roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 92
สมมตินะครับ ว่าวันหนึ่ง LH มีคน Panic Sell ขึ้นมาเมื่อไหร่ จนทำให้ p/e ลดต่ำลง Cost of eq จะพุ่งเป็นจรวดทันที แล้ว Cap Yield ก็จะลดลงความน่าสนใจในการลงทุนจะลดลง ไม่รู้สึกว่าดูแปลกๆกันเหรอครับ... หุ้นยิ่งลดความน่าสนใจก็ยิ่งลดลง
ในมุมกลับกัน อยู่ๆ มีคนมาซื้อ spali จน p/e วิ่งกระฉูดไป 10 เท่า... cost of eq ก็จะลดลง แล้ว Cap yield ก็จะเพิ่มขึ้น.. กลายเป็นว่า spali ก็กลายเป็นหุ้นที่น่าสนใจในทันที..
ผมว่าไม่ต้องใช้ Math ก็ได้ ... เอา Common sense มาดู 2 ตัวอย่างข้างต้นก็รู้สึกแล้วว่า Logic มันแหม่งๆ อยู่
ในมุมกลับกัน อยู่ๆ มีคนมาซื้อ spali จน p/e วิ่งกระฉูดไป 10 เท่า... cost of eq ก็จะลดลง แล้ว Cap yield ก็จะเพิ่มขึ้น.. กลายเป็นว่า spali ก็กลายเป็นหุ้นที่น่าสนใจในทันที..
ผมว่าไม่ต้องใช้ Math ก็ได้ ... เอา Common sense มาดู 2 ตัวอย่างข้างต้นก็รู้สึกแล้วว่า Logic มันแหม่งๆ อยู่
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 93
โหยากจังเลย กว่าจะอ่านเข้าใจkrisy เขียน:กระทู้นี้สนุกมาก ไม่ได้คิดไปกินข้าวไปนานแล้ว แถมท้ายด้วยบรรยากาศพี่ๆน้องๆ อบอุ่นดีออก
ตอบฮงตาม style ของพี่ ซึ่งพูดตรงๆว่ายังเข้าใจพี่มนเขียนมาไม่แตกดีนัก
พี่ว่าใช้ E/P เพื่อดูความความหวังของตลาด อย่างกรณี SPALI นั้นเราลงทุน PE ต่ำเพราะเราหวังว่าถ้าได้ PE เท่าเพื่อนเมื่อไหร่ เราจะได้กำไรเยอะเพราะเราได้ราคาถูก พอคำนวณ cap yield ตัว WACC สูงด้วยความคาดหวัง ทำให้ยอดนี้ติดลบ เหมือนจะบอกว่ากิจการทำได้ดีแล้วแต่ยังทำผลตอบแทนไม่เท่าที่ตลาดหวัง ทำให้ PE ยังคงถูกต่อไป ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเลข WACC มาจากความคาดหวังไม่ใช่ของจริง เอาให้ clear ตรงนี้ก่อน
พี่ ih ก็เคยบอกว่าถ้าธุรกิจที่มีความแน่นอนของ
cashflow น้อย เช่น inv สูง ลูกหนี้เยอะ สินค้าคงเหลือเยอะ
จะทำให้มูลค่า dcf ต่ำลง และ pe จะถูก
อันนั้นเป็นส่วนของเงินสด แต่ส่วนของอัตราคิดลด
ส่วนเรื่อง wacc สูงเพราะความคาดหวังสูงก็จริง
เพราะว่าธุรกิจที่มีความมั่นคงน้อยกว่า
ถ้าจะลงทุนก็ต้องขอผลตอบแทนสูงกว่า
ธุรกิจที่มี brand แข็งแกร่งกว่า
แบบนี้คำถามที่ผมถามว่าถึงจุดไหนkrisy เขียน: เออนั่นแหละถึงจะพอรู้ว่าถ้าดอกเบี้ยลดลงถึงระดับนี้แล้วต้องกู้ เพราะเราจะรู้ว่าต้นทุนเงินทุนและต้นทุนเงินกู้จริงๆเป็นเท่าไหร่
ของการกู้ wacc จะเพิ่ม
คนที่ตอบคำถามนี้ได้ก็มีแต่ผู้บริหารนะสิครับ
