บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2147
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
เห็นว่ายังไม่มีใครมานำเสนอครับ :D
บ้านคือวิมานของเรา นั่นคือเริ่มต้นของเนื้อร้องของเพลงเกี่ยวกับบ้านที่คนรุ่นเก่ามักจะจำและร้องได้ มันสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของคนต่อบ้านที่พักอาศัยว่า บ้านนั้นเป็น ความฝัน ที่ทุกคนอยากมี และไม่ใช่แค่อยากมี แต่อยากมีบ้านที่ใหญ่และสวยที่สุดที่เขามีปัญญาจะซื้อได้ ดังนั้น บ้านจึงมักเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่คนต้องทุ่มเทเงินออมรวมทั้งรายได้จำนวนมากลงไปเพื่อที่จะได้มี บ้านในฝัน ที่ต้องการ สำหรับคนจำนวนมาก การผ่อนบ้านเป็นรายจ่ายประจำเดือนที่สูงมากจนทำให้ไม่เหลือเงินเก็บเพื่อการลงทุนอย่างอื่นเลย แต่เขาก็มักจะไม่กังวลอะไรนัก เพราะสำหรับเขา การซื้อบ้านก็คือการลงทุนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง และถ้าจะว่าไป บ้านนั้น ราคาแทบจะไม่เคยตกลงเลย ดังนั้น การซื้อบ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ก่อนที่จะเป็น Value Investor ผมเองก็คิดอย่างนั้น ว่าที่จริงผมเคยซื้อบ้านหรูใหญ่โตอยู่นอกเมืองและต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่มากเมื่อเทียบกับความมั่งคั่งส่วนตนในขณะนั้นเพื่อที่จะเป็นเงินดาวน์ และต้องผ่อนค่างวดให้กับสถาบันการเงินคิดเป็นรายจ่ายต่อเดือนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินเดือนของตนเอง ผมซื้อทั้ง ๆ ที่มีบ้านหลังเล็ก ๆ ของแม่ยายที่ผมอาศัยอยู่แล้วกลางใจเมืองโดยที่ไม่ต้องซื้อหรือเช่า บ้านหรูหลังนั้นผมไม่เคยได้เข้าอยู่อาศัยเลยเพราะมัน ไม่มีความสะดวก เลย เนื่องจากมัน ไกล และ ใหญ่ เกินไป ผมปล่อยบ้านให้เช่าในราคาที่ ไม่คุ้มค่า อยู่หลายปี
หลังจากที่เป็น VI แล้ว ผมก็เห็นว่าบ้านหลังนั้นคงจะไม่ใช่ วิมาน อีกต่อไป และโอกาสที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในระยะเวลาอันใกล้ก็คงมีน้อย ในที่สุดผมก็ขายมันไปและนำเงินมาลงทุนในหุ้น ราคาขายบ้านที่ลงทุนมานับสิบปีแทบจะไม่มีกำไร แต่เงินที่ได้รับและนำมาลงทุนในหุ้นนั้น หลังจากผ่านไป 6-7 ปีเติบโตขึ้นมาก และถ้าผมขายหุ้นและนำกลับไปซื้อบ้านในเวลานี้ ผมอาจจะซื้อบ้านแบบเดียวกันได้ 2 หลัง แต่ผมก็คงไม่ทำ ผมมีบทเรียนแล้ว ถ้าผมจะซื้อบ้านใหม่ ผมจะคิดอีกแบบหนึ่ง และต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับ VI โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่กำลังคิดจะซื้อบ้าน
