สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 1
จากสูตรนี้ ถ้าหากกิจการมีการเติบโต ผมเข้าใจว่า
นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นได้ทุกราคาจนกระทั่งผลตอบแทนที่คาดหวังของเงินปันผลเข้าใกล้ศูนย์ แต่ยังได้รับกำไรเพราะกิจการมีการเติบโต
ซึ่งถ้ามองในความเป็นจริงไม่น่าจะเป็นไปได้
ตัวอย่างเช่นหุ้น ก. จ่ายเงินปันผล 1 บาท มีอัตราการเติบโตของกำไร 10% ต่อปี
กรณีแรก หากเราซื้อหุ้นที่ 100 บาท ผลตอบแทนที่คาดหวังเท่ากับ 1/100+10% เท่ากับ 11%
กรณี้ที่สอง หากเราซื้อหุ้นที่ 1,000,000 บาทต่อหุ้น ผลตอบแทนที่คาดหวังจะเป็น 1/1,000,000+10% เท่ากับ 10.000001%
ผมสงสัยว่ากรณีที่ 2 สมมุติว่าเราซื้อหุ้นที่ราคาสูงมากๆๆ เรายังสามารถหวังตอบแทนได้หรือเปล่า
ไม่ทราบผมเข้าใจผิด หรือตีความสูตรนี้ผิดไปหรือเปล่าครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ
นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นได้ทุกราคาจนกระทั่งผลตอบแทนที่คาดหวังของเงินปันผลเข้าใกล้ศูนย์ แต่ยังได้รับกำไรเพราะกิจการมีการเติบโต
ซึ่งถ้ามองในความเป็นจริงไม่น่าจะเป็นไปได้
ตัวอย่างเช่นหุ้น ก. จ่ายเงินปันผล 1 บาท มีอัตราการเติบโตของกำไร 10% ต่อปี
กรณีแรก หากเราซื้อหุ้นที่ 100 บาท ผลตอบแทนที่คาดหวังเท่ากับ 1/100+10% เท่ากับ 11%
กรณี้ที่สอง หากเราซื้อหุ้นที่ 1,000,000 บาทต่อหุ้น ผลตอบแทนที่คาดหวังจะเป็น 1/1,000,000+10% เท่ากับ 10.000001%
ผมสงสัยว่ากรณีที่ 2 สมมุติว่าเราซื้อหุ้นที่ราคาสูงมากๆๆ เรายังสามารถหวังตอบแทนได้หรือเปล่า
ไม่ทราบผมเข้าใจผิด หรือตีความสูตรนี้ผิดไปหรือเปล่าครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 2
"Winners never quit, and quitters never win."
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 3
อืม.. ผมบังเอิญลุกไปห้องน้ำด้วยแฮะ แต่เท่าที่จำได้คร่าวๆ รู้สึกจะเป็นสูตร
(Dvd. Yield(%) หาร Price) + Growth
ดังนั้นถ้าเปลี่ยนจากปันผล 1 บาท เป็น อัตราปันผล 1% ไม่ว่าหุ้น 100 ต่อหน่วย หรือ 1,000,000 ก็น่าจะได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน
แต่ในทางจิตวิทยามวลชน ผมว่าหุ้นละ 1 ล้าน น่าจะคาดหวังให้เป็นไปตามสูตรยากกว่าอยากที่พี่บอกจริงๆ แฮะ :roll:
(Dvd. Yield(%) หาร Price) + Growth
ดังนั้นถ้าเปลี่ยนจากปันผล 1 บาท เป็น อัตราปันผล 1% ไม่ว่าหุ้น 100 ต่อหน่วย หรือ 1,000,000 ก็น่าจะได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน
แต่ในทางจิตวิทยามวลชน ผมว่าหุ้นละ 1 ล้าน น่าจะคาดหวังให้เป็นไปตามสูตรยากกว่าอยากที่พี่บอกจริงๆ แฮะ :roll:
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 4
หง่ะ เพิ่งเห็นสูตรของพี่หวี ตามลิงค์ โห...
