นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 9
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 1
คุณลูกอิสาน หรือคุณฉัตรชัย หรือเซียนวีไอ เวลาซื้อหุ้นดูภาวะตลาด หรือไม่ครับ เช่น ต้องเป็นภาวะหมีที่ราคาหุ้นตกมาก ๆ จึงเข้าซื้อหุ้นที่เล็งไว้ หรือ ไม่จำเป็นโดยถ้าเป็นกระทิงดุ ก็ซื้อหุ้นเลย ถ้าคำนวนแล้วราคาตลาดยังต่ำกว่ามูลค่าครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1372
- ผู้ติดตาม: 1
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 2
ไม่ใช่เซียนแต่อยากตอบครับ
เท่าที่เคยพูดคุยกับผู้อาวุโสหลายท่านพอสรุปได้อย่างนี้ครับ
ซื้อหุ้นในช่วงตลาดหมี หรือช่วงภาวะที่หุ้นตกลงมากๆ
1. ในความเป็นจริงทำ(ใจ)ได้ยากมากที่จะซื้อหุ้นตอนราคาลง
2. พี่พอใจเคยบอกว่าอย่ายื่นมือไปรับมีดที่ตกยังไม่ถึงพื้น(ไม่มีใครรู้ว่ามันตกถึงพื้นเมื่อไรจนกว่าเวลาผ่านไปแล้ว)
3. ถ้าทำได้และถือได้จะได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี
เท่าที่เคยพูดคุยกับผู้อาวุโสหลายท่านพอสรุปได้อย่างนี้ครับ
ซื้อหุ้นในช่วงตลาดหมี หรือช่วงภาวะที่หุ้นตกลงมากๆ
1. ในความเป็นจริงทำ(ใจ)ได้ยากมากที่จะซื้อหุ้นตอนราคาลง
2. พี่พอใจเคยบอกว่าอย่ายื่นมือไปรับมีดที่ตกยังไม่ถึงพื้น(ไม่มีใครรู้ว่ามันตกถึงพื้นเมื่อไรจนกว่าเวลาผ่านไปแล้ว)
3. ถ้าทำได้และถือได้จะได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี
สติมา ปัญญาเกิด
-
- Verified User
- โพสต์: 191
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 3
สภาพตลาด บางทีก็ไม่ได้เกี่ยวกับตัวหุ้นเลยนะครับ เราดูเป็นตัวๆดีกว่าครับ ตัวนี้ถูกไป แพงไป เราก็คำนวณออกมาได้ ถ้าถูกเราก็ซื้อ แพงเราก็เฝ้า เป็นประมาณนี้แหละครับ ภาวะตลาดดูประกอบไป แต่อย่าเอามาเป็นสาระสำคัญในการตัดสินใจครับ
อย่าเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอก แต่จงคิดและเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวท่านเอง !!
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 4
ไม่ใช่เซียนครับ
ส่วนตัวผมแค่เกาะสถานการณ์พองาม จะได้ไม่ตกเทรนด์
แต่เรื่องการลงทุน ผมทำตัวเป็นตาชั่งครับ
ใช้ Value ล้วนๆ เรื่องการเคลื่อนไหวของตลาด
ไม่มีผลในการตัดสินใจ
พอร์ตหุ้นของผมจึง 100% ตลอดเวลา
ตัวไหนให้ Value มากกว่า ผมก็ย้ายตัวไป
พอเกิดอาหารรักพี่เสียดายน้อง ก็แบ่งพอร์ตไป
เลือกทั้งคู่ :lol:
ปีที่แล้วพอร์ตของผมลดลงจากจุดสูงสุด -60%
ตอนนี้บวกกลับขึ้นมา 46%
ไม่ถึงกับสวยงาม แต่ก็ได้บทเรียนอะไรๆ เยอะครับ
คือ อย่าไปซื้อหุ้นเกรด B ในราคาเกรด C
แต่ต้องหาหุ้นเกรด A ในราคาเกรด B
หรืออย่างน้อยๆ ก็ B+ ...