แต่จะว่าไปข้อมูลตรงนี้
คงไม่ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงซักเท่าไหร่นะครับ
ว่าไหม
ไอ้ผมก็ขี้สงสัยไปงั้นแหละ
รู้สึกว่าตอนนั้นพี่ ih จะให้การบ้านผมมานะkrisy เขียน: แล้วที่ถามพี่ IH เรื่องนี้ เค้าตอบมาว่าไง พี่อยากรู้
ส่วน FCF พี่ไม่มีความรู้เลย รอผู้รู้แล้วกัน
ว่าถ้าหาได้แล้วให้ไปบอก
เดี่ยวส่ง link นี้ให้พี่ ih ดูเลยดีกว่า
อิอิ หาคนช่วยทำการบ้านส่ง
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 94
อืม ก็จริงนะครับpongo เขียน: default risk คือเหตุผลหลักอันนึง (ที่เจ้าหนี้พิจารณา) ที่ไม่มีธุรกิจไหนมีโครงสร้างเงินทุนเป็นหนี้ 100%
ซึ่งผมว่ามันเกี่ยวข้องไปถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนโครงสร้างเงินทุนของบริษัทด้วย
เอะอะก็กู้ๆๆ ชาวบ้านเขาดู balancesheet เห็นหนี้สินต่อทุนสูง
คงไม่มีใครอยากให้กู้ ถึงกู้ก็ต้องขอดอกโหดๆให้คุ้มค่าเสี่ยง
อืม มันจริงๆ
ได้หลายมุมมองดี
ขอบคุณพี่พงครับ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 95
ฝากซื้อหมีแพนด้ากลับมาตัวนึงด้วยนะครับMon money เขียน: ส่วนผมไปเมืองจีนก่อนละกัน อิ อิ
เฮีย จะเก็บไว้เลี้ยง
ตำรวจไทยอยู่เฉยๆก็งานเข้าเลยนะครับเนี้ยdensin เขียน:ผมเป็นตำรวจไทยครับ มาตอนจบเท่านั้น
ต้องรอพระเอก(พี่mon) มาก่อน
ฮา :lol:
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- krisy
- Verified User
- โพสต์: 736
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 96
ตอบฮง (พอดีพี่ไม่มีอารมณ์ทำงานแล้ววันนี้)
ตอนนี้ไฟแรง ส่ง link มาเลยนะ พี่แรงเป็นพักๆ
ก็เข้าใจเหมือนพี่นั่นแหละ (ไม่ได้แปลว่าเข้าใจถูก 555)ส่วนเรื่อง wacc สูงเพราะความคาดหวังสูงก็จริง
เพราะว่าธุรกิจที่มีความมั่นคงน้อยกว่า ถ้าจะลงทุนก็ต้องขอผลตอบแทนสูงกว่า ธุรกิจที่มี brand แข็งแกร่งกว่า
ถูก เรื่องนี้ตอนเราคุยกันเรื่อง EVA Spread ว่าผู้บริหารทำได้ดีไหมก็สามารถดูได้จากตัวเลขอันนี้ แต่ก็จะติดตรง wacc นี่แหละ ที่เราใส่อะไรที่ไม่ใช่ของที่กิจการเค้าทำได้จริงๆ เป็นข้อมูลตามความคาดหวัง ไม่ว่าจะเป็น beta risk premiumแบบนี้คำถามที่ผมถามว่าถึงจุดไหน ของการกู้ wacc จะเพิ่ม
คนที่ตอบคำถามนี้ได้ก็มีแต่ผู้บริหารนะสิครับ แต่จะว่าไปข้อมูลตรงนี้
คงไม่ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงซักเท่าไหร่นะครับ
ว่าไหม
ตอนนี้ไฟแรง ส่ง link มาเลยนะ พี่แรงเป็นพักๆ
.....Give Everything but not Give Up.....
