กลุ่มสื่อ,สิ่งพิมม์และบันเทิง
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news29/02/08
โพสต์ที่ 91
อุตฯป้ายโฆษณาวูบ2พันล.
โพสต์ทูเดย์ พ.ร.บ.อาคารฯ พ่นพิษ ทำรายได้อุตฯ ป้ายวูบ 2 พันล้านบาท หลัง กทม.ไล่รื้อป้ายโฆษณา 1.7 พันป้ายทั่วกรุง
นายกิติชัย ศรีจำเริญ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท ฮัลโล บางกอก ไตรวิชั่น กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.เตรียมรื้อป้ายโฆษณาผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2548 ภายในเดือน มี.ค. นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจป้ายโฆษณาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เพราะป้ายโฆษณาปัจจุบันป้ายโฆษณาในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 1.7 พันป้าย 99% เป็นป้ายที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่กำหนดขนาดความสูงไม่เกิน 30 เมตร ความยาวไม่เกิน 24 เมตร โดยฮัลโล บางกอก ถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีป้ายโฆษณามากที่สุด รองลงมา ได้แก่ มาสเตอร์ แอด ที่มีประมาณ 40 ป้าย
นายกิติชัย กล่าวว่า การที่ กทม.รื้อถอนป้ายโฆษณาในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ ประเมินว่าจะทำให้การใช้ งบโฆษณาผ่านป้ายขนาดใหญ่ ในกรุงเทพฯ หายไปคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท จากจำนวนงบโฆษณาทั้งหมดที่ใช้ใน สื่อนี้กว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการทุก ราย ซึ่งต้องปรับตัวหาสื่อใหม่ๆ มาทดแทน
สำหรับในส่วนของบริษัท ฮัลโล บางกอก ได้รับแจ้งป้ายโฆษณาที่ต้องรื้อถอนภายในเดือน มี.ค. นี้ 14 ป้าย จากจำนวนที่มีทั้งหมด 70 ป้าย แต่ในที่สุดบริษัทก็ต้องรื้อถอน ทั้งหมด
ผมเคยแจ้งให้สมาคมผู้ประกอบการป้ายโฆษณาได้ทราบแล้วว่า ป้ายที่มีทั้งหมดไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับทุกปีที่ผ่านมาเมื่อมีพายุ ก็จะมีปัญหาป้ายโฆษณาล้มทับคนตายมาตลอด เพราะฉะนั้น ในอนาคตไม่ไกล ป้ายทั้งหมดจะต้องถูกรื้อถอน ในฐานะ ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบต่อสังคม นายกิติชัย กล่าว
สำหรับป้ายโฆษณาของฮัลโล บางกอก ในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 70 ป้าย คาดว่าจะรื้อถอนให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. นี้ ส่วนธุรกิจ ป้ายโฆษณาในต่างจังหวัดอีก 200 ป้าย บริษัทยังให้บริการตามปกติ และจะทดแทนด้วยการให้บริการสื่อใหม่ ฮัลโล โมบาย แอด รถโฆษณาเคลื่อนที่ ที่ใช้เงินลงทุนเกือบ 3 พันล้านบาท ด้วยจำนวนรถทั้งหมด 700 คัน คาดว่าจะเข้ามาทดแทนรายได้ในส่วนที่หายไป โดยบริษัทมีรายได้ต่อปีประมาณ 430 ล้านบาท
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=223729
โพสต์ทูเดย์ พ.ร.บ.อาคารฯ พ่นพิษ ทำรายได้อุตฯ ป้ายวูบ 2 พันล้านบาท หลัง กทม.ไล่รื้อป้ายโฆษณา 1.7 พันป้ายทั่วกรุง
นายกิติชัย ศรีจำเริญ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท ฮัลโล บางกอก ไตรวิชั่น กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.เตรียมรื้อป้ายโฆษณาผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2548 ภายในเดือน มี.ค. นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจป้ายโฆษณาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เพราะป้ายโฆษณาปัจจุบันป้ายโฆษณาในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 1.7 พันป้าย 99% เป็นป้ายที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่กำหนดขนาดความสูงไม่เกิน 30 เมตร ความยาวไม่เกิน 24 เมตร โดยฮัลโล บางกอก ถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีป้ายโฆษณามากที่สุด รองลงมา ได้แก่ มาสเตอร์ แอด ที่มีประมาณ 40 ป้าย
นายกิติชัย กล่าวว่า การที่ กทม.รื้อถอนป้ายโฆษณาในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ ประเมินว่าจะทำให้การใช้ งบโฆษณาผ่านป้ายขนาดใหญ่ ในกรุงเทพฯ หายไปคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท จากจำนวนงบโฆษณาทั้งหมดที่ใช้ใน สื่อนี้กว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการทุก ราย ซึ่งต้องปรับตัวหาสื่อใหม่ๆ มาทดแทน
สำหรับในส่วนของบริษัท ฮัลโล บางกอก ได้รับแจ้งป้ายโฆษณาที่ต้องรื้อถอนภายในเดือน มี.ค. นี้ 14 ป้าย จากจำนวนที่มีทั้งหมด 70 ป้าย แต่ในที่สุดบริษัทก็ต้องรื้อถอน ทั้งหมด
ผมเคยแจ้งให้สมาคมผู้ประกอบการป้ายโฆษณาได้ทราบแล้วว่า ป้ายที่มีทั้งหมดไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับทุกปีที่ผ่านมาเมื่อมีพายุ ก็จะมีปัญหาป้ายโฆษณาล้มทับคนตายมาตลอด เพราะฉะนั้น ในอนาคตไม่ไกล ป้ายทั้งหมดจะต้องถูกรื้อถอน ในฐานะ ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบต่อสังคม นายกิติชัย กล่าว
สำหรับป้ายโฆษณาของฮัลโล บางกอก ในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 70 ป้าย คาดว่าจะรื้อถอนให้แล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. นี้ ส่วนธุรกิจ ป้ายโฆษณาในต่างจังหวัดอีก 200 ป้าย บริษัทยังให้บริการตามปกติ และจะทดแทนด้วยการให้บริการสื่อใหม่ ฮัลโล โมบาย แอด รถโฆษณาเคลื่อนที่ ที่ใช้เงินลงทุนเกือบ 3 พันล้านบาท ด้วยจำนวนรถทั้งหมด 700 คัน คาดว่าจะเข้ามาทดแทนรายได้ในส่วนที่หายไป โดยบริษัทมีรายได้ต่อปีประมาณ 430 ล้านบาท
