่มาร์สาวสวยเท่านั้น ที่ชอบฟันธง

[MarginofSafety]

หน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์คงไม่ใช่แค่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียวครับ
แต่ยังมีส่วนงานต่างๆที่จำเป็น และเป็นกลไกที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาตลาดทุน
ยกตัวอย่างเช่น การให้การปรึกษาทางด้านการเงิน (Financial Advisor)
หรืออาจจะเป็นพี่เลี้ยงพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด หรือส่วนงานวาณิชธนกิจ
นอกจากนี้ ปริมาณงานวิจัยและบทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพ ก็เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญอย่างหนึ่งของการพัฒนาการของตลาดทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนเป็นจำนวมมากที่ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้
ซึ่งจะให้ไปศึกษาคอมพิวเตอร์ใหม่ เพื่อมา key order เองอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ท่านนักลงทุนเหล่านั้นสนใจ
ดังนั้น พนักงาน marketing ก็ยังมีความจำเป็น ...

อีกประเด็นหนึ่ง ผมว่าคงแปลกน่าดูหากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีหน่วยงานหนึ่งคือ กลต. ที่ทำหน้าที่ดูแลการซื้อขายของนักลงทุนให้เป็นไปอย่างปกติ
กลับมีส่วนที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ทับซ้อนเข้ามาอีก
คงขาดความเป็นกลาง และความน่าเชื่อถือไปเยอะเลยครับ

ผมเห็นด้วยว่าหากนักลงทุน มีคุณภาพมากขึ้น สามารถวิเคราะห์หลักทรัพย์และส่งคำสั่งเองได้มากขึ้น
รายได้จากค่าคอม ของ บล. น่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
แต่ก็เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ บล. พยายามหารายได้จากส่วนงานอื่น ซึ่งไม่ใช่มีรายได้หลักมาจากค่าคอมเพียงอย่างเดียว
เช่นเดียวกับ บล. ในตลาดต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว จะไม่ได้อาศัยรายได้หลักจากค่าคอมครับ

อีกอย่าง บล. บ้านเรามีมากเกินไปครับ หากเปิดเสรีทางการเงินจริง
ควรจะมีควบรวมกิจการให้เหลือน้อยรายกว่านี้เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศได้ ...

[phobenius]

ผมยังไม่สามารถบริโภคข้อมูลได้เร็วขนาดนั้นครับ ถ้าให้มานั่งดูจอคอมตลอดเวลา ถามๆคุยๆ เวลาไม่อยู่หน้าจอ จะซื้อจะขาย ผมว่ายังมีความจำเป็นครับ

[BHT]

ระบบของ settrade เวลาเทรดก็ต้องล็อกอิน โดยเลือกว่าเรามีพอร์ตกับโบรกเกอร์ไหนนี่ครับ

ดังนั้นเราซื้อขายไป โบรกเกอร์ ก็ได้รับค่าคอมอยู่ดี ไม่ได้เป็นการข้ามขั้นตอนแต่อย่างใดครับ

โบรกเกอร์ ยังคงต้องมีต่อไป แต่ มาร์เก็ตติ้ง อาจไม่ต้องมี เพราะเทรดผ่านเน็ต ไม่ต้องให้ใครมาคอยโทรแนะนำแบบที่ไม่ต้องการ ยกเว้นมาร์สวยๆน่ารักๆ  :lol:  :lol:

[นายสต็อก]

ผมเชื่อว่า...

ห้องค้าหุ้นตาม Broker ต่างๆเค้าก็มีสเน่ห์แบบนึง บรรยกาศห้องค้าก็มีนัก
ลงทุนผู้ใหญ่ๆ หลายกลุ่มนักคุยสนทนากัน จิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์
ธุรกิจและหุ้น มีทีวีให้ติดตามข่าวบ้านเมืองตลอดเวลา สามารถสอบถาม
ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของเราได้ตลอดเวลา

ภายในห้องค้ามีหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้วิเคราะห์กราฟหลากหลายแบบ
รวมทั้งข้อมูล ข่าวสารที่สำคัญๆต่อการลงทุนก็มีให้ตลอด เวลามองกระดาน
ค้าก็มองได้มุมที่เต็มๆตากว่า  :roll:

ขณะที่เทรดทางเน็ต...
ส่วนมากนั่งคนเดียว...คิดคนเดียว...วิเคราะห์คนเดียว แม้จะมีค่าคอมฯถูก
กว่าเล่นที่ห้องค้าเล็กน้อยก็ตาม คนเล่นทางเน็ต ผมคิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคน
วัย 20 ต้นๆ ถึง 40 ปี ซึ่งมันผิดกับห้องค้าที่เป็นผู้ใหญ่วัย สี่สิบกว่า ถึง หก
สิบกว่า! 8)

