:ผลการดำเนินงาน บจ.งวด 9 เดือน ปี 2551 มีกำไร...
วันที่/เวลา 18 พ.ย. 2551 18:28:42
ข่าว SET ฉบับที่ 115 /2551
18 พฤศจิกายน 2551
ผลการดำเนินงาน บจ.งวด 9 เดือน ปี 2551 มีกำไรรวมเกือบสี่แสนล้านบาท
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกำไรงวด 9 เดือนแรกปี 2551 รวม 394,172 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26 และมียอดขายรวม 5,753,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 35 กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุด คือ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน
และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยมี PTT, PTTEP, SCC, SCB และ ADVANC เป็น
บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการ
ดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 ว่า บริษัทจด
ทะเบียน 469 บริษัทจาก 498 บริษัท (รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 21 กองทุน) มีกำไรสุทธิรวม
394,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26 และมียอดขายรวม 5,753,163 ล้าน
บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 โดยมีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 388 บริษัท และขาดทุนสุทธิ 81 บริษัท คิดเป็น
สัดส่วน 83 ต่อ 17
สำหรับผลการดำเนินงานโดยรวมในงวดไตรมาส 3 ปี 2551 มีกำไรสุทธิ 97,851 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6
เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมียอดขายรวม 2,006,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34
"ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ งวด 9 เดือนแรกของปี ยังคงเพิ่มขึ้น
จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งกำไรสุทธิและยอดขาย แสดงถึงโอกาสและศักยภาพของภาคอุตสาหกรรม
ของธุรกิจในประเทศไทยว่ายังมีความเข้มแข็งถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตการเงินและ
เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม " นางภัทรียากล่าว
สำหรับบริษัทในกลุ่ม SET100 มีกำไรสุทธิ 325,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ในขณะที่ยอดขาย
เพิ่มขึ้น ร้อยละ 40 ส่วนบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET50 กำไรสุทธิรวม 297,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 18 โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 41
สำหรับบริษัทที่มีมูลค่ากำไรสุทธิรวมสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.ปตท.สำรวจและ
ผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ บมจ.
แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANCE)
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) ไม่รวมบริษัทใน
กลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (Non-Compliance:NC) และบริษัทในกลุ่มที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้
ตามกำหนด (Non-Performing Group: NPG) จำนวน 453 บริษัท งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิรวม
390,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุด คือ กลุ่ม
ทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
สำหรับผลการดำเนินงานเรียงตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ดังนี้
1.กลุ่มทรัพยากร ประกอบด้วย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดเหมืองแร่ มีกำไร
สุทธิ 153,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2
2.กลุ่มธุรกิจการเงิน ประกอบด้วย หมวดธนาคาร หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และหมวด
ประกันภัยและประกันชีวิต มีกำไรสุทธิ 78,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 199
3.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประกอบด้วยหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดวัสดุ
ก่อสร้างและ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มีกำไรสุทธิ 45,835 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน
ร้อยละ 22
4. กลุ่มวัตถุดิบสินค้าอุตสาหกรรม ประกอบด้วยหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดวัสดุ
อุตสาหกรรมและเครื่องจักร หมวดบรรจุภัณฑ์ หมวดกระดาษและวัสดุการพิมพ์ และหมวดยานยนต์ มี
กำไรสุทธิ 37,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 77
5.กลุ่มเทคโนโลยี ประกอบด้วยหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดชิ้นส่วน
อิเล็กทรอนิกส์ มีกำไรสุทธิ 34,705 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 34
6. กลุ่มบริการ ประกอบด้วยหมวดพาณิชย์ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดการแพทย์ หมวดการ
ท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดบริการเฉพาะกิจ และหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ มีกำไรสุทธิ
18,392 ล้านบาท ลดลง จากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21
7. กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วยหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวด
ธุรกิจการเกษตร มีกำไรสุทธิ 16,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 112
8. กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบด้วยหมวดของใช้ในครัวเรือน หมวดของใช้ส่วนตัวและ
เวชภัณฑ์ หมวดแฟชั่น มีกำไรสุทธิ 4,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 48