และท้ายที่สุด หลักการย่อมเป็นหลักการเสมอ
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าทำให้ผม
รอดพ้นจากการขาดทุนมาตลอดครับ
ขนาดพอร์ต -60% ผมยังแค่ขาดทุนจากกำไรสะสมเอง
ปล.
ไว้อ่านแก้ขัดก่อนที่พี่ลูกอีสาน หรือว่าพี่ฉัตรฯ
หรือคนที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเซียนมาตอบละกันครับ
แฮม ...
ส่วนตัวผมแค่เกาะสถานการณ์พองาม จะได้ไม่ตกเทรนด์
แต่เรื่องการลงทุน ผมทำตัวเป็นตาชั่งครับ
ใช้ Value ล้วนๆ เรื่องการเคลื่อนไหวของตลาด
ไม่มีผลในการตัดสินใจ
พอร์ตหุ้นของผมจึง 100% ตลอดเวลา
ตัวไหนให้ Value มากกว่า ผมก็ย้ายตัวไป
พอเกิดอาหารรักพี่เสียดายน้อง ก็แบ่งพอร์ตไป
เลือกทั้งคู่ :lol:
ปีที่แล้วพอร์ตของผมลดลงจากจุดสูงสุด -60%
ตอนนี้บวกกลับขึ้นมา 46%
ไม่ถึงกับสวยงาม แต่ก็ได้บทเรียนอะไรๆ เยอะครับ
คือ อย่าไปซื้อหุ้นเกรด B ในราคาเกรด C
แต่ต้องหาหุ้นเกรด A ในราคาเกรด B
หรืออย่างน้อยๆ ก็ B+ ...
และท้ายที่สุด หลักการย่อมเป็นหลักการเสมอ
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าทำให้ผม
รอดพ้นจากการขาดทุนมาตลอดครับ
ขนาดพอร์ต -60% ผมยังแค่ขาดทุนจากกำไรสะสมเอง
ปล.
ไว้อ่านแก้ขัดก่อนที่พี่ลูกอีสาน หรือว่าพี่ฉัตรฯ
หรือคนที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเซียนมาตอบละกันครับ
แฮม ...
-
- Verified User
- โพสต์: 9
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 5
ปีเตอร์ ลินซ์ บอกว่าไม่สามารถคาดภาวะตลาดได้ แต่ให้ดูราคาที่ p/e ต่ำกว่า อัตราการเจริญเติบโต แปลว่าหุ้นถูก ให้ซื้อลงทุนได้
แต่บัฟเฟตต์ จะรอซื้อเมื่อหุ้นถูกเทขายทิ้ง เนื่องจากนักลงทุนตื่นกลัว เราก็จะได้หุ้นที่มีส่วนลด
โดยทั้งสองท่านอยู่ภายใต้สมมติฐานว่าหุ้นที่จะซื้อเป็นหุ้นพื้นฐานดีเท่านั้น
เลยไม่แน่ใจว่าในภาวะตลาดหุ้นไทยจะทำแบบปีเตอร์ ลินซ์ได้หรือ เพราะกลัวว่าหุ้นบางตัวอาจทำ new high โดยที่ p/e ก็อาจต่ำกว่าอัตราการเติบโตได้ และราคาก็อาจไม่ขึ้นไปมากกว่านี้เลย เป็นหลาย ๆ ปีก็ได้ และถ้าเวลาผ่านไปนาน ๆ แล้ว อัตราการเจริญเติบโตของกำไรลดลง ก็เสี่ยงที่จะติดดอยได้
แต่ถ้าเป็นแบบ บัฟเฟตต์ ดูจะปลอดภัยกว่า แต่ต้องอดทนรอนานเหมือนกันนะครับ
ใครมีประสบการณ์ หรือ แนวคิดอย่างไรรบกวนช่วยแชร์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
แต่บัฟเฟตต์ จะรอซื้อเมื่อหุ้นถูกเทขายทิ้ง เนื่องจากนักลงทุนตื่นกลัว เราก็จะได้หุ้นที่มีส่วนลด
โดยทั้งสองท่านอยู่ภายใต้สมมติฐานว่าหุ้นที่จะซื้อเป็นหุ้นพื้นฐานดีเท่านั้น
เลยไม่แน่ใจว่าในภาวะตลาดหุ้นไทยจะทำแบบปีเตอร์ ลินซ์ได้หรือ เพราะกลัวว่าหุ้นบางตัวอาจทำ new high โดยที่ p/e ก็อาจต่ำกว่าอัตราการเติบโตได้ และราคาก็อาจไม่ขึ้นไปมากกว่านี้เลย เป็นหลาย ๆ ปีก็ได้ และถ้าเวลาผ่านไปนาน ๆ แล้ว อัตราการเจริญเติบโตของกำไรลดลง ก็เสี่ยงที่จะติดดอยได้