[CK]

นักลงทุนบางท่าน ที่คิดเร็วกว่าการคีย์ออเดอร์อีก
สามารถใช้ marketing สามคน นั่งคีย์ออเดอร์ให้มือเป็นระวิงเลย

[jaychou]

หลังจากไปนั่งห้องค้ามาหลายครั้ง ผมคิดว่าห้องค้าเป็นที่สุดท้ายที่นักลงทุนแนวเน้นคุณค่าควรจะไปนั่งลงทุนครับ เพราะข่าวสารและข้อมูลส่วนใหญ่ไม่ค่อยเหมาะกับแนวนี้

[สามัญชน]

nanakorn wrote

ผมคาดว่าข้อมูลการซื้อขายที่ผ่าน Settrade ถูกจัดการด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด

settrade ทำหน้าที่เป็นแค่ไปรษณีย์ รับส่งคำสั่งเท่านั้น  ซึ่งถ้าลูกค้าไม่ทำผิดอะไรก็ไม่มีปัญหาอะไร  แถมยังดีเสียอีกตรงที่ค่าคอมคงจะลดลงได้อีกเยอะ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายนัก

แต่ถ้ามีปัญหา เช่น ลูกค้าซื้อแล้วไม่โอนเงินให้ภายในสามวัน จะทำอย่างไร หรือชักดาบหนีหายเข้ากลีบเมฆจะทำอย่างไร หุ้นที่ซื้อไปราคาก็ลงเอาๆ  บังคับขายก็ยังขาดทุนอีกบานตะไท  ใครจะรับผิดชอบ.......และตลาดคงจะวุ่นวายพิลึก  คนที่ขายหุ้นไปแล้วก็ต้องมานั่งลุ้นกันอยู่อีกว่าจะได้ตังค์หรือไม่  จะโดนชักดาบโดนเอาหุ้นมาคืนหรือไม่

การแก้ปัญหานี้จำเป็นต้องมีโบรคเกอร์ ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดวงเงินเครดิตและให้การรับประกันว่าถ้าลูกค้าไม่จ่าย(เจตนาเบี้ยวจริงๆ) โบรคเกอร์ก็ต้องจ่ายเอง แล้วจะไปฟ้องร้องเอาคืนอย่างไรหรือจะไปทำอะไรต่อก็ตามใจ ซึ่งโบรคเกอร์จะต้องรับผิดชอบความเสี่ยงในส่วนนี้

ภาระหน้าที่นี้เป็นของโบรคเกอร์  ไม่เหมาะที่จะเป็นพันธกิจของ กลต.

[ลูกอิสาน]

หากจำไม่ผิด ตลาดหลักทรัพย์เป็นหน่วยงานที่อยู่ในกำกับของ กลต.ครับ เหมือนชื่อน่ะครับ กลต.>>>คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์


อาชีพมาร์เป็นอาชีพที่ againt the trend ครับ คงค่อยๆลดบทบาทไป เพราะเสียเปรียบคู่แข่งคืออินเตอร์เนท เกือบทุกด้าน ตลาดหลักทรัพพย์ก็สนับสนุนการเทรดทางอินเตอร์เนท (ผ่านการกำหนดค่าคอมให้ถูกกว่า) เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

[nanakorn]

ระบบของ settrade เวลาเทรดก็ต้องล็อกอิน โดยเลือกว่าเรามีพอร์ตกับโบรกเกอร์ไหนนี่ครับ

ดังนั้นเราซื้อขายไป โบรกเกอร์ ก็ได้รับค่าคอมอยู่ดี ไม่ได้เป็นการข้ามขั้นตอนแต่อย่างใดครับ

จุดนี้เป็นจุดที่จุดความคิดครั้งนี้ของผมครับว่า  เวลาซื้อขายโดย Settrade เราต้องมี Brokers ทั้งๆที่ความจริง Settrade เป็นคนทำการซื้อขายจริง (โดยคอมพิวเตอร์) เลยคิดต่อไปอีกว่าถ้าไม่มี Brokers แล้วความแตกต่างจะคืออะไร  เพราะดูเหมือนว่า Brokers เข้ามาเป็นอีก Layer หนึ่งเพื่อได้รับค่านายหน้า โดยไม่ชัดเจนว่า value-added คืออะไร  ทั้งนี้ทั้งนั้นผมหมายถึงการทำคำสั่งซื้อขายหุ้นครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจรวมถึงการให้คำปรึกษา หรือว่าหน้าตาสวยๆหรือเสียงหวานๆ  