พอๆ จบๆ สมองรอยหยักน้อยๆ ของผมยิ่งพ่ายแพ้ต่อสูตรพวกนี้ด้วย จะเรียนรู้ไหวมะเนี่ยะ เห็นสูตรแล้วตาลาย หาชาขวดสีเขียวกินดีกว่า :drink:
พอๆ จบๆ สมองรอยหยักน้อยๆ ของผมยิ่งพ่ายแพ้ต่อสูตรพวกนี้ด้วย จะเรียนรู้ไหวมะเนี่ยะ เห็นสูตรแล้วตาลาย หาชาขวดสีเขียวกินดีกว่า :drink:
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 6
อ่า...งั้นต้องไปปรึกษาซือเฮีย พอใจ ก่อนแระว่าไอ้ตานขโมยมันเป็นไงหวา แกกินมาก่อนผมเกือบหนึ่งเท่าของชีวิต
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 8
gordon growth model มีปัญหาอันใหญ่มากอันนึง
การคำนวณ การเติบโตในระยะยาว
เพราะว่าการเติบโตในระยะยาวนั้น คำนวณยากมาก ถึง มากที่สุด
ส่วนใหญ่ใช้ estimate gdp ของประเทศ ในอนาคต
สมมุติฐานคือ บริษัทนั้นอยู่ในโลกตลอดไปด้วย
ผมไม่เห็นด้วยที่จะใช้ gordon model นะครับ
มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามาก แต่ก็ซับซ้อนกว่า โดยใช้แนวความคิดคล้ายๆกัน
แต่บอกตรงๆ pe นี่ง่ายที่สุดแล้วครับ :lol:
การคำนวณ การเติบโตในระยะยาว
เพราะว่าการเติบโตในระยะยาวนั้น คำนวณยากมาก ถึง มากที่สุด
ส่วนใหญ่ใช้ estimate gdp ของประเทศ ในอนาคต
สมมุติฐานคือ บริษัทนั้นอยู่ในโลกตลอดไปด้วย
ผมไม่เห็นด้วยที่จะใช้ gordon model นะครับ
มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามาก แต่ก็ซับซ้อนกว่า โดยใช้แนวความคิดคล้ายๆกัน
แต่บอกตรงๆ pe นี่ง่ายที่สุดแล้วครับ :lol:
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 9
เห็นด้วยกับคุณลูกอีสาน ตามสูตรของGordon Model จุดอ่อนคือไม่คำนึงถึงราคาที่ซื้อ เพียงขอให้growthสูงๆพอ
ผมว่าควรใช้ PEG หรือ Dividend growth model ในการประมาณราคาอย่างง่ายๆดีกว่า
PEG = PE/G
P= D/K-G
ผมว่าควรใช้ PEG หรือ Dividend growth model ในการประมาณราคาอย่างง่ายๆดีกว่า
PEG = PE/G
P= D/K-G
-
- Verified User
- โพสต์: 674
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 10
ตอบเป็นภาษาง่าย ๆ ก็คือตราบเท่าทีกิจการยังโตไปได้เรื่อย ๆ ต่อให้ซื้อมาแพงแค่ไหนในที่สุดผลตอบแทนก็ต้องเป็นบวกครับ แต่อาจใช้เวลานานมากลูกอิสาน เขียน: ผมสงสัยว่ากรณีที่ 2 สมมุติว่าเราซื้อหุ้นที่ราคาสูงมากๆๆ เรายังสามารถหวังตอบแทนได้หรือเปล่า
ไม่ทราบผมเข้าใจผิด หรือตีความสูตรนี้ผิดไปหรือเปล่าครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ
model นี้ไม่เหมาะกับคนมีอายุมากครับเพราะอาจรอไม่ไหว :)
ตอบแบบวิชาการก็
อัตราผลตอบแทนจาก capital gain จะวิ่งเข้าหา growth ระยะยาวครับ
ถ้า p/e ปัจจุบันต่ำกว่า p/e ตอนซื้อ capital gain จะต่ำกว่า growth
แต่ถ้า p/e ปัจจุบันสูงกว่า growth capital gain จะสูงกว่า growth