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=223729
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news06/03/08
โพสต์ที่ 92
หวังแผนรัฐกระตุ้นโฆษณาฟื้น
โพสต์ทูเดย์ นักโฆษณาเชื่อรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันอุตสาหกรรมโต 5% หลังมี.ค. เริ่มส่งสัญญาณบวก แนะเร่งครีเอทีฟพัฒนางานเตรียมรับมือ
นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการลดภาษีต่างๆ รวมถึงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ จะทำให้ผู้บริโภคและนักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้น และส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวม ที่จะมีเงินเข้ามาใช้จ่ายในอุตสาหกรรมอีกครั้ง โดยคาดว่าปีนี้ภาพรวมโฆษณาจะเติบโต 5% จากปีก่อนที่มีมูลค่ารวม 9 หมื่นล้านบาท
สำหรับยอดโฆษณาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แม้จะติดลบไป 7% แต่เดือน มี.ค. เริ่มมียอดโฆษณาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มสินค้าบำรุงผิว โทรคมนาคม และรถยนต์ ที่มีนโยบายเรื่องอี 20 เข้ามากระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน จึงถือเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตามยังมีตัวแปรเรื่องน้ำมันและการเมือง ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาดำเนินธุรกิจด้วย
ทั้งนี้ บริษัทโฆษณาจำเป็นต้องเร่งพัฒนา โดยเฉพาะด้านความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งปีที่ผ่านมา ประเทศไทย อันดับในตลาดโลกลดลงจาก 5 ลงมาอยู่ที่อันดับ 8 ถูกสิงคโปร์และญี่ปุ่นแซงหน้าไป โดยเฉพาะในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในช่องทางสื่อใหม่ๆ
ด้านนายปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการดำเนินงาน Adman Awards & Symposium กล่าวว่า การจัดงานแอดแมนในปีนี้ ต้องการมุ่งกระตุ้นอุตสาหกรรมโฆษณาและการสื่อสารการตลาดให้ยึดมั่นกับพื้นฐานคือ ความไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ความคิดสร้างสรรค์ที่สดใหม่ตลอดเวลา
สำหรับประเภทการประกวดและรางวัลต่างๆ สำหรับปีนี้แบ่งออกเป็น 11 หมวดหลักคือ สื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้ง วิทยุ การออกแบบกราฟฟิก แผนและกลยุทธ์การใช้สื่อโฆษณา แผนประชาสัมพันธ์ แผนการตลาดกิจกรรม สื่อโฆษณาแบบ Integrated Marketing Campaign สื่อโฆษณาเทิดทูนในหลวง และ Ad That Works รวม 289 รางวัล
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=224860
โพสต์ทูเดย์ นักโฆษณาเชื่อรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันอุตสาหกรรมโต 5% หลังมี.ค. เริ่มส่งสัญญาณบวก แนะเร่งครีเอทีฟพัฒนางานเตรียมรับมือ
นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการลดภาษีต่างๆ รวมถึงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ จะทำให้ผู้บริโภคและนักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้น และส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวม ที่จะมีเงินเข้ามาใช้จ่ายในอุตสาหกรรมอีกครั้ง โดยคาดว่าปีนี้ภาพรวมโฆษณาจะเติบโต 5% จากปีก่อนที่มีมูลค่ารวม 9 หมื่นล้านบาท
สำหรับยอดโฆษณาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แม้จะติดลบไป 7% แต่เดือน มี.ค. เริ่มมียอดโฆษณาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มสินค้าบำรุงผิว โทรคมนาคม และรถยนต์ ที่มีนโยบายเรื่องอี 20 เข้ามากระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน จึงถือเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตามยังมีตัวแปรเรื่องน้ำมันและการเมือง ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาดำเนินธุรกิจด้วย
ทั้งนี้ บริษัทโฆษณาจำเป็นต้องเร่งพัฒนา โดยเฉพาะด้านความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งปีที่ผ่านมา ประเทศไทย อันดับในตลาดโลกลดลงจาก 5 ลงมาอยู่ที่อันดับ 8 ถูกสิงคโปร์และญี่ปุ่นแซงหน้าไป โดยเฉพาะในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในช่องทางสื่อใหม่ๆ
ด้านนายปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการดำเนินงาน Adman Awards & Symposium กล่าวว่า การจัดงานแอดแมนในปีนี้ ต้องการมุ่งกระตุ้นอุตสาหกรรมโฆษณาและการสื่อสารการตลาดให้ยึดมั่นกับพื้นฐานคือ ความไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ความคิดสร้างสรรค์ที่สดใหม่ตลอดเวลา
สำหรับประเภทการประกวดและรางวัลต่างๆ สำหรับปีนี้แบ่งออกเป็น 11 หมวดหลักคือ สื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้ง วิทยุ การออกแบบกราฟฟิก แผนและกลยุทธ์การใช้สื่อโฆษณา แผนประชาสัมพันธ์ แผนการตลาดกิจกรรม สื่อโฆษณาแบบ Integrated Marketing Campaign สื่อโฆษณาเทิดทูนในหลวง และ Ad That Works รวม 289 รางวัล
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=224860
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news14/03/08
โพสต์ที่ 93
หุ้นน่าจับตา