แต่ถ้ามีปัญหา เช่น ลูกค้าซื้อแล้วไม่โอนเงินให้ภายในสามวัน จะทำอย่างไร หรือชักดาบหนีหายเข้ากลีบเมฆจะทำอย่างไร หุ้นที่ซื้อไปราคาก็ลงเอาๆ  บังคับขายก็ยังขาดทุนอีกบานตะไท  ใครจะรับผิดชอบ.......และตลาดคงจะวุ่นวายพิลึก  คนที่ขายหุ้นไปแล้วก็ต้องมานั่งลุ้นกันอยู่อีกว่าจะได้ตังค์หรือไม่  จะโดนชักดาบโดนเอาหุ้นมาคืนหรือไม่

การแก้ปัญหานี้จำเป็นต้องมีโบรคเกอร์ ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดวงเงินเครดิตและให้การรับประกันว่าถ้าลูกค้าไม่จ่าย(เจตนาเบี้ยวจริงๆ) โบรคเกอร์ก็ต้องจ่ายเอง แล้วจะไปฟ้องร้องเอาคืนอย่างไรหรือจะไปทำอะไรต่อก็ตามใจ ซึ่งโบรคเกอร์จะต้องรับผิดชอบความเสี่ยงในส่วนนี้

อันนี้ไม่ทันคิดจริงๆครับ  ถ้าจะเป็น Brokerless Trading จริงๆ สงสัยต้องเป็น Cash Account เท่านั้น ส่วนนี้ SET คงไม่อยากจะเข้ามายุ่งด้วยจริงๆครับ

[MarginofSafety]

หากจำไม่ผิด ตลาดหลักทรัพย์เป็นหน่วยงานที่อยู่ในกำกับของ กลต.ครับ เหมือนชื่อน่ะครับ กลต.>>>คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์


อาชีพมาร์เป็นอาชีพที่ against the trend ครับ คงค่อยๆลดบทบาทไป เพราะเสียเปรียบคู่แข่งคืออินเตอร์เนท เกือบทุกด้าน ตลาดหลักทรัพพย์ก็สนับสนุนการเทรดทางอินเตอร์เนท (ผ่านการกำหนดค่าคอมให้ถูกกว่า) เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

 ขอบคุณพี่ลูกอิสานที่ช่วยแก้ให้ครับ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ภารกิจหลัก

สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีฐานะเป็นองค์กรของรัฐองค์กรหนึ่งซึ่งมีรายได้เป็นของตนเอง โดยส่วนหนึ่งมาจากค่าธรรมเนียมการพิจารณาคำขออนุญาตออกและเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ เงินอุดหนุนรายปีจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอีกส่วนหนึ่งได้มาในรูปดอกผลจากทุนประเดิมของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.

สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีเลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด รับผิดชอบในการดำเนินกิจการทั้งปวงของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะดำเนินงานตามนโยบายที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดภายใต้ภารกิจ "กำกับและพัฒนาตลาดทุนของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ยุติธรรม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ"

ในการดำเนินงานตามภารกิจดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้กำหนดวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินงานไว้ 4 ประการ คือ

1. พัฒนาตลาดทุนให้เป็นทางเลือกที่มีความสำคัญสำหรับผู้ระดมทุนและผู้ลงทุน
2. เสริมสร้างระบบและกลไกเพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับความคุ้มครองและสามารถปกป้องตนเองได้
3. ดูแลรักษาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความมั่นใจ เชื่อถือในกลไกการทำงานของตัวกลาง และองค์กรต่าง ๆ ในตลาดทุน
4. ดำรงความเป็นองค์กรที่ซื่อตรง โปร่งใส เข้าใจธุรกิจ เท่าทันเหตุการณ์ และเป็นผู้รักษากฎหมายที่เข้มงวด และเป็นธรรม

ในการออกกฎเกณฑ์และกำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อกำกับดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ยึดหลักการที่เน้นการส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการแข่งขันของภาคเอกชนโดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งแก่ภาคเอกชนและระบบตลาดทุนโดยรวม การประเมินถึงต้นทุนและผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการกำกับดูแลก่อนที่จะนำเกณฑ์ออกใช้บังคับ การส่งเสริมให้ผู้บริหารของบริษัทมีความรับผิดชอบ และการส่งเสริมให้ผู้ลงทุนมีส่วนสำคัญในการปกป้องสิทธิและรับผิดชอบในการตัดสินใจของตนเอง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการออกหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่จะนำออกใช้บังคับ สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน และเพื่อแก้ไขอุปสรรคในเชิงปฏิบัติต่าง ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุนร่วมกัน

Source: sec.or.th