ข้อแรกก็คือ ถ้ายังมีบ้านอยู่ เช่นอาศัยอยู่กับพ่อแม่และไม่ได้มีปัญหาเดือดร้อนหรือหนักอกหนักใจหรืออึดอัดใจอะไร ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบหาซื้อบ้าน อย่ากลัวว่าถ้าไม่ซื้อในวันนี้แล้วราคาบ้านจะขึ้นไปสูงจนไม่มีปัญญาที่จะซื้อได้ในอนาคต เพราะราคาบ้านที่อยู่อาศัยนั้น โดยทั่วไปราคาจะปรับตัวขึ้นไปช้า โดยเฉลี่ยไม่น่าจะสูงกว่าเงินเฟ้อมากนักและไม่น่าจะเกินปีละ 3 4% ต่อปีโดยเฉลี่ย ในทางตรงกันข้าม การมีบ้านนั้น ทำให้รายจ่ายตามมา บ้านยิ่งใหญ่ก็ยิ่งมีรายจ่ายมาก และการมีรายจ่ายมากนั้นทำให้ความมั่งคั่งลดลง และโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าก็จะหายไป ดังนั้น ข้อแนะนำของผมก็คือ พยายามอยู่บ้านฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายน้อยให้ยาวนานที่สุด
ข้อสอง ถ้าจะซื้อบ้าน หลักเกณฑ์การเลือกนั้นต้องเน้นว่า บ้านนั้นต้อง อย่าไกล หรือห่างจากที่ทำงานหรือสถานที่ที่คนในครอบครัวต้องเดินทางไปทุกวันมาก เพราะการเสียเวลาเดินทางทุกวันนั้น เป็นต้นทุนที่สูงมากทั้งในด้านของเงินค่าเดินทาง การเสียโอกาสในการทำงานหารายได้ และเรื่องของสุขภาพกายใจ ดังนั้น ทำเลของบ้านจึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการเลือกบ้าน และในกรณีที่เราเลือกคอนโดแทนที่จะเป็นบ้านเดี่ยว เราควรเลือกคอนโดที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินหรือบนดิน โดยที่คำว่าใกล้นั้น ควรจะไม่เกิน 500 เมตร อย่าเลือกที่ระยะทาง แค่หนึ่งกิโลเมตรจากสถานี เพราะถ้าเราต้องเดินทุกวัน ค่าเสียเวลาต่อเดือนหรือต่อปีจะสูงมาก
ข้อสาม ซื้อบ้านขนาดที่ พอดีใช้ นั่นคือมีจำนวนห้องที่เหมาะสมกับสมาชิกในปัจจุบันและอนาคต เช่น ถ้ามีสามี ภรรยา และลูกอีกสองคน ก็เอาแค่ 3 ห้องนอนและอาจจะมีห้องทำงานเล็ก ๆ อีกหนึ่งห้องก็พอแล้ว การมีบ้านที่ใหญ่เกินความจำเป็นนั้น จะทำให้เราต้องลงเงินไปมากในช่วงที่ซื้อและหลังจากนั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลที่จะตามมาตลอดโดยที่เราอาจจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย การมีบ้านใหญ่เกินความจำเป็นยังมักจะทำให้เราต้องจ่ายเงินซื้อของเข้าบ้านมากขึ้นโดยไม่จำเป็นด้วย นี่คือความจริงที่หลายคนอาจจะไม่ได้ตระหนัก แต่ประสบการณ์การมีบ้านเล็กนั้นทำให้ผมพบว่า เราไม่สามารถซื้อเครื่องใช้หรืออุปกรณ์หลาย ๆ อย่างได้ด้วยเหตุผลประการเดียวก็คือ มันไม่มีที่จะวาง ดังนั้น การมีบ้านขนาดพอดีใช้จะทำให้เราประหยัดเงินในระยะยาวอีกมาก
ข้อคิดสุดท้ายสำหรับการซื้อบ้านของผมก็คือ อย่าพยายามสร้าง สาธารณูปโภค เช่น สระว่ายน้ำหรือสวน ขึ้นใช้เองในบ้าน เพราะมันแพงมากและการดูแลรักษาก็ทำได้ยากและต้นทุนสูง ควรเลือกบ้านที่อยู่ใกล้สาธารณูปโภคที่เราต้องการใช้ซึ่งเป็นของรัฐหรือของคนอื่นที่เราสามารถหาซื้อได้เมื่อเราต้องการใช้จริง ด้วยเหตุนี้ บ้านที่อยู่ใกล้สวนสาธารณะที่เราสามารถพักผ่อนออกกำลังกายได้ทุกวันโดยไม่เสียเวลาเดินทางและไม่เสียเงินจึงเป็นบ้านที่มีคุณค่าสูงและเราอาจจะต้องยอมจ่ายแพงขึ้นได้ และนี่ก็เป็นการเลือกบ้านแบบ VI อีกข้อหนึ่ง