แต่ถ้าเป็นแบบ บัฟเฟตต์ ดูจะปลอดภัยกว่า แต่ต้องอดทนรอนานเหมือนกันนะครับ
ใครมีประสบการณ์ หรือ แนวคิดอย่างไรรบกวนช่วยแชร์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 6
เท่าที่ผมรู้นะครับ หุ้นคุณค่าดูจังหวะตลาดตอนหุ้นราคาถูกครับ เเล้วซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน
- sonnesaint
- Verified User
- โพสต์: 127
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 8
ในภาวะกระทิง ทำให้หุ้นมีมูลค่าตลาดสูงเกินจริง อยู่แล้ว
ทำให้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ของนักลงทุนแนว VI
ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าในภาวะกระทิงจะมีหุ้นราคาถูกอยู่ แต่ก็ค่อนข้างน้อย และหากซื้อในภาวะหมี จะได้ราคาที่มีส่วนลดมากกว่า
จึงสรุปได้ว่า
ภาวะตลาด ไม่มีผลกับ VI
แต่ภาวะตลาด มีผลกับ ราคา
ซึ่งราคา มีผลกับ VI
คิดอย่างนี้ถูกหรือเปล่าครับ
ทำให้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ของนักลงทุนแนว VI
ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าในภาวะกระทิงจะมีหุ้นราคาถูกอยู่ แต่ก็ค่อนข้างน้อย และหากซื้อในภาวะหมี จะได้ราคาที่มีส่วนลดมากกว่า
จึงสรุปได้ว่า
ภาวะตลาด ไม่มีผลกับ VI
แต่ภาวะตลาด มีผลกับ ราคา
ซึ่งราคา มีผลกับ VI
คิดอย่างนี้ถูกหรือเปล่าครับ
ด้วยความเคารพ
suriya
suriya
-
- Verified User
- โพสต์: 251
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 9
อย่างนั้นก็น่าจะสรุปได้ว่า ภาวะตลาด มีผลต่อ VI แหละครับ
ตัวผมเองเพิ่งเริ่มๆเองครับ แต่คิดว่าตัวเองจะใช้หลักการซื้อหุ้นประมาณว่า
ช่วงจังหวะตลาดหมี เก็บหุ้นที่มีพื้นฐานดี ราคาต่ำมากๆ ไม่เน้นปันผล
พอช่วงตลาดกระทิง ราคาสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นก็เทขาย แล้วไปซื้อหุ้นปันผลที่ราคาไม่ค่อยแกว่งน่าจะดีกว่า
ตอนนี้สำหรับผมจึงเป็นช่วงที่ตามเก็บหุ้นที่ยังมีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
หรือมีส่วนต่างกับราคาก่อนวิกฤติมากๆ โดยมีสมมติฐานว่าอีก 5 ปีข้างหน้าราคาจะกลับไปสู่ราคาเดิม
ซึ่งสิ่งสำคัญคือหุ้นต้องมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลับไปสู่ราคาเดิมเป็นหลัก
ตัวผมเองเพิ่งเริ่มๆเองครับ แต่คิดว่าตัวเองจะใช้หลักการซื้อหุ้นประมาณว่า
ช่วงจังหวะตลาดหมี เก็บหุ้นที่มีพื้นฐานดี ราคาต่ำมากๆ ไม่เน้นปันผล
พอช่วงตลาดกระทิง ราคาสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นก็เทขาย แล้วไปซื้อหุ้นปันผลที่ราคาไม่ค่อยแกว่งน่าจะดีกว่า
ตอนนี้สำหรับผมจึงเป็นช่วงที่ตามเก็บหุ้นที่ยังมีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
หรือมีส่วนต่างกับราคาก่อนวิกฤติมากๆ โดยมีสมมติฐานว่าอีก 5 ปีข้างหน้าราคาจะกลับไปสู่ราคาเดิม
