แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
โพสต์ที่ 1
เพื่อนๆ คิดว่า แนวทางการลงทุน Value Investment เหมาะกับทุกๆที่เล่นหุ้น หรือไม่ครับ
ถ้าไม่ แล้ว คนที่เหมาะ ควรจะมีลักษณะนิสัย หรือ หน้าที่การงาน การศึกษา ทัศนคติ เป็นอย่างไร ถึงจะลงทุนแนวนี้ ได้อย่างประสบความสำเร็จ และ มีความสุข
ขอบคุณมากครับ
ถ้าไม่ แล้ว คนที่เหมาะ ควรจะมีลักษณะนิสัย หรือ หน้าที่การงาน การศึกษา ทัศนคติ เป็นอย่างไร ถึงจะลงทุนแนวนี้ ได้อย่างประสบความสำเร็จ และ มีความสุข
ขอบคุณมากครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
โพสต์ที่ 2
1. ไม่เหมาะกับทุกคนครับ
2. บทความเก่าของ ดร. ผมเข้าใจว่ามีหลายบทความ
ที่อธิบายถึงสิ่งที่ VI มีเหมือนกัน
2. บทความเก่าของ ดร. ผมเข้าใจว่ามีหลายบทความ
ที่อธิบายถึงสิ่งที่ VI มีเหมือนกัน
"Winners never quit, and quitters never win."
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
โพสต์ที่ 6
[quote="ForrestGump"]เพื่อนๆ คิดว่า แนวทางการลงทุน Value Investment เหมาะกับทุกๆที่เล่นหุ้น หรือไม่ครับ
ถ้าไม่ แล้ว คนที่เหมาะ ควรจะมีลักษณะนิสัย หรือ หน้าที่การงาน การศึกษา
ถ้าไม่ แล้ว คนที่เหมาะ ควรจะมีลักษณะนิสัย หรือ หน้าที่การงาน การศึกษา
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- value_invester_man
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
โพสต์ที่ 7
VI+เล่นรอบด้วยรวยเร็วสุดครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
โพสต์ที่ 8
ที่บอกว่าเล่นรอบนั้น เล่นแบบไหน ระยะสั้นหรือยาว
แต่เดี๋ยวนี้ผมเปลี่ยนวิธีคิดแล้วครับ เป็นเล่นรอบใหญ่แทนแล้วหละครับ
ส่วนรอบเล็ก ๆ เอาไว้เล่นตอน Panic Sell ซื้อตัวเดิม แล้วขายเมื่อราคาสูงขึ้นบางส่วน เพื่อมาลดต้นทุนในส่วนที่เราถือเพื่อลงทุนระยะยาวลงบ้างไม่ให้เสียโอกาสตอนหุ้นลงครับ
ส่วนที่คิดจะเก็บลงทุนระยะยาวก็เก็บหุ้นไว้ต่อไปครับ ผลคือต้นทุนคลายเครียด Ration ตามการประยุกต์ใช้ ทำให้นอนหลับสบายขึ้น ไม่ต้องกังวลใจกับภาวะตลาดมากนัก
อยากตก ตกไป หุ้นตกก็รอจังหวะเก็บเพิ่ม หุ้นขึ้น ก็หาทางลดต้นทุนเพื่อทำให้มี Margin of Safety สูงขึ้นไปอีกนิดเรื่อย ๆ
แต่ที่แปลกใจก็คือ หุ้นดี ๆ มันไม่ค่อยจะยอมตกเอาเสียเลย ยกเว้นมีข่าวร้ายที่ไม่เป็นจริงมากระทบบ้าง ก็ลงมาบ้าง แต่พอมีคำอธิบายเสร็จ มันก็ขึ้นไปใกล้กับตอนที่ก่อนมันจะตกลงมาเป็นต้น ไม่ยอมลงมาหนัก ๆ ซักที ก็เลยเล่นรอบสั้น ๆ ได้ไม่ค่อยมากครับ อิ อิ เพราะหุ้นดี ๆ นั้นผมชอบซื้อมาก ๆ ตอนคนตกใจชอบขายออกมาครับ ก็เป็นโอกาสซื้อที่ดีมากจริง ๆ ครับ และเป็นโอกาสลดต้นทุนไปในตัวด้วยครับ