BEC และ MCOT เป็นหุ้นการบริโภคในประเทศที่โดดเด่นสุด ปัจจัยบวกได้แก่ม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้น (จากการปิดตัวลงของ TITV)
อัตราค่าโฆษณาที่ปรับเพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยอดเงินโฆษณาของ BEC และ MCOT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% และ 27% ในช่วงครึ่ง
หลังของปี 2550 จากส่วนแบ่งของเม็ดเงินโฆษณาที่โยกมาจาก TITV และช่องมีรายได้ลดลง โดย BEC จะยังได้รับประโยชน์หลักจากเม็ดเงินโฆษณา
และแม้ MCOT ยังคงมีความเสี่ยงเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและการปรับผังรายการ แต่เราเชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไปบ้างแล้ว
โดย บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 14 มี.ค. 2551
http://www.thunhoon.com/home/
BEC และ MCOT เป็นหุ้นการบริโภคในประเทศที่โดดเด่นสุด ปัจจัยบวกได้แก่ม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้น (จากการปิดตัวลงของ TITV)
อัตราค่าโฆษณาที่ปรับเพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยอดเงินโฆษณาของ BEC และ MCOT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% และ 27% ในช่วงครึ่ง
หลังของปี 2550 จากส่วนแบ่งของเม็ดเงินโฆษณาที่โยกมาจาก TITV และช่องมีรายได้ลดลง โดย BEC จะยังได้รับประโยชน์หลักจากเม็ดเงินโฆษณา
และแม้ MCOT ยังคงมีความเสี่ยงเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและการปรับผังรายการ แต่เราเชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไปบ้างแล้ว
โดย บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 14 มี.ค. 2551
http://www.thunhoon.com/home/
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news14/03/08
โพสต์ที่ 94
เชื่อมี.ค.เม็ดเงินโฆษณาเริ่มกระเตื้อง
โพสต์ทูเดย์ ยอดโฆษณา 2 เดือนยังติดลบ แต่แนวโน้มดีขึ้น นักโฆษณาเชื่อ มี.ค.กระเตื้อง รถยนต์อัดเพิ่มรับมอเตอร์โชว์
บริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช (ประเทศไทย) รายงานตัวเลขการใช้งบโฆษณา 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) พบว่า มียอดใช้จ่ายลดลง 4.34% เมื่อเทียบ 2 เดือนของปีที่แล้ว หรือมูลค่ารวม 1.28 หมื่นล้านบาท ซึ่งในเดือน ก.พ. มีแนวโน้มดีขึ้น โดยติดลบ 3% หรือมียอดใช้จ่ายรวม 6,680 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ติดลบ 7%
สำหรับสื่อที่มียอดโฆษณาลดลงมากที่สุดในเดือน ก.พ. ได้แก่ นิตยสารลดลง 17.82% ตามด้วยสื่อโทรทัศน์ลดลง 5.88% สื่อในห้างสรรพสินค้าลดลง 4.76% สื่อหนังสือพิมพ์ลดลง 0.98%
ทั้งนี้ สื่อที่ขยายตัวสูงสุด ได้แก่ สื่อเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 50% สื่อวิทยุ เพิ่มขึ้น 14.96% สื่อโรงภาพยนตร์ เพิ่มขึ้น 5.63% และสื่อกลางแจ้ง เพิ่มขึ้น 1.87%
นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แม้จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องนโยบาย ประกอบกับเป็นช่วงไว้อาลัยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทำให้กิจกรรมต่างๆ ชะลอไป
ทั้งนี้ ในเดือน มี.ค. เริ่มกลับมามีการใช้งบโฆษณาอีกครั้ง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มรถยนต์ ซึ่งจะงานมอเตอร์โชว์ในปลายเดือนนี้ รวมถึงสินค้าหน้าร้อน ที่จะเข้าสู่ฤดูกาลขายอีกครั้ง ประกอบกับรัฐบาลเริ่มประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ จะทำให้เจ้าของสินค้าเกิดความ เชื่อมั่นและลงทุนโฆษณาอีกครั้ง
สำหรับแบรนด์ที่ใช้งบสูงสุด 5อันดับแรก เดือน ก.พ. ได้แก่ เครื่องดื่มเอ็ม 150, รถยนต์นั่งโตโยต้า พอนด์ส โตโยต้า ปิกอัพ และบรีส
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=226510
โพสต์ทูเดย์ ยอดโฆษณา 2 เดือนยังติดลบ แต่แนวโน้มดีขึ้น นักโฆษณาเชื่อ มี.ค.กระเตื้อง รถยนต์อัดเพิ่มรับมอเตอร์โชว์
บริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช (ประเทศไทย) รายงานตัวเลขการใช้งบโฆษณา 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) พบว่า มียอดใช้จ่ายลดลง 4.34% เมื่อเทียบ 2 เดือนของปีที่แล้ว หรือมูลค่ารวม 1.28 หมื่นล้านบาท ซึ่งในเดือน ก.พ. มีแนวโน้มดีขึ้น โดยติดลบ 3% หรือมียอดใช้จ่ายรวม 6,680 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ติดลบ 7%
สำหรับสื่อที่มียอดโฆษณาลดลงมากที่สุดในเดือน ก.พ. ได้แก่ นิตยสารลดลง 17.82% ตามด้วยสื่อโทรทัศน์ลดลง 5.88% สื่อในห้างสรรพสินค้าลดลง 4.76% สื่อหนังสือพิมพ์ลดลง 0.98%
ทั้งนี้ สื่อที่ขยายตัวสูงสุด ได้แก่ สื่อเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 50% สื่อวิทยุ เพิ่มขึ้น 14.96% สื่อโรงภาพยนตร์ เพิ่มขึ้น 5.63% และสื่อกลางแจ้ง เพิ่มขึ้น 1.87%
นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แม้จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องนโยบาย ประกอบกับเป็นช่วงไว้อาลัยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทำให้กิจกรรมต่างๆ ชะลอไป