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 97
เอาอีกหน่อยก็ได้...เห็นน้องสงสัยyoyo เขียน:สมมตินะครับ ว่าวันหนึ่ง LH มีคน Panic Sell ขึ้นมาเมื่อไหร่ จนทำให้ p/e ลดต่ำลง Cost of eq จะพุ่งเป็นจรวดทันที แล้ว Cap Yield ก็จะลดลงความน่าสนใจในการลงทุนจะลดลง ไม่รู้สึกว่าดูแปลกๆกันเหรอครับ... หุ้นยิ่งลดความน่าสนใจก็ยิ่งลดลง
ในมุมกลับกัน อยู่ๆ มีคนมาซื้อ spali จน p/e วิ่งกระฉูดไป 10 เท่า... cost of eq ก็จะลดลง แล้ว Cap yield ก็จะเพิ่มขึ้น.. กลายเป็นว่า spali ก็กลายเป็นหุ้นที่น่าสนใจในทันที..
ผมว่าไม่ต้องใช้ Math ก็ได้ ... เอา Common sense มาดู 2 ตัวอย่างข้างต้นก็รู้สึกแล้วว่า Logic มันแหม่งๆ อยู่
กรณีนี้ เกิดอะไรขึ้น ชั่วคราวหรือถาวร ถ้าเกิดเหตุการเช่นสมมุติขึ้นดังกล่าวแล้วเป็นเรื่องที่วิเคราะห์แล้วเป็นเรื่องชั่วคราว และอนาคตของทั้งสองบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแปลง
คุณๆจะขายอะไรไปซื้ออะไรล่ะคราวนี้? มันก็กลับไปที่หุ้นดีที่เกิดเหตุการสดุดขาตัวเองนั่นแหละ
กลับกัน LHไม่ต้องถูกเทขายหรอก แค่SPALIทำได้ดีขึ้น มีอนาคตสดใสขึ้น จนนักลงทุนเห็นได้ชัดเจน SPALIมีศักยภาพจะที่จะได้ PEที่สูงขึ้น เงินลงทุนในLHอาจจะไหลมาลงที่SPALI จน PEของLH ต่ำลงไปก็ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก
อนึ่ง การวิเคราะห์ LH เทีบยกับ SPALIเห็นจะไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไร เพราะ LHมีหลายธุรกิจอยู่ในงบการเงิน เช่น BANK ค้าปลีก ฯ ควรจะเอาหุ้นที่ทำแต่อสังหาฯมาเทียบกัน จะดีกว่า
SPALIที่PEต่ำๆอยู่อย่างนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า ตลาดให้PEถูกต้องแล้ว อาจผิดก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคนส่วนใหญ่ในตลาดเข้าเห็นว่าอย่างไง คนส่วนใหญ่เห็นไม่ถูกต้องก็ได้ ไม่งั้นคงไม่มีหุ้นดีๆ PEต่ำๆให้ซื้อแล้วทำกำไรหรอก
เพียงแต่ว่า "อะไรทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าPEมันควรจะเป็นเท่านี้" ต่างหากเป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบให้ชัดเจน
เรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีใครผิดใครถูกหรอก ขึ้นอยู่กับสมมุติฐานของแต่ละคน
เห็นตรงกันหมดหุ้นก็ไม่ขึ้นไม่ลงซิวะ ไม่ตอบอีกแล้วนาโว้ย...หมีแพนด้ากำลังโต...ต้องไปดูแลหน่อย
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 99
ยกมือสงสัยครับ
LH มันต้องดูงบเดี่ยว ถ้าไปเทียบกับ อสังหาริมทรัพย์ตัวอื่นๆ
เนื่องจาก LH มีธนาคาร LH เพื่อรายย่อยหนุนหลังอยู่
แถมมีบริษัทอื่นๆ อยู่อีก
ทำให้การวิเคราะห์ LH ตรงๆๆ มันทำได้หรือ
ถ้าไม่ตัดพวกนี้ทิ้งไป ถ้ามองกันที่ core หลัก มันทำอะไร
อสังหาริมทรัพย์ หรือ ธนาคารกันแน่นอน หรือ ก่อสร้าง หรือ สร้างคอนโดมิเนี่ยม
ต้องดูกันให้รายละเอียด ถ้าเป็นลูกผสม มันก็เหมือน น้ำที่อยู่ในกาน้ำที่ต้มเดือด ก็มองไม่เห็นก้นกา ต้องใจเย็นแกะ ว่าอะไรดีกว่าอะไร
แต่กระทู้นี้ได้ครับรู้เพียบเลย
ขอบคุณที่มา discuss กันครับ
