Investing in Cylical Stocks
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 31
วิธีค้นหาหุ้นวัฏจักร
เมื่อก่อนผมใช้วิธีอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆ เคยเจอข่าว "ค่าระวางเรือสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์" ข่าวแบบนี้ก็จะช่วยให้เราสะดุดตาและเริ่มให้ความสนใจ
ผมยังเคยเจอข่าว "วัสดุก่อสร้างขาดตลาดอย่างหนัก ผู้รับเหมาร้องขอเลื่อนส่งงาน" ข่าวแบบนี้ก็จะทำให้เราเริ่มสนใจวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
แต่ปัจจุบันนี้ ผมคิดว่าการใช้วิธีเดิมๆจะค่อนข้างช้า หมายความว่าเรารู้ตอนที่ใครๆก็รู้ และรู้กันทั้งประเทศแล้ว และราคาหุ้นมักจะปรับตัวกันไปบ้างแล้วแม้บางตัวอาจจะแพงไป บางตัวอาจจะยังถูก แต่ก็ถือว่าช้าอยู่ดี ปัจจุบันนี้เราจึงต้องดักหน้าก่อน พยายามมองให้ออกก่อน เราถึงจะได้เปรียบแบบมากๆหน่อย
จากการศึกษา วิธีที่จะดักหน้ากลุ่มนี้เราควรจะรู้เสียก่อนว่ากลุ่มนี้ทั้งหมดนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เท่าที่ดูๆผมจะแบ่งกลุ่มเพื่อให้สังเกตุง่ายๆพร้อมคุณสมบัติและโทษสมบัติแต่ละกลุ่มดู
เมื่อก่อนผมใช้วิธีอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆ เคยเจอข่าว "ค่าระวางเรือสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์" ข่าวแบบนี้ก็จะช่วยให้เราสะดุดตาและเริ่มให้ความสนใจ
ผมยังเคยเจอข่าว "วัสดุก่อสร้างขาดตลาดอย่างหนัก ผู้รับเหมาร้องขอเลื่อนส่งงาน" ข่าวแบบนี้ก็จะทำให้เราเริ่มสนใจวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
แต่ปัจจุบันนี้ ผมคิดว่าการใช้วิธีเดิมๆจะค่อนข้างช้า หมายความว่าเรารู้ตอนที่ใครๆก็รู้ และรู้กันทั้งประเทศแล้ว และราคาหุ้นมักจะปรับตัวกันไปบ้างแล้วแม้บางตัวอาจจะแพงไป บางตัวอาจจะยังถูก แต่ก็ถือว่าช้าอยู่ดี ปัจจุบันนี้เราจึงต้องดักหน้าก่อน พยายามมองให้ออกก่อน เราถึงจะได้เปรียบแบบมากๆหน่อย
จากการศึกษา วิธีที่จะดักหน้ากลุ่มนี้เราควรจะรู้เสียก่อนว่ากลุ่มนี้ทั้งหมดนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เท่าที่ดูๆผมจะแบ่งกลุ่มเพื่อให้สังเกตุง่ายๆพร้อมคุณสมบัติและโทษสมบัติแต่ละกลุ่มดู
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 32
วัฏจักรแบบท้องถิ่น หมายถึงในประเทศครับ
เช่น อสังหา วัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ หลักทรัพย์ โรงพยาบาล
- ความถี่ เกิดขึ้นได้บ่อยๆ วงจรสั้น ความรุนแรงน้อย
- ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อเงินฝืดในประเทศ
- ความแม่นยำในการพยากรณ์ มีน้อย เพราะขึ้นกับทำเล อุปสงค์/อุปทาน ในประเทศด้วย และการเปลี่ยนแปลงใดๆมีผลกระทบต่อการพยากรณ์มาก
วัฏจักรสากล
เช่น เดินเรือ โลหะ กระดาษ ปิโตรเคมี หลักทรัพย์
- ความถี่ วงจรค่อนข้างยาว เกิดขึ้นนานๆครั้ง ความรุนแรงมาก(ได้กำไรมาก อิอิ)
- ขึ้นกับสัดส่วนอุปสงค์/อุปทานของโลก
- ความแม่นยำในการพยากรณ์ มีมาก เพราะไม่ขึ้นกับทำเล ไม่ขึ้นกับอุปสงค์/อุปทานในประเทศนัก และการเปลี่ยนแปลงใดๆมีผลกระทบต่อการพยากรณ์น้อย เพราะตลาดโลกมีขนาดใหญ่มาก