ทั้งนี้ ในเดือน มี.ค. เริ่มกลับมามีการใช้งบโฆษณาอีกครั้ง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มรถยนต์ ซึ่งจะงานมอเตอร์โชว์ในปลายเดือนนี้ รวมถึงสินค้าหน้าร้อน ที่จะเข้าสู่ฤดูกาลขายอีกครั้ง ประกอบกับรัฐบาลเริ่มประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ จะทำให้เจ้าของสินค้าเกิดความ เชื่อมั่นและลงทุนโฆษณาอีกครั้ง
สำหรับแบรนด์ที่ใช้งบสูงสุด 5อันดับแรก เดือน ก.พ. ได้แก่ เครื่องดื่มเอ็ม 150, รถยนต์นั่งโตโยต้า พอนด์ส โตโยต้า ปิกอัพ และบรีส
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=226510
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news17/04/08
โพสต์ที่ 95
ธุรกิจสื่อเริ่มคึกรับไฮซีซั่น
ทันหุ้น-โบรกประเมินเม็ดเงินโฆษณาในเดือนมีนาคมมีการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์ถึง 15.9% เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ไฮซีซั่น อีกทั้งฉายภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาปีนี้ มีแนวโน้มดีกว่าปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยผลักดันมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการฟื้นตัวขึ้นมาเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน เล็ง GRAMMY- MCOT น่าลงทุน
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าเม็ดเงินโฆษณาในเดือนมีนาคมมีการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์ถึง 15.9% เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ไฮซีซั่น สำหรับอุตสาหกรรม
โฆษณา โดยที่เม็ดเงินโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ซึ่งมีสัดส่วนถึง 59% ของอุตสาหกรรมโฆษณาเติบโต 13.7% อย่างไรก็ดีถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (yoy) อุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมหดตัวลง 3.7% เป็น 7,755 ล้านบาท จากการที่สถานีโทรทัศน์ที่สามารถมีโฆษณาได้หายไปหนึ่งสถานีคือ ทีไอทีวีที่ได้หยุดออกอากาศและเปลี่ยนไปเป็นสถานีไทยพีบีเอสซึ่งเป็นโทรทัศน์สาธารณะ ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมปีนี้ ทำให้เม็ดเงินโฆษณาทางโทรทัศน์ปรับตัวลดลง 7.8% yoy เป็น 4,407 ล้านบาท
โดยผู้ซื้อโฆษณารายใหญ่ ได้แก่ Unilever, Proctor & Gamble และ AIS มีการใช้งบโฆษณาลดลง 30%, 8% และ 30% ตามลำดับ แต่ค่ายรถยนต์และบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภครายอื่นๆ ยังใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้โดยภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณายังเป็นบวก ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ อุตสาหกรรมโฆษณาขยายตัวลดลง 3.7% yoy เป็น 20,686 ล้านบาท การหยุดออกอากาศของทีไอทีวีคาดว่า จะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เม็ดเงินโฆษณาในปีนี้ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากเดิมสถานีทีไอทีวีได้รับเม็ดเงินโฆษณาประมาณ 500-800 ล้านบาท/เดือน
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยยังมองว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมในปีนี้ มีแนวโน้มดีกว่าปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยผลักดันมาจากการแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการฟื้นตัวขึ้นมาเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน
นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเสริมจากเม็ดเงินโฆษณา จากมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2008 และกีฬาโอลิมปิก ในช่วงกลางปีนี้อีกด้วย ประกอบกับสถานีโทรทัศน์เกือบทุกสถานีได้ทยอย ปรับขึ้นค่าโฆษณามาตั้งแต่ต้นปีเนื่องจาก supply ที่ลดลงหลังจากสถานีทีไอทีวีหยุดออกอากาศไป
ทางฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มสื่อ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโฆษณา โดยแนะนำ GRAMMY ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจที่ต่อเนื่องกับธุรกิจเพลง รวมทั้งมี PER ต่ำที่สุดในหุ้นกลุ่มสื่อ
สำหรับ MCOT แนะนำ ทยอยสะสม ซึ่งแม้ว่าจะมีความเสี่ยงเรื่องการเปลี่ยนผู้บริหาร แต่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากการปรับผังรายการและการขึ้นค่าโฆษณาบางรายการที่ได้รับความนิยม
ส่วน BEC ปรับคำแนะนำจาก ซื้อ มาเป็น ถือ เนื่องจากแม้ว่ากำไรของบริษัทคาดว่าจะยังเติบโตดีแต่ราคาหุ้นได้ ปรับตัวขึ้นมาสะท้อนผลประกอบการจนใกล้กับราคาที่เหมาะสมแล้ว
http://www.thunhoon.com/home/
ทันหุ้น-โบรกประเมินเม็ดเงินโฆษณาในเดือนมีนาคมมีการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์ถึง 15.9% เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ไฮซีซั่น อีกทั้งฉายภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาปีนี้ มีแนวโน้มดีกว่าปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยผลักดันมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการฟื้นตัวขึ้นมาเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน เล็ง GRAMMY- MCOT น่าลงทุน
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าเม็ดเงินโฆษณาในเดือนมีนาคมมีการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์ถึง 15.9% เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ไฮซีซั่น สำหรับอุตสาหกรรม
โฆษณา โดยที่เม็ดเงินโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ซึ่งมีสัดส่วนถึง 59% ของอุตสาหกรรมโฆษณาเติบโต 13.7% อย่างไรก็ดีถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (yoy) อุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมหดตัวลง 3.7% เป็น 7,755 ล้านบาท จากการที่สถานีโทรทัศน์ที่สามารถมีโฆษณาได้หายไปหนึ่งสถานีคือ ทีไอทีวีที่ได้หยุดออกอากาศและเปลี่ยนไปเป็นสถานีไทยพีบีเอสซึ่งเป็นโทรทัศน์สาธารณะ ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมปีนี้ ทำให้เม็ดเงินโฆษณาทางโทรทัศน์ปรับตัวลดลง 7.8% yoy เป็น 4,407 ล้านบาท
โดยผู้ซื้อโฆษณารายใหญ่ ได้แก่ Unilever, Proctor & Gamble และ AIS มีการใช้งบโฆษณาลดลง 30%, 8% และ 30% ตามลำดับ แต่ค่ายรถยนต์และบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภครายอื่นๆ ยังใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้โดยภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณายังเป็นบวก ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ อุตสาหกรรมโฆษณาขยายตัวลดลง 3.7% yoy เป็น 20,686 ล้านบาท การหยุดออกอากาศของทีไอทีวีคาดว่า จะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เม็ดเงินโฆษณาในปีนี้ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากเดิมสถานีทีไอทีวีได้รับเม็ดเงินโฆษณาประมาณ 500-800 ล้านบาท/เดือน
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยยังมองว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมในปีนี้ มีแนวโน้มดีกว่าปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยผลักดันมาจากการแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการฟื้นตัวขึ้นมาเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน
นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเสริมจากเม็ดเงินโฆษณา จากมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2008 และกีฬาโอลิมปิก ในช่วงกลางปีนี้อีกด้วย ประกอบกับสถานีโทรทัศน์เกือบทุกสถานีได้ทยอย ปรับขึ้นค่าโฆษณามาตั้งแต่ต้นปีเนื่องจาก supply ที่ลดลงหลังจากสถานีทีไอทีวีหยุดออกอากาศไป
ทางฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มสื่อ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโฆษณา โดยแนะนำ GRAMMY ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจที่ต่อเนื่องกับธุรกิจเพลง รวมทั้งมี PER ต่ำที่สุดในหุ้นกลุ่มสื่อ
สำหรับ MCOT แนะนำ ทยอยสะสม ซึ่งแม้ว่าจะมีความเสี่ยงเรื่องการเปลี่ยนผู้บริหาร แต่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากการปรับผังรายการและการขึ้นค่าโฆษณาบางรายการที่ได้รับความนิยม
ส่วน BEC ปรับคำแนะนำจาก ซื้อ มาเป็น ถือ เนื่องจากแม้ว่ากำไรของบริษัทคาดว่าจะยังเติบโตดีแต่ราคาหุ้นได้ ปรับตัวขึ้นมาสะท้อนผลประกอบการจนใกล้กับราคาที่เหมาะสมแล้ว
http://www.thunhoon.com/home/
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news26/04/08
โพสต์ที่ 96
ดันกม.ปราบแอบซูมหนังในโรง ร้องธุรกิจ2หมื่นล้านสูญกว่าครึ่ง
โพสต์ทูเดย์ เอ็มพีเอ จับมือสมาพันธ์ภาพยนตร์ฯ ผลักดันกฎหมาย ฟันพวกแอบซูมหนังโรง ทำธุรกิจหนังไทยทรุดหนัก
นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย สมาคมผู้สร้างภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (Motion Picture Association : MPA) กล่าวว่า กำลังทำงานร่วมกับสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ เพื่อผลักดันกฎหมายป้องกันการแอบถ่าย เพื่อดำเนินคดีอย่างจริงจังกับผู้ลักลอบแอบถ่ายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งนับวันปัญหานี้จะรุนแรงขึ้นและวิกฤตหนัก โดยเฉพาะกับภาพยนตร์ไทย ปกติหนังเข้าฉายวันพฤหัสบดี แค่วันศุกร์ก็มีแผ่นละเมิดลิขสิทธิ์ หรือแผ่นผีวางขายแล้ว
สถานการณ์การละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าภาพยนตร์ในเมืองไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ละเมิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทุกวันนี้แพร่กระจายเร็วมากผ่านอินเทอร์เน็ต นายเทียนชัย กล่าว
ทั้งนี้ ปัญหาหลักของการละเมิดลิขสิทธิ์ขณะนี้อยู่ที่การแอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ผ่านโทรศัพท์และกล้องดิจิตอล มีการทำเป็นขบวนการ 4-6 คน ผลัดกันถ่ายคนละ 10-20 นาที จากนั้นจึงนำไปลงเว็บไซต์เปิดให้ดาวน์โหลด ล่าสุดการละเมิดมีมากถึง 60-65% ของมูลค่าตลาด 2 หมื่นล้านบาท
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=234607
โพสต์ทูเดย์ เอ็มพีเอ จับมือสมาพันธ์ภาพยนตร์ฯ ผลักดันกฎหมาย ฟันพวกแอบซูมหนังโรง ทำธุรกิจหนังไทยทรุดหนัก
นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย สมาคมผู้สร้างภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (Motion Picture Association : MPA) กล่าวว่า กำลังทำงานร่วมกับสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ เพื่อผลักดันกฎหมายป้องกันการแอบถ่าย เพื่อดำเนินคดีอย่างจริงจังกับผู้ลักลอบแอบถ่ายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งนับวันปัญหานี้จะรุนแรงขึ้นและวิกฤตหนัก โดยเฉพาะกับภาพยนตร์ไทย ปกติหนังเข้าฉายวันพฤหัสบดี แค่วันศุกร์ก็มีแผ่นละเมิดลิขสิทธิ์ หรือแผ่นผีวางขายแล้ว
สถานการณ์การละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าภาพยนตร์ในเมืองไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ละเมิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทุกวันนี้แพร่กระจายเร็วมากผ่านอินเทอร์เน็ต นายเทียนชัย กล่าว
ทั้งนี้ ปัญหาหลักของการละเมิดลิขสิทธิ์ขณะนี้อยู่ที่การแอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ผ่านโทรศัพท์และกล้องดิจิตอล มีการทำเป็นขบวนการ 4-6 คน ผลัดกันถ่ายคนละ 10-20 นาที จากนั้นจึงนำไปลงเว็บไซต์เปิดให้ดาวน์โหลด ล่าสุดการละเมิดมีมากถึง 60-65% ของมูลค่าตลาด 2 หมื่นล้านบาท
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=234607
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news29/04/08
โพสต์ที่ 97
กูรูโฆษณาชี้ ครึ่งปีแรกแย่
โพสต์ทูเดย์ คาราทฯ ชี้อุตฯ โฆษณาครึ่งปีแรกซึม ของแพง น้ำมันพุ่ง ปิดทีไอทีวี หวังครึ่งหลังดันยอดรวมโต 6-7%
นายวิชัย สุภาสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราท (ประเทศไทย) กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาในครึ่งปีแรก ไม่ดีนัก เนื่องจากสภาวะการเมืองไม่นิ่ง ราคาน้ำมันและสินค้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้โฆษณา ไม่กล้าลงทุน ขณะที่ตัวเลขไตรมาสแรก ลดลง 3% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปลี่ยนทีไอทีวี เป็นทีวีสาธารณะ ไม่มีโฆษณา ทำให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสถานีทีไอทีวีส่วนหนึ่งหายไป
ปกติงบโฆษณาที่ใช้ผ่านทีไอทีวี ปีละ 8,000 ล้านบาท เมื่อไม่สามารถโฆษณาได้ ทำให้งบโฆษณาส่วนหนึ่งหายไปจากอุตสาหกรรมโฆษณา โดย 60% จะหมุนเวียนในช่องที่เหลืออีก 40% ใช้ไปกับสื่ออื่นๆ นายวิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง อุตสาหกรรมโฆษณามีแนวโน้มขยายตัวมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากการกลับมาลงทุนด้านการโฆษณา การเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เชื่อว่าจะทำให้ทั้งปีอุตสาหกรรมขยายตัว 6-7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน มา สำหรับบริษัท คาราทฯ ตั้งเป้าการเติบโตที่ 14% ในปีนี้ หรือมีรายได้รวม 7,400 ล้านบาท
นายวิชัย กล่าวว่า สำหรับ คาราทฯ มีแผนลงทุนสื่อนอกบ้านมากขึ้นในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของสื่อนี้ เนื่องจากมีราคาถูกกว่าสื่อโทรทัศน์ รวมทั้งมีแผนจะซื้อกิจการบริษัทด้านสปอร์ต มาร์เก็ตติง คาดว่าจะสรุปได้ปีนี้ และเริ่มให้บริการในต้นปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม อีจิส มีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ คาราททั่วโลก มีนโยบายให้บริษัท ในเครือ ร่วมหาวิธีลดภาวะโลกร้อน ภายใต้โครงการกรีนบีน โปรเจกต์ โดยตั้งเป้าหมายให้ทุกบริษัทในเครือ ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้อย่างน้อย 20% ซึ่งในประเทศไทยตั้งเป้าลด 32% และจะเป็นแคมเปญใหญ่ของคาราทฯ ในปีนี้
ทั้งนี้ เม็ดเงินโฆษณาไตรมาสแรกของปี 2551 มูลค่า 2.07 หมื่นล้านบาท ลดกว่าไตรมาสแรกของปี 2550 ที่มีมูลค่า 2.15 หมื่นล้านบาท อยู่ลบ 3.67% โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่การถดถอยของการใช้งบโฆษณาทางโทรทัศน์ ตลอด 3 เดือนแรกของปี มีมูลค่า 1.17 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 1.27 หมื่นล้านบาท ประมาณ 7.67%
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=235078
โพสต์ทูเดย์ คาราทฯ ชี้อุตฯ โฆษณาครึ่งปีแรกซึม ของแพง น้ำมันพุ่ง ปิดทีไอทีวี หวังครึ่งหลังดันยอดรวมโต 6-7%
นายวิชัย สุภาสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราท (ประเทศไทย) กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาในครึ่งปีแรก ไม่ดีนัก เนื่องจากสภาวะการเมืองไม่นิ่ง ราคาน้ำมันและสินค้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้โฆษณา ไม่กล้าลงทุน ขณะที่ตัวเลขไตรมาสแรก ลดลง 3% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปลี่ยนทีไอทีวี เป็นทีวีสาธารณะ ไม่มีโฆษณา ทำให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสถานีทีไอทีวีส่วนหนึ่งหายไป
ปกติงบโฆษณาที่ใช้ผ่านทีไอทีวี ปีละ 8,000 ล้านบาท เมื่อไม่สามารถโฆษณาได้ ทำให้งบโฆษณาส่วนหนึ่งหายไปจากอุตสาหกรรมโฆษณา โดย 60% จะหมุนเวียนในช่องที่เหลืออีก 40% ใช้ไปกับสื่ออื่นๆ นายวิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง อุตสาหกรรมโฆษณามีแนวโน้มขยายตัวมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากการกลับมาลงทุนด้านการโฆษณา การเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เชื่อว่าจะทำให้ทั้งปีอุตสาหกรรมขยายตัว 6-7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน มา สำหรับบริษัท คาราทฯ ตั้งเป้าการเติบโตที่ 14% ในปีนี้ หรือมีรายได้รวม 7,400 ล้านบาท
นายวิชัย กล่าวว่า สำหรับ คาราทฯ มีแผนลงทุนสื่อนอกบ้านมากขึ้นในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของสื่อนี้ เนื่องจากมีราคาถูกกว่าสื่อโทรทัศน์ รวมทั้งมีแผนจะซื้อกิจการบริษัทด้านสปอร์ต มาร์เก็ตติง คาดว่าจะสรุปได้ปีนี้ และเริ่มให้บริการในต้นปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม อีจิส มีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ คาราททั่วโลก มีนโยบายให้บริษัท ในเครือ ร่วมหาวิธีลดภาวะโลกร้อน ภายใต้โครงการกรีนบีน โปรเจกต์ โดยตั้งเป้าหมายให้ทุกบริษัทในเครือ ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้อย่างน้อย 20% ซึ่งในประเทศไทยตั้งเป้าลด 32% และจะเป็นแคมเปญใหญ่ของคาราทฯ ในปีนี้
ทั้งนี้ เม็ดเงินโฆษณาไตรมาสแรกของปี 2551 มูลค่า 2.07 หมื่นล้านบาท ลดกว่าไตรมาสแรกของปี 2550 ที่มีมูลค่า 2.15 หมื่นล้านบาท อยู่ลบ 3.67% โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่การถดถอยของการใช้งบโฆษณาทางโทรทัศน์ ตลอด 3 เดือนแรกของปี มีมูลค่า 1.17 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 1.27 หมื่นล้านบาท ประมาณ 7.67%
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=235078
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: กลุ่มสื่อ,สิ่งพิมม์และบันเทิง
โพสต์ที่ 98
เซ็งน้ำท่วมไม่อ่านหนังสือสิ่งพิมพ์กระอัก Q4 วูบ 40% [ มติชน, 17 ต.ค. 54 ]
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองเลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์สภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ประเมินว่าผลกระทบน้ำท่วมจะทำให้ยอด
จำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ไตรมาส 4 ลดลง 30-40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
ก่อน เนื่องจากประชาชนไม่มีแรงซื้อและการจัดส่งไม่สามารถกระจายหนังสือและนิตยสารไปยัง
ร้านค้าได้ ส่วนการส่งออกไม่ได้รับผลกระทบ เพราะโรงพิมพ์ส่วนใหญ่ดำเนินกิจการปกติ เนื่อง
จากไม่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองเลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์สภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ประเมินว่าผลกระทบน้ำท่วมจะทำให้ยอด
จำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ไตรมาส 4 ลดลง 30-40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
ก่อน เนื่องจากประชาชนไม่มีแรงซื้อและการจัดส่งไม่สามารถกระจายหนังสือและนิตยสารไปยัง
ร้านค้าได้ ส่วนการส่งออกไม่ได้รับผลกระทบ เพราะโรงพิมพ์ส่วนใหญ่ดำเนินกิจการปกติ เนื่อง
จากไม่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: กลุ่มสื่อ,สิ่งพิมม์และบันเทิง
โพสต์ที่ 99
ขอบคุณครับ อยากอ่านเรื่องของกลุ่มนี้นานเเล้ว
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: กลุ่มสื่อ,สิ่งพิมม์และบันเทิง
โพสต์ที่ 100
ผู้ผลิตรายการอ่วมน้ำท่วม [ โพสต์ทูเดย์, 13 ธ.ค. 54 ]
ผู้ผลิตรายการอ่วมพิษน้ำท่วม ทีวี ธันเดอร์ ยอดหาย 100 ล้าน ลักษ์ (666) ทำใจ หวังปีหน้า
ฟื้น-บุกช่องทางใหม่
นายภูษิต ไล้ทอง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวี ธันเดอร์ กล่าวว่า จากวิกฤติน้ำท่วมที่เกิดขึ้น
ส่งผลกระทบชัดเจน 2 ส่วน คือ การผลิตรายการที่ต้องหยุดชะงักไป จนต้องนำสต๊อกรายการเดิมที่มีอยู่กลับ
มาตัดต่อใหม่เพื่อออกอากาศในช่วงที่ไม่สามารถผลิตรายการได้ และที่เสียหายมาก คือ งบโฆษณาที่หายไป
อย่างชัดเจน บางรายการหายไปถึง 70% ส่วนคอนเสิร์ตและการจัดกิจกรรมการตลาดต้องเลื่อนออกไป
ปี 2555
--จบ--
^
^
ภูษิต ไล้ทอง คือ "พี่แต๋ง วงเฉลียง" นี่หน่า
ผู้ผลิตรายการอ่วมพิษน้ำท่วม ทีวี ธันเดอร์ ยอดหาย 100 ล้าน ลักษ์ (666) ทำใจ หวังปีหน้า
ฟื้น-บุกช่องทางใหม่
นายภูษิต ไล้ทอง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวี ธันเดอร์ กล่าวว่า จากวิกฤติน้ำท่วมที่เกิดขึ้น
ส่งผลกระทบชัดเจน 2 ส่วน คือ การผลิตรายการที่ต้องหยุดชะงักไป จนต้องนำสต๊อกรายการเดิมที่มีอยู่กลับ
มาตัดต่อใหม่เพื่อออกอากาศในช่วงที่ไม่สามารถผลิตรายการได้ และที่เสียหายมาก คือ งบโฆษณาที่หายไป
อย่างชัดเจน บางรายการหายไปถึง 70% ส่วนคอนเสิร์ตและการจัดกิจกรรมการตลาดต้องเลื่อนออกไป
ปี 2555
--จบ--
^
^
ภูษิต ไล้ทอง คือ "พี่แต๋ง วงเฉลียง" นี่หน่า
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: กลุ่มสื่อ,สิ่งพิมม์และบันเทิง
โพสต์ที่ 101
กสทช.เร่งคลอดไลเซนส์ทีวี-วิทยุ ลั่นกลางปีหน้าเห็นแน่ เตือนวิทยุชุมชนรีบต่ออายุ [ ข่าวหุ้น, 13 ธ.ค. 54 ]
กสทช.เร่งร่างกฎเกณฑ์เพื่อออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการวิทยุ-โทรทัศน์ คาดกลางปี 2555 ได้เห็น
แน่ พร้อมทุ่ม 22,000 ล้านบาท ลุยแผน USO หวังการบริการโทรคมนาคม อย่างทั่วถึง "สุภิญญา"เตือนผู้
ได้รับอนุญาตทดลองออกอากาศ "วิทยุชุมชน" ยื่นต่ออายุภายใน 29 ก.พ.
กสทช.เร่งร่างกฎเกณฑ์เพื่อออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการวิทยุ-โทรทัศน์ คาดกลางปี 2555 ได้เห็น
แน่ พร้อมทุ่ม 22,000 ล้านบาท ลุยแผน USO หวังการบริการโทรคมนาคม อย่างทั่วถึง "สุภิญญา"เตือนผู้
ได้รับอนุญาตทดลองออกอากาศ "วิทยุชุมชน" ยื่นต่ออายุภายใน 29 ก.พ.