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงข้อพิจารณาบางประการที่ VI ที่กำลังคิดที่จะซื้อบ้านจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การซื้อบ้านนั้น เป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งและความสุขในระยะยาว ดังนั้น เราต้องให้เวลาในการเสาะแสวงหาและจะต้องไม่รีบร้อนถ้าเราต้องบ้านที่เป็น วิมาน จริง ๆ
บ้านคือวิมานของเรา นั่นคือเริ่มต้นของเนื้อร้องของเพลงเกี่ยวกับบ้านที่คนรุ่นเก่ามักจะจำและร้องได้ มันสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของคนต่อบ้านที่พักอาศัยว่า บ้านนั้นเป็น ความฝัน ที่ทุกคนอยากมี และไม่ใช่แค่อยากมี แต่อยากมีบ้านที่ใหญ่และสวยที่สุดที่เขามีปัญญาจะซื้อได้ ดังนั้น บ้านจึงมักเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่คนต้องทุ่มเทเงินออมรวมทั้งรายได้จำนวนมากลงไปเพื่อที่จะได้มี บ้านในฝัน ที่ต้องการ สำหรับคนจำนวนมาก การผ่อนบ้านเป็นรายจ่ายประจำเดือนที่สูงมากจนทำให้ไม่เหลือเงินเก็บเพื่อการลงทุนอย่างอื่นเลย แต่เขาก็มักจะไม่กังวลอะไรนัก เพราะสำหรับเขา การซื้อบ้านก็คือการลงทุนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง และถ้าจะว่าไป บ้านนั้น ราคาแทบจะไม่เคยตกลงเลย ดังนั้น การซื้อบ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ก่อนที่จะเป็น Value Investor ผมเองก็คิดอย่างนั้น ว่าที่จริงผมเคยซื้อบ้านหรูใหญ่โตอยู่นอกเมืองและต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่มากเมื่อเทียบกับความมั่งคั่งส่วนตนในขณะนั้นเพื่อที่จะเป็นเงินดาวน์ และต้องผ่อนค่างวดให้กับสถาบันการเงินคิดเป็นรายจ่ายต่อเดือนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินเดือนของตนเอง ผมซื้อทั้ง ๆ ที่มีบ้านหลังเล็ก ๆ ของแม่ยายที่ผมอาศัยอยู่แล้วกลางใจเมืองโดยที่ไม่ต้องซื้อหรือเช่า บ้านหรูหลังนั้นผมไม่เคยได้เข้าอยู่อาศัยเลยเพราะมัน ไม่มีความสะดวก เลย เนื่องจากมัน ไกล และ ใหญ่ เกินไป ผมปล่อยบ้านให้เช่าในราคาที่ ไม่คุ้มค่า อยู่หลายปี
หลังจากที่เป็น VI แล้ว ผมก็เห็นว่าบ้านหลังนั้นคงจะไม่ใช่ วิมาน อีกต่อไป และโอกาสที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในระยะเวลาอันใกล้ก็คงมีน้อย ในที่สุดผมก็ขายมันไปและนำเงินมาลงทุนในหุ้น ราคาขายบ้านที่ลงทุนมานับสิบปีแทบจะไม่มีกำไร แต่เงินที่ได้รับและนำมาลงทุนในหุ้นนั้น หลังจากผ่านไป 6-7 ปีเติบโตขึ้นมาก และถ้าผมขายหุ้นและนำกลับไปซื้อบ้านในเวลานี้ ผมอาจจะซื้อบ้านแบบเดียวกันได้ 2 หลัง แต่ผมก็คงไม่ทำ ผมมีบทเรียนแล้ว ถ้าผมจะซื้อบ้านใหม่ ผมจะคิดอีกแบบหนึ่ง และต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับ VI โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่กำลังคิดจะซื้อบ้าน
ข้อแรกก็คือ ถ้ายังมีบ้านอยู่ เช่นอาศัยอยู่กับพ่อแม่และไม่ได้มีปัญหาเดือดร้อนหรือหนักอกหนักใจหรืออึดอัดใจอะไร ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบหาซื้อบ้าน อย่ากลัวว่าถ้าไม่ซื้อในวันนี้แล้วราคาบ้านจะขึ้นไปสูงจนไม่มีปัญญาที่จะซื้อได้ในอนาคต เพราะราคาบ้านที่อยู่อาศัยนั้น โดยทั่วไปราคาจะปรับตัวขึ้นไปช้า โดยเฉลี่ยไม่น่าจะสูงกว่าเงินเฟ้อมากนักและไม่น่าจะเกินปีละ 3 4% ต่อปีโดยเฉลี่ย ในทางตรงกันข้าม การมีบ้านนั้น ทำให้รายจ่ายตามมา บ้านยิ่งใหญ่ก็ยิ่งมีรายจ่ายมาก และการมีรายจ่ายมากนั้นทำให้ความมั่งคั่งลดลง และโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าก็จะหายไป ดังนั้น ข้อแนะนำของผมก็คือ พยายามอยู่บ้านฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายน้อยให้ยาวนานที่สุด
ข้อสอง ถ้าจะซื้อบ้าน หลักเกณฑ์การเลือกนั้นต้องเน้นว่า บ้านนั้นต้อง อย่าไกล หรือห่างจากที่ทำงานหรือสถานที่ที่คนในครอบครัวต้องเดินทางไปทุกวันมาก เพราะการเสียเวลาเดินทางทุกวันนั้น เป็นต้นทุนที่สูงมากทั้งในด้านของเงินค่าเดินทาง การเสียโอกาสในการทำงานหารายได้ และเรื่องของสุขภาพกายใจ ดังนั้น ทำเลของบ้านจึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการเลือกบ้าน และในกรณีที่เราเลือกคอนโดแทนที่จะเป็นบ้านเดี่ยว เราควรเลือกคอนโดที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินหรือบนดิน โดยที่คำว่าใกล้นั้น ควรจะไม่เกิน 500 เมตร อย่าเลือกที่ระยะทาง แค่หนึ่งกิโลเมตรจากสถานี เพราะถ้าเราต้องเดินทุกวัน ค่าเสียเวลาต่อเดือนหรือต่อปีจะสูงมาก
ข้อสาม ซื้อบ้านขนาดที่ พอดีใช้ นั่นคือมีจำนวนห้องที่เหมาะสมกับสมาชิกในปัจจุบันและอนาคต เช่น ถ้ามีสามี ภรรยา และลูกอีกสองคน ก็เอาแค่ 3 ห้องนอนและอาจจะมีห้องทำงานเล็ก ๆ อีกหนึ่งห้องก็พอแล้ว การมีบ้านที่ใหญ่เกินความจำเป็นนั้น จะทำให้เราต้องลงเงินไปมากในช่วงที่ซื้อและหลังจากนั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลที่จะตามมาตลอดโดยที่เราอาจจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย การมีบ้านใหญ่เกินความจำเป็นยังมักจะทำให้เราต้องจ่ายเงินซื้อของเข้าบ้านมากขึ้นโดยไม่จำเป็นด้วย นี่คือความจริงที่หลายคนอาจจะไม่ได้ตระหนัก แต่ประสบการณ์การมีบ้านเล็กนั้นทำให้ผมพบว่า เราไม่สามารถซื้อเครื่องใช้หรืออุปกรณ์หลาย ๆ อย่างได้ด้วยเหตุผลประการเดียวก็คือ มันไม่มีที่จะวาง ดังนั้น การมีบ้านขนาดพอดีใช้จะทำให้เราประหยัดเงินในระยะยาวอีกมาก
ข้อคิดสุดท้ายสำหรับการซื้อบ้านของผมก็คือ อย่าพยายามสร้าง สาธารณูปโภค เช่น สระว่ายน้ำหรือสวน ขึ้นใช้เองในบ้าน เพราะมันแพงมากและการดูแลรักษาก็ทำได้ยากและต้นทุนสูง ควรเลือกบ้านที่อยู่ใกล้สาธารณูปโภคที่เราต้องการใช้ซึ่งเป็นของรัฐหรือของคนอื่นที่เราสามารถหาซื้อได้เมื่อเราต้องการใช้จริง ด้วยเหตุนี้ บ้านที่อยู่ใกล้สวนสาธารณะที่เราสามารถพักผ่อนออกกำลังกายได้ทุกวันโดยไม่เสียเวลาเดินทางและไม่เสียเงินจึงเป็นบ้านที่มีคุณค่าสูงและเราอาจจะต้องยอมจ่ายแพงขึ้นได้ และนี่ก็เป็นการเลือกบ้านแบบ VI อีกข้อหนึ่ง
