AGM 2565

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2576
ผู้ติดตาม: 1

Re: AGM 2565

โพสต์ที่ 31

โพสต์

AGM IIG 22 Apr 2022 13.00

1️⃣ ลักษณะธุรกิจ

เป็นที่ปรึกษาในด้าน digital & technology แบบครบวงจรในการ Transform องค์กรและเป็น ตัวแทนจำหน่าย Software Oracle, Salesforce และอื่นๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก

1. สายงาน CRM
- ให้คำปรึกษาและให้บริการออกแบบติดตั้งระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) และเป็นตัวแทนให้เช่าใช้ Software Salesforce
- ให้คำปรึกษาด้าน Data Analytics & Management
- ให้บริการจัดหาบุคลากรในส่วนงานสารสนเทศ (Placement Outsourcing Services)

2. สายงาน ERP
- ให้คำปรึกษาและบริการออกแบบติดตั้ง Software Oracle

3. สายงาน CEM
- ให้คำปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์แบรนด์ การสร้างและบริหารประสบการณ์ลูกค้า (CEM) และ Digital Marketing

สัดส่วนรายได้◼️

▪ CRM 57%
▪ ERP 35%
▪ CEM 4%
▪ อื่นๆ 4%

--------------------------------------------------------
2️⃣ ภาพรวมและผลการดำเนินงานที่ผ่านมา

.
◼️ภาพรวมปี 2021◼️

✔ ณ สิ้นปีมีพนักงาน 317 คน เทียบกับ Q3/2021 มี 270 คน แบ่งเป็น Project Manager 17 คน, Developer 102 คน, Consultant 108 คน
✔ ได้ Site-core มาเป็น Partner เพิ่มซึ่งเป็น Digital Experience Platform ที่เป็น Content Management system ในการทำ Digital Marketing เพื่อที่จะ Personalized Content ให้เหมาะกับแต่ละ Segment โดย Positioning ของ Site-core มีใกล้เคียงกับ Adobe

✔ รายได้ 690 ลบ. เติบโต 25% โดยกว่า 53% เป็นรายจาก CRM, 35% เป็นรายได้จาก ERP, 5% เป็นรายได้จาก CEM, 4% เป็นรายได้จาก Placement Service และ 2 % เป็นรายได้จากฝั่ง iiG Data

✔ CRM: เติบโต 15% จากยอด Subscription ของ Salesforce เพิ่มขึ้น 17% และจากให้บริการออกแบบ ติดตั้ง พัฒนาและดูแลระบบ CRM หลังจากการติดตั้งเพิ่มขึ้น 14% โดยเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามา เช่น กลุ่มธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจพลังงาน
✔ ERP: เติบโต 27% เติบโตจากการติดตั้ง พัฒนาและดูแลระบบ ERP ของลูกค้าใหม่ที่อยู่ในกลุ่มบริหารจัดการสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 30 ลบ. ส่วนรายได้จาก Subscription ของ Oracle เพิ่มขึ้น 21 ลบ. นอกจากนี้บริษัทยังมีบริการ Software E-Tax on Cloud สำหรับส่ง E-Tax Invoice, E-Receipt ให้กรมสรรพากร ซึ่งโปรแกรม E-Tax สามารถใช้ได้ กับระบบ Oracle และระบบซอฟต์แวร์ ERP อื่นๆได้ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในอนาคตได้

✔ CEM: เติบโต 72% จากลูกค้ารายใหม่ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายยา
✔ Placement Service: เติบโต 44% จากการได้ลูกค้าใหม่ในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและพลังงาน และกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต
✔ iiG Data: เติบโต 789% จากลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลและลูกค้าใหม่ในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต

✔ โดยถ้าแบ่งรายได้ตาม Recurring และ Non-Recurring จะพบว่าสัดส่วน Recurring ลดลงเล็กน้อย 2ppt (Percentage Point) เมื่อเทียบกับปี 2020 มาจากการเติบโตของรายได้ฝั่ง Non-Recurring ที่ 28% ซึ่งมาจากค่าพัฒนา ค่าที่ปรึกษา และค่าออกแบบระบบ ส่วนรายได้ฝั่ง Recurring เติบโตที่ 20% ซึ่งถ้า Break-down ออกมาเป็นระดับไตรมาสจะพบว่าเติบโตต่อเนื่อง 11 ไตรมาสติดต่อกันและรายได้จะค่อนข้าง Peak ใน Q4