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: กลุ่มสื่อ,สิ่งพิมม์และบันเทิง
โพสต์ที่ 102
กสทช. เห็นชอบร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียง-โทรทัศน์ฉบับปี 55 –59 ประชาพิจารณ์ต้นปี 55 [ ทันหุ้น, 16 ธันวาคม 2011 ]
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช.มีมติเห็นชอบร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับ พ.ศ. 2555 – 2559
ซึ่งเป็นร่างแผนแม่บทฯ ด้านวิทยุและโทรทัศน์ฉบับแรกของประเทศไทย และจะมีการรับรองรายงานการประชุมในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ ก่อนจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน กสทช. คาดว่าจะสามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการประชาพิจารณ์และเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้เกี่ยวข้องได้ในต้นปีหน้า
สาระของแผนแม่บทฯ ฉบับดังกล่าว ประกอบด้วย การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ การกำกับดูแลให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เพื่อก่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม การคุ้มครองผู้บริโภค การส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการสื่อสาร การพัฒนาคุณภาพการประกอบกิจการฯ ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัล และการพัฒนาระบบบริหารไปสู่การเป็นองค์กรกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ และภายใน 1 ปี คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) จะจัดทำเกณฑ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นและติดตามการจัดทำแผนแม่บทฯ ที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายอย่างกว้างขวาง เนื่องจากแผนแม่บทฯ ทุกฉบับจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ได้ภายในต้นปีหน้า เพื่อให้การจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ในระบบใหม่เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช.มีมติเห็นชอบร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับ พ.ศ. 2555 – 2559
ซึ่งเป็นร่างแผนแม่บทฯ ด้านวิทยุและโทรทัศน์ฉบับแรกของประเทศไทย และจะมีการรับรองรายงานการประชุมในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ ก่อนจะเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน กสทช. คาดว่าจะสามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการประชาพิจารณ์และเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้เกี่ยวข้องได้ในต้นปีหน้า
สาระของแผนแม่บทฯ ฉบับดังกล่าว ประกอบด้วย การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ การกำกับดูแลให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เพื่อก่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม การคุ้มครองผู้บริโภค การส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการสื่อสาร การพัฒนาคุณภาพการประกอบกิจการฯ ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัล และการพัฒนาระบบบริหารไปสู่การเป็นองค์กรกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ และภายใน 1 ปี คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) จะจัดทำเกณฑ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นและติดตามการจัดทำแผนแม่บทฯ ที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายอย่างกว้างขวาง เนื่องจากแผนแม่บทฯ ทุกฉบับจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ได้ภายในต้นปีหน้า เพื่อให้การจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ในระบบใหม่เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: กลุ่มสื่อ,สิ่งพิมม์และบันเทิง
โพสต์ที่ 103
โฆษณาปี'55โตเกือบ13%ปีนี้คาด10%
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th), Wednesday, January 16, 2013
โพสต์ทูเดย์ -ปิดยอดอุตฯ โฆษณาปี 2555 เม็ดเงิน 1.17 แสนล้านบาท โตเกือบ 13% ขณะ ธ.ค.โต23.27%
บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมพานีรายงานตัวเลขการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมโฆษณาปี 2555 มียอดรวม1.17 แสนล้านบาท โต 12.42% จากปีก่อน โดยสื่อที่โตสูงสุด3 อันดับแรกได้แก่ อินสโตร์ มีเดีย 68.85% มูลค่า2,732 ล้านบาท สื่อโรงภาพยนตร์67.68% มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาทและอินเทอร์เน็ต โต 21.91% มูลค่า573 ล้านบาท
ขณะที่เดือน ธ.ค. ใช้งบโฆษณารวม 9,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น23.27% เทียบเดือนเดียวกันปีก่อนเช่น สื่อโทรทัศน์โต 28.75% หรือ5,580 ล้านบาท
สำหรับแบรนด์ที่ใช้งบโฆษณาสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รถปิกอัพอีซูซุ เครื่องดื่มโค้กรถยนต์โตโยต้าระบบโทรศัพท์แฮปปี้ และ ปตท. กรุ๊ป
นายวิทวัส ชัยปาณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูซแบงคอก กล่าวว่า ภาพรวมโฆษณาปีนี้จะโตกว่า 10% หรือ 1.4 แสนล้านบาท ขณะที่ภาพรวมโฆษณาปีที่ผ่านมาโต 10% มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท สินค้าที่โฆษณาสูง คือ กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เช่น น้ำอัดลม เนื่องจากเจ้าของสินค้าทั้งโค้ก
และเอส โคล่า ใช้งบโฆษณาจำนวนมาก กลุ่มรถยนต์ใช้งบมากจากนโยบายรถคันแรกด้านสื่อโฆษณาที่
จะมาแรงปีนี้ คือ สื่อเคเบิลทีวีและทีวีดิจิตอล เนื่องจากผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่หันไปใช้สื่อโฆษณามากขึ้นคาดว่าจะโตเท่าตัวเป็น 4 หมื่นล้านบาท
--จบ--
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th), Wednesday, January 16, 2013
โพสต์ทูเดย์ -ปิดยอดอุตฯ โฆษณาปี 2555 เม็ดเงิน 1.17 แสนล้านบาท โตเกือบ 13% ขณะ ธ.ค.โต23.27%
บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมพานีรายงานตัวเลขการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมโฆษณาปี 2555 มียอดรวม1.17 แสนล้านบาท โต 12.42% จากปีก่อน โดยสื่อที่โตสูงสุด3 อันดับแรกได้แก่ อินสโตร์ มีเดีย 68.85% มูลค่า2,732 ล้านบาท สื่อโรงภาพยนตร์67.68% มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาทและอินเทอร์เน็ต โต 21.91% มูลค่า573 ล้านบาท
ขณะที่เดือน ธ.ค. ใช้งบโฆษณารวม 9,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น23.27% เทียบเดือนเดียวกันปีก่อนเช่น สื่อโทรทัศน์โต 28.75% หรือ5,580 ล้านบาท
สำหรับแบรนด์ที่ใช้งบโฆษณาสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รถปิกอัพอีซูซุ เครื่องดื่มโค้กรถยนต์โตโยต้าระบบโทรศัพท์แฮปปี้ และ ปตท. กรุ๊ป
นายวิทวัส ชัยปาณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูซแบงคอก กล่าวว่า ภาพรวมโฆษณาปีนี้จะโตกว่า 10% หรือ 1.4 แสนล้านบาท ขณะที่ภาพรวมโฆษณาปีที่ผ่านมาโต 10% มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท สินค้าที่โฆษณาสูง คือ กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เช่น น้ำอัดลม เนื่องจากเจ้าของสินค้าทั้งโค้ก
และเอส โคล่า ใช้งบโฆษณาจำนวนมาก กลุ่มรถยนต์ใช้งบมากจากนโยบายรถคันแรกด้านสื่อโฆษณาที่
จะมาแรงปีนี้ คือ สื่อเคเบิลทีวีและทีวีดิจิตอล เนื่องจากผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่หันไปใช้สื่อโฆษณามากขึ้นคาดว่าจะโตเท่าตัวเป็น 4 หมื่นล้านบาท
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."