LH มันต้องดูงบเดี่ยว ถ้าไปเทียบกับ อสังหาริมทรัพย์ตัวอื่นๆ
เนื่องจาก LH มีธนาคาร LH เพื่อรายย่อยหนุนหลังอยู่
แถมมีบริษัทอื่นๆ อยู่อีก
ทำให้การวิเคราะห์ LH ตรงๆๆ มันทำได้หรือ
ถ้าไม่ตัดพวกนี้ทิ้งไป ถ้ามองกันที่ core หลัก มันทำอะไร
อสังหาริมทรัพย์ หรือ ธนาคารกันแน่นอน หรือ ก่อสร้าง หรือ สร้างคอนโดมิเนี่ยม
ต้องดูกันให้รายละเอียด ถ้าเป็นลูกผสม มันก็เหมือน น้ำที่อยู่ในกาน้ำที่ต้มเดือด ก็มองไม่เห็นก้นกา ต้องใจเย็นแกะ ว่าอะไรดีกว่าอะไร
แต่กระทู้นี้ได้ครับรู้เพียบเลย
ขอบคุณที่มา discuss กันครับ
- Luty97
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1552
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 101
[quote="densin"]
ส่วนเรื่องPEที่โดน multiplyเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็อาจจะเป็นอย่างนั้น
ถ้ามีทางเลือกการลงทุนแค่แห่งเดียวคือreinvestบริษัทเดิมเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงจะมีfactorอีกสองสามอย่าง
1. cost of equity ปรกติย่อมไม่มากกว่า cost of dept ไม่เช่นนั้น deptจะลดค่า ROE
ส่วนเรื่องPEที่โดน multiplyเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็อาจจะเป็นอย่างนั้น
ถ้ามีทางเลือกการลงทุนแค่แห่งเดียวคือreinvestบริษัทเดิมเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงจะมีfactorอีกสองสามอย่าง
1. cost of equity ปรกติย่อมไม่มากกว่า cost of dept ไม่เช่นนั้น deptจะลดค่า ROE
หลักของความสมดุล
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 103
การดู roe อย่างเดียวแล้วมาบอกว่าหุ้นดีเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก
เพราะ ไม่ดูต้นทุนของผู้ถือหุ้น หรือ wacc ด้วย
roe สูงปีเดียวก็ไม่เห็นจะดีตรงไหน
ขอบคุณ คุณ monmoney มากครับ ที่บอกความจริงในการดูงบการเงินให้ผมได้รู้
ของจริงต้องคนนี้ครับ
เพราะ ไม่ดูต้นทุนของผู้ถือหุ้น หรือ wacc ด้วย
roe สูงปีเดียวก็ไม่เห็นจะดีตรงไหน
ขอบคุณ คุณ monmoney มากครับ ที่บอกความจริงในการดูงบการเงินให้ผมได้รู้
ของจริงต้องคนนี้ครับ
- Luty97
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1552
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 104
ถ้าตามที่พี่ den แก้มา ผมว่าเราก็เข้าใจตรงกันแล้วละครับ :D
แต่สมมุตนะครับ สมมุต ... สมมุตว่า 5 ปีที่แล้ว คุณคิดอยู่ว่าจะลงทุนใน LH หรือ Spali ดี มาถึงตอนนี้ถ้าเราดูจาก ROE ที่ผ่านมา 5 ปี และ เงินปันผล เราจะสรุปได้ไหมครับว่าลงทุนกับ Spali ดีกว่า LH ???
แต่อนาคตไม่รู้น้าครับ...
ความเห็นของคุณ pump ผมก็เห็นด้วยอยากยิ่ง...pump เขียน:การดู roe อย่างเดียวแล้วมาบอกว่าหุ้นดีเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก
เพราะ ไม่ดูต้นทุนของผู้ถือหุ้น หรือ wacc ด้วย
roe สูงปีเดียวก็ไม่เห็นจะดีตรงไหน
แต่สมมุตนะครับ สมมุต ... สมมุตว่า 5 ปีที่แล้ว คุณคิดอยู่ว่าจะลงทุนใน LH หรือ Spali ดี มาถึงตอนนี้ถ้าเราดูจาก ROE ที่ผ่านมา 5 ปี และ เงินปันผล เราจะสรุปได้ไหมครับว่าลงทุนกับ Spali ดีกว่า LH ???
