โพสต์
คุณกวี เล่าให้ฟังว่า ตอนเริ่มเป็นนักวิเคราะห์ ขอเงินคุณพ่อมาล้านนึงรวมกับเงินตัวเองซึ่งไม่เยอะ มาลงทุนหุ้นธนาคารแห่งนึง ซึ่งตอนนี้ถูกควบรวมเข้ากับธนชาติไปเรียบร้อย พอช่วงต้มยำกุ้ง ราคาร่วงลงมาจาก 28.50 บาทเหลือ 1 บาท
ซึ่งคุณพ่อก็มาขอเงินคืน เลยต้องหายืมจากเพื่อนมาคืน ทำให้ไม่ได้ลงทุนหุ้นอีกเลย แต่แนะนำเพื่อนไปลงทุนหุ้นCPALL
หลังจากที่ได้ไปงานสัปดาห์หนังสือ และ ซื้อหนังสือลงทุนมาหลายเล่ม หนึ่งในนั้น คือ Buffettology แค่อ่านคำนำเท่านั้น
ก็พบว่า ที่เรียนมาตอนอยู่ US ซึ่งได้คะแนนเต็ม100 วิชาการเงิน ปรากฏว่าใช้ในชีวิตจริงไม่ได้เลย
ในหนังสือสอนเกี่ยวกับการเข้าใจธุรกิจ มีความเป็นเจ้าของ และ ใช้สินค้าของบริษัทที่เราถือหุ้น ซึ่งอินกับการเป็นเจ้าของกิจการ ตอนหลังเริ่มมาซื้อหุ้นอีกครั้งในปี 1988 เช่น CPALL และ ซื้อหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ตอนราคาต่ำกว่าบาท
และไม่สามารถซื้อขายใน1ปี เพราะมีหนี้ต่างประเทศ แต่มั่นใจในกิจการ เลยไม่ขายตอนเปิดตลาดมาใหม่ที่ราคา 65 บาท
หลังจากนั้น อยากเป็นเจ้าของโรงแรม เลยเข้าซื้อ Royal garden resort หรือ MINTในปัจจุบัน
คุณกวี เป็นนักลงทุนที่ถือหุ้นระยะยาว ไม่ขายหุ้น มีเงินออมจากเงินเดือนและรอจนเกิดวิกฤตอีกครั้ง เช่น ช่วงSubprime,
Covid และเข้าไปซื้อหุ้นที่ต้องการในราคาที่สมเหตุผล จนทำให้ เงินปันผลต่อปี มากกว่าเงินที่ลงทุนในปีแรก
ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ มีเป้าหมายสองอย่างคือ อยากให้นักลงทุนมาฟัง และ มีอิสรภาพทางการเงิน
ซึ่งตอนนี้บรรลุแล้ว เลยตั้งเป้าใหม่คือ อยากให้คนไทยมีอิสรภาพทางการเงิน เลยก่อตั้ง Vee Investment Academy
และทำบทเรียนให้คนไทยเรียนรู้การลงทุนเพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงิน ตอนนี้มีถึง EP43แล้ว ใครสนใจไปดูในYoutubeได้ ซึ่งคุณกวี เรียนรู้ในการทำคลิปบนYoutubeเองไม่ได้กวนทีมงานเลย คลิปแรก ก็ให้ลูกชายใช้มือถือถ่ายทำ
คุณกวี ทิ้งท้ายไว้ว่า ลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ส่วนใหญ่มีความคิดของตนเอง โดยฟังข้อมูลจากเรา และ คิดต่อ เวลาเกิดความผิดพลาด ก็สามารถแก้ไขได้เอง ว่าจะขายหรือไม่ ดังนั้นถ้าใครอยากประสบความสำเร็จในการลงทุน
ก็ต้องนำความรู้จากแหล่งข้อมูลมาคิดต่อ และตัดสินใจด้วยตนเองนะครับ
บันทึกไม่สำเร็จ