ซึ่งสิ่งสำคัญคือหุ้นต้องมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลับไปสู่ราคาเดิมเป็นหลัก
มโนปุพพังคมาธัมมา - ในตัวของเรามีใจเป็นใหญ่
มโนเสฏฐา มโนมยา - ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นธรรมชาติถึงก่อน
มะนะสา เจ ปสันเนนะ - ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้วแต่ใจ
มโนเสฏฐา มโนมยา - ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นธรรมชาติถึงก่อน
มะนะสา เจ ปสันเนนะ - ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้วแต่ใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 10
ดูสิครับพี่น้อง....โง่เท่านั้นที่ไม่ดู
เดินแบบไม่ดูทาง...เดี๋ยวก็เจอตอสิครับ
อย่าเสือกโง่ไปซื้อ ptt ตอนราคา 440 หล่ะ ใครซื้อคราวก่อนโน้นก็ตายเรียบ
เดินแบบไม่ดูทาง...เดี๋ยวก็เจอตอสิครับ
อย่าเสือกโง่ไปซื้อ ptt ตอนราคา 440 หล่ะ ใครซื้อคราวก่อนโน้นก็ตายเรียบ
-
- Verified User
- โพสต์: 193
- ผู้ติดตาม: 0
-*-
โพสต์ที่ 11
แล้วถ้าเป็นตลาดกระทิงแต่เราเล่นหุ้น trunaround ละครับ เอาตามสเตป แบงค์ฟื้น พลังงานฟื้น เทคโนโลยี่ฟื้น อสังหาฟื้น ยานยนต์ฟื้น อุตสหกรรมฟื้น บริการและสุขภาพฟื้น เล่นเป็นรอบแล้วเข้าเก็บหุ้นตามลำดับ (เก็บก่อนที่คนอื่นจะเก็บจะได้ราคาถูก) แล้วขายตอนรอบมีนกำลังจะหมดถ้าเล่นแบบนี้ตอนตลาดกระทิงจะเป็น vi ได้หรือเปล่าครับ อิอิ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 12
ผมดูราคาของหุ้นเเต่ละตัวอย่างเดียว ถ้าต่ำว่ามูลค่า ซื้อเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 13
ไม่ทราบว่าพอจะบอกวิธีคำนวนราคาที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานได้ยังไงบ้างครับbossaway เขียน:เท่าที่ผมรู้นะครับ หุ้นคุณค่าดูจังหวะตลาดตอนหุ้นราคาถูกครับ เเล้วซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน
"ถ้าไม่เริ่มต้น ก็ไม่มีวันจะพบความสำเร็จ"
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 15
เเล้วเเต่สมมุติฐานของเเต่ละคนนะผมว่า ในการดูว่าหุ้นไหนต่ำกว่าพื้นฐาน
- holidaytours
- Verified User
- โพสต์: 349
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 16
พี่คำนวนยังไงครับ มือยังใหม่มั่กๆInnoVI เขียน:
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 17
ผมดูเหมือนกันครับ
เพราะหลายครั้ง ระยะเวลาลงทุนของเรายาวกว่าเค้า
เรามองยาวกว่า เราเห็นศักยภาพบริษัทที่ไกลกว่า คนที่มองสั้นๆ และใช้อารมณ์ ครับ
มีความสุขกับการลงทุนหุ้นคุณค่านะครับผม
เพราะหลายครั้ง ระยะเวลาลงทุนของเรายาวกว่าเค้า
เรามองยาวกว่า เราเห็นศักยภาพบริษัทที่ไกลกว่า คนที่มองสั้นๆ และใช้อารมณ์ ครับ
มีความสุขกับการลงทุนหุ้นคุณค่านะครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 17