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงข้อพิจารณาบางประการที่ VI ที่กำลังคิดที่จะซื้อบ้านจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การซื้อบ้านนั้น เป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งและความสุขในระยะยาว ดังนั้น เราต้องให้เวลาในการเสาะแสวงหาและจะต้องไม่รีบร้อนถ้าเราต้องบ้านที่เป็น วิมาน จริง ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณมากๆนะครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ทำตาม ดร เลย
เกาะแม่อยู่ อิอิ
เกาะแม่อยู่ อิอิ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 1049
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 4
ผมพลาดไปแล้ว ซื้อมา 5 ปี มีแต่เสียเงินตลอด
ค่าสาธาณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันขับไปกลับ
ตอนนี้ เสียกำลังเสียค่า ทำสวนใหม่อีก
ไปอยู่แค่ สัปดาห์ล่ะ 2 วัน จากไปไม่ได้ไปเลย มา 4-5 เดือน
ราคาขายก้อคงไม่มีคนมาซื้อต่อด้วย เห็นในโครงการติดขายกันหลายหลังแล้ว
ยอดเยี่ยมเลย อาจารย์
ค่าสาธาณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันขับไปกลับ
ตอนนี้ เสียกำลังเสียค่า ทำสวนใหม่อีก
ไปอยู่แค่ สัปดาห์ล่ะ 2 วัน จากไปไม่ได้ไปเลย มา 4-5 เดือน
ราคาขายก้อคงไม่มีคนมาซื้อต่อด้วย เห็นในโครงการติดขายกันหลายหลังแล้ว
ยอดเยี่ยมเลย อาจารย์
-
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 7
ผมเห็นต่างนะ ผมว่าบ้านคือที่เราอยู่แล้วควรจะมีความสุขที่สุด มีอากาศดี
ลูกมีที่วิ่งเล่น ผมว่ามันเทียบเป็นเงินไม่ได้ มูลค่าหุ้นก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่ขึ้นลง แต่ชีวิตที่อยู่บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี คือของจริง แต่ก็ไม่ใช่ซื้อจนเกินฐานะตัวเอง
ลูกมีที่วิ่งเล่น ผมว่ามันเทียบเป็นเงินไม่ได้ มูลค่าหุ้นก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่ขึ้นลง แต่ชีวิตที่อยู่บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี คือของจริง แต่ก็ไม่ใช่ซื้อจนเกินฐานะตัวเอง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1339
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 9
ผมเห็นด้วย ผมจะสร้างบ้านให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยตนเองไม่เดือดtt เขียน:ผมเห็นต่างนะ ผมว่าบ้านคือที่เราอยู่แล้วควรจะมีความสุขที่สุด มีอากาศดี