ปล. กลุ่มหลักทรัพย์นั้นผมจัดให้อยู่ทั้งสองกลุ่มเพราะคิดว่าไม่ตรงกับอันใดอันหนึ่งเสียทีเดียว ส่วนกลุ่มยานยนต์นั้นอาจจะเริ่มเข้าสู่กลุ่มที่สองถ้าสัดส่วนการส่งออกค่อยๆสูงขึ้นอย่างในปัจจุบัน
เช่น อสังหา วัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ หลักทรัพย์ โรงพยาบาล
- ความถี่ เกิดขึ้นได้บ่อยๆ วงจรสั้น ความรุนแรงน้อย
- ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อเงินฝืดในประเทศ
- ความแม่นยำในการพยากรณ์ มีน้อย เพราะขึ้นกับทำเล อุปสงค์/อุปทาน ในประเทศด้วย และการเปลี่ยนแปลงใดๆมีผลกระทบต่อการพยากรณ์มาก
วัฏจักรสากล
เช่น เดินเรือ โลหะ กระดาษ ปิโตรเคมี หลักทรัพย์
- ความถี่ วงจรค่อนข้างยาว เกิดขึ้นนานๆครั้ง ความรุนแรงมาก(ได้กำไรมาก อิอิ)
- ขึ้นกับสัดส่วนอุปสงค์/อุปทานของโลก
- ความแม่นยำในการพยากรณ์ มีมาก เพราะไม่ขึ้นกับทำเล ไม่ขึ้นกับอุปสงค์/อุปทานในประเทศนัก และการเปลี่ยนแปลงใดๆมีผลกระทบต่อการพยากรณ์น้อย เพราะตลาดโลกมีขนาดใหญ่มาก
ปล. กลุ่มหลักทรัพย์นั้นผมจัดให้อยู่ทั้งสองกลุ่มเพราะคิดว่าไม่ตรงกับอันใดอันหนึ่งเสียทีเดียว ส่วนกลุ่มยานยนต์นั้นอาจจะเริ่มเข้าสู่กลุ่มที่สองถ้าสัดส่วนการส่งออกค่อยๆสูงขึ้นอย่างในปัจจุบัน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 33
วิธีเลือกจังหวะซื้อขาย
ปีเตอร์ ลินช์ เคยบอกว่าให้ซื้อตอน p/e สูงๆ และขายตอน p/e ต่ำๆ หลักการอันนี้ดูจะกลับตาลปัตรกับหุ้นเติบโตหรือแม้แต่หุ้นทั่วๆไป แต่เป็นเรื่องจริงครับ
แต่ถ้าเรายึดตามตัวอักษรเป๊ะๆ เราอาจจะไปซื้อตอนช่วงกลางๆของวัฏจักรก็ได้ เพราะช่วงนั้น p/e ก็สูงเช่นเดียวกัน และถ้าวัฏจักรเต็มๆมีระยะเวลา 20 ปี เราก็ต้องรอตั้งสิบปีกว่าจะถึงขาขึ้น รอกันจนหน้าเหี่ยวพอดีและก็เสียโอกาสในการทำเงินไม่ใช่น้อยๆเรย......จึงต้องศึกษาเพิ่มเติมเสียหน่อย
ผลการศึกษา พบว่า
1. เราใช้วิธีดักหน้าไว้ก่อนเลย เช่นเรารู้วงจรของธุรกิจว่าใช้เวลากี่ปีๆ เราก็คำนวณไปล่วงหน้าว่าอีกกี่ปีจึงจะถึงรอบขาขึ้น แล้วเราก็จ้องตลอดว่ามัน ใช่ หรือยัง
2. สัญญาณที่บอกว่า ใช่ ก็เช่น บริษัทเริ่มได้กำไรมากขึ้น และมากขึ้นอย่างชัดเจนด้วยนะ
3. เช็คข่าวว่าบริษัทอื่นที่ทำธุรกิจคล้ายๆกัน ได้กำไรมากขึ้นเหมือนกันหรือเปล่า (ถ้าเป็นกลุ่มสากลมักจะได้กำไรไปด้วยกัน แต่ถ้าเป็นกลุ่มท้องถิ่นจะยากหน่อย อาจจะค่อยๆทยอยกันมาก็ได้)
4. เช็คยอดขาย อันนี้จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ร่วมกับสต็อคสินค้าเริ่มลดลง
5. เช็คบทวิเคราะห์ทั่วโลก(กลุ่มท้องถิ่นจะทำแบบนี้ไม่ได้ แต่กลุ่มสากลจะทำได้ง่าย และงานนี้จะไม่มีใครเป็น inside ตัวจริง ทุกคนจะพอๆกันเป็นการลดความเสียเปรียบ)
6. บทวิเคราะห์ที่ว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อน เพราะนักวิเคราะห์เองก็อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน(ระแวงไว้หน่อยก็ดีครับ) เขาอาจจะใช้ความเห็นมากกว่าข้อเท็จจริงก็ได้ หรืออาจจะใช้ข้อเท็จจริงแต่นำเสนอข้อเท็จจริงไม่หมด หรือจริงๆแล้วเจตนาบริสุทธิ์แต่รู้ไม่หมด ไม่รอบด้านพอ จึงต้องเช็คงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาด้วยจะเชื่อถือได้มากกว่า
