ผมได้ต่อราคาทุ่งคาเหลือ 3 บาท
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผมได้ต่อราคาทุ่งคาเหลือ 3 บาท
โพสต์ที่ 2
ลดราคาลงจากครั้งก่อน50%tae_2323 เขียน:แพงไปไหมครับ
ถ้าราคานี้เฮียปรัชญายินดีขายไหมครับ
5555
ถ้าขายผมอาจซื้อหุ้นของเฮียก็ได้
แต่ดูจากกำไรแล้ว ราคา 3 บาท พีอีเป็นพัน
มีหุ้นตั้ง 756,939,463 หุ้น
แล้วน่าลงทุนไหมครับ
ต้องเก็บไว้ลุ้นเองครับ
พีอีผมไม่รู้จักครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผมได้ต่อราคาทุ่งคาเหลือ 3 บาท
โพสต์ที่ 5
อาจจะเข้าใจผิดหรือพูดกันเล่น ถ้าจะคิดกำไรที่ 6 ล้านจริงๆ พีอีก็จะเป็น 375 เท่าtae_2323 เขียน:แต่ดูจากกำไรแล้ว ราคา 3 บาท พีอีเป็นพัน
มีหุ้นตั้ง 756,939,463 หุ้น
กำไร 6 ล.เป็นของทั้งปี 2006 โดยที่ครึ่งปีแรกขาดทุนไป -61 ล.
ครึ่งปีหลังเริ่มผลิตทอง กลับมาเป็นกำไร 6 ล .ในตอนสิ้นปี
ปีนี้ผลิตทองทั้งปี และขายได้ราคาสูงกว่าปีที่แล้วมาก เดากำไรไม่ออกเหมือนกัน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผมได้ต่อราคาทุ่งคาเหลือ 3 บาท
โพสต์ที่ 6
คาทุ่งผมมีไม่มาก ซื้อเกือบ2บาท ไว้จิ๊ดเดียวครับbuglife เขียน: รายใหญ่เงียบๆ คาทุ่ง
ก็ พี่เสี่ย ป นี่เอง :lol: :lol: :lol:
ล้อเล่นฮ้าบ พี่หลิว+จานปลา
จะไปหาพี่เสี่ย ป วันไหนหรือฮับ?
หลวงพี่เผ่น คงมาธุดงค์หลังเปิดเทอมล่ะครับน้องบั๊กไล้ท์
ช่วงนี้คงงานยุ่ง กับการส่งของตามออเดอร์ให้หน่วยงานราชการที่ประมูลได้ครับ
อีสานก็อยู่ไกล เฮียเอี๋ยว คงแค่ร่างแผนการ
จานปลาชอบชมทะเลหมอก ที่นี่ไม่มีทะเลหมอก(มีแต่ทะเลใจ)
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
ผมได้ต่อราคาทุ่งคาเหลือ 3 บาท
โพสต์ที่ 7
บล.โกลเบล็ก : THL แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมปี 50
ระหว่าง 5.20 บาท – 8.50 บาท
เหมืองทองคำ ดันปี 49 พลิกมีกำไร : THL เริ่มจากเข้าสัมปทานเหมืองดีบุกและพัฒนาเป็นธุรกิจหลักแต่ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากต้องจ่ายค่าภาคหลวงที่สูงอย่างไรก็ตามในปี 2534 บริษัทได้สัมปทานเหมืองทองคำจากรัฐบาลบนเนื้อที่กว่า 6หมื่นไร่ที่จังหวัดเลย ซึ่งบริษัทได้ทำการสำรวจและได้รับอนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำชุดแรกทั้งหมด 6 แปลงเนื้อที่รวม 1.3 พันไร่โดยประทานบัตรดังกล่าวมีอายุ 25 ปี มีสินแร่ 4.49 ล้านเมตริกตันมีความสมบูรณ์ของทองคำ 4.14 กรัมต่อตัน ซึ่งบริษัทเริ่มทำการผลิตและจำหน่ายทองคำอย่างเป็นทางการใน 3Q49 ส่งผลให้ผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาทและยังมีกำไรต่อเนื่องอีกใน 4Q49 ทำให้ผลประกอบการทั้งปีพลิกมีกำไรสุทธิ 6.1 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 108yoy ด้วยเหตุนี้เราคาดว่าบริษัทจะกลับเข้าซื้อขายในหมวดหลักทรัพย์ปกติได้ใน 2Q50
ราคาทองพุ่ง กระตุ้นรายได้ปี 50 โตต่อเนื่อง : ราคาซื้อขายทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 565 เหรียญต่อออนซ์ในเดือนตุลาคม 49 จนถึง 685 เหรียญต่อออนซ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 50 และน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ลงอย่างต่อเนื่องและเกิดความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