ลูกมีที่วิ่งเล่น ผมว่ามันเทียบเป็นเงินไม่ได้ มูลค่าหุ้นก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่ขึ้นลง แต่ชีวิตที่อยู่บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี คือของจริง แต่ก็ไม่ใช่ซื้อจนเกินฐานะตัวเอง
ร้อน เพราะบ้านเปรียบเสมือนอาณาจักรของเรา เราเป็น King ที่บ้าน
การมีเงินในบัญชีมากๆไม่ใช่ความสุขของผม แต่การได้ใช้เงินเป็นความ
สุขที่แท้จริง ถ้าตราบใดที่รายจ่ายของเรายังน้อยกว่ารายรับ การมีเงินใน
บัญชีมากๆไม่ได้ทำให้เราสบายขึ้น เพียงแต่มีเงินสำรองมากขึ้นทำให้อุ่นใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 1558
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
ก็เห็นด้วยนะ แต่ว่าความพอดีของแต่ละคนแตกต่างกันครับ บางคน 75 ตารางวาบอกพอ บางคนบอก 100 ตารางวา หรือบางคนมีเงินมากจนคุณค่ามันเริ่มน้อย ไม่ใช้ก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม บ้านใหญ่หน่อยแต่ไม่ใหญ่จนเป็นภาระก็ดี ตามความพอใจและความสุขของแต่ละคนครับ แต่อย่าลืมคำนึงถึงความคุ้มค่าด้วยครับtt เขียน:ผมเห็นต่างนะ ผมว่าบ้านคือที่เราอยู่แล้วควรจะมีความสุขที่สุด มีอากาศดี
ลูกมีที่วิ่งเล่น ผมว่ามันเทียบเป็นเงินไม่ได้ มูลค่าหุ้นก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่ขึ้นลง แต่ชีวิตที่อยู่บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี คือของจริง แต่ก็ไม่ใช่ซื้อจนเกินฐานะตัวเอง
- Linzhi
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1522
- ผู้ติดตาม: 1
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 16
อ่านแล้วถูกใจ ก็ขออยู่บ้านพ่อแม่ต่อ
แต่ซื้อคอนโด เก็บไว้บ้าง ให้เช่าไป ไม่รู้คุ้มรึเปล่า หวังว่าจะชนะเงินเฟ้อ
อนาคตผมว่า เมืองมันจะโตแบบกระจุกตัวมาก
ผมไม่ค่อยเชื่อทฤษฎีดาวกระจาย ยิ่งการกระจายตัวรถไฟฟ้า กลางเมืองยิ่งโต
ถึงเอาเงินมาใส่หุ้นผลตอบแทนจะดีกว่า
เห็นด้วยกับพี่ tt ปัญหาคือผมว่ามันไม่เห็นอะไรเลย มีแต่ตัวเลข
เจียดเงินซื้อคอนโดมันยังเห็นอะไร เป็นชิ้นเป็นอัน
เอาไว้ให้ลูก (ในอนาคตอีกไกล) นั่งรถไฟฟ้าไปโรงเรียน :lol: :lol:
แต่ซื้อคอนโด เก็บไว้บ้าง ให้เช่าไป ไม่รู้คุ้มรึเปล่า หวังว่าจะชนะเงินเฟ้อ
อนาคตผมว่า เมืองมันจะโตแบบกระจุกตัวมาก
ผมไม่ค่อยเชื่อทฤษฎีดาวกระจาย ยิ่งการกระจายตัวรถไฟฟ้า กลางเมืองยิ่งโต
ถึงเอาเงินมาใส่หุ้นผลตอบแทนจะดีกว่า
เห็นด้วยกับพี่ tt ปัญหาคือผมว่ามันไม่เห็นอะไรเลย มีแต่ตัวเลข
เจียดเงินซื้อคอนโดมันยังเห็นอะไร เป็นชิ้นเป็นอัน
เอาไว้ให้ลูก (ในอนาคตอีกไกล) นั่งรถไฟฟ้าไปโรงเรียน :lol: :lol:
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- Verified User
- โพสต์: 75
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
^____^
..นั่งคิดอยู่ เมื่อเช้า ว่าอยากจะซื้อบ้านซักหลังที่กรุงเทพ~~ แต่คิดไม่จบ เพราะหาคำตอบบางอย่างไม่ได้..