ปีเตอร์ ลินช์ เคยบอกว่าให้ซื้อตอน p/e สูงๆ และขายตอน p/e ต่ำๆ หลักการอันนี้ดูจะกลับตาลปัตรกับหุ้นเติบโตหรือแม้แต่หุ้นทั่วๆไป แต่เป็นเรื่องจริงครับ
แต่ถ้าเรายึดตามตัวอักษรเป๊ะๆ เราอาจจะไปซื้อตอนช่วงกลางๆของวัฏจักรก็ได้ เพราะช่วงนั้น p/e ก็สูงเช่นเดียวกัน และถ้าวัฏจักรเต็มๆมีระยะเวลา 20 ปี เราก็ต้องรอตั้งสิบปีกว่าจะถึงขาขึ้น รอกันจนหน้าเหี่ยวพอดีและก็เสียโอกาสในการทำเงินไม่ใช่น้อยๆเรย......จึงต้องศึกษาเพิ่มเติมเสียหน่อย
ผลการศึกษา พบว่า
1. เราใช้วิธีดักหน้าไว้ก่อนเลย เช่นเรารู้วงจรของธุรกิจว่าใช้เวลากี่ปีๆ เราก็คำนวณไปล่วงหน้าว่าอีกกี่ปีจึงจะถึงรอบขาขึ้น แล้วเราก็จ้องตลอดว่ามัน ใช่ หรือยัง
2. สัญญาณที่บอกว่า ใช่ ก็เช่น บริษัทเริ่มได้กำไรมากขึ้น และมากขึ้นอย่างชัดเจนด้วยนะ
3. เช็คข่าวว่าบริษัทอื่นที่ทำธุรกิจคล้ายๆกัน ได้กำไรมากขึ้นเหมือนกันหรือเปล่า (ถ้าเป็นกลุ่มสากลมักจะได้กำไรไปด้วยกัน แต่ถ้าเป็นกลุ่มท้องถิ่นจะยากหน่อย อาจจะค่อยๆทยอยกันมาก็ได้)
4. เช็คยอดขาย อันนี้จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ร่วมกับสต็อคสินค้าเริ่มลดลง
5. เช็คบทวิเคราะห์ทั่วโลก(กลุ่มท้องถิ่นจะทำแบบนี้ไม่ได้ แต่กลุ่มสากลจะทำได้ง่าย และงานนี้จะไม่มีใครเป็น inside ตัวจริง ทุกคนจะพอๆกันเป็นการลดความเสียเปรียบ)
6. บทวิเคราะห์ที่ว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อน เพราะนักวิเคราะห์เองก็อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน(ระแวงไว้หน่อยก็ดีครับ) เขาอาจจะใช้ความเห็นมากกว่าข้อเท็จจริงก็ได้ หรืออาจจะใช้ข้อเท็จจริงแต่นำเสนอข้อเท็จจริงไม่หมด หรือจริงๆแล้วเจตนาบริสุทธิ์แต่รู้ไม่หมด ไม่รอบด้านพอ จึงต้องเช็คงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาด้วยจะเชื่อถือได้มากกว่า
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 34
หลักการตรงนี้ ผมมีประสบการณ์กับกลุ่มสถาบันการเงินคือ ธนาคารพาณิชย์ ช่วงลดค่าเงินบาทและปิดสถาบันการเงิน ถ้าธนาคารพาณิชย์ที่สามารถอยู่รอดโดยไม่ถูกปิดไปในช่วงนั้น และประคองสถานการณ์มาได้แต่หลักการนี้ ใช้ไม่ได้กับหุ้นวัฏจักร เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทแค่ประคองตัวไม่ให้เจ๊งในช่วงที่เลวร้ายของวัฏจักรก็ถือว่าดีแล้ว และเมื่อรอบขาขึ้นมาถึง บริษัทเหล่านี้จะทำกำไรได้จนคุ้มค่าที่รอคอยเลยทีเดียว
กลับไปดูย้อนหลังได้ BBL KBANK SCB BAY นับจากวันตกต่ำจนถึงวันนี้ ก็หลายเด้งเอาการครับ บางตัวเคยมีราคาต่ำกว่า PAR และ Book Value มากโข แต่นักลงทุนในช่วงนั้น หนีตายเลยครับ เพราะ เผชิญกับภาวะ การตกงานของ White Collar จำนวนมาก ไม่มีใครกล้าเข้าไปลงทุนในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ถ้าใครกล้าจนถึงวันนี้ก็รับทรัพย์ไปมากโขครับ :lol:
หรืออย่าง KK นั้น ขนาดเกือบถูกปิด และเป็น 2 บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ทางการยอมให้เปิดต่อ ตอนนั้นใครจะไปคิดว่า ราคาเคยตกต่ำเหลือ 2-3 บาท แต่พอหลุดวิกฤตตรงนั้น กำไรก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนราคาปัจจุบันขึ้นไปกว่า 10 เด้ง คือ 30 กว่าบาทมาแล้ว