ยิ่งระยะเวลาการถือครองหุ้นยิ่งนาน อัตราผลตอบแทนจาก capital gain ต่อปีจะยิ่งวิ่งเข้าหา growth ไม่ว่า p/e จะเป็นเท่าไรก็ตาม
สูตรนี้ถูกต้องแน่นอนครับเมื่อระยะเวลาการถือครอง = อินฟินิตี้
และสูตรนี้ก็ประยุคมาจาก dividend discount model
สามารถอธิบายด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ได้ด้วย (เรียนมาแต่ลืมไปแล้ว)
พูดถึงสูตรนี้ขึ้นมาแล้วอยากให้ลองย้อนไปดูกระทู้ของคุณ beammy ที่ถามว่าจะเลือกหุ้นอะไรระหว่าง
หุ้น A growth 5% p/e = 10 diviedn payout ratio 100%
กับอีกตัวหุ้น B growth 10% p/e = 5 dividend payout ratio 0%
ปรากฎว่ามีคนเลือกหุ้น B เยอะเหมือนกันครับ
ทั้ง ๆ ที่ตาม model นี้ต้องเลือกหุ้น A ถึงจะถูก
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 11
บริษัท A ผมว่ายอดเยี่ยมเลยนะครับ บริษัทอะไรจ่ายปันผลหมด แล้วยังสามารถโตได้อีกปีละ 5% แสดงว่าบริษัทแทบไม่ต้องการเงินลงทุนเลยในการขยายกิจการfantasia เขียน:หุ้น A growth 5% p/e = 10 diviedn payout ratio 100%
กับอีกตัวหุ้น B growth 10% p/e = 5 dividend payout ratio 0%
ปรากฎว่ามีคนเลือกหุ้น B เยอะเหมือนกันครับ
ทั้ง ๆ ที่ตาม model นี้ต้องเลือกหุ้น A ถึงจะถูก
ในขณะที่บริษัท B มีกำไรเท่ากับ 20%ของมูลค่าตลาดของกิจการ ต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมด เพื่อให้บริษัทโตแค่ปีละ 10% ใช้ 20% แต่โตขึ้นแค่ 10% แย่ลงเห็นๆ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณทุกท่านครับ โดยเฉพาะท่าน fantasia รอบรู้สมกับเป็นปราชน์ทางด้านการเงินจริงๆครับ
ผมพอจะเข้าใจมากขึ้นแล้วครับ จากสูตรนี้
ผลตอนแทนที่คาดหวัง = (D/P)+G
ดังนั้นหากลงทุนระยะยาวมากๆ เป็นอนันต์ ไม่ว่าจะซื้อหุ้นแพงอย่างไรก็จะไม่ขาดทุนเพราะแม้ผลตอบแทนจากเงินปันผลจะเข้าใกล้ศูนย์ แต่ก็ยังได้ผลตอบแทนจากการเติบโตของผลกำไร (ซึ่งในความเป็นจริงคงไม่มีกิจการไหนที่สามารถเติบโตได้ติดต่อกันนานมากๆ)
สรุปจากที่เข้าใจ ว่าสูตรนี้แม้จะถูกต้อง แต่ก็มีจุดอ่อนตามที่คุณ Adam ให้ข้อสังเกตุไว้คือ
สูตรนี้มีความถูกต้องมากขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้ลงทุน แต่จะเป็นจุดอ่อนหากนำไปใช้กับการลงทุนในระยะเวลาอันใกล้เช่น 1-10 ปี เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคาเข้าซื้อเท่าที่ควรจะเป็น
ผมเอะใจเพราะตอนที่ ดร. พูดให้ฟังเพราะซื้อหุ้นที่ราคาต่างกัน 1 เท่าตัวแต่ผลตอบแทนลดลงนิดเดียว ซึ่งในการลงทุนจริงๆคงไม่มีใครกล้าซื้อครับ
ผมพอจะเข้าใจมากขึ้นแล้วครับ จากสูตรนี้
ผลตอนแทนที่คาดหวัง = (D/P)+G
ดังนั้นหากลงทุนระยะยาวมากๆ เป็นอนันต์ ไม่ว่าจะซื้อหุ้นแพงอย่างไรก็จะไม่ขาดทุนเพราะแม้ผลตอบแทนจากเงินปันผลจะเข้าใกล้ศูนย์ แต่ก็ยังได้ผลตอบแทนจากการเติบโตของผลกำไร (ซึ่งในความเป็นจริงคงไม่มีกิจการไหนที่สามารถเติบโตได้ติดต่อกันนานมากๆ)