สำหรับเงินทุนขยาย Port ตอนนี้ก็เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ขอโตแบบเต่าตามแนวอาจารย์ดร.นิเวศน์ครับ ก็มาจากรายได้ของอาชีพเราซึ่งมีรายได้ประจำ บวก กับเงินปันผลของหุ้นในรอบ 1 ปี กระจายกันออกไปครับ ตรงนี้เอาไว้ต่อยอดเฉลี่ยลงทุนไปทุกเดือนถ้าเป็นไปได้ครับ
ตัวไหนราคาต่ำกว่ามูลค่ามาก ๆ ก็จะพยายามเลือกถือไว้ทุกกลุ่มตามแนวทางของปีเตอร์ลินซ์ บวก บัฟเฟท ซึ่งมีทั้ง Superstock Bluechip ก้นบุหรี่ Clyclical Turnaround Stock Asset play เป็นต้น เวลาถือไว้ก็ต้องตอบคำถามตัวเองว่า ซื้อเพราะอะไร และจะขายเพราะอะไรด้วย ต้องติดตามผลงานของผลการดำเนินงานเป็นหลัก เพื่อดูว่าพื้นฐานเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ครับ และพยายามถือหุ้นที่คนไม่ค่อยสนใจมาก ๆ ครับ ถือให้ยาวขึ้น และขยาย Port ให้เติบโตต่อเนื่องขึ้นไปครับ
ทำให้ผมสนใจเก็บหุ้นทุกเดือน และศึกษาเรียนรู้หาความรู้ไปเรื่อย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน และหาหุ้นที่น่าสนใจทุกเดือน ถ้าไม่มีก็ไม่ซื้อ หรืออาจซื้อหุ้นตัวเดิมลงทุนต่อเนื่องต่อไป ถ้าราคามันยังอยู่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่เราคำนวณไว้ครับ
ทุกเดือน จึงมองหาโอกาส อย่าให้ได้เห็นว่าตัวไหนต่ำกว่ามูลค่าเท่าที่ควรก็แล้วกัน โดยเฉพาะ Panic Sell เมื่อไหล่ ก็คงได้เจอกันครับ แต่ต้องเลือกหุ้นหน่อยนะครับ ไม่ใช่ทุกตัวครับ
การเป็นแนว VI ไม่จำเป็นต้องไปเลียนแบบคนที่ประสบความสำเร็จทั้งหมด แต่อยู่ที่การประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับตัวของเรา โดยคำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เหมาะสม และคำนึงถึงระยะเวลาการลงทุน ที่มองเห็นโอกาสในแต่ละช่วงเวลา ทั้งโอกาสซื้อและโอกาสขายครับ
ลงทุนแบบนี้ก็หวังว่าในอนาคต เผื่อจะได้ทรัพย์สินระยะยาวที่ไม่มีต้นทุน และเป็นห่านทองคำไปให้นานที่สุดครับ ขอรวยตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีรายได้ ก็เก็บออมเงินเพื่ออนาคตหลังเกษียณก็พอใจแล้วครับ
แต่เดี๋ยวนี้ผมเปลี่ยนวิธีคิดแล้วครับ เป็นเล่นรอบใหญ่แทนแล้วหละครับ
ส่วนรอบเล็ก ๆ เอาไว้เล่นตอน Panic Sell ซื้อตัวเดิม แล้วขายเมื่อราคาสูงขึ้นบางส่วน เพื่อมาลดต้นทุนในส่วนที่เราถือเพื่อลงทุนระยะยาวลงบ้างไม่ให้เสียโอกาสตอนหุ้นลงครับ
ส่วนที่คิดจะเก็บลงทุนระยะยาวก็เก็บหุ้นไว้ต่อไปครับ ผลคือต้นทุนคลายเครียด Ration ตามการประยุกต์ใช้ ทำให้นอนหลับสบายขึ้น ไม่ต้องกังวลใจกับภาวะตลาดมากนัก
อยากตก ตกไป หุ้นตกก็รอจังหวะเก็บเพิ่ม หุ้นขึ้น ก็หาทางลดต้นทุนเพื่อทำให้มี Margin of Safety สูงขึ้นไปอีกนิดเรื่อย ๆ