แต่อนาคตไม่รู้น้าครับ...
หลักของความสมดุล
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 105
ผมนึกว่า Cost of Equity มีค่าเท่ากับ Risk Free Return + Beta x (Expected Market Return - Risk Free Return) ซะอีก
ส่วนเจ้า Expeced Mkt Return นี่น่าจะมาจาก Total Return Index avg. geometric return นะ
เรื่องแบบนี้สอบเสร็จแล้วคืนตำราโลด -_-'
ว่าแต่ ผมก็คิดว่า LH ทำธุรกิจไม่เหมือนอสังหาฯเจ้าอื่นๆ คงเทียบ fin ratio กันตรงๆไม่ได้หรอกครับ ไม่ fair แถมอสังหาผมคิดว่านโยบายบัญชีเรื่องการรับรู้รายได้น่าจะส่งผลให้ fin ratio ต่างกันอีกด้วย ผมยอมแพ้หุ้นพวกนี้จริงๆแกะม่ายออก
ส่วนเจ้า Expeced Mkt Return นี่น่าจะมาจาก Total Return Index avg. geometric return นะ
เรื่องแบบนี้สอบเสร็จแล้วคืนตำราโลด -_-'
ว่าแต่ ผมก็คิดว่า LH ทำธุรกิจไม่เหมือนอสังหาฯเจ้าอื่นๆ คงเทียบ fin ratio กันตรงๆไม่ได้หรอกครับ ไม่ fair แถมอสังหาผมคิดว่านโยบายบัญชีเรื่องการรับรู้รายได้น่าจะส่งผลให้ fin ratio ต่างกันอีกด้วย ผมยอมแพ้หุ้นพวกนี้จริงๆแกะม่ายออก
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- << New >>
- Verified User
- โพสต์: 1147
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 106
pongo เขียน: ถ้าตามสูตร
cost of equity = (mk risk premium * stock beta) + risk free rate
พี่ Alastor "Expected Market Return - Risk Free Return" ก็คือ mk risk premium ไม่ใช่หรอครับ เหมือนสูตรบนสูตรล่างจะเป็นสูตรเดียวกันรึเปล่า?Alastor เขียน:ผมนึกว่า Cost of Equity มีค่าเท่ากับ Risk Free Return + Beta x (Expected Market Return - Risk Free Return) ซะอีก
stock beta = ความเสี่ยงของหุ้นนั้นๆpongo เขียน:ตัวที่มีผลต่อ cost of equity ของการลงทุนในหุ้น 2 ตัวนี้ มีแค่ stock beta เท่านั้น
ถ้าบริษัทกู้มาเยอะจะทำให้ต้นทุนเงินทุนต่ำลง เพราะว่า "cost of equity มากกว่า cost of dept" ....dept มาก total cost ก็จะต่ำ
Wacc ก็น่าจะต่ำลง
แต่ถ้ากู้มาเยอะเกิน จะไปเพิ่ม default risk อย่างที่พี่ pongo บอก
default risk ก็จะไปเพิ่ม stock beta เพิ่มความเสี่ยงที่ตัวหุ้น
ทำให้ wacc สูงขึ้น
สรุปถ้ากู้มาในอัตรานึง wacc จะต่ำลง แต่ถ้ามากไป wacc จะสูงขึ้น
Mr. market ให้PE spali ต่ำ เพราะมองว่า wacc สูง
แสดงว่า การกู้ของspali มีส่วนของ default risk มากกว่า ประโยชน์ที่ได้จากการ lower cost of capital.
Mr.market เลยต้องให้PE spali ต่ำอย่างนั้นป่าว ?