✔ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลง 1ppt เหลือ 28% เนื่องจากมีต้นทุนจากพนักงานในการขายและการให้บริการในธุรกิจให้คำปรึกษาติดตั้ง Software เพิ่มสูงขึ้น และบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A to Sales) ลดลง 2ppt ส่งผลให้สามารถทำกำไรได้ 70 ลบ. เพิ่มขึ้่น 26%
.
◼️ภาพรวมปี Q4/2021◼️

✔ รายได้ Q4 195 ลบ. เติบโต 16% และทำกำไรได้ 23 ลบ.หดตัวลง 11% เมื่อเทียบกับ Q4/2020 และรับพนักงานเพิ่มสำหรับการเติบโตของยอดขาย 950 ลบ. ในปี 2022

อุตสาหกรรม◼️

✔ มองตลาด Cloud Computing, Digital Transformation, CRM, Data Analytics และ ERP ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยจากการสำรวจ CIO ระดับโลก พบกว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ Project IT ให้ความสำคัญกับ Cloud Computing เป็นอันดับแรก รอลงมาเป็น Security Program และในอันดับ 3-8 ก็เป็นธุรกิจหลักที่ทาง IIG ทำอยู่
✔ ในอนาคต Enterprise Software จะขึ้นไปอยู่บน cloud ทั้งหมด ขนาดของ Enterprise Applications Market ใหญ่สุดคือ CRM และอันดับ 2 เป็น Content Management System
โดย Site-core เป็นผู้นำทางด้านนี้ ส่วน Market อันดับ 3 เป็น Human Capital Management

✔ ถ้านับเฉพาะ Salesforce ในตลาดโลกในระยะ 10 ปีล่าสุดเติบโต 29% ส่วน 3 ปีหลังสุดเติบโตที่ 26% โดย อัตราการ Implementation โปรแกรม Salesforce ของไทยยังน้อยอยู่ และคาดว่าสามารถเติบโต Subscription ของ Salesforce ได้ 25 - 30%

✔ Cloud ERP เป็น Oracle โดย Cloud ERP ของ Oracle มีการเติบโตมากกว่า Salesforce โดยเชื่อว่า IIG มีจุดแข็งในเรื่องของการให้คำปรึกษาด้าน Digital Solution ครบวงจร ตั้งแต่ระบบ Back Office, Front Office ไปจนถึง Customer Touchpoint โดยมี Software ระดับโกลเป็น Partner เช่น Site-core, Salesforce, Oracle, Coupa เป็นต้น

.
◼️การเติบโต◼️

✔ 2022 มีโปรเจค ERP ในกลุ่มธุรกิจขนส่ง 42 ลบ. และมี โปรเจค Customer Experience/ Digital Marketing + Data ของธนาคารขนาดใหญ่อีก 444 ลบ. โดยคาดว่าใช้เวลา 5 ปี โดยจะรับรู้รายได้ในปีแรกที่ 120 ลบ.

✔ ณ ปัจจุบันบริษัทมี Backlog 546 ลบ. โดย Q3/2020 มี Backlog 288 ลบ.
Topic: Q3/2021 => Q4/2021
▪ Annual Recurring: 326 => 424
▪ Backlog: 288 => 546
▪ Pipeline: 467 => 500
✔ ปีนี้คาดหวังรายได้ 900 ลบ. ถึง 950 ลบ. โดยจะรักษาระดับ margin

✔ Human Capital: ต้องขยายทีมงานและมีผู้บริหารเข้ามาดูแลลูกค้ารายใหม่ๆ โดยปัจจุบันเกิดการแย่งตัวพนักงานกัน โดยต้องการบุคลการที่มี Digital Skill โดยส่งพนักงานของบริษัทไปสอนในการพัฒนาทักษะนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะขับเคลื่อน digital skill ของไทย