เห็นด้วยกับคุณสามัญชนครับ ในประเด็นนี้
ตรงประคองไม่ให้เจ๊งนี่หละครับ ทำเอานักลงทุนในช่วงนั้น 2 จิต 2 ใจ เพราะก็เห็น ๆ อยู่ว่า หลายธนาคารถูกปิดในช่วงนั้น ผสมโรงกับ Finance เกือบ 60 แห่งที่ถูกปิดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว
ถามว่า ถ้าย้อนกลับไปช่วงเวลาดังกล่าวจริง ๆ ช่วงเวลานั้น ต้องบอกว่า Risk สูง ผลตอบแทนสูงจริง ๆ ครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 36
ดักหน้าหมายถึงใช้วิธีจ้องไว้ก่อนอ่ะครับ ไม่ถึงกับซื้อดัก เพราะถ้าซื้อแล้วปรากฏว่ายังไม่ใช่ของจริงเราอาจจะขาดทุนก็ได้ (เพราะระยะเวลาของวงจรเหล่านี้ไม่ถึงกับเป็นตัวเลขเดิมเป๊ะๆ สามารถคลาดเคลื่อนได้พอสมควรครับ)
พองบออกครั้งที่ 1. ถ้าปรากฏว่าเป็นไปตามคาด เราสามารถเริ่มกระบวนการข้อ 2-6 ได้เลย อาจจะไม่ต้องรองบQที่ 2 ,3
โดยส่วนใหญ่ช่วงนี้ราคาหุ้นมักจะยังไม่ขึ้นมากครับ
ถ้าเป็นปีเตอร์ ลินช์ เขาอาจจะรอให้ราคาขึ้นไปหนึ่งเด้งเสียก่อนเพื่อความชัวร์แล้วค่อยไล่ซื้อครับ
พองบออกครั้งที่ 1. ถ้าปรากฏว่าเป็นไปตามคาด เราสามารถเริ่มกระบวนการข้อ 2-6 ได้เลย อาจจะไม่ต้องรองบQที่ 2 ,3
โดยส่วนใหญ่ช่วงนี้ราคาหุ้นมักจะยังไม่ขึ้นมากครับ
ถ้าเป็นปีเตอร์ ลินช์ เขาอาจจะรอให้ราคาขึ้นไปหนึ่งเด้งเสียก่อนเพื่อความชัวร์แล้วค่อยไล่ซื้อครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 39
ขออนุญาตคุณหมอสอบถามเพิ่มเติมนะครับดักหน้าหมายถึงใช้วิธีจ้องไว้ก่อนอ่ะครับ ไม่ถึงกับซื้อดัก เพราะถ้าซื้อแล้วปรากฏว่ายังไม่ใช่ของจริงเราอาจจะขาดทุนก็ได้ (เพราะระยะเวลาของวงจรเหล่านี้ไม่ถึงกับเป็นตัวเลขเดิมเป๊ะๆ สามารถคลาดเคลื่อนได้พอสมควรครับ)
กรณีที่เรารอผลการดำเนินงาน แล้วปรากฏว่า ผลงานมันกระเตื้องขึ้นก็จริง แต่ยังไม่เสถียร กล่าวคือ ฟื้นไตรมาส 1 และชลอต่อในไตรมาสถัดมา เป็นต้น แบบนี้ควรทำอย่างไร
หรือผลงานยังไม่เห็นเด่นชัดเลย แต่มีข้อมูลว่ามีการขยายกิจการมาก และราคาก็ปรับขึ้นอย่างแรง ผมเคยเจอกิจการโรงแรมแห่งหนึ่งคือ โรงแรมช้าง ผลงานก็ยังไม่ออกมาว่าจะดีมาก ๆ แต่ก็มีการเก็งกำไรเข้าไปดักรอ จนขึ้นไปเกือบเด้งกว่า ๆ เป็นต้น แล้วผลงานก็เริ่มออกมาดี แต่ราคาก็ขึ้นไปรอรับเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว
ไม่รู้ว่า จังหวะการดักรอนั้น ในทางปฏิบัติ มันจะดักรอได้จริงหรือไม่
ถ้าดักรอไม่ทัน มันก็ขึ้นไปรอรับเรียบร้อย คนวงในมักจะรู้ข้อมุลตรงนี้ก่อนครับ
แต่ถ้าดักรอผิด ก็มีโอกาสติดดอยสูงเหมือนกัน
ตรงนี้หละครับ จะ Balance อย่างไรดีครับ
สรุปคือ
รอชัวร์ ๆ คนอื่น ๆ ก็แย่งกันซื้อเมื่อเริ่มชัดเจนมาก ๆ
ไม่รอดักซื้อก่อน ก็มีโอกาสติดดอยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 40
ขออนุญาต Save ไว้อ่านแก้ความอยากนะครับ
เมื่อไหร่เมืองไทยมี Option รายหุ้น คงได้รวย(เจ็ง)กันจาก Cylical Stock แบบสุดๆไปเลย :lovl:
เมื่อไหร่เมืองไทยมี Option รายหุ้น คงได้รวย(เจ็ง)กันจาก Cylical Stock แบบสุดๆไปเลย :lovl:
I do not sleep. I dream.
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 41
thawattt wrote
สำหรับคนบ้านนอกอย่างผม จึงชอบกลุ่มวัฏจักรสากลครับ
ตรงนี้ในทางปฏิบัติ เมื่อเราทำข้อ 2-6 เราก็จะได้คำตอบครับว่ามันจะเสถียรหรือไม่ ถ้าคิดว่าไม่เราก็อาจจะยังไม่เสี่ยง แต่ถ้าใช้ก็ลุยเลยกรณีที่เรารอผลการดำเนินงาน แล้วปรากฏว่า ผลงานมันกระเตื้องขึ้นก็จริง แต่ยังไม่เสถียร กล่าวคือ ฟื้นไตรมาส 1 และชลอต่อในไตรมาสถัดมา เป็นต้น แบบนี้ควรทำอย่างไร
โรงแรมอยู่ในกลุ่มวัฏจักรท้องถิ่นซึ่งหรือผลงานยังไม่เห็นเด่นชัดเลย แต่มีข้อมูลว่ามีการขยายกิจการมาก และราคาก็ปรับขึ้นอย่างแรง ผมเคยเจอกิจการโรงแรมแห่งหนึ่งคือ โรงแรมช้าง ผลงานก็ยังไม่ออกมาว่าจะดีมาก ๆ แต่ก็มีการเก็งกำไรเข้าไปดักรอ จนขึ้นไปเกือบเด้งกว่า ๆ เป็นต้น แล้วผลงานก็เริ่มออกมาดี แต่ราคาก็ขึ้นไปรอรับเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว
จึงเป็นข้อจำกัดพอสมควรครับ ผมจึงแก้ปัญหาโดยไม่ไปยุ่งกับมันครับ เว้นเสียแต่เราจะมี inside- ความแม่นยำในการพยากรณ์ มีน้อย เพราะขึ้นกับทำเล อุปสงค์/อุปทาน ในประเทศด้วย และการเปลี่ยนแปลงใดๆมีผลกระทบต่อการพยากรณ์มาก
สำหรับคนบ้านนอกอย่างผม จึงชอบกลุ่มวัฏจักรสากลครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 42
เดี๋ยวนี้กลายเป็นประโยคคลาสสิกที่ฟังดูเก๋ไก๋ไปแล้วสามัญชน เขียน:สำหรับคนบ้านนอกอย่างผม
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- khun_parinya
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 45
"สันดานหุ้นวัฐจักร" เป็นสิ่งที่ต้องใช้การทอยลูกเต๋าเท่านั้นครับ เพื่อทำความเข้าใจมัน
- apichai214
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 207
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 48
ถ้า พี่หมอสามัญชน เข้ามากทม.เมื่อไหร่ จัดอบรม เรื่องหุ้นวัฏจักร ผมขอจอง 1 ที่นะครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 49
ที่นี้......มีกรณีตัวอย่างมาพอดี อยากทราบความคิดเห็นจากเพื่อนๆครับว่าคิดกันยังไงบ้าง
กรณี ATC ครับ งบออกแล้วสวยงามมากทีเดียว เพื่อนๆคิดกันยังไงบ้าง
ไม่มีถูกไม่มีผิด สบายใจได้ครับ.........
กรณี ATC ครับ งบออกแล้วสวยงามมากทีเดียว เพื่อนๆคิดกันยังไงบ้าง
ไม่มีถูกไม่มีผิด สบายใจได้ครับ.........
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 50
ATC ออกมาดี WG น่าจะขายของได้ราคาดีด้วยหรือเปล่าครับ?
เขินที่ถือ WG จัง ด่าไว้เยอะเรื่องขี้เหนียวปันผล แต่ซื้อเมื่อไหร่ก็กำไร เลยต้องมีไว้ให้อุ่นใจ ทั้งๆที่ไม่ได้วิเคราะห์อะไรลึกซึ้งเลย :oops:
เขินที่ถือ WG จัง ด่าไว้เยอะเรื่องขี้เหนียวปันผล แต่ซื้อเมื่อไหร่ก็กำไร เลยต้องมีไว้ให้อุ่นใจ ทั้งๆที่ไม่ได้วิเคราะห์อะไรลึกซึ้งเลย :oops:
I do not sleep. I dream.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 53
ATC
จังหวะเด้งในขาลงครับ
ผมเชื่อว่า วงจรมันหมดแล้ว แต่ว่าเป็นการลงอย่างช้าๆ แล้วจะมีสะอึก ดีๆหายๆ เป็นพักๆ
เหมือนหุ้น เรือคงมีดีๆหายๆ เป็นพักๆ
แต่เพื่อนที่ถือหุ้นเรือตู้
ผมฟันธงให้ขายมันให้หมดนะครับ
บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ขาดทุน
ค่าระวางก็ลดลงอย่างน่าใจหาย
ค่าน้ำมันก็ยังแพงอยู่ พวก surcharge ที่จะมารองรับ ก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ในอีก 3ปีข้างหน้า