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 1
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 107
อืม ปวดหัวดีแท้
พอเรียนจบผมก็คืนอาจารย์ไปหมดแล้วพวกตัวเลขพวกนี้รวมทั้งพวกอักษรกรีกโรมันทั้งหลายด้วย .. ลงทุนมา 7-8 ปี ไม่เคยใช้เลย ... ไม่รู้รอดมาได้ไง :lol:
พอเรียนจบผมก็คืนอาจารย์ไปหมดแล้วพวกตัวเลขพวกนี้รวมทั้งพวกอักษรกรีกโรมันทั้งหลายด้วย .. ลงทุนมา 7-8 ปี ไม่เคยใช้เลย ... ไม่รู้รอดมาได้ไง :lol:
It's earnings that count
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 108
[quote="Blueblood"]อืม ปวดหัวดีแท้
พอเรียนจบผมก็คืนอาจารย์ไปหมดแล้วพวกตัวเลขพวกนี้รวมทั้งพวกอักษรกรีกโรมันทั้งหลายด้วย .. ลงทุนมา 7-8 ปี ไม่เคยใช้เลย ... ไม่รู้รอดมาได้ไง
พอเรียนจบผมก็คืนอาจารย์ไปหมดแล้วพวกตัวเลขพวกนี้รวมทั้งพวกอักษรกรีกโรมันทั้งหลายด้วย .. ลงทุนมา 7-8 ปี ไม่เคยใช้เลย ... ไม่รู้รอดมาได้ไง
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 109
ตามมาอ่านเรื่อยๆ เจอตรงนี้อะ
[quote="densin"]
1. cost of equity ปรกติย่อมไม่มากกว่า cost of dept ไม่เช่นนั้น deptจะลดค่า ROE
[quote="densin"]
1. cost of equity ปรกติย่อมไม่มากกว่า cost of dept ไม่เช่นนั้น deptจะลดค่า ROE
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 110
พอดีงานยุ่ง เลยพึ่งได้เข้ามาอ่าน...yoyo เขียน:งั้นถามพี่ tos ต่อก่อนดีกว่า ในฐานะเซียน Fin มากๆ
สรุปว่าตัวเลขถูกต้องแล้ว.. แต่ Base on สมมติฐานบางข้อ
1. ถามต่อว่าแล้วตกลง Cost of equity นี่คิดยังไงอ่ะครับ?
2. ถ้าใช้สมมติฐานแบบที่ผมเชื่อ 2 ข้อนั้น ตัวเลขเหล่านี้ก็ไร้ความหมายใช่ป่าวครับ?
ออกตัวก่อนว่าไม่เซียนแน่ๆ... แต่ตามที่ผมเข้าใจ คือ
พวก Quantitative Finance เชื่อในตลาดที่มีประสิทธิภาพ และเชื่อว่าสิ่งที่สะท้อนอยู่ในตลาดมันดีอยู่แล้ว มันถูกอยู่แล้ว เราไม่มีทางเอาชนะตลาดได้...
1. ผลที่ตามมาก็คือ CoE (Cost of Equity) มันสะท้อนจากราคาตลาดอยู่แล้ว ดังนั้นเค้าก็ไปคำนวนหาค่าที่ตลาด implied ออกมา ซึ่งวิธีคิดนี้น่าจะเหมือนกับที่พี่มนคิดว่าหา CoE ของหุ้นแต่ละตัวจากราคาตลาด
2. ไม่ไร้ความหมายครับ ตัวเลขเหล่านี้คือสิ่งที่สะท้อนจากตลาดหรือมันคือนายตลาดนั่นเอง ถ้าเราไม่เชื่อ เราก็ซื้อ/ขาย ครับ ซึ่งมันก็คือหลักการของ Value Investment นั่นเอง ซึ่งก็เป็นความเชื่อของ Buffet ตามที่เค้าเคยเขียนบทความถึงความสำเร็จของ Value Investment เอาไว้
ส่วนที่โยเขียนๆ ถามๆ หลังจากนั้น... ผมว่ามันจบตั้งแต่ที่โยบอกว่าไม่เชื่อในสมมติฐานเรื่องตลาดไม่มีประสิทธิภาพแล้วครับ ในเมื่อเราไม่เชื่อในสมมติฐานตั้งตน เราก็ไม่ต้องเสียเวลาดูทฤษฎีที่สร้างจากสมมติฐานดังกล่าวแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 111
picatos เขียน:
อ้างอิงจาก
http://www.investopedia.com/terms/i/ine ... market.asp
ครับ
What Does Inefficient Market Mean?
