minor

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

minor

โพสต์ที่ 1

โพสต์

รบกวนเพื่อนๆที่เก่งบัญชีดูหน่อยครับ
ว่าบริษัทจะมีกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่จากรายการนี้
ผมดูคร่าวๆแต่ไม่แน่ใจ เพราะไม่ทราบหลักเกณฑ์ที่แน่ชัดครับ :roll:
MINOR: แจ้งการขายเงินลงทุนในบริษัทไมเนอร์ แอร์คราฟท์ โฮลดิ้ง จำกัด
Source - ข่าว SETSMART
Monday, 18 June 2007 08:50

วันที่ 15  มิถุนายน 2550

เรื่อง แจ้งการขายเงินลงทุนในบริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟท์ โฮลดิ้ง จำกัด
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
         ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

         ด้วยคณะกรรมการบริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
(?บริษัท?)ได้มีมติให้บริษัทขายเงินลงทุนในบริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟท์ โฮ
ลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทโดยมีสาระสำคัญดังนี้

ผู้ขาย : บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน)
ผู้ซื้อ : บริษัท โกลเบ๊กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
สินทรัพย์ที่ขาย : บริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟท์ โฮลดิ้ง จำกัด

ทั้งนี้ บริษัท โกลเบ๊กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท
หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือกรรมการของบริษัท ดังนั้นรายการดังกล่าวมิได้
เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ
ไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และการเปิดเผยเกี่ยวกับการทำรายการที่เกี่ยว
โยงกันของบริษัทจดทะเบียน

การขายเงินลงทุนในบริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟท์ โฮลดิ้ง จำกัด
สินทรัพย์ที่ขาย หุ้น ของบริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟท์ โฮลดิ้ง จำกัด
ลักษณะธุรกิจ                     ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ในบริษัท ไมเนอร์ เอวิเอชั่น
          จำกัด ซึ่ง ดำเนินธุรกิจให้บริการเช่าเครื่องบินแบบเหมาลำ
จำนวนหุ้นก่อนการขาย 205,490 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 99.8 ของทุน
          จดทะเบียนที่ชำระแล้ว)
จำนวนหุ้นหลังการขาย 0  หุ้น (คิดเป็นร้อยละ0 ของทุนจด
          ทะเบียนที่ชำระแล้ว)
มูลค่ารวม ประมาณ 323 ล้านบาท
เกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดมูลค่ารวมของรายการ:    ราคาตลาดของเครื่องบิน
                  และ มูลค่าตามบัญชีของทรัพย์สินอื่น
ผลประโยชน์ที่คาดว่าบริษัทจะได้รับ :       ธุรกิจการให้เช่าเครื่องบินแบบ
          เหมาลำมีผลประกอบการขาดทุนปีละ
                      ประมาณ 10-20 ล้านบาท ดังนั้น
          การขายหุ้นของบริษัท ไมเนอร์ แอร์
          คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด จะทำให้
          บริษัทมีผลประกอบการโดยรวมดีขึ้น

      ทั้งนี้ ขนาดรายการที่เกิดขึ้นไม่เข้าข่ายต้องเปิดเผยข้อมูลตาม
ประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และการ
เปิดเผยเกี่ยวกับการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจด
ทะเบียน เนื่องจากขนาดรายการคิดตามเกณฑ์มูลค่าสินทรัพย์รวมเท่ากับ
ร้อยละ 7.27 ซึ่งไม่เกินร้อยละ 15 ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัท

         และในระยะ 6 เดือนล่าสุด บริษัทมีขนาดรายการสะสมการ
ได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์คิดเป็นร้อยละ 7.27 ของมูลค่าสินทรัพย์
รวมของบริษัท ซึ่งยังไม่เกินกว่าร้อยละ 15  
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
GrahamDodd
Verified User
โพสต์: 107
ผู้ติดตาม: 0

minor

โพสต์ที่ 2

โพสต์

จาก annual report 2006

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 บริษัทได้ลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จัดตั้งใหม่ คือ บริษัท ไมเนอร์  แอร์คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 490 หุ้น เป็นจำนวนเงิน 12,250 บาท บริษัทดังกล่าวมีหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวน   510 หุ้น ที่มีราคาตามมูลค่าจำนวน 12,750 บาท ซึ่งถือโดยบุคคลภายนอก  อย่างไรก็ตาม บริษัทมีสิทธิได้รับเงินปันผล        ร้อยละ 99.99 ของเงินปันผลที่มีการประกาศจ่าย นอกจากนี้บริษัทมีสิทธิออกเสียงร้อยละ 99.99 และมีอำนาจในการควบคุมนโยบายการเงินและการดำเนินงานในบริษัทดังกล่าว ดังนั้นบริษัทจึงรวมงบของบริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด ที่สัดส่วนร้อยละ 99.99 ของงบการเงินในการจัดทำงบการเงินรวม