มีแต่เรือใหญ่ยักเข้ามาวิ่งให้คนปวดหัวว่าจะหาของมาloadขึ้นมันได้ยังไง
supply over demand
อย่างไม่น่าเชื่อ ผมว่าจะเป็นรอบลงของ เรือตู้อย่างชัดเจนละครับ
ส่วนเรือเทกอง
จะไปได้เรื่อยๆ เพราะว่าคนต่อเรือเทกองไม่ได้
ท่าต่อเรือเอากำลังไปต่อเรื่อตู้หมด
ดังนั้น เรือเทกองน่าจะประครองตัวได้อีกระยะหนึ่งสบายๆ แต่คงไม่โตมากๆ ให้เห็นอีกแล้วครับ
ถ้าเล่นหุ้นวงจร เล่นช่วงวงจรใหญ่ของมันดีกว่าครับ
จังหวะเด้งในขาลงครับ
ผมเชื่อว่า วงจรมันหมดแล้ว แต่ว่าเป็นการลงอย่างช้าๆ แล้วจะมีสะอึก ดีๆหายๆ เป็นพักๆ
เหมือนหุ้น เรือคงมีดีๆหายๆ เป็นพักๆ
แต่เพื่อนที่ถือหุ้นเรือตู้
ผมฟันธงให้ขายมันให้หมดนะครับ
บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ขาดทุน
ค่าระวางก็ลดลงอย่างน่าใจหาย
ค่าน้ำมันก็ยังแพงอยู่ พวก surcharge ที่จะมารองรับ ก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ในอีก 3ปีข้างหน้า
มีแต่เรือใหญ่ยักเข้ามาวิ่งให้คนปวดหัวว่าจะหาของมาloadขึ้นมันได้ยังไง
supply over demand
อย่างไม่น่าเชื่อ ผมว่าจะเป็นรอบลงของ เรือตู้อย่างชัดเจนละครับ
ส่วนเรือเทกอง
จะไปได้เรื่อยๆ เพราะว่าคนต่อเรือเทกองไม่ได้
ท่าต่อเรือเอากำลังไปต่อเรื่อตู้หมด
ดังนั้น เรือเทกองน่าจะประครองตัวได้อีกระยะหนึ่งสบายๆ แต่คงไม่โตมากๆ ให้เห็นอีกแล้วครับ
ถ้าเล่นหุ้นวงจร เล่นช่วงวงจรใหญ่ของมันดีกว่าครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 54
naris บอกว่า
ผมเคยคิดว่าในเรื่องสังกะสีนั้น demand ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 11 ล้านตัน supply อยู่ที่ 10.6 ล้านตัน (ตัวเลขสมมติครับแต่ก็ใกล้เคียง)
ปริมาณที่แตกต่างกันเพียงปีละสี่แสนตันเท่านั้นเองที่ผลักดันให้ราคาสังกะสีเพิ่มขึ้นจาก 1,000 เหรียญ/ตัน เป็น 4,000 เหรียญต่อตัน จะเห็นว่าเพิ่มขึ้นมหาศาลมากลองเอา (11,000,000*4,000) ทีนี้สมมติว่าจะมีเหมืองใหม่หลายๆเหมืองเกิดขึ้นและสามารถผลิตได้ แปดแสนตัน(สมมติ)และจะทำให้ราคาสังกะสีร่วงไปอยู่ที่ 1,000 เหรียญ/ตันเหมือนเดิม(11,000,000*1,000) ต่างกันถึง 33,000,000,000(สามหมื่นสามพันล้านเหรียญ) ถ้าผมเป็นเจ้าของเหมืองหรือกองทุน hedgefund ทำไมผมจะไม่ยอมจ้างให้เขาหยุดความคิดที่จะผลิตเสียล่ะ
ถ้าผมไม่อยากลงเงินคนเดียว ผมหาสมัครพรรคพวกมาลงขันก็ได้ ก็เจ้าของเหมืองสังกะสีทั้งหมดนั่นแหละลงขันกัน เราก็จ้างคนที่จะผลิต สมมติว่าคุณจะผลิตแปดแสนตันใช่ไหม คุณเอาไปเลย 800,000*4,000 (ใช้เงินเพียงสามพันสองร้อยล้านเหรียญ)โดยไม่ต้องเหนื่อยและเสี่ยง ที่จริงใช้เงินแค่ครึ่งเดียวก็ได้ผลแล้ว ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แม้สุดท้ายจะฮั้วแตกก็ตาม แต่ยิ่งยืดระยะเวลาออกไปได้นานเท่าไหร่ก็ได้ประโยชน์นานเท่านั้นซึ่งดีกว่าไม่ยืดเลย
คิดเหมือนกันเลยครับ ผมว่าเรื่องเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้และเกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย (ยกเว้นผู้บริโภค)1เงินทุน ที่เข้าไปหาผลประโยชน์จากการขึ้นลงของโภคภัณฑ์ เช่นการจ้างวานหรือแกล้งหยุดกำลังการผลิต หรือการกว้านซื้อสินค้าในตลาดล่วงหน้าทำให้สต็อคหายไป ทั้งๆที่มันไม่ได้หายไปไหนเลย(เพื่อให้เป็นข่าวเกี่ยวกับกับsupplyที่ลดลง)
ผมเคยคิดว่าในเรื่องสังกะสีนั้น demand ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 11 ล้านตัน supply อยู่ที่ 10.6 ล้านตัน (ตัวเลขสมมติครับแต่ก็ใกล้เคียง)