มีช่วงคำถาม

- ตัว sitecore ปิดได้แล้ว 1 งาน ส่วน vonage กับ coupa ยังอยู่ระหว่างนำเสนอ ยังปิดไม่ได้
- iiV คาดจะออก phaseแรก Q3/2565
- การเพิ่มสภาพคล่องหุ้น มีโอกาสเพิ่มแต่ต้องมาพร้อมกับโครงการในอนาคต
- ปัญหาสำคัญจะเป็นเรื่องบุคลากรที่แย่งตัวกัน ทำให้ขยายคนไม่ทันงานที่เยอะ ทำให้ต้องจ้าง outsource
- เป้า 2000 ลบ. ปี2025 ยังคงเดิม - Goal ปี 2022 Growth > 30% (เป้ารายได้ 900-950 ลบ. ยังเหมือนตอนที่ออก oppday
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2576
ผู้ติดตาม: 1

Re: AGM 2565

โพสต์ที่ 32

โพสต์

AGM ROJNA 28 Apr 2022 10.00

ถือว่าเป็นบริษัทที่เปิดประชุมแบบonsite เป็นบริษัทสุดท้ายที่ผมเข้าประชุมในรอบนี้
มีประชุมมาด้วยตนเอง 12 ราย และ รับมอบฉันทะ 19 ราย รวม 31 ราย คิดเป็นคะแนน 63.6897%

วาระที่1 รับรองรายงานการประชุม
คุณจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ เปิดประชุมแทน คุณดิเรก ซึ่งไม่มาประชุมเป็นปีที่3แล้วจากCovid

อัปเดทผลประกอบการปีที่แล้ว
ปี64ในภาวะCovid กิจการหลักๆ คือ นิคมอุตสาหกรรม , ขายไฟฟ้า , ลงทุนในGULF และลงทุนในต่างประเทศ
ผลการดำเนินงานค่อนข้างดีในภาวะข้อจำกัดมากมากย
การขายที่ดินปีที่แล้วน้อยกว่าปกติ 400-500 ไร่ ปี64ขายได้3xx ไร่ มีBacklog 2,000 ลบ ยังไม่ได้โอน
ผู้ซื้อส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งมีธุรกิจหลากหลาย พื้นที่ที่ขายได้ ไม่ใช่แปลงใหญ่
ส่วนการขายไฟปกติ จนถึงกลางปี ค่าพลังงานก็ขึ้นอย่างรวดเร็ว
GULF บันทึกรายได้ในหน่วยลงทุนของproperty fundที่สิงคโปร์

รายได้จากการขายอสังหา ลดลงจาก 1,403 มาที่ 1,242 ลบ
รายได้จากการขายไฟ เพิ่มขึ้นจาก 10,020 มาที่ 10,552 ลบ
รายได้จากค่าบริการ ค่าเช่า เพิ่มจาก 729 มาที่ 764 ลบ
กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้น 683 ลดลงมาที่ 361 ลบ
รายได้รวม เพิ่มจาก 13,143 ลบ เป็น 14,485 ลบ
กำไรต่อหุ้น เพิ่มจาก 0.68 เป็น 0.95 บาท

ปีนี้เกิดอะไรขึ้น
การแพร่ระบาดของcovidเริ่มผ่อนคลาย การเช่าและซื้อเพิ่มขึ้น เราสามารถทำสัญญาขายในQ1 150ไร่
ค่อนข้างดี ถ้าเปิดประเทศใน พค การเดินทางสดวกขึ้น ก็ส่งผลต่อการขาย
เรามีความท้าทายใหม่จากสงครามยูเครน รัสเซีย ทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก เราพยายามตรึงในหลายๆด้าน ภาคการผลิตได้รับผลกระทบซึ่ง
ใช้ทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน ซึ่งท้าทายในครึ่งปีหลัง
เราไม่ได้เห็นอัตราเงินเฟ้อ 5-6% มานานแล้ว ปกติ1-2% ซึ่งกระทบต่อค่าไฟ และค่าก๊าซที่นำมาใช้ผลิต
โดยตรง รัฐบาลพยายามช่วยประชาชน ภาคอุตสาหกรรม โดยปรับค่าไฟแค่5% ซึ่งมีความต่างถึง60%ที่บริษัทต้อง
รับไป โรงไฟฟ้าต้องภาระไป ยังต้องคำนึงเรื่องต่างๆเช่น
1.ก๊าซจะลงไหม
2.การปรับftในเดือนพค 23 สต ยังไม่เพียงพอ ต้องไปดูค่าftตอนเดือน กย ว่าจะมีการปรับมากน้อยแค่ไหน
ค่าพลังงาน และ เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้เฟดปรับเพิ่มอัตราอีกไม่ต่ำกว่า0.5%ในต้น พค
และทั้งปี คิดว่าปรับไม่ต่ำกว่า 1% ส่งผลต่อธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท พิจารณาปรับดอกเบี้ยในประเทศ
เงินบาทเริ่มอ่อนมากกว่า 34 บาทแลว คงเห็น 35บาทในปีนี้ ท้าทายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ตัวแปรที่สำคัญ การสู้รบในยูเครนจะยืดเยื้อขนาดไหน ถ้าเยอรมันมีการหยุดซื้อก๊าซจากรัสเซีย ราคาน้ำมันก็อาจ
พุ่งถึง 150$ต่อบาร์เรล แต่ถ้าหยุดรบ น้ำมันก็ลงไม่เกิน 80$ เราขายที่ดินได้ 50%ของปีที่แล้ว
เป็นในภาคอุตสาหกรรม อาหาร เทคโนโลยี บ้างที่เข้ามาไทย ไม่ใช่ขนาดใหญ่ พื้นที่ขายแต่ละราย 20-30ไร่
ดังนั้นปี65 สถานการณ์ล่อแหลม ท้าทายมาก ของจะราคาแพงขึ้น ต่างจากCovidทำให้ของถูกลง