คาดส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตทองคำที่ 2.5 หมื่นออนซ์ต่อปี และสมมุติฐานราคาทองคำในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับ 600- 680 เหรียญต่อออนซ์และต้นทุนการผลิตทองคำทรงตัวที่ระดับ 295-330 เหรียญต่อออนซ์ เราคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการขายทองคำในปีนี้ประมาณ 578 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 114%yoy และมีกำไรสุทธิประมาณ 139 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2,171%yoy
ธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง: ระยะยาวมีโอกาสเติบโตสูงโดยเฉพาะธุรกิจเหมืองทองคำเนื่องจากปัจจุบันได้รับประทานบัตรเพียง 6 แปลง 1.3 พันไร่ ซึ่งคิดเป็นเพียง 2% จากพื้นที่ได้รับสัมปทานทั้งหมด 128 แปลงหรือ 6 หมื่นไร่ ทั้งนี้หากสมมุติให้บริษัทได้รับประทานบัตรเพิ่มอีกอย่างน้อย 10% ของพื้นที่สัมปทานที่เหลือหรือประมาณ 6พันไร่และมีปริมาณสินแร่ทองคำใกล้เคียงกับในพื้นที่ 6 แปลงแรก คาดว่าจะมีปริมาณสินแร่ทองคำสำรองเพิ่มขึ้นจาก 6 แสนออนซ์เป็น 3 ล้านออนซ์หรือคิดเป็นกำลังการผลิต 1 แสนออนซ์ต่อปี ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 1,600 ล้านบาทนอกจากนี้บริษัทยังมีสินแร่ดีบุกอีกกว่า 4 หมื่นตันในจังหวัดพังงาซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการอีกครั้งเนื่องจากดีบุกกลับมาเป็นที่ต้องการของตลาดและมีราคาสูงถึงตันละ 1.2 หมื่นเหรียญ
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี50, 5.20บาท - 8.50 บาท : ในระยะสั้นหากเราประเมินมูลค่าพื้นฐานโดยใช้วิธี DCF โดยคิดจากปริมาณสินแร่ทองคำทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติจากผู้เชี่ยวชาญที่ 6 แสนออนซ์เปิดดำเนินการ 12 ปีและให้ WACC ที่ 9% จะได้ราคาเหมาะสมที่ 5.20 บาท แต่หากคำนวณโดยวิธี Option Pricing Model โดยมีปริมาณสินแร่ทองคำสำรองที่ 3 ล้านออนซ์จะได้ราคาเหมาะสมในระยะยาวที่ 8.50 บาท(สมมุติให้บริษัทได้รับประทานบัตรเพิ่มอีก 10% ของพื้นที่ได้รับสัมปทานทั้งหมดโดยมีปริมาณสินแร่ใกล้เคียงกับ 6 แปลงแรก)
ระหว่าง 5.20 บาท – 8.50 บาท
เหมืองทองคำ ดันปี 49 พลิกมีกำไร : THL เริ่มจากเข้าสัมปทานเหมืองดีบุกและพัฒนาเป็นธุรกิจหลักแต่ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากต้องจ่ายค่าภาคหลวงที่สูงอย่างไรก็ตามในปี 2534 บริษัทได้สัมปทานเหมืองทองคำจากรัฐบาลบนเนื้อที่กว่า 6หมื่นไร่ที่จังหวัดเลย ซึ่งบริษัทได้ทำการสำรวจและได้รับอนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำชุดแรกทั้งหมด 6 แปลงเนื้อที่รวม 1.3 พันไร่โดยประทานบัตรดังกล่าวมีอายุ 25 ปี มีสินแร่ 4.49 ล้านเมตริกตันมีความสมบูรณ์ของทองคำ 4.14 กรัมต่อตัน ซึ่งบริษัทเริ่มทำการผลิตและจำหน่ายทองคำอย่างเป็นทางการใน 3Q49 ส่งผลให้ผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาทและยังมีกำไรต่อเนื่องอีกใน 4Q49 ทำให้ผลประกอบการทั้งปีพลิกมีกำไรสุทธิ 6.1 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 108yoy ด้วยเหตุนี้เราคาดว่าบริษัทจะกลับเข้าซื้อขายในหมวดหลักทรัพย์ปกติได้ใน 2Q50