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 บริษัทได้ขายเงินลงทุนในหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ไมเนอร์ เอวิเอชั่น จำกัด จำนวน 300,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 100 ให้แก่บริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นจำนวนเงิน 19.4 ล้านบาท ที่ราคาตามบัญชี

ความเห็นส่วนตัว
จากข้อมูลข้างต้น ทำให้เข้าใจว่า บริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด มีหุ้นสามัญและบุริมสิทธิรวมกัน 1,000 หุ้น เป็นมูลค่า 25,000 บาท นอกจากนี้ ต่อมายังมีการซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ไมเนอร์ เอวิเอชั่น จำกัด จำนวน 300,000 หุ้น  ที่ 19.40 ล้านบาท

จากข้อมูลเท่านี้ ทำให้ประเมินว่า ส่วนต่างของมูลค่าคือ 323ล้าน ลบด้วย 20 ล้านบาทโดยประมาณ น่าจะเป็นกำไรจากการขายไปครับ

แต่มีจุดที่ดูแล้วสับสนคือ มูลค่าเงินลงทุนในแบบวิธีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท ไมเนอร์ เอวิเอชั่น จำกัด ซึ่ง ณ สิ้นปี 2549 มีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 14 ล้านบาท แต่ ณ สิ้นปี 2548 ยังมีส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวกอยู่ 21.5 ล้านบาท ถ้าภายในหนึ่งปี กิจการดำเนินการได้ขาดทุนถึง 35 ล้านบาท กิจการนี้ก็ไม่น่าขายไปโดยได้ราคาดีขนาดนี้นะครับ คิดว่า น่าจะมีสินค้าคงเหลือในบริษัท ซึ่งก็คือเครื่องบินอยู่ด้วย ทำให้ราคาขายทั้งหมดถึงสูงขนาดนี้ได้ และนั่นหมายความว่า บริษัทมีหนี้สินในระดับสูงที่เดียว ซึ่งเงินที่นำมาซื้อเครื่องบินนี้ น่าจะได้จาก MINOR เอง (ถ้ากู้ธนาคาร ผมเป็นนายธนาคารคงไม่ให้ยืม เพราะส่วนทุนต่ำเกินไป ให้สังเกตเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยมีถึง 730 ล้านบาท ดูหมายเหตุ 9 เพิ่มเติม)
นอกจากนี้ จำนวนหุ้นสามัญทำไมกลายเป็น 205,490 หุ้น ได้ก็น่าสงสัยครับเพราะไม่มีการประกาศทาง SET หรือแจ้งมาให้ทราบเลย

ดังนั้น เนื่องจากข้อมูลที่เปิดเผยมาไม่เพียงพอ สิ่งที่ดีที่สุดคือ เราไม่สามารถสรุปเรื่องกำไรได้เลย แต่ถ้าให้ผมเดา คิดว่า ไม่น่าเกิดกำไรจากการขายสักเท่าไรครับ

ถ้าคุณลูกอิสานพอมีเวลา ลองโทรไปถามโดยตรง น่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนและชัวร์ครับ เป็นอย่างไรช่วยมาบอกกันด้วยครับ

ขอบคุณครับ
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

minor

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากครับคุณ GrahamDodd :D
พอจะเข้าใจมากขึ้นแล้วครับ
อันนี้จาก 56-1
7.  บริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด
ถือหุ้น 49% โดยบริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 100,000 บาท ทุน
ทะเบียนชำระแล้ว 25,000 บาท เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่ายอะไหล่ บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน และการลงทุน

ประเด็นที่ผมสงสัยตอนแรกคือดูหมายเหตล่าสุด minor ถือหุ้น ไมเนอร์แอร์คราฟแค่ 49% แต่ในรายงานการซื้อขายบอกว่าถือหุ้น 99% เหตุผลคงไปตามข้อมูลที่คุณ GrahamDodd ให้มาครับ

ส่วนกำไรจากการซื้อขาย ผมมองว่าน่าจะเป็นราคาขาย - ราคาหุ้นต้นทุน ซึ่งน่าจะบันทึกกำไรค่อนข้างสูง ส่วนประเด็นเรื่องหนี้ก็ตกเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของรายใหม่ และเงินกู้ก็คงมีเครื่องบินเป็นหลักประกันอยู่แล้ว


ตอนนี้ minor ถือหุ้น mint ประมาณ 19% ถ้าคิดจากมูลค่าตลาดของ mint ก็ประมาณ 7-8,000 ล้าน ในขณะที่มูลค่าทั้งบริษัทของ minor ประมาณ 5,000 ล้าน เท่ากับว่าตลาดไม่ได้ให้มูลค่ากับธุรกิจหลักของ minor เลย