แต่ที่แปลกใจก็คือ หุ้นดี ๆ มันไม่ค่อยจะยอมตกเอาเสียเลย ยกเว้นมีข่าวร้ายที่ไม่เป็นจริงมากระทบบ้าง ก็ลงมาบ้าง แต่พอมีคำอธิบายเสร็จ มันก็ขึ้นไปใกล้กับตอนที่ก่อนมันจะตกลงมาเป็นต้น ไม่ยอมลงมาหนัก ๆ ซักที ก็เลยเล่นรอบสั้น ๆ ได้ไม่ค่อยมากครับ อิ อิ เพราะหุ้นดี ๆ นั้นผมชอบซื้อมาก ๆ ตอนคนตกใจชอบขายออกมาครับ ก็เป็นโอกาสซื้อที่ดีมากจริง ๆ ครับ และเป็นโอกาสลดต้นทุนไปในตัวด้วยครับ
สำหรับเงินทุนขยาย Port ตอนนี้ก็เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ขอโตแบบเต่าตามแนวอาจารย์ดร.นิเวศน์ครับ ก็มาจากรายได้ของอาชีพเราซึ่งมีรายได้ประจำ บวก กับเงินปันผลของหุ้นในรอบ 1 ปี กระจายกันออกไปครับ ตรงนี้เอาไว้ต่อยอดเฉลี่ยลงทุนไปทุกเดือนถ้าเป็นไปได้ครับ
ตัวไหนราคาต่ำกว่ามูลค่ามาก ๆ ก็จะพยายามเลือกถือไว้ทุกกลุ่มตามแนวทางของปีเตอร์ลินซ์ บวก บัฟเฟท ซึ่งมีทั้ง Superstock Bluechip ก้นบุหรี่ Clyclical Turnaround Stock Asset play เป็นต้น เวลาถือไว้ก็ต้องตอบคำถามตัวเองว่า ซื้อเพราะอะไร และจะขายเพราะอะไรด้วย ต้องติดตามผลงานของผลการดำเนินงานเป็นหลัก เพื่อดูว่าพื้นฐานเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ครับ และพยายามถือหุ้นที่คนไม่ค่อยสนใจมาก ๆ ครับ ถือให้ยาวขึ้น และขยาย Port ให้เติบโตต่อเนื่องขึ้นไปครับ
ทำให้ผมสนใจเก็บหุ้นทุกเดือน และศึกษาเรียนรู้หาความรู้ไปเรื่อย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน และหาหุ้นที่น่าสนใจทุกเดือน ถ้าไม่มีก็ไม่ซื้อ หรืออาจซื้อหุ้นตัวเดิมลงทุนต่อเนื่องต่อไป ถ้าราคามันยังอยู่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่เราคำนวณไว้ครับ
ทุกเดือน จึงมองหาโอกาส อย่าให้ได้เห็นว่าตัวไหนต่ำกว่ามูลค่าเท่าที่ควรก็แล้วกัน โดยเฉพาะ Panic Sell เมื่อไหล่ ก็คงได้เจอกันครับ แต่ต้องเลือกหุ้นหน่อยนะครับ ไม่ใช่ทุกตัวครับ
การเป็นแนว VI ไม่จำเป็นต้องไปเลียนแบบคนที่ประสบความสำเร็จทั้งหมด แต่อยู่ที่การประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับตัวของเรา โดยคำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เหมาะสม และคำนึงถึงระยะเวลาการลงทุน ที่มองเห็นโอกาสในแต่ละช่วงเวลา ทั้งโอกาสซื้อและโอกาสขายครับ
ลงทุนแบบนี้ก็หวังว่าในอนาคต เผื่อจะได้ทรัพย์สินระยะยาวที่ไม่มีต้นทุน และเป็นห่านทองคำไปให้นานที่สุดครับ ขอรวยตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีรายได้ ก็เก็บออมเงินเพื่ออนาคตหลังเกษียณก็พอใจแล้วครับ
- metro
- Verified User
- โพสต์: 861
- ผู้ติดตาม: 0
แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
โพสต์ที่ 9
แล้วแต่ความถนัดครับ
อย่างท่าน ดร นิเวศน์ จะให้มานั่งศึกษากราฟ ท่านก็คงไม่ชอบ
อย่างท่าน Rockriverarms จะให้มาซื้อหุ้นต่ำกว่าพื้นฐานเพื่อรอการเติบโตก็คงไม่ครับ
อย่างผมไม่ได้เก่งอะไรทั้ง 2 อย่าง ขอผสมผสานกัน รอให้เกิดความลงตัวครับ :D
อย่างท่าน ดร นิเวศน์ จะให้มานั่งศึกษากราฟ ท่านก็คงไม่ชอบ
อย่างท่าน Rockriverarms จะให้มาซื้อหุ้นต่ำกว่าพื้นฐานเพื่อรอการเติบโตก็คงไม่ครับ
อย่างผมไม่ได้เก่งอะไรทั้ง 2 อย่าง ขอผสมผสานกัน รอให้เกิดความลงตัวครับ :D
- thumbman2001
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 8116
- ผู้ติดตาม: 1
แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
โพสต์ที่ 10
ไม่เหมาะกับทุกคนแน่ครับ
แต่ว่าน่าจะค่อนข้างปลอดภัยสำหรับทุกคน
แต่ว่าน่าจะค่อนข้างปลอดภัยสำหรับทุกคน
- Muffin
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 0
แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
โพสต์ที่ 12
เคยบ่นไว้ใน Blog ตัวเองนานแล้วครับ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... =1&gblog=3
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... =1&gblog=2
สรุปแล้ว เราเท่านั้นที่รู้ตัวเราเอง ว่าเล่นอะไรดี
แบบเล่นกีฬาไหนเหมาะกับตัวเอง แล้วเล่นตำแหน่งไหน เหมาะกับตัวเอง
คุณกั๊มป์เก่งแบบไหน ก็เอาแบบนั้นแหละครับ
เฮียคลายเครียดเขาว่า "คนเรามันเชี่ยวผิดกันเว้ย ไอ้ศร" :lol:
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... =1&gblog=3
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... =1&gblog=2
สรุปแล้ว เราเท่านั้นที่รู้ตัวเราเอง ว่าเล่นอะไรดี
แบบเล่นกีฬาไหนเหมาะกับตัวเอง แล้วเล่นตำแหน่งไหน เหมาะกับตัวเอง
คุณกั๊มป์เก่งแบบไหน ก็เอาแบบนั้นแหละครับ
เฮียคลายเครียดเขาว่า "คนเรามันเชี่ยวผิดกันเว้ย ไอ้ศร" :lol:
"Hope is not a strategy"
-
- Verified User
- โพสต์: 421
- ผู้ติดตาม: 0
แนวทาง Value Investment เหมาะกับทุกคนหรือไม่ครับ?
โพสต์ที่ 13
ผมเปรียบเทียบว่า
การลงทุน ก็เปรียบได้กับ การต่อสู้
การลงทุนแบบ VI ก็เปรียบได้ กับการใช้อาวุธหอก
แต่ก็มีการต่อสู้ที่ใช้อาวุธอื่นๆได้อีกมาก เช่น ดาบ , มีดสั้น , ธนู ฯลฯ
จึงไม่จำเป็นที่ในการต่อสู้ เราจะต้องเลือกใช้หอกอย่างเดียว หอกอาจจะเป็นอาวุธยาวที่ใช้ได้ค่อนข้างปลอดภัย แต่เมื่อต้องคลุกวงใน การใช้หอกก็คงไม่เหมาะแล้ว ถึงตอนนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้มีดสั้นบ้าง
การลงทุน ก็เปรียบได้กับ การต่อสู้
การลงทุนแบบ VI ก็เปรียบได้ กับการใช้อาวุธหอก
แต่ก็มีการต่อสู้ที่ใช้อาวุธอื่นๆได้อีกมาก เช่น ดาบ , มีดสั้น , ธนู ฯลฯ
จึงไม่จำเป็นที่ในการต่อสู้ เราจะต้องเลือกใช้หอกอย่างเดียว หอกอาจจะเป็นอาวุธยาวที่ใช้ได้ค่อนข้างปลอดภัย แต่เมื่อต้องคลุกวงใน การใช้หอกก็คงไม่เหมาะแล้ว ถึงตอนนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้มีดสั้นบ้าง
รู้สึกดีๆ