ราคาทองพุ่ง กระตุ้นรายได้ปี 50 โตต่อเนื่อง : ราคาซื้อขายทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 565 เหรียญต่อออนซ์ในเดือนตุลาคม 49 จนถึง 685 เหรียญต่อออนซ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 50 และน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ลงอย่างต่อเนื่องและเกิดความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
คาดส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตทองคำที่ 2.5 หมื่นออนซ์ต่อปี และสมมุติฐานราคาทองคำในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับ 600- 680 เหรียญต่อออนซ์และต้นทุนการผลิตทองคำทรงตัวที่ระดับ 295-330 เหรียญต่อออนซ์ เราคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการขายทองคำในปีนี้ประมาณ 578 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 114%yoy และมีกำไรสุทธิประมาณ 139 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2,171%yoy
ธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง: ระยะยาวมีโอกาสเติบโตสูงโดยเฉพาะธุรกิจเหมืองทองคำเนื่องจากปัจจุบันได้รับประทานบัตรเพียง 6 แปลง 1.3 พันไร่ ซึ่งคิดเป็นเพียง 2% จากพื้นที่ได้รับสัมปทานทั้งหมด 128 แปลงหรือ 6 หมื่นไร่ ทั้งนี้หากสมมุติให้บริษัทได้รับประทานบัตรเพิ่มอีกอย่างน้อย 10% ของพื้นที่สัมปทานที่เหลือหรือประมาณ 6พันไร่และมีปริมาณสินแร่ทองคำใกล้เคียงกับในพื้นที่ 6 แปลงแรก คาดว่าจะมีปริมาณสินแร่ทองคำสำรองเพิ่มขึ้นจาก 6 แสนออนซ์เป็น 3 ล้านออนซ์หรือคิดเป็นกำลังการผลิต 1 แสนออนซ์ต่อปี ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 1,600 ล้านบาทนอกจากนี้บริษัทยังมีสินแร่ดีบุกอีกกว่า 4 หมื่นตันในจังหวัดพังงาซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการอีกครั้งเนื่องจากดีบุกกลับมาเป็นที่ต้องการของตลาดและมีราคาสูงถึงตันละ 1.2 หมื่นเหรียญ
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี50, 5.20บาท - 8.50 บาท : ในระยะสั้นหากเราประเมินมูลค่าพื้นฐานโดยใช้วิธี DCF โดยคิดจากปริมาณสินแร่ทองคำทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติจากผู้เชี่ยวชาญที่ 6 แสนออนซ์เปิดดำเนินการ 12 ปีและให้ WACC ที่ 9% จะได้ราคาเหมาะสมที่ 5.20 บาท แต่หากคำนวณโดยวิธี Option Pricing Model โดยมีปริมาณสินแร่ทองคำสำรองที่ 3 ล้านออนซ์จะได้ราคาเหมาะสมในระยะยาวที่ 8.50 บาท(สมมุติให้บริษัทได้รับประทานบัตรเพิ่มอีก 10% ของพื้นที่ได้รับสัมปทานทั้งหมดโดยมีปริมาณสินแร่ใกล้เคียงกับ 6 แปลงแรก)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ผมได้ต่อราคาทุ่งคาเหลือ 3 บาท
โพสต์ที่ 12
ขอแวะเข้ามาทักคุณลูกอิสานในกระทู้นี้ลูกอิสาน เขียน: อาจจะเข้าใจผิดหรือพูดกันเล่น ถ้าจะคิดกำไรที่ 6 ล้านจริงๆ พีอีก็จะเป็น 375 เท่า
กำไร 6 ล.เป็นของทั้งปี 2006 โดยที่ครึ่งปีแรกขาดทุนไป -61 ล.
