ยกย่อง "บัฟเฟตต์"ประเมินตลาดการเงินเก่งสุด
บลูมเบิร์ก เทพยากรณ์แห่งโอมาฮา หรือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ยังคงรักษาความโดดเด่นในฐานะที่เป็นผู้คาดการณ์ตลาดได้เก่งที่สุดเอาไว้ได้ นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลกลงความเห็นว่าเขาเป็นผู้ประเมินตลาดการเงินที่ดีที่สุด
เกือบหนึ่งในสี่ของนักลงทุน เทรดเดอร์ และนักวิเคราะห์ที่เป็นสมาชิกของบลูมเบิร์ก ที่ได้สำรวจมาบอกว่า บัฟเฟตต์เป็นผู้ประเมินตลาดการเงินที่ดีที่สุด รองลงมาได้แก่ บิลล์ กรอสส์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนร่วมของบริษัทแปซิฟิก อินเวสเมนต์ แมเนจเมนต์ (PIMCO) โดยได้ 16%
จอร์จ โซรอส มาเป็นที่สาม ได้ 10% ตามมาด้วย นูรีล รูบินี ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ที่เคยทำนายเมื่อปี 2549ว่าจะเกิดวิกฤติการเงิน และ มาร์ค เฟเบอร์ผู้ตีพิมพ์รายงาน ที่ชื่อว่า The Gloom, Boom & Doom Report.
ผลการสำรวจยังชี้ว่า น้อยว่าหนึ่งในสิบยกยอ เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ แม้ว่าเขาจะได้คะแนนสูงสำหรับผลงานในฐานะที่เป็นประธานธนาคารกลาง และมีเพียง3% เท่านั้นที่เลือก อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ
เฟรดเดอริก บาค หุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายการลงทุนรายได้คงที่ของบริษัทฟอลคอน มันนี่ แมเนจเมนต์ กล่าวว่า คนอื่นๆที่อยู่ในรายชื่อมีคุณความดีของตนเอง แต่คิดว่า ความต่อเนื่องอย่างเหนียวแน่นเป็นประเด็นสำคัญที่จัดอันดับให้บัฟเฟตต์
ความเชื่อมั่นที่มีต่อประธานาธิบดี บารัค โอบามา และทีมเศรษฐกิจของเขาก็ลดลงอย่างรุนแรงในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัว 500 พุ่งขึ้นประมาณ7% และโอบามาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
นักลงทุนทั่วโลก57% ชอบโอบามาในการสำรวจครั้งนี้ ลดลงจาก 73% ในการสำรวจเดือนกรกฎาคม และในบรรดานักลงทุนสหรัฐ สองในสามไม่ชื่นชอบโอบามา
ทิมโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และ ลอเรนซ์ ซัมเมอร์ ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก็ได้คะแนนติดลบจากนักลงทุนในสหรัฐ
การสำรวจนักลงทุนและนักวิเคราะห์ ใน 6 ทวีป ของบลูมเบิร์ก ทำขึ้นเมื่อวันที่ 23-27 ตุลาคม โดยได้สุ่มสำรวจสมาชิกบลูเบิร์ก 1,52 คน โดยผลการสำรวจมีความผิดพลาดบวกหรือลบ 2.6%
บัฟเฟต์ยังคงได้รับคะแนนสูงสุดแม้ว่าได้ลงทุนผิดพลาดไปเมื่อเร็วๆนี้ อาทิเช่นการลงทุนในบริษัทโคโนโคฟิลิปส์ บริษัทน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับสามของสหรัฐ ซึ่งบัฟเฟตต์บอกว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ นอกจากนี้เขายังได้ซื้อหุ้นธนาคารไอริชสองแห่ง และหลังจากนั้นไม่นานมูลค่าลดลงมากเมื่อเกิดวิกฤติการเงิน
บริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ของเขามีมูลค่าตามบัญชีลดลง 9.6% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งที่สองเท่านั้นที่มูลค่าตามบัญชีลดลงนับแต่บัฟเฟตต์เข้าไปเทกโอเวอร์ในปี 2508 และราคาหุ้นของเบิร์กเชียร์แย่กว่าดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในช่วงปีการเงินที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน
อย่างไรก็ดี บัฟเฟตต์สามารถนำความตื่นตระหนกทางการเงินมาเป็นข้อได้เปรียบในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว โดยเข้าไปซื้อบริษัทที่มีชื่อเสียงในราคาที่ต่ำมาก เพิ่มสินเชื่อ 8,000 ล้านดอลลาร์ให้กับโกลด์แมน แซคส์ และเจเนอรัล อิเล็กทริคโดยมีผลตอบแทน 10% หลังจากที่การล้มละลายของเลห์แมนบราเธอร์ทำให้ตลาดสินเชื่อชงักงัน
ในบรรดานักลงทุนสหรัฐ กรอสส์ ได้รับคะแนนสูงเท่ากับบัฟเฟตต์ บริษัทPIMCOของกรอสส์ เป็นหน่วยหนึ่งของ อัลลิแอนซ์ เอสอี บริษัทประกันภัยในมิวนิค และเป็นผู้บริหารกองทุนพันธบัตรใหญ่สุดในโลกโดยมีสินทรัพย์ 840,000 ล้านดอลลาร์ นักลงทุนพูดถึงกรอสส์ว่า เขาได้ทำการวิเคราะห์เทคนิคในเชิงปฏิบัติที่ให้คุณค่าไม่ว่าในช่วงใด
วันที่ 30 ต.ค. 2552 แสดงข่าวมาแล้ว 19ช.ม. 41นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/gen ... ?cid=33020