สรุปจากที่เข้าใจ ว่าสูตรนี้แม้จะถูกต้อง แต่ก็มีจุดอ่อนตามที่คุณ Adam ให้ข้อสังเกตุไว้คือ
สูตรนี้มีความถูกต้องมากขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้ลงทุน แต่จะเป็นจุดอ่อนหากนำไปใช้กับการลงทุนในระยะเวลาอันใกล้เช่น 1-10 ปี เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคาเข้าซื้อเท่าที่ควรจะเป็น
ผมเอะใจเพราะตอนที่ ดร. พูดให้ฟังเพราะซื้อหุ้นที่ราคาต่างกัน 1 เท่าตัวแต่ผลตอบแทนลดลงนิดเดียว ซึ่งในการลงทุนจริงๆคงไม่มีใครกล้าซื้อครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 14
พูดถึงสูตรนี้ขึ้นมาแล้วอยากให้ลองย้อนไปดูกระทู้ของคุณ beammy ที่ถามว่าจะเลือกหุ้นอะไรระหว่าง
หุ้น A growth 5% p/e = 10 diviedn payout ratio 100%
กับอีกตัวหุ้น B growth 10% p/e = 5 dividend payout ratio 0%
ปรากฎว่ามีคนเลือกหุ้น B เยอะเหมือนกันครับ
ทั้ง ๆ ที่ตาม model นี้ต้องเลือกหุ้น A ถึงจะถูก
คำถามที่ 1
สมมุติมองที่ผลตอบแทน
บริษัท a เนี้ย pe 10 ปันผลได้ = 10 % โต 5% รวมได้ผลตอบแทน 15 %
บริษัท b เนี้ย pe 5 ไม่ได้ปันผล โต 10% รวมได้ผลตอบแทน 10 %
บริษัท b จะน่าลงทุนกว่า ถ้าเอาเงินปันผลทั้งหมด มาจ่ายใช่ไหมครับ จะได้
ผลตอบแทน 20%
คำถามที่ 2
แต่ว่า บริษัท a pe/g = 2
b pe/g = 0.5
ตลาดน่าจะให้ ราคาหุ้น b ดีกว่านี้ครับ
พี่ฉัตรชัยไม่ให้ความสำคัญกับ pe/g เลยเหรอครับ
หุ้น A growth 5% p/e = 10 diviedn payout ratio 100%
กับอีกตัวหุ้น B growth 10% p/e = 5 dividend payout ratio 0%
ปรากฎว่ามีคนเลือกหุ้น B เยอะเหมือนกันครับ
ทั้ง ๆ ที่ตาม model นี้ต้องเลือกหุ้น A ถึงจะถูก
โทษนะครับพี่ฉัตรชัยchatchai เขียน: บริษัท A ผมว่ายอดเยี่ยมเลยนะครับ บริษัทอะไรจ่ายปันผลหมด แล้วยังสามารถโตได้อีกปีละ 5% แสดงว่าบริษัทแทบไม่ต้องการเงินลงทุนเลยในการขยายกิจการ
ในขณะที่บริษัท B มีกำไรเท่ากับ 20%ของมูลค่าตลาดของกิจการ ต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมด เพื่อให้บริษัทโตแค่ปีละ 10% ใช้ 20% แต่โตขึ้นแค่ 10% แย่ลงเห็นๆ
คำถามที่ 1
สมมุติมองที่ผลตอบแทน
บริษัท a เนี้ย pe 10 ปันผลได้ = 10 % โต 5% รวมได้ผลตอบแทน 15 %
บริษัท b เนี้ย pe 5 ไม่ได้ปันผล โต 10% รวมได้ผลตอบแทน 10 %
บริษัท b จะน่าลงทุนกว่า ถ้าเอาเงินปันผลทั้งหมด มาจ่ายใช่ไหมครับ จะได้
ผลตอบแทน 20%
คำถามที่ 2
แต่ว่า บริษัท a pe/g = 2
b pe/g = 0.5
ตลาดน่าจะให้ ราคาหุ้น b ดีกว่านี้ครับ
พี่ฉัตรชัยไม่ให้ความสำคัญกับ pe/g เลยเหรอครับ
- BOONPARUEY
- Verified User
- โพสต์: 184
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 15
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
... " บุญ คือ เสบียงของคนไม่ประมาท " พุทธตรัส ...