Q&A

1.โครงการกัญชา ถือ เป็นช่องทางใหม่ๆในการหารายได้ที่ต้องทำเพื่อให้บริษัทเติบโตต่อไป
ใช้เงิน 100-200 ลบ ต้องใช้เวลา มองว่ามีโอกาสโตในทางด้านยา ตอนนี้นับเป็นการลงทุนระยะแรก

2.โครงการBattery EV เนื่องจากมีความเห็นต่างกับคู่สัญญาซึ่งบอกยกเลิกไปแล้ว

3.จำนวนไฟที่ขายได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แม้ภาวะcovid ภาคการผลิตยังไม่ถูกกระทบ ที่เราเห็นต่างคือ
ช่วงสามปี ในนิคม และ นอกนิคม ปรับตัวเรื่องบุคลากร และมีการใช้โรบอทแทนคนมากขึ้น
ภาครัฐต้องมาดูเรื่องคนทำงานตรงนี้

4.ค่าเงินบาทอ่อน และทำให้ดอกเบี้ยมีโอกาสเพิ่มขึ้น เราพยายามจัดการ ออกหุ้นกู้เร็วกว่าที่ตั้งใจ
แต่ถึงแม้ดอกเบี้ยขึ้นสูง สภาพคล่องในระบบมาก ดอกเบี้ยคงขยับขึ้นได้บ้าง

วาระที่4 ปันผล 0.20 บาท XD 9/5 , Pay 27/5

Q&A
5.ปี65 ลงทุนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่ ซื้อที่ดินเพิ่ม ตอนนี้ที่ EEC มีนักลงทุนสนใจที่ชลบุรี
เราซื้อที่ดินชลบุรี ยากขึ้น การพัฒนาก็ทำเป็นเฟส เช่นมี 2000ไร่ ก็พัฒนา 500ไร่
หลักๆใช้งบไม่เกน 2,000 ลบต่อปี เช่น ซื้อGULF , ซื้อบริษัทเล็กๆ 100-200 ลบ

6.การจำหน่ายน้ำดิบ ถ้าเป็นที่อยุธยา ต่อท่อไปที่แม่น้ำป่าสัก
ส่วนนิคมทางตะวันออก ก็ซื้อจากอิสวอเตอร์ เป็นหลัก

7.กัญชง capacityในเฟสแรกยังไม่มาก ยังบอกไม่ได้ว่า กัญชงเป็นอุตสาหกรรมเด่น ขึ้นกับการแข่งขัน

8.บริษัทรัชคาร ขาดทุนต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ขายที่ดินได้ กำไร 800 ลบ
แนบไฟล์

amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2576
ผู้ติดตาม: 1

Re: AGM 2565

โพสต์ที่ 33

โพสต์

AGM HTECH

วาระท่ี 2 รับทราบผลการดำเนินงานของบริษัทประจำปี 2564 และแผนงานทีจะดำเนินการในปี 2565

ประธานฯ ขอให้ที่ประชุม พิจารณารายงานประจำปีของบริษัท

ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี 2564 และแผนงานท่ีจะดำเนินการในปี2564ได้มีมติรับทราบโดยคณะกรรมการบริษัทฯในการประชุมคณะกรรมการ ครงั้ท่ี1/2565 25กพโดยมีสาระดังนี้

1.ประธานฯ กล่าวอธิบายถึงธุรกิจของบริษัท ไม่ได้เป็นผู้เช่ียวชาญในการ ผลิตเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ หรือ Cutting Tools เพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นเป็น Cutting Tools Solution Provider ใหกับลูกค้าโดยสินค้าและบริการจะตอบโจทย์อย่างครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ และผลิตตามความต้องการ ผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพท่ีสุด รวมไปถึงการ ช่วยแก้ปัญหาท่ีอาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิตของลูกค้าด้วย

โดยปัจจุบัน บริษัทมีเครือข่ายทั่วโลก ทั้งใน ประเทศกลุ่มอาเซียน และในอเมริกา โดยมีโรงงานผลิตอยู่ใน 3 ประเทศ ไดแ้ ก่ บริษัทใหญ่ในประเทศไทย และ บริษัทย่อยในประเทศเวียดนามและสหรฐัอเมริกานอกจากนี้ยงัมีบริษัทย่อยท่ีเป็นสนง ขายอยู่ใน7ประเทศ ได้แก่ไทย ฟิลิปปินส์สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนามและสหรัฐอเมริกา ให้บริการลูกค้าใน 16 ประเทศทั่วโลก

ผลิตภณั ฑ์ Customized Cutting Tools โดยจะแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักได้แก่

- PCD Cutting Tools หรือ เครื่องมือตัดเฉือนโลหะท่ีทำมาจากเพชรสังเคราะห์ เหมาะสาหรับววัสดุ ท่ีไม่มีส่วนผสมของเหล็ก เช่นอลูมิเนียม ทองเหลือง ทองแดง ไม้ อะคริลิก เป็นต้น
โดยจะใช้มากใน อุตสาหกรรมฮารด์ดิสกไ์ดรฟ อุตสาหกรรมเครื่องบินอุตสาหกรรมยานยนต์รวมไปถึงผู้ผลิตเครื่องมือ แพทย์ หรือเครื่องประดับต่างๆ เป็นประเภทผลิตภัณฑ์บริษัทเน้นผลิตเป็นหลัก เนื่องจากเป็นงานท่ี เน้นคุณภาพสูง และมีอัตรากำไรท่ีดี
จานวน (หุ้น)
105,806,588
คิดเป็นร้อยละ100


- MCD Cutting Tools หรือ เครื่องมือตัดเฉือนโลหะท่ีทำมาจากเพชรสังเคราะห์ผลึกเดี่ยว ใช้สำหรับ งานท่ีต้องการความละเอียดสูง และต้องการความเงาของพื้นผิว เหมาะสำหรับวัสดุประเภท ทองเหลือง ทองแดง อลูมิเนียมอะคริลิกเป็นต้น
โดยจะใช้ในอตุสาหกรรมผลิตเลนส์เครื่องประดับ นาฬิกาข้อมือ รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์

- PCBN Cutting Tools หรือ เครื่องมือตัดเฉือนโลหะประเภทแข็งพิเศษ เหมาะสำหรับตัดวัสดุประเภท เหล็กหล่อ เหล็กชุบแข็ง (ค่าความแข็งมากกว่า 50 HRc) จะใช้มากในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมผลิตชิ้ส่วนเครื่องจักรกลต่างๆ

- Carbide Cutting Tools หรือ เครื่องมือตัดเฉือนโลหะท่ีทำมาจากคาร์ไบด์ ใช้ทั่วไปในอุตสาหกรรม เพื่อตัด วัสดุประเภทเหล็ก อลูมิเนียม พลาสติก หรือไม้ เป็นต้น

กลุ่มลูกค้าโดยรวมมีสัดส่วนลูกค้า2ใน 3 จากอุตสาหกรรมผู้ผลิต ชิ้นส่วนฮารด์ ดิสกไ์ ดรฟ์ (HDD) และอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยรายได้ของบริษัทประมาณ 30% จากลูกค้ากลุ่ม HDD ซ่ซึ่งเป็นธุรกิจหลักตั้งแต่เร่ิมกิจการ บริษัทมีความเช่ียวชาญ และมีการทำR&D ร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ส่วนลูกค้าในกลุ่มยานยนต์มีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 37%

นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆอีกรวม ประมาณ 30%
ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องบิน, เครื่องจักรหนัก ,พลังงาน, ชิ้นส่วนเลนส์กล้องถ่ายรูป เป็นต้น
รวมไปถึงรายได้จากการซื้อมาขายไปอื่นๆ

ในปี2564 มีรายได้จากการขาย465ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2%จากปีก่อน
รายได้รวม 549 ลบ เพิ่ม9.9% จากปีก่อน
มาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมโดยรวม และบริษัทใหญ่มีเงินปันผล รับจากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นเช่นกัน

กำไรขั้นต้นของบริษัทใหญ่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับในช่วง3ปีท่ีผ่านมา
เป็นผลต่อเนื่องจากการบริหารต้นทุนช่วงโควิด โดยในปี 2564
บริษัทมีกำไรขั้นต้น 152 ลบ เพิ่ม 16.5%จากปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น32.8%
นอกจากนี้สัดส่วนรายได้ แบ่งตามอุตสาหกรรมในปี2564มี ดังนี้
อุตสาหกรรมฮารด์ ดิสก์ไดรฟ์ (HDD) 51%, อุตสาหกรรมยานยนต์ 42%, อตุ สาหกรรมอื่น 3%, และรายได้ จากการซื้อมาขายไป4%

โดยรายได้จากอุตสาหกรรมHDDในปี2563อยู่ท่ีระดับ60%และมีรายได้ขยายตัว สวนทางกับภาพรวมอุตสาหกรรม เนื่องจากมีการสลับขั้วของผู้ผลิตค่ายใหญ่ จึงมีความต้องการใช้ cutting tools สูงขึ้น

ต่อมาในปี2564 การผลิตHDDเร่ิมกลับเข้าสู่ภาวะปกติจึงเห็นรายได้และสัดส่วนลดล
อุตสาหกรรมยานยนต์ มีการผลิตในประเทศเพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตในยุโรปและอเมริกา
มีการผลิตลดลง จากผลกระทบของโควิดระลอกใหม่ทำให้สัดส่วนรายได้จากอุตสาหกรรมยานยนตเ์พิ่มขึ้นเช่นกันในปีท่ีผ่านมา

ประธานฯ กล่าวรายงานต่อถึงผลการดาเนินงานรวมของทั้งกลุ่มบริษัท ปี 2564
มีรายได้จากการขาย 1,116 ลบ เพิ่ม 17.7% โดยมีปัจจัยหลักจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมโดยรวมจากสถานการณ์ โควิด รวมถึงการขยายกำลังการผลิตในโรงงานของบริษัทย่อยท่ีอเมริกา (MDP)

กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นตามลำดับในช่วง 3 ปีท่ี 403 ล้านบาท (เพิ่ม 28.0% จากปีก่อน) คิดเป็นอัตรากำไรขั้นตน้ 36.1%

รายได้จากต่างประเทศเพิ่ม จาก 33% เป็น 39% และ 46% ในปีท่ีผ่านมา โดยมีปัจจัยหลักจากการขยายตัวของบริษัทย่อยใหม่ในอเมริกา รวมถึงการขยาย กำลังการผลิตในโรงงานท่ีเวียดนามและการฟื้นตัวของบริษัทย่อยต่างประเทศอื่นๆ

รายได้ส่วนแบ่งตามส่วนงานธุรกิจโดยแบ่งเป็น3ส่วนงานหลักได้แก่

1. ส่วนงานผลิตและจัดจาหน่ายเครื่องมือตัดเฉือนโลหะท่ีมีลักษณะเฉพาะ(SpecialCuttingTools) ประกอบด้วยรายได้จากโรงงานผลิต 3 แห่ง ของบริษัทใหญ่ และบริษัทย่อยในอเมริกาและ เวียดนาม (MDP และ HV)

2. ส่วนงานนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือตัดเฉือนโลหะมาตรฐาน(StandardCuttingTools) ประกอบด้วย รายได้จากบริษัทย่อยท่ีเป็นบริษัทซือ้ มาขายไปทงั้ ในและต่างประเทศจานวน 6 บริษัท ทงั้นี้เนื่องจากบริษัทย่อยในฟิลิปปินส์(HP)_ได้มีการปิดโรงงานผลิตไปในช่วงปลายปี2563บริษัท จึงมีการปรับปรุงรายได้ของ HP จากส่วนงานท่ี 1 มาในส่วนงานนี้ เพื่อความชัดเจนในการรายงาน เปรียบเทียบ

3. ส่วนงานผลิตและจัดจาหน่ายชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูปต่างๆ (Metal Fabrication) ประกอบด้วยรายได้จากโรงงานของบริษัทย่อย HM ในประเทศไทย

กลุ่มบริษัทมี GP 36.1% เพิ่มจาก 31.8% ในปีก่อน
กำไรจากผลการดำเนินงาน 16.0% เพิ่มจาก 9.3% ในปีก่อน และ
กำไรสุทธิ 13.7% เพิ่มจาก 6.7% ในปีก่อน


อัตราส่วนสภาพคล่องในปี 2564 อยู่ท่ี 4.33 เท่า เพิ่มจาก 2.93 เท่าในปีก่อน และ
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็วอยู่ท่ี2.78เท่า เพิ่ มจาก1.90เท่าในปีก่อนเป็นผลหลักจากการจ่ายชำระหนี้สินจากการซื้อกิจการMDPในปีท่ีผ่านมาและมีทิศทางปรับตัวที่ดีตามลาดับ
บริษัทมีวงจรเงินสดคงท่ีจากปีก่อนท่ี154 วัน

อตัราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในปี2564อยู่ท่ี0.33เท่าลดลงจาก0.43เท่าในปีก่อนเป็นผลจาก การจ่ายชำระหนี้สินจากการซื้อกิจการMDPเช่นกัน

อัตราส่วนการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิในปี 2564 อยู่ท่ี 42.13% เพิ่มจาก 40.28%


สาหรับแผนการดำเนินงานในปี2566
ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตไม่ตำ่กว่า 10% จากปีท่ีผ่านมา
โดยมีเป้าหมายการเติบโตในต่างประเทศเป็นหลักเน้นการผลิตและ บริการท่ีเร็ว ราคาเหมาะสม โดยเฉพาะการขยายตลาดในอเมริกา หรือท่ีบริษัทย่อย MDP มีความต้องการ สินคา้ high-end ค่อนข้างสูง เนื่องจากแทบจะไม่มีคู่แข่งในตลาด

ปัจจุบัน MDP อยู่ระหว่างการขยายกาลังการผลิตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยกำลังก่อสร้างโรงงานใหม่ คาดว่าจะสามารถย้ายเข้าได้ในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ หลังจากเกิดความล่าช้าในการก่อสร้างเนื่องจากสภาพอากาศและการขาดแคลนวัสดุประเภทเหล็กในช่วงต้นปีท่ี ผ่านมา
มีการซือ้เครื่องจักและติดตั้งพร้อมใช้งานไปบางส่วนแล้ว เพื่อลดการนาเข้าสินค้าจากผู้ผลิตอื่นเช่นจากประเทศจีน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการยื่นขอวีซ่าทางานเพื่อส่ฃพนักงานจากบริษัทใหญ่ไปช่วยบริหารจัดการการผลิตให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพมากขึ้น

คาดว่าจะสามารถเดินทางได้ใกล้เคียงกับ โรงงานใหมเสร็จพอดี และจะมีการเพิ่มเวลาทำงานจาก 1 กะ เป็น 2 กะ อีกด้วย โดยนายพีทเอง มีแผนเดินทาง ไปเยี่ยมชมโรงงานท่ีอเมริกาเร็วๆนี้เช่นกัน เพื่อเตรียมความพร้อมและประชุมร่วมกับฝ่ายบริหารของ MDP

นอกจากนี้ บริษัทก็ยังอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตท่ีเวียดนาม (HV) เช่นกัน
ในช่วงต้นปีท่ีผ่านมามีการระบาดของโควิดในเวียดนาม ทำให้ยอดการผลิตลดลง
แต่ปัจจุบันเร่ิมกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และเร่ิมมีการส่ง พนักงานจากบริษัทใหญ่ไปสนับสนุน

ผลกระทบจากสงครามยูเครน-รัสเซีย ประธานฯ ชี้แจงบริษัทไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง อาจมีประโยชน์ ทางอ้อมจากการผลิตในEUที่ชะลอตัวไปทำให้ภาคการผลิตในประเทศได้รับอานิสงสเ์พิ่มขึ้น รวมไปถึฝสถานการณ์ โควิดทั่วโลกก็เร่ิมมีการคลี่คลายดีขึ้นตามลาดับ