สาเหตุที่ minor ลงทุนใน mint หลายท่านอาจจะทราบเป็นเพราะ mint มีการลงทุนค่อนข้างมาก ต้องเพิ่มทุนบ่อยๆ ทำให้สัดส่วนของตระกูลไฮเนคกี้ลดลงเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการถูกเทคโอเวอร์ เลยวางแผนให้ minor ซึ่งตระกูลไฮเนคกี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทำการกู้เงินเพื่อไปซื้อหุ้น mint ทำให้ตระกูลนี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ mint ต่อไป
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
GrahamDodd
Verified User
โพสต์: 107
ผู้ติดตาม: 0

minor

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ลูกอิสาน เขียน:ขอบคุณมากครับคุณ GrahamDodd :D
พอจะเข้าใจมากขึ้นแล้วครับ
อันนี้จาก 56-1

ตอนนี้ minor ถือหุ้น mint ประมาณ 19% ถ้าคิดจากมูลค่าตลาดของ mint ก็ประมาณ 7-8,000 ล้าน ในขณะที่มูลค่าทั้งบริษัทของ minor ประมาณ 5,000 ล้าน เท่ากับว่าตลาดไม่ได้ให้มูลค่ากับธุรกิจหลักของ minor เลย

สาเหตุที่ minor ลงทุนใน mint หลายท่านอาจจะทราบเป็นเพราะ mint มีการลงทุนค่อนข้างมาก ต้องเพิ่มทุนบ่อยๆ ทำให้สัดส่วนของตระกูลไฮเนคกี้ลดลงเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการถูกเทคโอเวอร์ เลยวางแผนให้ minor ซึ่งตระกูลไฮเนคกี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทำการกู้เงินเพื่อไปซื้อหุ้น mint ทำให้ตระกูลนี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ mint ต่อไป
ครับ แปลกดีครับที่ตลาดไม่ให้มูลค่าธุรกิจอื่น ๆ ของไมเนอร์เลย  ส่วนเรื่องที่ไมเนอร์ลงทุนในมินท์ ผมเคยคิดว่า เป็นเพราะเจ้าของเห็นว่า ธุรกิจของไมเนอร์มีการแกว่งตัวของกำไรค่อนข้างมาก การให้เข้าไปถือหุ้นโรงแรมอาหารเสมือนเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับธุรกิจนี้มากขึ้น และเป็นการเพิ่มมูลค่าธุรกิจด้วย เพราะคุณไฮเนคกี้ย่อมทราบดีที่สุดว่าราคาที่ให้เข้าซื้อดีหรือไม่ดีครับ

อ้อ ถ้ามีสมาชิกท่านใด ต้องการเสนอการวิเคราะห์เรื่องการขายบริษัทเครื่องบินของไมเนอร์ เชิญได้เลยนะครับ จะได้เห็นหลาย ๆ มุม ขอบคุณครับ
fantasia
Verified User
โพสต์: 674
ผู้ติดตาม: 0

minor

โพสต์ที่ 5

โพสต์

minor มีหนี้สินที่กู้มาตอนซื้อหุ้น mint ด้วยครับ
เป็นหนี้สินที่เกิดจากการถือหุ้น mint แน่นอน ไม่ได้เกิดจากธุรกิจหลัก
ต้องหักมูลหนี้ตรงนี้ออกจากมูลค่าหุ้น mint ด้วย

สมมุติว่าวันหนึ่ง mint กิจการไม่ดีจ่ายปันผลไม่ได้
ผู้ถือหุ้น mint ก็แค่ไม่ได้ปันผล
แต่ minor จะไม่มีเงินมาชำระดอกเบี้ยเงินกู้ครับ

แต่ถึงอย่างไรถ้าไม่เกี่ยงเรื่องสภาพคล่องซื้อ minor น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าถ้าคิดจะซื้อ mint

พวกบริษัทที่ถือหุ้นต่อกันหลาย ๆ ทอดนี่นักลงทุนมักตีราคาต่ำกว่าการถือหุ้นโดยตรงครับ
artvr4
Verified User
โพสต์: 767
ผู้ติดตาม: 0

minor

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ตอนนี้ minor ถือหุ้น mint ประมาณ 19% ถ้าคิดจากมูลค่าตลาดของ mint ก็ประมาณ 7-8,000 ล้าน ในขณะที่มูลค่าทั้งบริษัทของ minor ประมาณ 5,000 ล้าน เท่ากับว่าตลาดไม่ได้ให้มูลค่ากับธุรกิจหลักของ minor เลย
เพราะตรงนี้ผมถึงซื้อไมเนอร์ ไม่ซื้อmint แต่ว่าราคาไมเนอร์ไม่ไปไหนเลยเฮะ :cry:
โพสต์โพสต์