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยประเด็น Gordon growth model ครับ
โพสต์ที่ 17
ผมว่าสูตรนี้เหมาะสำหรับมือใหม่(อย่างผม)ที่มีความอดทน(อันนี้ไม่แน่ใจ)นะครับ
วิธีคิดง่ายๆนะครับ (ความคิดผมเองนะครับ)
1. หาหุ้นที่มีปันผลสูงๆ รอวันที่มีข่าวร้ายตลาดลงแรงๆ+วันขึ้น XD ซื้อ 1 board lot (มือใหม่ทุนน้อยหุ้นปันผลสูงๆส่วนใหญ่มีราคาแพง)
2.ถือยาวโลด *สำคัญมาก
3.กำเงินสดไว้ ถ้าหุ้นตกลงมาต่ำกว่าทุนให้ซื้อเฉลี่ยทุนให้ต่ำ ถ้าเก่งเรื่องการหาจังหวะให้ขายออกไปก่อนแล้วซื้อกลับมาในราคาที่ต่ำกว่า ถ้าหุ้นขึ้นให้รอดูเฉยๆมือกำเงินสดไว้
4.ติดตามบริษัทหากมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่แย่ลงให้ขายออกไปทันที
5.ทำข้อ 1-4 ต่อไปเรื่อยๆ
ผลตอบแทนที่ทำได้จากวิธีนี้น่าจะขึ้นอยู่กับ 2 ส่วน คือ
- เงินปันผลในแต่ละปี - อัตราเงินเฟ้อแต่ละปี (ถือนานมากๆอาจได้เงินปันผลเท่ากับที่เงินลงทุนไป)
- capital gain อันนี้คงไม่ได้ถ้าเราไม่ได้ขายหุ้นออกไป
พี่ๆคิดว่าถ้าผมใช้วิธีนี้ในการลงทุน พอที่จะมีกำไรในระยะยาวบ้างมั้ยครับในภาวะตลาดแบบนี้ ขอคำแนะนำด้วยครับ (อันนี้เป็นความคิดผมเองนะครับ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยพวกพี่ๆไว้ด้วยครับ)
วิธีคิดง่ายๆนะครับ (ความคิดผมเองนะครับ)
1. หาหุ้นที่มีปันผลสูงๆ รอวันที่มีข่าวร้ายตลาดลงแรงๆ+วันขึ้น XD ซื้อ 1 board lot (มือใหม่ทุนน้อยหุ้นปันผลสูงๆส่วนใหญ่มีราคาแพง)
2.ถือยาวโลด *สำคัญมาก
3.กำเงินสดไว้ ถ้าหุ้นตกลงมาต่ำกว่าทุนให้ซื้อเฉลี่ยทุนให้ต่ำ ถ้าเก่งเรื่องการหาจังหวะให้ขายออกไปก่อนแล้วซื้อกลับมาในราคาที่ต่ำกว่า ถ้าหุ้นขึ้นให้รอดูเฉยๆมือกำเงินสดไว้
4.ติดตามบริษัทหากมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่แย่ลงให้ขายออกไปทันที
5.ทำข้อ 1-4 ต่อไปเรื่อยๆ
ผลตอบแทนที่ทำได้จากวิธีนี้น่าจะขึ้นอยู่กับ 2 ส่วน คือ
- เงินปันผลในแต่ละปี - อัตราเงินเฟ้อแต่ละปี (ถือนานมากๆอาจได้เงินปันผลเท่ากับที่เงินลงทุนไป)
- capital gain อันนี้คงไม่ได้ถ้าเราไม่ได้ขายหุ้นออกไป
พี่ๆคิดว่าถ้าผมใช้วิธีนี้ในการลงทุน พอที่จะมีกำไรในระยะยาวบ้างมั้ยครับในภาวะตลาดแบบนี้ ขอคำแนะนำด้วยครับ (อันนี้เป็นความคิดผมเองนะครับ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยพวกพี่ๆไว้ด้วยครับ)