ปริมาณที่แตกต่างกันเพียงปีละสี่แสนตันเท่านั้นเองที่ผลักดันให้ราคาสังกะสีเพิ่มขึ้นจาก 1,000 เหรียญ/ตัน เป็น 4,000 เหรียญต่อตัน จะเห็นว่าเพิ่มขึ้นมหาศาลมากลองเอา (11,000,000*4,000) ทีนี้สมมติว่าจะมีเหมืองใหม่หลายๆเหมืองเกิดขึ้นและสามารถผลิตได้ แปดแสนตัน(สมมติ)และจะทำให้ราคาสังกะสีร่วงไปอยู่ที่ 1,000 เหรียญ/ตันเหมือนเดิม(11,000,000*1,000) ต่างกันถึง 33,000,000,000(สามหมื่นสามพันล้านเหรียญ) ถ้าผมเป็นเจ้าของเหมืองหรือกองทุน hedgefund ทำไมผมจะไม่ยอมจ้างให้เขาหยุดความคิดที่จะผลิตเสียล่ะ
ถ้าผมไม่อยากลงเงินคนเดียว ผมหาสมัครพรรคพวกมาลงขันก็ได้ ก็เจ้าของเหมืองสังกะสีทั้งหมดนั่นแหละลงขันกัน เราก็จ้างคนที่จะผลิต สมมติว่าคุณจะผลิตแปดแสนตันใช่ไหม คุณเอาไปเลย 800,000*4,000 (ใช้เงินเพียงสามพันสองร้อยล้านเหรียญ)โดยไม่ต้องเหนื่อยและเสี่ยง ที่จริงใช้เงินแค่ครึ่งเดียวก็ได้ผลแล้ว ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แม้สุดท้ายจะฮั้วแตกก็ตาม แต่ยิ่งยืดระยะเวลาออกไปได้นานเท่าไหร่ก็ได้ประโยชน์นานเท่านั้นซึ่งดีกว่าไม่ยืดเลย
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 55
sunrise wrote
กรณีนี้จึงไม่ผ่านตั้งแต่ข้อ1.ที่บอกว่า
มีผู้รู้บางท่านบอกว่าช่วงปี 2550นี้จะเริ่มเป็นช่วงขาลงแต่จะลงสั้นๆประมาณ 3-4ปีก็จะกลับเป็นขาขึ้นอีก โดยบอกว่าวัฏจักรปิโตรเคมีหนึ่งรอบจะกินเวลาประมาณ 7 ปี
แต่ในความเห็นผมนั้นเห็นว่าน่าจะยาวนานกว่านี้มากเพราะประวัติศาสตร์เป็นอย่างนั้น และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมีล้วนแล้วแต่เคยผ่านช่วงเวลาขาลงติดต่อกันอย่างยาวนานทั้งสิ้น อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ หลังจากวัฏจักรขาขึ้นครั้งนี้ ประเทศต่างๆก็เริ่มสนใจลงทุนในด้านนี้เพิ่มขึ้นโดยมีทั้งเปิดบริษัทใหม่และขยายกิจการของบริษัทเดิม
ผมจึงเดาว่า supply จะเพิ่มขึ้นมหาศาลทั้งจากจีน อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น (เพื่อนๆที่สนใจสามารถหาอ่านได้ใน 56-1ของ ATC)ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเป็นขาลงของธุรกิจปิโตรเคมีอีกยาวนานซ้ำรอยประวัติศาสตร์เดิมๆ
เห็นด้วยครับATC
จังหวะเด้งในขาลงครับ
ผมเชื่อว่า วงจรมันหมดแล้ว แต่ว่าเป็นการลงอย่างช้าๆ แล้วจะมีสะอึก ดีๆหายๆ เป็นพักๆ
กรณีนี้จึงไม่ผ่านตั้งแต่ข้อ1.ที่บอกว่า
โดยในส่วนปิโตรเคมีนั้นได้เริ่มอยู่ในช่วงขาขึ้นของธุรกิจมาประมาณ3-4ปีแล้ว(จากรอบเดิมซึ่งยาวนานเป็นสิบๆปี)เราใช้วิธีดักหน้าไว้ก่อนเลย เช่นเรารู้วงจรของธุรกิจว่าใช้เวลากี่ปีๆ เราก็คำนวณไปล่วงหน้าว่าอีกกี่ปีจึงจะถึงรอบขาขึ้น แล้วเราก็จ้องตลอดว่ามัน ใช่ หรือยัง
มีผู้รู้บางท่านบอกว่าช่วงปี 2550นี้จะเริ่มเป็นช่วงขาลงแต่จะลงสั้นๆประมาณ 3-4ปีก็จะกลับเป็นขาขึ้นอีก โดยบอกว่าวัฏจักรปิโตรเคมีหนึ่งรอบจะกินเวลาประมาณ 7 ปี
แต่ในความเห็นผมนั้นเห็นว่าน่าจะยาวนานกว่านี้มากเพราะประวัติศาสตร์เป็นอย่างนั้น และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมีล้วนแล้วแต่เคยผ่านช่วงเวลาขาลงติดต่อกันอย่างยาวนานทั้งสิ้น อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ หลังจากวัฏจักรขาขึ้นครั้งนี้ ประเทศต่างๆก็เริ่มสนใจลงทุนในด้านนี้เพิ่มขึ้นโดยมีทั้งเปิดบริษัทใหม่และขยายกิจการของบริษัทเดิม
ผมจึงเดาว่า supply จะเพิ่มขึ้นมหาศาลทั้งจากจีน อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น (เพื่อนๆที่สนใจสามารถหาอ่านได้ใน 56-1ของ ATC)ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเป็นขาลงของธุรกิจปิโตรเคมีอีกยาวนานซ้ำรอยประวัติศาสตร์เดิมๆ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 56
เห็นเช่นที่ท่านหมอสามัญชนว่าแล้วผมถึงบางอ้อเลยยย
เลยไม่แปลกใจเลยว่าทําไม OPEC ถึงลดกําลังการผลิต นํามัน ลง อีกทั้งมีข่าวสงครามในตะวันออกกลางและความรุนแรงที่จะกระทบ ออกมาเป็นระยะๆ
ท่านพี่หมอสามัญครับ ขอ case studyเพิ่มหน่อยครับกรณีที่applyกับ
commodities ได้หลายๆประเภทอะครับ
เลยไม่แปลกใจเลยว่าทําไม OPEC ถึงลดกําลังการผลิต นํามัน ลง อีกทั้งมีข่าวสงครามในตะวันออกกลางและความรุนแรงที่จะกระทบ ออกมาเป็นระยะๆ
ท่านพี่หมอสามัญครับ ขอ case studyเพิ่มหน่อยครับกรณีที่applyกับ
commodities ได้หลายๆประเภทอะครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 58
Rocker asked
แต่ด้วยความที่เป็นท้องถิ่น เราจึงควรรู้ทำเลที่ตั้ง การจราจร เพราะเรื่องเหล่านี้มีผลกับยอดขายสูง ถ้าเราไม่รู้ก็จะเป็นการเสี่ยง (ซึ่งตัวผมไม่รู้) แต่ถ้าใครรู้ก็จะน่าสนใจ และที่ผ่านมา 2-3 ปี อสังหาเจ็บหนัก(จากเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ดอกเบี้ยขาขึ้น วัตถุดิบแพง) ราคาจึงค่อนข้างถูก แต่ก็ต้องลงละเอียดเป็นตัวๆ เช่น PRIN เป็นต้น ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ หลักทรัพย์ โรงพยาบาล ก็แตกต่างกันในรายละเอียดและระยะเวลาเหมือนกันครับ
ส่วนประเภทสากลซึ่งรอบยาวๆและใหญ่ๆนั้น ผมยังหาหุ้นไม่เจอ เท่าที่เห็นแม้กลุ่มเหล็กจะราคาถูกมากๆ ต่อให้ Q3 นี้กำไรออกมาสวยงามสุดๆก็ยังไม่ค่อยน่าสนใจนักเพราะโอกาสเป็นขาลงของรอบใหญ่มีมากกว่า เว้นเสียแต่จะซื้อตัวที่ถูกมากๆในฐานะหุ้นก้นบุหรี่ เช่น GSTEEL (ถ้างบสวยนะครับ ถ้าไม่สวยก็ผ่านไป) เป็นต้น
เริ่มที่ประเภทท้องถิ่นนะครับ อย่างในกลุ่มอสังหานั้น รอบอาจจะสั้นกว่า บางทีประมาณ 4-5 ปีก็อาจจะกลับมาอีกแล้ว ปัจจัยที่มีผลก็เช่น ดอกเบี้ยปัจจุบันคงไม่ขึ้นไปอีก อาจจะคงตัวหรืออาจจะลดลงก็ได้(ฟังข่าวเมื่อวานนี้ครับ)ท่านพี่หมอสามัญครับ ขอ case studyเพิ่มหน่อยครับกรณีที่applyกับ
commodities ได้หลายๆประเภทอะครับ
แต่ด้วยความที่เป็นท้องถิ่น เราจึงควรรู้ทำเลที่ตั้ง การจราจร เพราะเรื่องเหล่านี้มีผลกับยอดขายสูง ถ้าเราไม่รู้ก็จะเป็นการเสี่ยง (ซึ่งตัวผมไม่รู้) แต่ถ้าใครรู้ก็จะน่าสนใจ และที่ผ่านมา 2-3 ปี อสังหาเจ็บหนัก(จากเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ดอกเบี้ยขาขึ้น วัตถุดิบแพง) ราคาจึงค่อนข้างถูก แต่ก็ต้องลงละเอียดเป็นตัวๆ เช่น PRIN เป็นต้น ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ หลักทรัพย์ โรงพยาบาล ก็แตกต่างกันในรายละเอียดและระยะเวลาเหมือนกันครับ
ส่วนประเภทสากลซึ่งรอบยาวๆและใหญ่ๆนั้น ผมยังหาหุ้นไม่เจอ เท่าที่เห็นแม้กลุ่มเหล็กจะราคาถูกมากๆ ต่อให้ Q3 นี้กำไรออกมาสวยงามสุดๆก็ยังไม่ค่อยน่าสนใจนักเพราะโอกาสเป็นขาลงของรอบใหญ่มีมากกว่า เว้นเสียแต่จะซื้อตัวที่ถูกมากๆในฐานะหุ้นก้นบุหรี่ เช่น GSTEEL (ถ้างบสวยนะครับ ถ้าไม่สวยก็ผ่านไป) เป็นต้น
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 60
เก็บไว้อ่าน