ครึ่งปีหลังเริ่มผลิตทอง กลับมาเป็นกำไร 6 ล .ในตอนสิ้นปี
ปีนี้ผลิตทองทั้งปี และขายได้ราคาสูงกว่าปีที่แล้วมาก เดากำไรไม่ออกเหมือนกัน
ยินดีที่ได้เป็นวิทยากรของมีตติ้งเวปทีวีไอด้วยครับ
ยอมรับว่าเรื่องข้อมูล
คุณลูกอิสานแน่นปึ๊กจริงๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผมได้ต่อราคาทุ่งคาเหลือ 3 บาท
โพสต์ที่ 13
สวัสดีเช่นกันครับเฮียคลายเครียด เขียน:ขอแวะเข้ามาทักคุณลูกอิสานในกระทู้นี้
ยินดีที่ได้เป็นวิทยากรของมีตติ้งเวปทีวีไอด้วยครับ
ยอมรับว่าเรื่องข้อมูล
คุณลูกอิสานแน่นปึ๊กจริงๆ
กำลังจะขอคำแนะนำทุ่งคาพอดี
ที่จริงทุ่งคาผมคาดการณ์ผลประกอบการผิดไปมาก
ที่เคยคาดน่าจะมีกำไร 300-400 ล้าน ที่ระดับราคาทองตอนนี้
สาเหตุเพราะผู้บริหารดันลด cut off rate จาก 1.1 กรัมเหลือแค่ .6 กรัม
ไม่อย่างนั้น 10 บ.อาจจะได้เห็นค่อนข้างแน่
เสียดายเหมือนกันครับ..
ส่วนเรื่องวิทยากร ผมเป็นตัวแถมครับ
บอกตรงๆว่าไม่ถนัดที่จะออกหน้าไมล์เลย
เพราะยังรู้สึกว่าไม่เก่งจริงๆ
คิดว่าได้ตอบแทนเวปเล็กๆน้อยๆ ละกันครับ..
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- metro
- Verified User
- โพสต์: 861
- ผู้ติดตาม: 0
ผมได้ต่อราคาทุ่งคาเหลือ 3 บาท
โพสต์ที่ 14
อยากบอกว่าหัวหน้าฝ่าย Reseach ของโบรกมีเพียบครับ วันก่อนยังถามลูกพี่ผมในห้องน้ำเลยว่าน่าจะไปขายที่เท่าไร หุ หุปรัชญา เขียน:บล.โกลเบล็ก : THL แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมปี 50
ระหว่าง 5.20 บาท 8.50 บาท
เหมืองทองคำ ดันปี 49 พลิกมีกำไร : THL เริ่มจากเข้าสัมปทานเหมืองดีบุกและพัฒนาเป็นธุรกิจหลักแต่ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากต้องจ่ายค่าภาคหลวงที่สูงอย่างไรก็ตามในปี 2534 บริษัทได้สัมปทานเหมืองทองคำจากรัฐบาลบนเนื้อที่กว่า 6หมื่นไร่ที่จังหวัดเลย ซึ่งบริษัทได้ทำการสำรวจและได้รับอนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำชุดแรกทั้งหมด 6 แปลงเนื้อที่รวม 1.3 พันไร่โดยประทานบัตรดังกล่าวมีอายุ 25 ปี มีสินแร่ 4.49 ล้านเมตริกตันมีความสมบูรณ์ของทองคำ 4.14 กรัมต่อตัน ซึ่งบริษัทเริ่มทำการผลิตและจำหน่ายทองคำอย่างเป็นทางการใน 3Q49 ส่งผลให้ผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาทและยังมีกำไรต่อเนื่องอีกใน 4Q49 ทำให้ผลประกอบการทั้งปีพลิกมีกำไรสุทธิ 6.1 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 108yoy ด้วยเหตุนี้เราคาดว่าบริษัทจะกลับเข้าซื้อขายในหมวดหลักทรัพย์ปกติได้ใน 2Q50
ราคาทองพุ่ง กระตุ้นรายได้ปี 50 โตต่อเนื่อง : ราคาซื้อขายทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 565 เหรียญต่อออนซ์ในเดือนตุลาคม 49 จนถึง 685 เหรียญต่อออนซ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 50 และน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ลงอย่างต่อเนื่องและเกิดความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