โดยรวมจึงคาดว่าเป้าหมายรายไดเ้ติบโต10%มีความเป็นไปได้ และช่วงครึ่งปีหลังมีการประเมินปรับเป้าเพิ่มขึ้นหลังจากMDPย้ายไปโรงงานใหม่แล้ว


1.สถานการณ์ รัสเซีย-ยูเครนจะมีผลกระทบต่อบริษัทอย่างไรบ้าง

นายพีทริมชลาโดยชีแ้จงว่า มุมของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะไม่มีการซื้อขายผ่านยูเครนหรือรัสเซีย
แต่จะมีผลกระทบมากในทางยุโรป ลูกค้าขายสินค้าไปยังยุโรปเยอะ เมื่อยุโรปผลิตสินค้าไม่ได้ตามเป้าหมาย อาจจะเนื่องจากการขาดแคลนวัสดุดิบ หรือพลังงาน รวมไปถึงค่าครองชีพท่ีสูงขึ้นจึงส่งผลบวกมาที่ผู้ผลิตเอเชียและบริษัทในกลุ่ม

2. เนื่องจากในโลกมีTechnologyChange/DisruptiveTechnology บริษัทมีการรับมือและป้องกันอย่างไรบา้ ง

นายพีทริมชลา พูดถึง EVหรือรถยนตไ์ฟฟ้าเป็นส่ิงท่ีต้องเกิดขึ้นแน่นอน
แตใ่นประเทศไทยหรือประเทศท่ียังรายได้น้อยอาจยังไม่พร้อมรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานท่ียังไม่มีความพร้อม ทำให้ความต้องการใช้EVเพียงเฉพาะกลุ่ม และมีความต้องการ รถยนตธ์รรมดาหรือรถยนตไ์ฮบริดมากกว่า
มีการสอบถามไปยังลูกค้าผู้ผลิตชิน้ส่วนรถยนต์ ก็ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในปริมาณการผลิตชิน้ ส่วน EV มากนัก มีเพียงการผลิตในขั้นตอนชิ้นส่วน


ตัฝอย่าง ยังไม่มีการผลิต EV แบบ 100% ส่วนทางการผลิต HDD ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความจุ เทียบกบั SSD (solid state drive) และยังไม่มีแนวโนม้จะมาแทนท่ี HDDได้ในเร็วๆนี้


3. ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัท มีความถี่ในการสั่งแค่ไหน

นายพีท ริมชลา ชี้แจงว่าการสั่งสินค้าของบริษัทจะไม่มีการสั่งซื้อล่วงหน้าเป็นเวลานาน หรือทำสัญญารายปี แต่ลูกค้าจะมีการทา forecast และแจ้งข้อมูลให้บริษัทวางแผนการผลิตอย่างต่อเนื่อง มีลูกคา้รายใหญ่ของMDPในกลุ่ม heavyindustryใน อเมริกาท่ีจะทำสัญญาครั้งละ3ปีซึ่งมีการต่อสัญญาไปในช่วงปลายเดือนมีนาคมท่ีผ่านมาและ มีสัดส่วนรายได้ประมาณ45%ของรายได้ของMDP


4.ในด้านคู่แข่งในผลิตภัณฑ์เดียวกันอย่างไรบ้าง

นายพีท ริมชลา ชี้แจงว่า บริษัทเป็นผู้นำการผลิต cutting tools ในประเทศไทย และใน Southeast Asia มีการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและประสบความสาเร็จ
โดยเฉพาะกลุ่มสินคา้ Z-Tec ซึ่งเหมาะกับลูกค้าท่ีต้องการลดต้นทุนการผลิต โดยไม่ต้องกังวลถึง คุณภาพท่ีจะลดลง

นายพีทอธิบายเพิ่มเติมว่าบริษัทมีคู่แข่ง แต่ความสามารถในการผลิตทิ้งช่วงห่าง
คู่แข่งจะผลิตสินค้าในลักษณะทั่วไปมากกว่า อาจมีการแข่งขันราคาบ้าง
แต่ในเรื่องความรวดเร็ว กำลังการผลิต การเข้าถึงลูกค้ารวมถึงการให้บริการแบบ one-stop service ยังครองใจลูกค้าอยู่
แนบไฟล์