A theory which asserts that the market prices of common stocks and similar securities are not always accurately priced and tend to deviate from the true discounted value of their future cash flows.
This theory opposes the efficient market hypothesis.
The phrase is also used to refer to a market which is not operating efficiently; for example, it could be argued that the low-volume stocks traded over the counter comprise an inefficient market compared to blue chip stocks.
Investopedia explains Inefficient Market
The inefficient market hypothesis and its proponents contend that market forces sometimes drive asset prices above or below their true value.
They find support for their argument from instances of market crashes or upward spikes, whose existence and magnitude are seemingly incompatible with an efficient market point of view.
Thus, in an inefficient market, some securities will be overpriced and others will be underpriced, which means some investors can make excess returns while others can lose more than warranted by their level of risk exposure.
If the market were entirely efficient, these opportunities and threats would not exist for any reasonable length of time, since market prices would quickly move to match a security's true value as it changed.
While financial markets appear reasonably efficient, events such as market-wide crashes and the dotcom bubble of the late '90s seem to reveal some sort of inefficiency within the markets.
คนเราอาจมีความเชื่อกันคนละอย่าง
แต่ละคนก็มีเหตุผลของตนเอง
เรารับฟังความเห็นของกันและกัน
คุยกันด้วยเหตุผล
แล้วจะได้องค์ความรู้มาส่วนหนึ่ง
แล้วนำไปคิดต่อ และประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับตัวเราเองครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 112
อยากให้ท่านผู้อ่านอย่าเชื่อคนง่ายๆอย่าเชื่ออะไรง่ายๆนะครับเพราะว่าเวลาเซียนเก็บหุ้นเสร็จแล้วเซียนก็ต้องมาประกาศให้คนรู้ว่าตัวเองถืออะไรบางครั้งถึงขนาดบอกราคาเป้าหมายให้ด้วยผมว่าควรระวังเวลาเซียนมาบอกว่าหุ้นตัวไหนupsideเยอะถ้าเขาก็ถือหุ้นตัวนั้นอยู่แบบนี้ก็น่าสงสัยในเจตนาครับว่าหวังอะไรจากผู้อ่านต้องควรระวังว่าเขาต้องการอะไรนะครับถึงต้องมาคอยบอกคนอื่นว่าเขาถือหุ้นอะไรไม่มีใครเอาเงินมาให้ท่านฟรีๆหรอกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 113
ผมคิดว่าที่คุณ Monmoneyพยายามจะสื่อก็คือว่าการจะมีpeที่สูงหรือต่ำได้ต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่างผมเห็นบางท่านโพสไว้หน้าแรกว่าspaliควรมี pe ที่เหมาะสมสูงกว่า lhแต่แนวคิดที่ว่าผมคิดว่าไม่สมเหตุสมผลอย่างแรง -การดู roeย้อนหลังหลายปีมีประเด็นก็คือว่าspaliเมื่อก่อนใช้วิธีบันทึกบัญชีแบบPercentageof completion แต่บริษัทในกลุ่มpropertyอื่นๆบางแห่งก็ใช้รับรู้รายได้เมื่อโอนดังนั้นทำไมถึงนำตัวเลขอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทที่มีการบันทึกบัญชีไม่เหมือนกันมาเปรียบเทียบย้อนหลังกันหลายๆปี -lh ไม่เคยมีปีไหนเลยที่peต่ำกว่าspaliทำไมถึงคาดหวังในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น -lh มีบริษัทลูกอย่าง kh lhbank qh q-conhmproแต่ spaliไม่มีการดูที่Roeอย่างเดียวไม่ได้สะท้อนมูลค่าบริษัทลูกถ้าคิดว่าpe spali ควรสูงกว่าlhแบบนี้มูลค่าบริษัทลูกlhก็ต้องตีค่าเป็น 0 สิ -lh สร้างเสร็จก่อนขาย spaliเป็นpresaleในเมื่อการทำธุรกิจไม่เหมือนกันทำไมถึงเอาอัตราส่วนทางการเงินมาเทียบกันแล้วบอกว่าpeของใครควรจะสูงกว่า-แล้วอัตราส่วนทางการเงินอื่นๆอย่างaccountreceivable ,inventory turnover, accountpayableทำไมถึงไม่ถูกนำมาอ้างอิงบ้าง-มีอุตสาหกรรมไหนบ้างที่peของหุ้นที่ marketshareน้อยกว่าสูงกว่า pe ของหุ้นที่marketshareอันดับหนึ่งและเป็นเจ้าตลาด ผมว่าการดู cap yield ของคุณ Mon moneyต่างหากที่สะท้อนความเป็นจริงของบริษัทขอบคุณมากๆนะครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 114
แล้วแต่คุณ pump จะเลือกเชื่อครับ...
"ความเห็นไม่ตรงกัน การพนันจึงเกิดขึ้น"
ประโยคนี้ใช้ได้ผลเสมอในตลาดหุ้น
"ความเห็นไม่ตรงกัน การพนันจึงเกิดขึ้น"
ประโยคนี้ใช้ได้ผลเสมอในตลาดหุ้น
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 117
ขุดกระทู้นี้ขึ้นมา
ผมว่า กระทู้นี้ศึกษาดีๆ เราได้ความรู้มากมายในการลงทุนนะครับ
อยากให้เก็บไว้ในคลังกระทู้คุณค่าจังเลยครับ
(ขอแสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ)
ผมว่า กระทู้นี้ศึกษาดีๆ เราได้ความรู้มากมายในการลงทุนนะครับ
อยากให้เก็บไว้ในคลังกระทู้คุณค่าจังเลยครับ
(ขอแสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ)
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 118
เห็นด้วยครับ กะทู้นี้ความรู้เยอะดีครับ :lol:noooon010 เขียน:ขุดกระทู้นี้ขึ้นมา
ผมว่า กระทู้นี้ศึกษาดีๆ เราได้ความรู้มากมายในการลงทุนนะครับ
อยากให้เก็บไว้ในคลังกระทู้คุณค่าจังเลยครับ
(ขอแสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ)
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 119
PREMIUM FROM TRANSPARANCY PREMIUM FROM INSTITUTIONAL PREFERENCE PREMIUM FROM BRAND
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
roe กับ pe ต่อเนื่องจากกระทู้ LH มีอะไรดีกว่าตัวอื่น
โพสต์ที่ 120
ผมว่าเท่าที่อ่าน พี่มนก็มีเหตุผลนะคับ ที่ใช้ e/p เป็น cost of equity
เราซื้อหุ้นในตลาด กำไรส่วนราคาที่เราซื้อนี่ก็เป็นผลตอนแทนที่เราได้
จากตลาด ตลาดเป็นคนกำหนด เราเป็นคนดูเองว่าจะเชื่อหรือไม่
ถ้าเทียบกับความเสียงของธุรกิจนั้นๆ ถ้าเราเฃื่อว่ามันดี
แล้วมันดีจริงเราก็ได้กำไรครับ ถ้าไม่เราก็ขาดทุนเท่านั้นเองจริงๆ
ส่วนถ้าเป็นปกติก็ต้องเทียบกับ risk free rate + risk premium
ว่ากันไปตามทฤษฏีทางการเงิน
ผมว่าแล้วแต่มุมมองของเราว่าอันไหนมันสมเหตุสมผล
ต่างคนก็ต่างมองครับ ดีเสียอีกได้รู้มุมมองใหม่ๆ อิอิ
เราซื้อหุ้นในตลาด กำไรส่วนราคาที่เราซื้อนี่ก็เป็นผลตอนแทนที่เราได้
จากตลาด ตลาดเป็นคนกำหนด เราเป็นคนดูเองว่าจะเชื่อหรือไม่
ถ้าเทียบกับความเสียงของธุรกิจนั้นๆ ถ้าเราเฃื่อว่ามันดี
แล้วมันดีจริงเราก็ได้กำไรครับ ถ้าไม่เราก็ขาดทุนเท่านั้นเองจริงๆ
ส่วนถ้าเป็นปกติก็ต้องเทียบกับ risk free rate + risk premium
ว่ากันไปตามทฤษฏีทางการเงิน
ผมว่าแล้วแต่มุมมองของเราว่าอันไหนมันสมเหตุสมผล
ต่างคนก็ต่างมองครับ ดีเสียอีกได้รู้มุมมองใหม่ๆ อิอิ