คาดส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตทองคำที่ 2.5 หมื่นออนซ์ต่อปี และสมมุติฐานราคาทองคำในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับ 600- 680 เหรียญต่อออนซ์และต้นทุนการผลิตทองคำทรงตัวที่ระดับ 295-330 เหรียญต่อออนซ์ เราคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการขายทองคำในปีนี้ประมาณ 578 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 114%yoy และมีกำไรสุทธิประมาณ 139 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2,171%yoy
ธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง: ระยะยาวมีโอกาสเติบโตสูงโดยเฉพาะธุรกิจเหมืองทองคำเนื่องจากปัจจุบันได้รับประทานบัตรเพียง 6 แปลง 1.3 พันไร่ ซึ่งคิดเป็นเพียง 2% จากพื้นที่ได้รับสัมปทานทั้งหมด 128 แปลงหรือ 6 หมื่นไร่ ทั้งนี้หากสมมุติให้บริษัทได้รับประทานบัตรเพิ่มอีกอย่างน้อย 10% ของพื้นที่สัมปทานที่เหลือหรือประมาณ 6พันไร่และมีปริมาณสินแร่ทองคำใกล้เคียงกับในพื้นที่ 6 แปลงแรก คาดว่าจะมีปริมาณสินแร่ทองคำสำรองเพิ่มขึ้นจาก 6 แสนออนซ์เป็น 3 ล้านออนซ์หรือคิดเป็นกำลังการผลิต 1 แสนออนซ์ต่อปี ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 1,600 ล้านบาทนอกจากนี้บริษัทยังมีสินแร่ดีบุกอีกกว่า 4 หมื่นตันในจังหวัดพังงาซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการอีกครั้งเนื่องจากดีบุกกลับมาเป็นที่ต้องการของตลาดและมีราคาสูงถึงตันละ 1.2 หมื่นเหรียญ
แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมปี50, 5.20บาท - 8.50 บาท : ในระยะสั้นหากเราประเมินมูลค่าพื้นฐานโดยใช้วิธี DCF โดยคิดจากปริมาณสินแร่ทองคำทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติจากผู้เชี่ยวชาญที่ 6 แสนออนซ์เปิดดำเนินการ 12 ปีและให้ WACC ที่ 9% จะได้ราคาเหมาะสมที่ 5.20 บาท แต่หากคำนวณโดยวิธี Option Pricing Model โดยมีปริมาณสินแร่ทองคำสำรองที่ 3 ล้านออนซ์จะได้ราคาเหมาะสมในระยะยาวที่ 8.50 บาท(สมมุติให้บริษัทได้รับประทานบัตรเพิ่มอีก 10% ของพื้นที่ได้รับสัมปทานทั้งหมดโดยมีปริมาณสินแร่ใกล้เคียงกับ 6 แปลงแรก)
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
ผมได้ต่อราคาทุ่งคาเหลือ 3 บาท
โพสต์ที่ 20
รู้สึกว่าอารมณ์ตลาดบ้านเราไม่ยอมรับแนวคิด P/E เหมืองทองตามตลาดหุ้นเมืองนอกนะครับ :lol: ถ้า forward P/E 20 เท่า ราคาหุ้นน่าจะเกิน 5 บาท แต่ตอนนี้ P/E 470 อยู่ งบออกก็จะร่วงลงมาเอง
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร