ทำไมต้องเป็น หุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมต้องเป็น หุ้น
โพสต์ที่ 1
เคยมีอยู่คราวหนึ่งช่วงอายุประมาณตอนเรียนมัธยมต้น
ในตอนที่ผมพูดคุย เรื่องเงิน เรื่องการค้า กับบุคคลที่สำคัญยิ่งสำหรับผม(ซึ่งอยู่ในอาชีพค้าขาย)
แล้วก็มาสะดุดตรงที่ ทำไมทำการค้า ค้าขาย แล้วจะได้กำไร ยิ่งกำไรเยอะก็ยิ่งดี
วิธี คือ ซื้อของมา แล้วก็ขายไปโดยบวกส่วนกำไร
ในตอนนั้นตามความเป็นเด็ก ก็สงสัยมันต้องเป็นอย่างนี้เหรอถึงจะได้เงิน
และด้วยความสงสัย และปัญญายังน้อยอยู่ จึงพูดกลับไปว่า
ถ้าเราอยากได้เงินมากๆ ทำไมเราไม่ทำงานที่เกี่ยวกับเงินไปเลยล่ะ ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกว่าถ้าทำงานเกี่ยวกับเงินไปเลยมันจะเป็นวิธีทางตรงนะ(ซึ่งตอนนั้นสิ่งที่ผมพอจะรู้ก็คงเป็นรูปแบบประมาณปล่อยกู้ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่และก็พอรู้ว่ามีงานเกี่ยวกับพวกการเงิน แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเค้าทำอะไรกันแน่)
อย่างค้าขายเราเอาเงินของเราไปซื้อของมาวางขาย แล้วพอมีคนมาซื้อก็ขายในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมา แล้วก็ได้เงินกลับมาทั้งส่วนของทุนและกำไร ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเป็นทางอ้อม
ต้องมีเงิน -> เอาเงินไปซื้อของ -> วางขาย -> มีคนมาซื้อของ -> ได้เงินทั้งส่วนทุนและกำไร
เห็นป่ะ ตั้งหลายขั้นตอนกว่าจะได้กำไร มันอ้อม วนไปวนมายังไงไม่รู้
ถ้าปล่อยเงินกู้นะ
ต้องมีเงิน -> ปล่อยกู้ -> ได้เงินกลับมาทั้งต้นทั้งดอก (ในกรณีที่ทุกอย่างเรียบร้อย)
เห็นป่ะ ขั้นตอนลดลงไปตั้งเยอะ นี่แหละทางตรงถ้าเราทำเกี่ยวกับเงิน
ตรงจุดนี้ ประโยคที่สำคัญและทำให้ต้องคิดอะไรเพิ่มขึ้นนั่นคือประโยค
ในตอนนั้นตามความเป็นเด็ก ก็สงสัยมันต้องเป็นอย่างนี้เหรอถึงจะได้เงิน
มันเป็นประโยคที่บอกว่า น่าจะมีวิธีการหาเงิน มากกว่า 1 วิธี
มันทำผมเริ่มมองเห็น บางคนหาเงินโดยที่ไม่ต้องมีเงินก่อนเลยเดินเข้าในร้าน ล้างจานๆๆ ได้เงิน อืมเป็นอย่างนี้นี่เอง
บางคนมีร้านค้าขาย ร้านเล็กบ้างใหญ่บ้าง ร้านใหญ่จะดูว่าน่าจะรวยกว่า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมมองเห็นธุรกิจต่างๆตามภาษาคนวัยนั้น และฝันนู่นฝันนี่ ตามวัย
ใช่ วิธีหาเงินมีหลายวิธีจริงๆด้วย แต่ มันก็มีทั้งวิธีที่ทำให้รวย หรือไม่รวยด้วย
ซึ่งก็คงสนใจในส่วนที่จะทำงานเกี่ยวกับเงินไปเลยเพราะน่าจะเป็นทางตรง (ในความคิดของตัวเอง)
จนวันนึง มีโอกาสได้รู้จักหุ้นตามการพูดของคนทั่วไป เล่นหุ้นแล้วกำไรเร็วมาก
และเวลามีคนได้กำไร เค้ามักจะเสียงดังจนเราได้ยินด้วย
เข้าเค้าแล้ว ใช้เงินโดยตรง เงินต่อเงิน ซื้อหุ้น ที่ราคานี้ ถ้ามันขึ้น ก็ได้กำไรแล้ว
ต้องมีเงิน -> ซื้อหุ้น(ใช้เงิน)หวังว่าราคาจะขึ้น -> ขายหุ้น(ได้เงิน) จบ
ตรงๆ 555 ขั้นตอนง่ายๆ
แล้วเข้ามาเล่นหุ้น หวังราคาขึ้น แต่มันดันตก ไม่มีความรู้ เล่นก็ขาดทุน
จึงได้เข้าใจว่า แม้เป็นทางตรงตามที่เราต้องการ แต่เรายังใช้วิธีนี้ไม่เป็น จึงจำเป็นต้องเรียนรู้และศึกษา
ศึกษาไป ศึกษามา อ่าว
ไหงร้านค้าปลีก ที่เราเคยนั่งมองธุรกิจ แล้วเราก็ฝันอยากมีร้านแบบนี้บ้าง หลายๆสาขา
ทำไมมันมาอยู่ในตลาดหุ้นด้วย แถมราคาบางทีถูกกว่าไปสร้างเองอีก
ผมก็เลยซื้อหุ้นตัวนั้นซะเลย 555
ต้องมีเงิน -> ซื้อหุ้น หวังในความสามารถทางธุรกิจ(ใช้เงินซื้อหุ้น,ได้ปันผล) -> ขายหุ้น ถ้ามันแพงเกินไปจริงๆ แล้วมีตัวอื่นที่น่าสนใจ (ได้เงิน,ขายธุรกิจ)
ผมชอบหุ้น เพราะ ผมชอบธุรกิจ ครับ
ในตอนที่ผมพูดคุย เรื่องเงิน เรื่องการค้า กับบุคคลที่สำคัญยิ่งสำหรับผม(ซึ่งอยู่ในอาชีพค้าขาย)
แล้วก็มาสะดุดตรงที่ ทำไมทำการค้า ค้าขาย แล้วจะได้กำไร ยิ่งกำไรเยอะก็ยิ่งดี
วิธี คือ ซื้อของมา แล้วก็ขายไปโดยบวกส่วนกำไร
ในตอนนั้นตามความเป็นเด็ก ก็สงสัยมันต้องเป็นอย่างนี้เหรอถึงจะได้เงิน
และด้วยความสงสัย และปัญญายังน้อยอยู่ จึงพูดกลับไปว่า
ถ้าเราอยากได้เงินมากๆ ทำไมเราไม่ทำงานที่เกี่ยวกับเงินไปเลยล่ะ ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกว่าถ้าทำงานเกี่ยวกับเงินไปเลยมันจะเป็นวิธีทางตรงนะ(ซึ่งตอนนั้นสิ่งที่ผมพอจะรู้ก็คงเป็นรูปแบบประมาณปล่อยกู้ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่และก็พอรู้ว่ามีงานเกี่ยวกับพวกการเงิน แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเค้าทำอะไรกันแน่)
อย่างค้าขายเราเอาเงินของเราไปซื้อของมาวางขาย แล้วพอมีคนมาซื้อก็ขายในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมา แล้วก็ได้เงินกลับมาทั้งส่วนของทุนและกำไร ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเป็นทางอ้อม
ต้องมีเงิน -> เอาเงินไปซื้อของ -> วางขาย -> มีคนมาซื้อของ -> ได้เงินทั้งส่วนทุนและกำไร
เห็นป่ะ ตั้งหลายขั้นตอนกว่าจะได้กำไร มันอ้อม วนไปวนมายังไงไม่รู้
ถ้าปล่อยเงินกู้นะ
ต้องมีเงิน -> ปล่อยกู้ -> ได้เงินกลับมาทั้งต้นทั้งดอก (ในกรณีที่ทุกอย่างเรียบร้อย)
เห็นป่ะ ขั้นตอนลดลงไปตั้งเยอะ นี่แหละทางตรงถ้าเราทำเกี่ยวกับเงิน
ตรงจุดนี้ ประโยคที่สำคัญและทำให้ต้องคิดอะไรเพิ่มขึ้นนั่นคือประโยค
ในตอนนั้นตามความเป็นเด็ก ก็สงสัยมันต้องเป็นอย่างนี้เหรอถึงจะได้เงิน
มันเป็นประโยคที่บอกว่า น่าจะมีวิธีการหาเงิน มากกว่า 1 วิธี
มันทำผมเริ่มมองเห็น บางคนหาเงินโดยที่ไม่ต้องมีเงินก่อนเลยเดินเข้าในร้าน ล้างจานๆๆ ได้เงิน อืมเป็นอย่างนี้นี่เอง
บางคนมีร้านค้าขาย ร้านเล็กบ้างใหญ่บ้าง ร้านใหญ่จะดูว่าน่าจะรวยกว่า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมมองเห็นธุรกิจต่างๆตามภาษาคนวัยนั้น และฝันนู่นฝันนี่ ตามวัย
ใช่ วิธีหาเงินมีหลายวิธีจริงๆด้วย แต่ มันก็มีทั้งวิธีที่ทำให้รวย หรือไม่รวยด้วย
ซึ่งก็คงสนใจในส่วนที่จะทำงานเกี่ยวกับเงินไปเลยเพราะน่าจะเป็นทางตรง (ในความคิดของตัวเอง)
จนวันนึง มีโอกาสได้รู้จักหุ้นตามการพูดของคนทั่วไป เล่นหุ้นแล้วกำไรเร็วมาก
และเวลามีคนได้กำไร เค้ามักจะเสียงดังจนเราได้ยินด้วย
เข้าเค้าแล้ว ใช้เงินโดยตรง เงินต่อเงิน ซื้อหุ้น ที่ราคานี้ ถ้ามันขึ้น ก็ได้กำไรแล้ว
ต้องมีเงิน -> ซื้อหุ้น(ใช้เงิน)หวังว่าราคาจะขึ้น -> ขายหุ้น(ได้เงิน) จบ
ตรงๆ 555 ขั้นตอนง่ายๆ
แล้วเข้ามาเล่นหุ้น หวังราคาขึ้น แต่มันดันตก ไม่มีความรู้ เล่นก็ขาดทุน
จึงได้เข้าใจว่า แม้เป็นทางตรงตามที่เราต้องการ แต่เรายังใช้วิธีนี้ไม่เป็น จึงจำเป็นต้องเรียนรู้และศึกษา
ศึกษาไป ศึกษามา อ่าว
ไหงร้านค้าปลีก ที่เราเคยนั่งมองธุรกิจ แล้วเราก็ฝันอยากมีร้านแบบนี้บ้าง หลายๆสาขา
ทำไมมันมาอยู่ในตลาดหุ้นด้วย แถมราคาบางทีถูกกว่าไปสร้างเองอีก
ผมก็เลยซื้อหุ้นตัวนั้นซะเลย 555
ต้องมีเงิน -> ซื้อหุ้น หวังในความสามารถทางธุรกิจ(ใช้เงินซื้อหุ้น,ได้ปันผล) -> ขายหุ้น ถ้ามันแพงเกินไปจริงๆ แล้วมีตัวอื่นที่น่าสนใจ (ได้เงิน,ขายธุรกิจ)
ผมชอบหุ้น เพราะ ผมชอบธุรกิจ ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมต้องเป็น หุ้น
โพสต์ที่ 2
ถ้าผมจำไม่ผิด คำตอบน่าจะอยู่ช่วงต้นๆของหนังสือตีแตกครับเพราะช่วงเริ่มต้นธุรกิจมีความเสี่ยงสูงมากครับ และในระยะยาวหุ้นให้ผลตอบแทนดีที่สุดเหมือนโฆษณาของคุณบัญชาทางช่องmoney channe kub
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมต้องเป็น หุ้น
โพสต์ที่ 3
ให้ผลตอบแทนดีมากมาย จนทำให้ท่านปู่บัฟเฟตต์รวยๆๆๆๆๆมากมายกลายเป็นคนรวยที่สุดของโลกเลยครับพี่น้อง
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมต้องเป็น หุ้น
โพสต์ที่ 4
ศิษย์เซียน007 เขียน:ให้ผลตอบแทนดีมากมาย จนทำให้ท่านปู่บัฟเฟตต์รวยๆๆๆๆๆมากมายกลายเป็นคนรวยที่สุดของโลกเลยครับพี่น้อง
บางคนยังไม่รู้เลย ปู่บัฟเฟตต์ ทำงานอะไร
บางคนก็คิดว่า เล่นหุ้นจนรวย แสดงว่าโชคเข้าข้าง :lol:
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/