..มาอ่าน ที่ดร. เขียนไว้ คิดอย่างนึงว่า ดร เป็น value investor จริงๆ สิ่งที่ดร. เขียนไว้ เหมือนเป็นทางลัด เหมือนเป็นคู่มือ เหมือนเป็นคนแก่ (ที่ชอบบอกว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน) ที่เข้าใจอย่างสุดซึ้ง ก็เพราะผ่านเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงและ สิ่งที่เขียน ก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง..
ถ้าใน ฐานะ value investor ที่เริ่มจาก 1 คงจะไม่สามารถทำให้พอร์ต ให้โตได้ ถ้าเรา ไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และ ถ้าเราไม่มีความสามารถในการหาเงินได้ดี และอื่นๆ
แต่ หากวันใด เรามีพอร์ตที่น่าพอใจแล้ว การหาเงินเข้ามาในพอร์ต อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดแล้ว ชีวิตหลังเลิกงาน กลับไปอยู่บ้านที่สบาย อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น ก็เป็นสุดยอดปรารถนา
เรามีชีวิตเพื่อวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่เคยมาถึง ใช้ชิวิตอย่างมีความสุข อยู่อย่างมีคุณค่า อยู่อย่างมีความฝัน และความหวัง
>โชคดีค่ะ<
..นั่งคิดอยู่ เมื่อเช้า ว่าอยากจะซื้อบ้านซักหลังที่กรุงเทพ~~ แต่คิดไม่จบ เพราะหาคำตอบบางอย่างไม่ได้..
..มาอ่าน ที่ดร. เขียนไว้ คิดอย่างนึงว่า ดร เป็น value investor จริงๆ สิ่งที่ดร. เขียนไว้ เหมือนเป็นทางลัด เหมือนเป็นคู่มือ เหมือนเป็นคนแก่ (ที่ชอบบอกว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน) ที่เข้าใจอย่างสุดซึ้ง ก็เพราะผ่านเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงและ สิ่งที่เขียน ก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง..
ถ้าใน ฐานะ value investor ที่เริ่มจาก 1 คงจะไม่สามารถทำให้พอร์ต ให้โตได้ ถ้าเรา ไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และ ถ้าเราไม่มีความสามารถในการหาเงินได้ดี และอื่นๆ
แต่ หากวันใด เรามีพอร์ตที่น่าพอใจแล้ว การหาเงินเข้ามาในพอร์ต อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดแล้ว ชีวิตหลังเลิกงาน กลับไปอยู่บ้านที่สบาย อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น ก็เป็นสุดยอดปรารถนา
เรามีชีวิตเพื่อวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่เคยมาถึง ใช้ชิวิตอย่างมีความสุข อยู่อย่างมีคุณค่า อยู่อย่างมีความฝัน และความหวัง
>โชคดีค่ะ<
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 18
Radio เขียน:
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณมากๆ เลยครับ
- kurapica
- Verified User
- โพสต์: 587
- ผู้ติดตาม: 0
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 21
สมมติว่าเรามีเงินมากพอ จนการสร้างบ้านในอุดมคติไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของเรา สำหรับผมแล้ว ตัวบ้านก็ตามที่ท่าน ดร. บอกเลยครับ กำลังดี แต่บริเวณบ้านต้องใหญ่ๆครับ ตามหลักฮวงจุ้ย เขาบอกว่าบริเวณบ้านควรมากกว่า 50% ของตัวบ้าน ทำเป็นสวนหรืออะไรก็ได้ตามความชอบ แต่เป็นสวนน่าจะดีที่สุด ธรรมชาติช่วยเยี่ยยา ขับกล่อม จิตใจได้ดีมาก อย่างที่ใครหลายๆคนไม่รู้ตัว
ยอดดอยอยู่ไหนจ๊ะ ขึ้นมามากแล้วนะ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
บ้าน VI / ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 23
ว้าวอ่านแล้ว อิน ครับ ช้อบชอบLittle Boy เขียน: เห็นด้วยกับ ดร.เป็นส่วนใหญ่ครับ และผมเองก็ใช้หลักคล้ายๆ ที่ท่านกล่าวในการตัดสินใจเลือกทำเลและสร้างที่อยู่อาศัย แต่ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมเช่น การจัดสวน ผมกลับมองคล้ายความเห็นของพี่ Radio และ พี่ tt ครับ อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่จะเอามาแชร์มาบ้างนะครับ
เดิมตอนที่เช่าทาวเฮาส์อยู่ เสาร์-อาทิตย์ วันหยุด ผมจะเซ็งๆ ถ้าไม่ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ๆ เช่นพัทยา หัวหิน ก็ต้องไปเดินห้างบ้าง กินนู้นนี่ ดูหนัง มีรายจ่ายตลอด กิจกรรมของครอบครัวอยู่ภายนอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ ในบ้านที่ทำได้อย่างมากก็แค่ดูทีวีร่วมกัน
แต่พอผมสร้างบ้านเสร็จเข้าอยู่ (1 ปีแล้วเร็วจัง) โดยผมได้มีการจัดสวนและทำบ่อปลา ปลูกพืชผักผลไม้นิดหน่อย ทุกวันนี้พอเสาร์-อาทิตย์ ก็นั่งชิวๆ ใต้ศาลาริมบ่อปลา ดูเหล่ามัจฉาแหวกว่ายไปมาอย่างครื้นเครง การดูแลก็เสียเวลาล้างบ่อปลาสัก 1 หรือ 2 วันใน 1 เดือน (แล้วแต่ความขยัน) บางสัปดาห์ก็แบ่งเวลาไปตัดหญ้า บางสัปดาห์ก็ตัดแต่งกิ่งไม้ ใช้การบริหารจัดการแบ่งเวลาให้ดีๆ ทำสัปดาห์ละอย่าง อย่างละนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้เหนื่อยมาก แถมรู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมกันในครอบครัว คนนู้นช่วยทำนั้น คนนั้นช่วยทำนี้ เย็นย่ำบางคราก็สั่งหมูกระทะมาปิ้งกินตรงศาลาริมสวน มีความสุขไปอีกแบบ ผลไม้ที่ปลูกไว้ก็เริ่มออกผล มะละกอนี่ กินที่บ้านหว๊านนหวานน.. กล้วยหอมที่ปลูกก็ลูกโตดีจังไล่แจกเพื่อนบ้านกันถ้วนทั่ว เพื่อนบ้านก็แสดงน้ำใจกลับ เอาขนมนมเนย กับข้าว มาให้เป็นไมตรีกลับคืน แม่ผมเองดูแกก็มีความสุขดี เวลาทำกับข้าวอย่างผัดเผ็ดหมูก็ไปเด็ดใบมะกรูดหลังบ้าน ถั่วฝักยาวที่กินไปก็มั่นใจเพราะเราไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง ทุกวันนี้ผมมานึกย้อน 1 ปีที่ผ่านมา อืม..ผมไปห้างน้อยลงจริงๆ แฮะ ท่องเที่ยว ตจว.ที่ต้องสิ้นเปลืองค่าน้ำมัน ที่พัก อยู่บ่อยๆ ก็แทบไม่มีเลย ที่สำคัญความสุขของคนในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น มีกิจกรรมร่วมกันเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นความสุขง่ายๆ ภายใต้รอบรั้วบ้าน มันคงเทียบเป็นจำนวนเงินไม่ได้เลยใช่มั้ยครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"