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 18
คือ อย่าไปซื้อหุ้นเกรด B ในราคาเกรด C
แต่ต้องหาหุ้นเกรด A ในราคาเกรด B
หรืออย่างน้อยๆ ก็ B+
เกรด A หมายถึง SET50 รึป่าวครับ ไม่ค่อยเข้าใจ พอดียังมือใหม่อยู่นะครับ
ช่วยอธิบายให้หน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
แต่ต้องหาหุ้นเกรด A ในราคาเกรด B
หรืออย่างน้อยๆ ก็ B+
เกรด A หมายถึง SET50 รึป่าวครับ ไม่ค่อยเข้าใจ พอดียังมือใหม่อยู่นะครับ
ช่วยอธิบายให้หน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 19
หุ้นเกรด A ที่ติดปากเท่ของผม หมายถึง พวกกิจการที่ยิ่งใหญ่ แต่อาจจะไม่ใช่กิจการที่ใหญ่โตจนไปติดอยู่ใน List หุ้นกลุ่ม SET50 ก็ได้ครับMastermind เขียน:คือ อย่าไปซื้อหุ้นเกรด B ในราคาเกรด C
แต่ต้องหาหุ้นเกรด A ในราคาเกรด B
หรืออย่างน้อยๆ ก็ B+
เกรด A หมายถึง SET50 รึป่าวครับ ไม่ค่อยเข้าใจ พอดียังมือใหม่อยู่นะครับ
ช่วยอธิบายให้หน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
เช่น เจอวิกฤตก็ไม่เดือดร้อน หรือถ้าเดือดร้อน ก็เดือดร้อนชั่วคราว หรือเดือดร้อนไม่มาก แต่คู่แข่งตายไปเลย,
กำไรค่อนข้างแน่นอน, กิจการเติบโตไปได้เรื่อยๆ, สินค้าหรือบริการเป็นที่นิยม หรือเป็นเจ้าตลาด หรือผูกขาดได้ก็ยิ่งดี คู่แข่งเข้ามาแข่งได้ยากมาก ฯลฯ
ซึ่งกิจการพวกนี้ ซื้อขายกันราคาถูกๆ มีน้อย หรือแทบจะหาซื้อโอกาสไม่ได้ครับ
แต่เราอาจจะหาโอกาสซื้อในราคาที่เหมาะสมหน่อย ราคาไม่แพงจนเกินไป ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้
ในระยะยาว...........................................................................................ว :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 17
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนวีไอ ต้องดูภาวะตลาดก่อนซื๋อหุ้นหรือไม่
โพสต์ที่ 20
ท่าทางจะยาวมากเลยครับ ขอบคุณพี่มากๆเลยนะครับ ที่ช่วยอธิบายให้ผมฟังส.สลึง เขียน: หุ้นเกรด A ที่ติดปากเท่ของผม หมายถึง พวกกิจการที่ยิ่งใหญ่ แต่อาจจะไม่ใช่กิจการที่ใหญ่โตจนไปติดอยู่ใน List หุ้นกลุ่ม SET50 ก็ได้ครับ
เช่น เจอวิกฤตก็ไม่เดือดร้อน หรือถ้าเดือดร้อน ก็เดือดร้อนชั่วคราว หรือเดือดร้อนไม่มาก แต่คู่แข่งตายไปเลย,
กำไรค่อนข้างแน่นอน, กิจการเติบโตไปได้เรื่อยๆ, สินค้าหรือบริการเป็นที่นิยม หรือเป็นเจ้าตลาด หรือผูกขาดได้ก็ยิ่งดี คู่แข่งเข้ามาแข่งได้ยากมาก ฯลฯ
ซึ่งกิจการพวกนี้ ซื้อขายกันราคาถูกๆ มีน้อย หรือแทบจะหาซื้อโอกาสไม่ได้ครับ
แต่เราอาจจะหาโอกาสซื้อในราคาที่เหมาะสมหน่อย ราคาไม่แพงจนเกินไป ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้
ในระยะยาว...........................................................................................ว :lol: