gmmm ไม่ดีตรงไหนหรือครับ
- prasit_tee
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
gmmm ไม่ดีตรงไหนหรือครับ
โพสต์ที่ 1
ไม่ทราบว่าพี่ๆพอจะออกความเห็นให้หน่อยได้ไหมครับ เห็นตอนนี้เป็น new low อยู่
ไม่มีคำว่าแพ้หากว่าเราได้เริ่ม
ไม่มีคำว่าอยู่ที่เดิมหากเราได้ค้นหา
ไม่มีคำว่าเป็นที่หนึ่งหากยังต้องพึ่งพา
ไม่มีคำว่าดีกว่าหากว่าเราไม่ตั้งใจ
ไม่มีคำว่าอยู่ที่เดิมหากเราได้ค้นหา
ไม่มีคำว่าเป็นที่หนึ่งหากยังต้องพึ่งพา
ไม่มีคำว่าดีกว่าหากว่าเราไม่ตั้งใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 160
- ผู้ติดตาม: 0
gmmm ไม่ดีตรงไหนหรือครับ
โพสต์ที่ 5
Management = Competency? Vision? Gut? Creative thinking? Paradigm shift? and Post+Mati?
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
gmmm ไม่ดีตรงไหนหรือครับ
โพสต์ที่ 6
ผมเคยเห็นคุณฉอด ขายออกมาก่อนเพราะรู้ว่าผลประกอบการไม่ดี
อันนี้ทำให้ผม ไม่ไปยุ่ง :lol:
อันนี้ทำให้ผม ไม่ไปยุ่ง :lol:
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
gmmm ไม่ดีตรงไหนหรือครับ
โพสต์ที่ 8
[quote="BHT"][quote="ต.หยวนเปียว"]ผมเคยเห็นคุณฉอด ขายออกมาก่อนเพราะรู้ว่าผลประกอบการไม่ดี
อันนี้ทำให้ผม ไม่ไปยุ่ง
อันนี้ทำให้ผม ไม่ไปยุ่ง
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
gmmm ไม่ดีตรงไหนหรือครับ
โพสต์ที่ 9
ไม่ทราบว่าหมายถึงอันนี้รึเปล่าครับ
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/result59c.php
สงสัยนายกริช ทำไมซื้อเยอะจัง บอกมานะว่านายชอร์ตทิ้งไปแล้วรับกลับ
หรือนายรู้อะไรดีๆ ถึงซื้อจัง หึ
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/result59c.php
สงสัยนายกริช ทำไมซื้อเยอะจัง บอกมานะว่านายชอร์ตทิ้งไปแล้วรับกลับ
หรือนายรู้อะไรดีๆ ถึงซื้อจัง หึ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
- วัวแดง
- Verified User
- โพสต์: 1429
- ผู้ติดตาม: 0
gmmm ไม่ดีตรงไหนหรือครับ
โพสต์ที่ 10
ดีกว่าขายครับน้ำครึ่งแก้ว เขียน:ไม่ทราบว่าหมายถึงอันนี้รึเปล่าครับ
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/result59c.php
สงสัยนายกริช ทำไมซื้อเยอะจัง บอกมานะว่านายชอร์ตทิ้งไปแล้วรับกลับ
หรือนายรู้อะไรดีๆ ถึงซื้อจัง หึ
ถ้าผมคิดเหมือนคนทั่วๆไป ผลตอบแทนผมก็เหมือนคนทั่วๆไป
ใจผมคงละลาย ถ้าผมคิดตามคนอื่น
ผู้ชนะไม่แน่ว่าจะต้องเป็นคนที่วิ่งเร็วที่สุด...แต่เป็นผู้ที่อดทนที่สุดต่างหาก
ใจผมคงละลาย ถ้าผมคิดตามคนอื่น
ผู้ชนะไม่แน่ว่าจะต้องเป็นคนที่วิ่งเร็วที่สุด...แต่เป็นผู้ที่อดทนที่สุดต่างหาก
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 710
- ผู้ติดตาม: 1
gmmm ไม่ดีตรงไหนหรือครับ
โพสต์ที่ 11
เคยเห็นช่วงนึงที่คาดว่าผลประกอบการไม่ดี
แล้วมีข่าวในกรุงเทพธุรกิจบิสวีค
มีข่าวว่าวงในขยหุ้นออกกันก่อนแล้วรอรับต่ำ
เค้าข่าวประมาณนี้แหละ
นี่ออันใหม่
"อากู๋-คนสนิท" สลับเก็บ..พยุงหุ้น "แกรมมี่"
นับตั้งแต่มี "ข่าวลบ" เกิดขึ้นกับเครือแกรมมี่ ของ "อากู๋" ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม อย่างเนืองแน่น ปัญหาเริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ ปี 2548
"ขาลง" ของอาณาจักรแกรมมี่..ก็เกิดขึ้นเรื่อยมา
ร้ายแรงที่สุด ก็ครั้งที่ "จีเอ็มเอ็ม มีเดีย" เข้าไปเทคโอเวอร์ "เครือมติชน" แล้วไม่สำเร็จ
นั่นคือ จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ในรอบ 20 ปี ของแกรมมี่ สิ่งที่เป็นปัญหาที่ใครๆ อาจคาดไม่ถึงต่อมา หลังจากนั้น "ภูมิคุ้มกัน" (บารมี) ของ "อากู๋" ก็ถูกท้าทายมาโดยตลอด ทั้งจากสื่อมวลชน และการช่วงชิงเวลา(ออกอากาศ)กับคู่แข่ง
ภาพบวกของ "อากู๋+แกรมมี่" ต่อสายตา "สื่อ" และ "ประชาชน" เหมือนกับฟางเส้นสุดท้าย ในยุคที่ศรัทธา และความไว้วางใจ ของแกรมมี่ ถูกตั้งคำถามมาตลอด ตั้งแต่ครั้งที่ให้ "พี่เบิร์ด" ออกมาร้องเพลงชาติทำนองใหม่
ขณะที่จังหวะก้าวสู่ธุรกิจใหม่ (อาทิ ธุรกิจสร้างภาพยนตร์-อีเวนท์-สิ่งพิมพ์-ร้านหนังสือ-ฟิตเนส) ที่ดูคล้ายจะรุ่ง..แต่คนในวงการสื่อกลับมองว่า ทางที่ "อากู๋" ใช้ผ่าทางตันให้กับเครือนั้น..ไม่น่าจะใช่หนทางสร้าง "ดาวดวงใหม่" ให้กับธุรกิจ
ถ้าวิเคราะห์ตามหลักของ "บีซีจี แมททริก" กลยุทธ์ในการกระจายทรัพยากรของเครือแกรมมี่ นับตั้งแต่ปี 2548 ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ
...ไม่ใช่ "Stars" (ดาวรุ่ง) แน่ๆ
แม้จะไม่ใช่ "Dogs" (ตกต่ำ) แต่ก็ไม่ใช่ "Cash Cows" (ช่วงทำเงิน) เพราะช่วง "ทำเงิน" ของแกรมมี่ได้ผ่านไปแล้ว ช่วงปี 2545-2547 (3 ปีเต็มๆ)
ภาพรวมของเครือแกรมมี่ ถ้าวิเคราะห์กันตามอัตราการเติบโตของยอดขาย และกำไรสุทธิ..เวลานี้น่าจะอยู่ในช่วงของ "Question Marks" (คำถาม) หรือ "เริ่มมีปัญหา" ในหลายส่วนธุรกิจ
ขณะเดียวกันจุดแข็งของเครือแกรมมี่ ในบทบาท "ผู้นำเทรนด์" (ผ่านศิลปินในค่าย) ค่อยๆ จางหายไปพร้อมๆ กับภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำ ในธุรกิจ "นิว มีเดีย" ที่ตกต่ำถึงขีดสุด
การขยายตัว "แนวกว้าง" ในฐานธุรกิจใหม่ ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของ "อากู๋" มาตั้งแต่แรก เช่นเดียวกับธุรกิจ "บะหมี่" (4 ME) "เครื่องสำอาง" (ยู สตาร์) ตรงกันข้าม "ธุรกิจแนวลึก" กลับไม่ได้รับการทุ่มงบลงทุนอย่างเต็มที่ จึงทำให้ "ตามเทรนด์ไม่ทัน"
ดังเช่นที่ "เฮียฮ้อ" สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เคยวิเคราะห์ให้ "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ฟังว่า "แกรมมี่" ไม่ได้แพ้ "อาร์เอส" แต่แกรมมี่ "แพ้ภัยตัวเอง" ต่างหาก นั่นคือ ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ๆ
ขณะที่ธุรกิจในเครือแกรมมี่ ซึ่งเดิมก็มีจุดอ่อนตรงที่ "ธุรกิจวิทยุ" มานานแล้ว ยิ่งทำให้ "ระเบิดเวลา" ถูกจุดชนวนทันที เมื่อต้อง "คืน" คลื่นวิทยุ และ "ปิด" สถานีข่าว อย่างกะทันหัน
ราคาหุ้น GRAMMY ร่วงลงอย่างรวดเร็ว หลุดแนวรับที่แข็งแกร่ง บริเวณ 10 บาท ลงไปทำ "นิวโลว์" ที่ 6.15 บาท จากในอดีตช่วงรุ่งโรจน์ ราคาหุ้น GRAMMY เคยขึ้นไปทำสถิติสูงสุด ที่ 23.20 บาท
...ช่วงนั้นคือ ยุค "Stars" ของแกรมมี่ ยุคที่ "อากู๋" จับอะไรก็ดีไปหมด
ส่วนราคาหุ้น GMMM เคยทำสถิติสูงสุด ที่ 42 บาท ล่าสุดลงมาเหลือ 6.70 บาท และอยู่ระหว่างการทำ "นิวโลว์" ครั้งใหม่ (ดูจากรูปกราฟ)
ทำให้ "อากู๋" แต่เดิมแทบจะไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ "หุ้นตัวเอง" ออกอาการทนไม่ไหว จนต้องเริ่มปฏิบัติการ "พยุงหุ้น" GRAMMY อย่างเปิดเผย เป็นครั้งแรก
เทคนิคสลับกันซื้อ (พยุงราคา) ระหว่าง "คนใกล้ชิด" เกิดขึ้นตลอดเดือน "มิถุนายน 2549" โดย "อากู๋" เปิดเกมก่อน ซื้อครั้งแรกวันที่ 24 พฤษภาคม จำนวน 87,000 หุ้น ที่ราคา 6.25 บาท
จากนั้นก็ให้ "กริช ทอมมัส" รับไม้สอง กวาดหุ้นไปตลอดทั้ง เดือนมิถุนายน จำนวน 870,900 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 6.50 บาท
จากนั้น "อากู๋" ก็กลับมาซื้ออีก 2 ครั้ง (รวม 3 ครั้ง) จำนวนรวมกัน 571,200 ที่ราคาเฉลี่ย 6.20 บาท และไม้ที่สาม คือ "วิเชียร ฤกษ์ไพศาล" ซื้อไปแล้ว 110,000 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 6.59 บาท
ทั้ง 3 ไม้ (อากู๋-กริช-วิเชียร) สลับกันเข้ามาเก็บ..พยุงราคาหุ้น GRAMMY รวมกันแล้ว 1.55 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 6.40 บาท ใช้เงินไปแล้ว 10 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา 1 บาท (ราว 15%)
ล่าสุดหุ้น GRAMMY ในพอร์ต "อากู๋" (คนเดียว) เพิ่มขึ้นเป็น 266.66 ล้านหุ้น เท่ากับ 54.42%
ประเด็นที่หนุนหลังราคาหุ้น GRAMMY นอกเหนือจาก ผลงานการเข้ามา "พยุงราคา" ของเครือข่ายคนสนิท และตัว "อากู๋" เอง ผ่านการแนะนำของ "กุนซือ" ในระดับบิ๊กบราเธอร์ ในตลาดหุ้นแล้ว
ราคาหุ้นยังถูกเชื่อมโยง กรณี "เนวิน ชิดชอบ" น้องรักของ "อากู๋" ได้รับคำสั่งจาก "นายใหญ่" (สหายอากู๋) ให้มาควบคุมกรมประชาสัมพันธ์ แทน "สุรนันทน์ เวชชาชีวะ"
งานหนึ่ง (ของเนวิน) คือ เข้ามาสะสาง "ปม..ไอทีวี" จะชงลูกให้ "อากู๋" ตบหรือไม่..ก็น่าคิด อีกมุมหนึ่งก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ต้องการเข้ามา "ล้างแค้น" ศัตรู และ "ให้คุณ" กับเครือแกรมมี่ หรือไม่!!! (ต้องคอยดู)
แล้วมีข่าวในกรุงเทพธุรกิจบิสวีค
มีข่าวว่าวงในขยหุ้นออกกันก่อนแล้วรอรับต่ำ
เค้าข่าวประมาณนี้แหละ
นี่ออันใหม่
"อากู๋-คนสนิท" สลับเก็บ..พยุงหุ้น "แกรมมี่"
นับตั้งแต่มี "ข่าวลบ" เกิดขึ้นกับเครือแกรมมี่ ของ "อากู๋" ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม อย่างเนืองแน่น ปัญหาเริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ ปี 2548
"ขาลง" ของอาณาจักรแกรมมี่..ก็เกิดขึ้นเรื่อยมา
ร้ายแรงที่สุด ก็ครั้งที่ "จีเอ็มเอ็ม มีเดีย" เข้าไปเทคโอเวอร์ "เครือมติชน" แล้วไม่สำเร็จ
นั่นคือ จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ในรอบ 20 ปี ของแกรมมี่ สิ่งที่เป็นปัญหาที่ใครๆ อาจคาดไม่ถึงต่อมา หลังจากนั้น "ภูมิคุ้มกัน" (บารมี) ของ "อากู๋" ก็ถูกท้าทายมาโดยตลอด ทั้งจากสื่อมวลชน และการช่วงชิงเวลา(ออกอากาศ)กับคู่แข่ง
ภาพบวกของ "อากู๋+แกรมมี่" ต่อสายตา "สื่อ" และ "ประชาชน" เหมือนกับฟางเส้นสุดท้าย ในยุคที่ศรัทธา และความไว้วางใจ ของแกรมมี่ ถูกตั้งคำถามมาตลอด ตั้งแต่ครั้งที่ให้ "พี่เบิร์ด" ออกมาร้องเพลงชาติทำนองใหม่
ขณะที่จังหวะก้าวสู่ธุรกิจใหม่ (อาทิ ธุรกิจสร้างภาพยนตร์-อีเวนท์-สิ่งพิมพ์-ร้านหนังสือ-ฟิตเนส) ที่ดูคล้ายจะรุ่ง..แต่คนในวงการสื่อกลับมองว่า ทางที่ "อากู๋" ใช้ผ่าทางตันให้กับเครือนั้น..ไม่น่าจะใช่หนทางสร้าง "ดาวดวงใหม่" ให้กับธุรกิจ
ถ้าวิเคราะห์ตามหลักของ "บีซีจี แมททริก" กลยุทธ์ในการกระจายทรัพยากรของเครือแกรมมี่ นับตั้งแต่ปี 2548 ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ
...ไม่ใช่ "Stars" (ดาวรุ่ง) แน่ๆ
แม้จะไม่ใช่ "Dogs" (ตกต่ำ) แต่ก็ไม่ใช่ "Cash Cows" (ช่วงทำเงิน) เพราะช่วง "ทำเงิน" ของแกรมมี่ได้ผ่านไปแล้ว ช่วงปี 2545-2547 (3 ปีเต็มๆ)
ภาพรวมของเครือแกรมมี่ ถ้าวิเคราะห์กันตามอัตราการเติบโตของยอดขาย และกำไรสุทธิ..เวลานี้น่าจะอยู่ในช่วงของ "Question Marks" (คำถาม) หรือ "เริ่มมีปัญหา" ในหลายส่วนธุรกิจ
ขณะเดียวกันจุดแข็งของเครือแกรมมี่ ในบทบาท "ผู้นำเทรนด์" (ผ่านศิลปินในค่าย) ค่อยๆ จางหายไปพร้อมๆ กับภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำ ในธุรกิจ "นิว มีเดีย" ที่ตกต่ำถึงขีดสุด
การขยายตัว "แนวกว้าง" ในฐานธุรกิจใหม่ ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของ "อากู๋" มาตั้งแต่แรก เช่นเดียวกับธุรกิจ "บะหมี่" (4 ME) "เครื่องสำอาง" (ยู สตาร์) ตรงกันข้าม "ธุรกิจแนวลึก" กลับไม่ได้รับการทุ่มงบลงทุนอย่างเต็มที่ จึงทำให้ "ตามเทรนด์ไม่ทัน"
ดังเช่นที่ "เฮียฮ้อ" สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เคยวิเคราะห์ให้ "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ฟังว่า "แกรมมี่" ไม่ได้แพ้ "อาร์เอส" แต่แกรมมี่ "แพ้ภัยตัวเอง" ต่างหาก นั่นคือ ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ๆ
ขณะที่ธุรกิจในเครือแกรมมี่ ซึ่งเดิมก็มีจุดอ่อนตรงที่ "ธุรกิจวิทยุ" มานานแล้ว ยิ่งทำให้ "ระเบิดเวลา" ถูกจุดชนวนทันที เมื่อต้อง "คืน" คลื่นวิทยุ และ "ปิด" สถานีข่าว อย่างกะทันหัน
ราคาหุ้น GRAMMY ร่วงลงอย่างรวดเร็ว หลุดแนวรับที่แข็งแกร่ง บริเวณ 10 บาท ลงไปทำ "นิวโลว์" ที่ 6.15 บาท จากในอดีตช่วงรุ่งโรจน์ ราคาหุ้น GRAMMY เคยขึ้นไปทำสถิติสูงสุด ที่ 23.20 บาท
...ช่วงนั้นคือ ยุค "Stars" ของแกรมมี่ ยุคที่ "อากู๋" จับอะไรก็ดีไปหมด
ส่วนราคาหุ้น GMMM เคยทำสถิติสูงสุด ที่ 42 บาท ล่าสุดลงมาเหลือ 6.70 บาท และอยู่ระหว่างการทำ "นิวโลว์" ครั้งใหม่ (ดูจากรูปกราฟ)
ทำให้ "อากู๋" แต่เดิมแทบจะไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ "หุ้นตัวเอง" ออกอาการทนไม่ไหว จนต้องเริ่มปฏิบัติการ "พยุงหุ้น" GRAMMY อย่างเปิดเผย เป็นครั้งแรก
เทคนิคสลับกันซื้อ (พยุงราคา) ระหว่าง "คนใกล้ชิด" เกิดขึ้นตลอดเดือน "มิถุนายน 2549" โดย "อากู๋" เปิดเกมก่อน ซื้อครั้งแรกวันที่ 24 พฤษภาคม จำนวน 87,000 หุ้น ที่ราคา 6.25 บาท
จากนั้นก็ให้ "กริช ทอมมัส" รับไม้สอง กวาดหุ้นไปตลอดทั้ง เดือนมิถุนายน จำนวน 870,900 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 6.50 บาท
จากนั้น "อากู๋" ก็กลับมาซื้ออีก 2 ครั้ง (รวม 3 ครั้ง) จำนวนรวมกัน 571,200 ที่ราคาเฉลี่ย 6.20 บาท และไม้ที่สาม คือ "วิเชียร ฤกษ์ไพศาล" ซื้อไปแล้ว 110,000 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 6.59 บาท
ทั้ง 3 ไม้ (อากู๋-กริช-วิเชียร) สลับกันเข้ามาเก็บ..พยุงราคาหุ้น GRAMMY รวมกันแล้ว 1.55 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 6.40 บาท ใช้เงินไปแล้ว 10 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา 1 บาท (ราว 15%)
ล่าสุดหุ้น GRAMMY ในพอร์ต "อากู๋" (คนเดียว) เพิ่มขึ้นเป็น 266.66 ล้านหุ้น เท่ากับ 54.42%
ประเด็นที่หนุนหลังราคาหุ้น GRAMMY นอกเหนือจาก ผลงานการเข้ามา "พยุงราคา" ของเครือข่ายคนสนิท และตัว "อากู๋" เอง ผ่านการแนะนำของ "กุนซือ" ในระดับบิ๊กบราเธอร์ ในตลาดหุ้นแล้ว
ราคาหุ้นยังถูกเชื่อมโยง กรณี "เนวิน ชิดชอบ" น้องรักของ "อากู๋" ได้รับคำสั่งจาก "นายใหญ่" (สหายอากู๋) ให้มาควบคุมกรมประชาสัมพันธ์ แทน "สุรนันทน์ เวชชาชีวะ"
งานหนึ่ง (ของเนวิน) คือ เข้ามาสะสาง "ปม..ไอทีวี" จะชงลูกให้ "อากู๋" ตบหรือไม่..ก็น่าคิด อีกมุมหนึ่งก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ต้องการเข้ามา "ล้างแค้น" ศัตรู และ "ให้คุณ" กับเครือแกรมมี่ หรือไม่!!! (ต้องคอยดู)
"Failure is the only way to start again intelligently"
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
gmmm ไม่ดีตรงไหนหรือครับ
โพสต์ที่ 12
ธุรกิจสื่อเป็นวงเวียนครับ บริษัทที่เกิดได้มักจะเป็นเพราะสร้างสิ่งใหม่ๆ ในวงการได้สำเร็จ แต่พอเกิดแล้วองค์กรจะใหญ่ขึ้นจนไม่เหมาะสำหรับบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์อีกต่อไป รายการเริ่มเลียนแบบคนอื่นเป็นหลัก ซึ่งจะไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะเริ่มซื้อกิจการสื่อ เพื่อล็อคคนดูไว้ ซึ่งต้องทำต่อไปเรื่อยๆ มิฉะนั้นคนดูจะหยุดดู ในที่สุดเงินหมด ก็จะต้องแตกบริษัท พอแตกบริษัทผลงานก็จะเริ่มสร้างสรรค์มากขึ้น เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เป็นวงกลม ทั้ง Time Warner และ Disney's เคยเป็นมาแล้ว
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